ร่วมหล่อพระเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒ ม. ๙ องค์เนื้อสัมฤทธิ์ งานทอดกฐิน ๑๗ พย ๒๕๕๕

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย warachai_s, 14 พฤศจิกายน 2012.

  1. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    [​IMG]

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศล
    หล่อพระเกศเพลิงพระหน้าตัก ๔ ศอก เนื้อทองสัมฤทธิ์
    ในวันเสาร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ (วันทอดกฐิน) ณ สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ จ.กาญจนบุรี​


    พระเกศเพลิงจะมีเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่เราเห็นเป็นพระเกศเพลิงพระนี้จริงๆแล้ว พระองค์ท่านไม่ได้มีเกศแหลมแบบที่เราเห็น แต่เกิดขึ้นจากการทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป เป็นเพลิงที่เผากิเลส เป็นสมุจเฉทปหาน เป็นเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาอยู่เหนือพระเศียร แสดงให้เห็นว่า ขึ้นชื่อว่า อวิชชา ภพ ชาติ นี้ไม่มีแก่ท่านอีกต่อไป อย่างเช่นที่พระพุทธองค์ทรงได้เคยตรัสอุทานว่า

    "เราแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนคือ ตัณหา
    เมื่อไม่พบก็ต้องท่องเที่ยวไปตลอดชาติสงสารเป็นอันมาก การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป
    นี่แน่ะนายช่างผู้ปลูกเรือน! เราพบเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป
    ซี่โครงทุกซี่ของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนคือ อวิชชา เราก็รื้อเสียแล้ว
    จิตเราถึง วิสังขาร ปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว"

    ในภายหลังเมื่อเกิดการสร้างพระพุทธรูปขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงนิยมทำพระเกศเพลิงประดิษฐานอยู่ที่เหนือเศียรด้วย

    ด้วยอานิสงค์ของผู้หล่อพระเกศเพลิงนี้ จึงหมายถึง อริยะมรรค และ อริยะผล เป็นเพลิงเผากิเลส เป็นสมุเฉทปหาน เป็นผู้ที่ปรารถนาจะสิ้นชาติขาดเชื้อ ไม่ปราถนาในภพชาติอีกต่อไป ได้เข้าถึงเอกันตบรมสุข สุขหนึ่งเดียวคือ พระนิพพาน และหนึ่งในพระเกศเพลิงที่จะหล่อนี้จะได้นำไปประดิษฐานที่ยอดพระเศียรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ปิดทอง ประดับเพรช ที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นองค์แรกด้วยแล้ว อานิสงค์ย่อมไม่ธรรมดา ผู้ใดปราถนาจะสิ้นภพจบชาติ ย่อมเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบัน



    ฉะนั้นกระผมจึงใคร่ขอเชิญชวนท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
    ร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระเกศเพลิง เนื้อทองสัมฤทธิ์
    ขนาดสำหรับพระหน้าตัก ๔ ศอก จำนวน ๙ องค์

    พระเกศเพลิงเจ้าภาพองค์ละ ๕,๐๐๐ บาท


    หรือตามกำลังศรัทธา


    เลี้ยงภัตตาหารเพลพระภิกษุสามเณรจำนวน ๑๐๘ รูป

    ปล่อยปลาจำนวนครึ่งตัน และโคกระบือ
    พร้อมทั้งรวมพิธีสะเดาะห์เคราะต่อชะตา

    สามารถร่วมทำบุญโอนปัจจัยมาได้ที่
    บัญชี ออมทรัพย์เลขที่ 221-2-98790-8
    ชื่อบัญชี พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต (เพื่อวิหารทาน สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ)
    ธ.กสิกรไทย สาขากาญจนบุรี


    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
    คุณวรชัย 081-190-1125, คุณวา 081-550-8655



    กระผมขออนุโมทนาในทุกบุญกุศลของท่านเจ้าภาพทุกๆท่านด้วยครับ....ขออนุโมทนา
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้ากฐินสามัคคีปี ๒๕๕๕
    เพื่อขยายเขตวัดธรณีสงฆ์และวิหารทานและพิธีหล่อพระเกศเพลิง ๙ องค์
    ณ สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ (วัดป่าเขาดิน)
    หมู่ ๖ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัด กาญจนบุรี


    เนื่องด้วยสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติได้ริเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๕๓ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นที่พึ่งของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายโดยมี พระครูวินัยธยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต พร้อมด้วยเหล่าคณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้ร่วมกันสร้างพุทธสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาตลอดระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมามีการสร้างพระอุโบสถ อาคารและเสนาสนะต่างๆ หลายอย่างจนถึงปัจจุบันนี้ก็ดำเนินการสร้างอยู่

    ทั้งนี้ทางสำนักสงฆ์ฯ ยังขาดจตุปัจจัยอีกเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้มีความพร้อมสำหรับรองรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในอนาคต

    ด้วยอานิสงส์แห่งกฐินทานเป็นกาละทาน(หนึ่งปีมีครั้งเดียว) พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี) ได้กล่าวถึงอานิสงส์แห่งกฐินทานไว้ว่า "ผู้ใดก็ตามที่ได้เป็นเจ้าภาพหรือเจ้าภาพร่วมฯ ทอดผ้ากฐินถึง ๓ วัด หรือ ๓ ครั้ง ขึ้นไป จะทำให้ในปีต่อไปความคล่องตัวในการเงินการงานและชีวิตครอบครัวก็จะบังเกิดขึ้นโดยมิรู้ขาดและความขัดข้องในด้านการเงินของบุคคลนั้นก็จะไม่มี"

    ดังนั้นทางสำนักสงฆ์ฯจึงใคร่ขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าพระกฐินสามัคคีเพื่อร่วมกันซื้อที่ดินถวายไว้เป็นธรณีสงฆ์และสร้างเสนาสนะต่างๆ เพื่อสร้างสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติแห่งนี้ให้เป็นวัดไว้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้ดำรงสืบต่อไป

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพจงปกปักษ์รักษาอภิบาลท่านและครอบครัวหากมุ่งมั่นปรารถนาสิ่งใดขอให้สมดังความปรารถนาทุกประการและขอคำว่าไม่มีจงอย่าได้ปรากฏแก่ท่านทุกคนเทอญ


    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ (ขึ้น ๔ ค่ำ)
    เวลา ๗.๔๘ น. เริ่มพิธีบวงสรวง
    เวลา๙.๐๙ น. เททองหล่อพระฯ
    เวลา ๑๐.๐๘ น. พิธีทอดผ้าพระกฐิน
    เวลา๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุ,สามเณร ๑๐๘ รูป​


    ประธานฝ่ายสงฆ์
    พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต (เจ้าอาวา สสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ)
    โทรศัพท์ 081-190-1125

    พระครูสังฆรักษ์สมบัติ เมธิโก 087-084-1115

    คุณวรชัย 081-190-1125

    ร่วมทำบุญได้ที่สำนักสงฆ์ฯ โดยตรง หรือ

    ธนาคารกสิกรไทยออมทรัพย์ สาขากาญจนบุรี
    ชื่อบัญชี พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต (เพื่อวิหารทาน สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ)
    เลขที่ 221-2-98790-8
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • top[1].jpg
      top[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.3 KB
      เปิดดู:
      624
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2012
  2. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    อานิสงส์กฐินทาน
    คัดลอกจากหนังสือ สนทนาธรรม เล่ม ๑ ของพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี

    โดย JetoViMut Team

    ต่อไปนี้ จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อๆนะ อานิสงส์ในการถวายกฐิน หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

    ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

    ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น "มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป 92 กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ"

    วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี(แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

    "โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า 500 ชาติ"

    นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที 500 ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 500 ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ 500 ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติ

    คำว่า "มหาเศรษฐี" นี่ มีเงินตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า 80 โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ 40 โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"

    เมื่อเป็นมหาเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี 500 ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี 500 ชาติ !!!

    ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!.....นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้

    ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ

    สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี 3 อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น 3 อย่าง คือ

    (1) จุลกฐิน
    (2) ปกติกฐิน
    (3) มหากฐิน


    กฐิน 3 อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

    คำว่า "จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า "จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ทีนี้ถ้า "ปกติกฐิน" ก็มีผ้าไตรครบไตร ถวายผ้าไตรเดียวหรืออย่างน้อยก็มีผ้าไตร ๓ ไตร คือองค์ครองหนึ่งไตรคู่สวด ๒ ไตร ทีนี้ถ้ามีผ้าไตรครบทุกองค์ อย่างที่วัดทำเป็น "มหากฐิน" อย่างนี้ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากที่สุดเป็นพิเศษ อย่างตระกูล นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีทรัพย์มากเป็นพิเศษ อย่างมหาเศรษฐี เขาบอกว่าต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือว่า ๑๖๐ โกฏิ แต่ว่าตระกูลของนางวิสาขาจะนับเป็นโกฏิไม่ได้ ต้องนับเป็นโกฏิของเล่มเกวียน ไม่ใช่นับเป็นโกฏิของเหรียญ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมาก

    ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐี เป็นปู่ของนางวิสาขา ใสชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำหรือว่าหาค่ำกินเช้า ไม่ได้เกิดพร้อมท่านไม่รู้ใช่ไหม เป็นอันว่าหากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้แต่วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธานะมีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มี

    มาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จแล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่า ชาติทั้งชาติ เรามันจนแสนจะจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชนหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ ทองคำเปลว เอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายจึงย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำให้ดีนะ ! นีสำคัญมาก

    หลังจากนั้นสองคนตายาย ก็นั่งคิดนอนคิดถึงบุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวันจนกว่าจะถึงวันตาย เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ถวายทองคำเท่าปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัย ไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองคนก็ไปเกิดเป็นเทวดากับนางฟ้า อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เมื่อลงมาจากความเป็นเทวดาและนางฟ้า ด้วยบุญอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี จากคนแสนจนนะ มาเป็นลูกมหาเศรษฐี

    ทีนี้ชาติเดิมท่านเป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ แต่ไม่มีทรัพย์ เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า ก็มีศรัทธาเป็นปกติ มาเกิดเป็นลูกมหาเศรษฐี ก็เป็นคนมีศรัทธาเป็นปกติ มีความเมตตาปรานีในบุคคลทั้งหลาย ฉะนั้นทานมหาเศรษฐีคนนี้จึงมีสภาพไม่เหมือนเศรษฐีคนอื่น เมื่อเป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่หวังผลกำไรในดอกเบี้ย ปีหนึ่งได้ข้าวเท่าไร เศรษฐีมีนาเป็นแสนไร่ได้ข้าวมาก ก็กันไว้ส่วนหนึ่ง แกล้งขายเอาเงินเข้าในกองทรัพย์สินของตอนเอง อีกส่วนหนึ่งเอาไว้แจกกับคนจน แต่ว่าต่อมาท่านจะเก็บข้าวเอาไว้จริงๆ ข้าวที่เก็บไว้กินเอง เก็บไว้ประมาณเผื่อคนจนด้วย เผื่อท่านด้วย ที่เก็บไว้นะ ๓ ปี ปีหนึ่งได้ข้าวมาแล้ว เก็บไว้เพื่อกินเองบ้าง เพื่อคนจนบ้าง นี่ ๓ ปี เหลือจากนั้นก็ขาย เหลือจากนั้นก็แจก

    และมาในตอนหนึ่งปรากฏว่า ในประเทศนั้นเกิดข้าวยากหมากแพง ฝนแล้วไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฝนมันแล้งชาวบ้านทำนาไม่ได้ ท่านมหาเศรษฐีก็แจกข้าวกับบรรดาประชาขนที่มาขอ ไม่มีคำว่าขาย แจกมาแจกไป แจกไปแจกมา ในปีแรกข้าวก็ยังเหลือ ปีทีสองข้าวก็ยังเหลือ มันแล้งตั้ง ๓ ปี พอถึงปีที่ ๓ ข้าวหมด ข้าวที่แจกเขาก็หมด มีไว้เพื่อแจกข้าวที่มีไว้เพื่อกินก็หมด
     
  4. น้องดรีม

    น้องดรีม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2012
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,426
    ขออนุโมทนาสาธุกับมหาบุญที่ยิ่งใหญ่นี้ด้วยค่ะ...:cool:
    ...อนุโมทนาสาธุ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tave[1].jpg
      tave[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 KB
      เปิดดู:
      167
  5. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ทีนี้มันมีข้าวเหลือทะนานเดียว เวลานั้นปรากฏว่าข้าทาสหญิงชายมีมาก ปล่อยหมด ไปตามเวรตามกรรม ไปหากินเอง ที่บ้านนี้ไม่มีกินแล้ว ถ้าขืนอยู่ก็อดตาย ก็มีทาสคนหนึ่ง ชื่อว่า "นายบุญ" ไม่ยอมไปจากนาย บอกถ้านายอดขออดด้วย ถ้านายตายขอตายด้วย ก็เป็นอันว่าตามธรรมดามหาเศรษฐีต้องไปเฝ้าพระราชาเช่นเดียวกับอำมาตย์ทั้งหลาย เวลาประชุมขุนนาง มีวันหนึ่งข้าวเหลือทะนานเดียว ท่านมหาเศรษฐีกลับมาจากเฝ้าพระราชา ก็ถามแม่บ้านว่า ข้าวของเรามีเท่าไร แม่บ้านก็บอกว่า ข้าวของเรามีหนึ่งทะนาน ที่บ้านเรามี ๕ คน ฉันหนึ่งคน ลูกชายหนึ่งคน ลูกสะใภ้หนึ่งคน และทาสคือนายบุญอีกหนึ่งคน ท่านมหาเศรษฐีก็ถามว่า เราจะกินได้กี่วัน

    ภรรยาก็บอกว่า ถ้าต้มกินเราจะกินได้สองวัน วันนี้กับวันพรุ่งนี้ ถ้าหุงกินเราจะกินได้วันเดียว หลังจากนั้นคำว่า กินข้าวจะไม่มีสำหรับเราอีก ท่านมหาเศรษฐีก็ตัดสินใจว่า เราจะอดตาย อดวันนี้เราก็ตาย อดวันพรุ่งนี้เราก็ตาย ถ้าอย่างนั้นอดวันนี้ตายวันนี้ดีกว่า หลังจากนี้ไปไม่ต้องกินข้าว จะตายเมื่อไรก็ช่างมัน

    ก็เป็นอันว่าสั่งให้ภรรยาหุงข้าว ภรรยาก็หุง เมื่อหุงข้าวเสร็จ ทุกคนก็ตั้งใจคิดว่าเราจะกินเวลานี้เป็นเวลาสุดท้าย
    หลังจากนี้เราจะตาย จะตายก็ช่างมัน ทำทานมหาศาลตาย แล้วอย่างน้อยที่สุด พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าอย่างน้อยเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เมื่อเป็นคนลำบากแบบนี้ เป็นเทวดาเป็นนางฟ้าดีกว่า

    แต่ก็เป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง วันนั้นมี พระปัจเจกพุทธเจ้า องค์หนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ


    คำว่า "นิโรธสมาบัติ" นี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นสมาบัติพิเศษ ถ้าเราเข้าฌานตามปกติ เรียกว่า "ปกติสมาบัติ" คำว่า ?ปกติสมาบัติ? ก็มีอานิสงส์ การถวายทานแก่คนหรือกับพระที่ไม่ได้เข้าสมาบัติ พระถึงแม้จะมีศีลบริสุทธิ์ ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์ก็ตาม ก็มีอานิสงส์มาก แต่ว่าถ้าพระองค์นั้นเข้าสมาบัติปกติ แล้วออกจากสมาบัติ ถ้าถวายทานแก่ท่าน เวลานั้นจะมีอานิสงส์เพิ่มเป็นแสนเท่า อานิสงส์ไม่เท่ากัน

    ถ้าหากว่าท่านผู้นั้นออกจาก "นิโรธสมาบัติ" คือสมาบัติพิเศษ ถ้าทำบุญคนเดียวคนจนจะเป็นมหาเศรษฐีในวันนั้น ถ้าคนรวยอยู่แล้วจะรวยใหญ่ และวันนั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ การที่เข้านิโรธสมาบัติ

    "นิโรธ" แปลว่า ดับ
    "สมาบัติ" แปลว่า การเข้าถึง เข้าถึงความดับ คือดับทุกขเวทนาของร่างกาย เพราะร่างกายมันเหนื่อย

    เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้วก็ใช้ ทิพจักขุญาณ ว่า วันนี้เราจะบิณฑบาตที่ไหนจึงจะมีคนสงเคราะห์ ก็ทราบว่ามหาเศรษฐีวันนี้มีข้าวอยู่ทะนานเดียว และก็เวลานี้ภรรยาหุงข้าวเสร็จ แต่ถ้าบังเอิญเราไปบิณฑบาตที่นั่น คนตระกูลนี้ทั้งหมดทั้ง ๕ คน จะมีศรัทธาใส่บาตรให้ ท่านก็นุ่งสบงทรงจีวร ความจริงท่านนุ่งอยู่แล้วไม่ได้แก้ผ้านะ และก็ประคองบาตรเหาะมาจากเขา คันธมาทน์ พอถึงใกล้บ้านก็ลงเดิน

    เมื่อลงเดินท่านมหาเศรษฐีเห็นเข้าก็คิดในใจว่า ข้าวถ้าเรากินเวลานี้ วันนี้เราก็ตาย วันนี้ถ้าเราใส่บาตร เราก็ต้องตาย เราไม่ใส่บาตรเราก็ต้องตาย นี่การตายด้วยการใส่บาตรมันมีอานิสงส์มาก อย่างน้อยที่สุดเราเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าเป็นพรหม ทุกคนจึงตัดสินใจว่า ข้าวทะนานเดียวที่หุงหนึ่งหม้อใส่บาตรดีกว่า ก็ไม่มีแต่ข้าว แกงก็มีด้วย ไอ้แกงก็พอหาได้ จึงไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าให้หยุดยืนอยู่ บอกขอนิมนต์ก่อนขอรับ พระปัจเจกพุทธเจ้าก็หยุด ออกไปทั้ง ๕ คนก็ไปใส่บาตร เมื่อใส่บาตรพร้อมกันเสร็จ ต่างคนต่างกล่าววาจาว่า

    "ธรรมใดที่พระคุณเจ้าบรรลุแล้ว ขอข้าพเจ้าทั้งหมดบรรลุธรรมนั้นด้วยเถิดเจ้าข้า"

    พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้พรว่า "เอวัง โหตุ" ซึ่งแปลว่า "เจ้าปรารถนาสิ่งใด ขอสิ่งนั้นสมความปรารถนา"
     
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอร่วมบุญกฐินหล่อพระเกศเพลิง พระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก จำนวน ๙ องค์
    ๑๐๐ บาท ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan.jpg
      scan.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.8 KB
      เปิดดู:
      91
  7. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  8. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    และหลังจากนั้นคนทั้ง ๕ คนก็อธิษฐานต่อไปว่า
    "ข้าพเจ้าไปเกิดชาติใดขอให้เป็นมหาเศรษฐีทุกชาติ"
    ภรรยาอธิษฐานว่า "ถ้าไปเกิดชาติใดขอเป็นภรรยามหาเศรษฐีทุกชาติ"
    ลูกชายก็อธิษฐานว่า "ข้าพเจ้าไปเกิดชาติใดขอเป็นลูกของพ่อทุกชาติ"
    ลูกสะใภ้ก็อธิฐานว่า "ขอข้าพเจ้าเป็นลูกสะใภ้ทุกชาติ"
    นายบุญผู้เป็นทาสก็อธิษฐานว่า "ขอเป็นทาสทุกชาติเหมือนกัน ไม่เป็นมหาเศรษฐี"

    ก็เป็นอันว่า หลังจากนั้นคนทั้ง ๕ คนใส่บาตรเสร็จพระปัจเจกพุทธเจ้าให้พรแล้วก็กลับ พอท่านกลับออกไปแล้วท่านมหาเศรษฐีเข้ามาในบ้านก็หมดแรงนอน ความจริงตั้งใจพร้อมยอมตาย แต่ความหิวมันปรากฏ ก็คิดในใจว่า ไอ้ข้าวในหม้อมันคงจะไม่มี ไม่มีมากแต่บางเม็ดมันคงจะมีบ้าง บอกแม่บ้านบอก "แม่คุณเอ๋ย" เข้าไปในครัวทีนะ เอาน้ำไปใส่ในหม้อข้าวคนๆ เข้าให้กลิ่นข้าวมันติดน้ำ ขอดื่มสักหน่อยเหอะ นี่ไอ้คนคิดอยากจะตายมันไม่แน่ แม่บ้านเข้าไปในบ้านก็ตกใจ เปิดหม้อข้าว ตกใจตอนไหนญาติโยม ตกใจว่าข้าวที่ไม่มี มันกลับเต็มหม้อตามเดิม ร้อนเหมือนกับสุกใหม่ๆ ไปเปิดหม้อแกงเข้า ไอ้หม้อแกงก็ร้อนตามเดิม เต็มหม้อ เหมือนกับสุกใหม่ๆ

    ทีนี้ภรรยาก็วิ่งมาบอกท่านมหาเศรษฐี บอก "ท่านเศรษฐีเข้าไปในครัวซิ" ทั้งหมดเข้าไปในครัวมาดูของแปลก ก็ไปเจอะข้าวแกงเต็มหม้อ ก็ดีใจ ตักข้าวออกแล้วปรากฏว่าข้าวสุกก็มีเต็มหม้อตามเดิม แกงก็เหมือนกันตักแล้วก็เต็มหม้อตามเดิม ในเมื่อท่านเห็นว่าข้าวไม่ยอมยุบก็ประกาศแก่คนในหมู่บ้าน ว่าคนในหมู่บ้านนี้ทั้งหมด ใครต้องการกินข้าวกินแกงฉันมี แกงอย่างเดียว มาที่บ้านเอาชามมา ทุกคนกินให้อิ่ม ก็ตักแจก ตักแจกเท่าไรมันก็ไม่ยอมยุบ เลยประกาศให้ชาวบ้านอื่นนอกจากนั้นเข้ามาอีก

    ก็เป็นอันว่า คนที่ต้องอดทั้งหมด ที่ไม่มีข้าวกินทั้งหมดมารวมกันกินที่บ้านมหาเศรษฐี กินอย่างนี้ทุกวัน ข้าวหม้อนั้นก็ไม่หมด แกงหม้อนั้นก็ไม่ยอมยุบ ไม่หมดและก็ไม่ยุบด้วย เมื่อให้ทานขนาดนี้แล้ว ต่อมาก็ตาย ตายเหมือนกัน ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    ทีนี้กลับลงมาเกิดใหม่ ระหว่างนี้สามีภรรยาก็ต้องแยกตระกูลกัน ถ้าไม่แยกตระกูลก็แต่งงานกันไม่ได้ กลับลงมาเกิดใหม่ มาเกิดเข้าท้องคนจนในป่า คือสองคนตายายในป่าคนหนุ่มสาวเขาเรียกว่าตายาย สองผัวเมียในป่าเป็นคนจนมาก แต่คืนนั้นเมื่อ เมณฑกเศรษฐี ปฏิสนธิเข้าในครรภ์ของมารดาพอตื่นเช้าขึ้นมา พ่อบ้านล้างหน้าที่นอกชาน เห็นว่าไอ้กอไผ่นับร้อยนับพันต้นที่ล้อมบ้านที่เขาอยู่กลางป่า เป็นป่าไผ่ หน่อไม้ทั้งหมดเป็นทองคำทั้งหมด จึงเรียกภรรยามาดู ก็ถามว่า "ตาฉันฝาดไปเสียแล้วหรือยังไง ว่าไอ้หน่อไม้นั้นเป็นทองคำ"

    ภรรยาบอก "ตาท่านไม่ฝาด หน่อไม้เป็นทองคำหมด" ทั้งสองคนไปดูใกล้ๆ ก็เป็นทองคำจริงๆ เมื่อไปจับเข้าต้องการหน่อนี้หน่อนั้นก็หลุด จับหน่อไหน หน่อนั้นก็หลุดถ้าต้องการ แต่ว่าคนอื่นไม่สามารถจะดึงเอาหน่อไม้ทองคำไปได้ จะดึงก็ไม่ได้ จะขุดก็ไม่ได้ จะฟันก็ไม่ขาด ทำยงไงก็ไม่ได้ทั้งหมด จะได้เฉพาะสองตายาย

    ในเมื่อหน่อไม้เป็นพันหน่อเป็นหมื่นหน่อ ถึงออกมาแล้วก็เกิดหน่อใหม่ อย่างนี้ก็เป็นมหาเศรษฐีกันแน่นะ พอถึงวันคลอด ท่านเมณฑกเศรษฐี คลอดออกจากครรภ์มารดา พอวันคลอดวันนั้นปรากฏว่า มีแพะตัวเท่าช้างสาร คำว่าช้างสารก็ดูช้างสีดอก็แล้วกันนะ ช้างใหญ่มีจำนวนนับนับร้อยตัวยืนล้อมบ้านอยู่ แพะทั้งหมดยืนอ้าปากมีสายไหมอยู่ในปาก ถ้าต้องการเงินไปดึงเงินจะไหล ถ้าต้องการทอง ทองจะไหล ต้องการผ้า ผ้าจะไหล ต้องการอะไร มันจะไหลตามออกมา

    ก็เป็นอันว่า เมฑกเศรษฐี นี่เป็นปู่ของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ตระกูลนี้เป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ในโลก จะเปรียบเทียบก็ได้กับบรรดาท่านทั้งหลายมาทอดกฐินวันนี้ คือ ว่ากฐินมี ๓ อย่าง คือ

    (๑) จุลกฐิน จุลกฐินไม่ใช่มานั่งทอผ้ากันนะ มันมีผ้าชิ้นเดียว
    (๒) ปกติกฐาน มีไตรครบถ้วน
    (๓) มหากฐิน

    กฐินทั้ง ๓ อย่างจะเป็นมหาเศรษฐีเหมือนกัน แต่เป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์แตกต่างกัน อย่าง จุลกฐิน จะเป็นมหาเศรษฐีแค่ทรัพย์ ๘๐ โกฏิ ปกติกฐิน จะมีอานิสงส์เป็นมหาเศรษฐีนับได้แต่ ๑๖๐ โกฏิขึ้นไป

    สำหรับ มหากฐิน ก็เช่นเดียวกับนางวิสาขา จะมีทรัพย์มากที่สุด ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกคน โปรดทราบถึงอานิสงส์ อาตมาก็ไม่สบายนะ ที่มานี่เมื่อคืนก็ท้องถ่ายอย่างหนัก ลงมาไม่ได้ วันนี้บังเอิญมีแรงพูด จึงพูดให้ทราบ ก็จำไว้ว่า การทอดกฐินแต่ละครั้งเป็นมหากุศล และเป็นมหาสังฆทาน เฉพาะกาลเวลาคือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒

    ฉะนั้น การทอดกฐิน ขอบรรดาพุทธบริษัททุกคน ให้ตั้งจิตอธิษฐาน ท่านต้องการอะไรตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ถ้าต้องการปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็เป็นได้ ต้องการเป็นอัครสาวกก็เป็นได้ ต้องการเป็นมหาสาวกก็เป็นได้ ต้องการเป็นปกติสาวก คือเข้านิพพานก็เป็นได้ แต่เรื่องการเป็นเศษฐี มหาเศรษฐี ไม่ต้องอธิษฐาน อานิสงส์กฐินธรรมดาก็เป็นมหาเศรษฐีแน่นอน
     
  9. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    หลวงพ่อพระราชพรหมยานอธิบายเรื่องอานิสงส์ของกฐิน

    ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐินอย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากันคะ..?"
    หลวงพ่อ : "ความจริง ผ้าป่า กับ กฐินเป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ถ้าว่าอานิสงส์โดยเฉพาะกฐินได้มากกว่า เพราะว่ากฐินมีเวลาจำกัด จะทอดตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ทอดก็ได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัยได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

    ต้นเหตุแห่งการทอดกฐินนี้ ก็มี นางวิสาขา เป็นคนแรก ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าท่าทรงบัญญัติการจำพรรษา เพื่อป้องกันพระไปเดินเหยียบต้นพืชต้นข้าวที่ชาวบ้านเขาปลูกไว้ใน ฤดูฝนไม่ให้เสียหาย

    ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้ว ภิกษุชาวปาฐา 30 รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมีผ้าจำกัดเพียง 3 ผืนเท่านั้น เมื่อมาถึงในขณะที่นางวิสาขา เฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่พอดี เห็นพระมีผ้าสบงจีวรเปียกโชกด้วยน้ำฝนและน้ำค้าง จึงได้กราบทูลขอพรแด่พระพุทธเจ้าว่า " หลังจากออกพรรษาแล้ว ขอบรรดาประชาชนทั้งหลายมีโอกาสถวายผ้าไตรจีวร แก่คณะสงฆ์ด้วยเถิด" พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุมัติ ส่วนผ้าป่าก็เป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่าผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผุ้รับก็มีอานิสง์แต่เพียงแค่ใช้ เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า แต่ว่าการทอดกฐินปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ"

    ผู้ถาม : "แล้วองค์กฐินที่แท้จริงเป็นอย่างไรคะ..?"
    หลวงพ่อ : "องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า การถวายก็ไม่ยาก เรามีผ้าจีวรผืนหนึ่งหรือว่าสบงผืนหนึ่ง หรือว่าสังฆาฏิผืนหนึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เขาเรียกว่า จุลกฐิน หรือจะถวายไตรจีวรครบทั้งวัด เขาเรียกว่า มหากฐิน

    ฉะนั้น จะถวายมากก็ได้ ถวายน้อยก็ได้ อานิสงส์เหมือนกัน โดยเฉพาะที่วัดท่าซุง จัดเป็นกฐินสามัคคี เป็นเจ้าภาพร่วมกันทุกคน ได้อานิสงส์เท่ากันหมด

    สำหรับการทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์คือพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตระท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็น มหาทุคคตะ

    คำว่ามหาทุคคตะนี้จนมาก เป็นทาสของท่านคหบดี ได้ไปฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าว่า อานิสงส์กฐินนี้มีมาก ท่านจึงกลับไปชวนนาย แต่นายก็มอบหมายทรัพย์สมบัติให้ท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ท่านมหาทุคคตะอยากมีส่วนร่วมในทานนี้ด้วย แต่ไม่มีอะไรมีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขอตนที่มีติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว จึงนำไปแลกที่ร้านในตลาด มีด้าย 1 กลุ่ม เข็ม 1 เล่ม เอามาร่วมในการทอดกฐินกับเจ้านาย เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ทรงตรัสว่า คนถวายผ้ากฐิน หรือ ร่วมในการถวายกฐินทานครั้งหนึ่ง
    จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน เพียงใดอานิสงส์จะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น เมื่อตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองโลก 500 ชาติ เมื่อบุญน้อยลงมาจะเป็น พระมหากษัตริย์ 500 ชาติ เป็น มหาเศรษฐี 500 ชาติ เป็น อนุเศรษฐี 500 ชาติ เป็น คหบดี 500 ชาติ แต่คนที่ทอดผ้ากฐิน หรือว่าร่วม ในการทอดผ้ากฐินครั้งหนึ่งก็ดี บุญบารมีส่วนนี้ยังไม่ทันหมดก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของทานไปนิพพานก่อน"
     
  10. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    การอุปโลกน์กฐิน

    อุปโลกน์เป็นยังงี้นะญาติโยมนะ ถ้ามีผ้าไตรเดียวจะต้องอุปโลกน์ ถ้าพระสงฆ์มีผ้าไตรครบทุกองค์ไม่ต้องอุปโลกน์ วิธีอุปโลกน์ก็มีอยู่ว่า ตามพระวินัยพระสงฆ์ที่จะได้รับผ้าไตรกฐิน ต้องเป็นพระสงฆ์ที่มีจีวรเก่าที่สุด ไม่ใช่เจ้าอาวาส องค์ไหนมีจีวรเก่าที่สุดองค์นั้นมีโอกาสได้รับผ้าพระกฐิน ถ้าหากว่าองค์ไหนมีจีวรใหม่องค์อื่นมีจีวรเก่ากว่าไปรับผ้าพระกฐิน ทรงปรับเป็นโทษ

    ที่นี้ถ้าบังเอิญมีผ้าผืนเดียว มีจีวรผืนเดียวไตรเดียวนะ บรรดาพระสงฆ์จะต้องประชุมกัน และก็มอบหมายให้พระองค์ใดองค์หนึ่งเป็นองค์ครอง แต่ทว่าถ้าเจ้าอาวาสจะครองตามที่หลวงพ่อปานปฏิบัติมา ท่านต้องเอาผ้าไตรที่ใหม่ที่สุดไปให้กับพระองค์ที่มีผ้าเก่าที่สุดเป็นการชำระหนี้ก่อน แบะท่านจึงจะให้อุปโลกน์ ถ้าไม่ยังนั้นจะผิดพระวินัย ถ้าผิดพระวินัยไปไหนพระก็ลงนรก พระไม่ยอมลงนรกอยู่แล้วนะ

    ทีนี้เวลานี้พระได้รับกฐินทั้งวัด ทั้งวัดมีผ้าไตรเสมอกันหมดทุกองค์ องค์ละไตรก็ไม่จำเป็นต้องอุปโลกน์ อุปโลกน์ก็คือสมมติว่ายอมให้องค์นี้ครองกฐิน จะเฉพาะผ้าชุดเดียว ของเรานี่ผ้ามีครบจะอุปโลกน์ให้กับใครไม่จำเป็น

    คำอธิษฐาน

    แล้วก็สำหรับคำอธิษฐานนะโยมนะ ขอให้ญาติโยมตั้งใจว่า ตั้งใจตอนหลังจากถวายไปแล้วนะ หลังจากถวายของกฐินแล้วก็อธิษฐาน ให้อธิษฐานคิดโดยตรงว่า

    "ถ้าข้าพเจ้าได้อานิสงส์การถวายกฐินนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงนิพพานในชาตินี้ ถ้าบังเอิญบารมียังไม่ถึง ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร ก็ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"

    นั่นก็หมายความว่า เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องการอะไรมันมีทุกอย่าง อย่าง พระอนุรุทธ พระอนุรุทธ ตั้งแต่กาลก่อนๆ ที่จะมาเกิดในกาลนี้ เวลาถวายทานทุกครั้งก็อธิษฐานว่า "ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"

    ต่อมาชาติหลังที่สุด มันก็มีทุอย่าง แต่ว่าท่านชอบเล่นขลุบกับเพื่อน เล่นสกานะ แล้วก็แม่ทำขนมมาให้ทุกวันๆ ละถาด เลี้ยงตัวเองด้วย เลี้ยงเพื่อนด้วย แต่ทว่ามาวันหนึ่งปรากฏว่าขนมไม่มี พอถึงเวลาก็ใช้ให้คนใช้ไปรับขนมที่แม่ แม่บอกว่าขนมไม่มี ท่านไม่เคยได้ยินคำว่า "ไม่มี" มีแต่มีเฉยๆ ท่านจึงบอกว่า ขนมไม่มีก็เอา อยากจะกินขนมไม่มี แม่ก็คิดในใจว่า ลูกของเราเกิดเป็นลูกเจ้า ต้องการอะไรก็ได้ทุกอย่างไม่เคยขัดข้อง ไอ้การขัดข้องขงคนมันต้องมีสักวันหนึ่งข้างหน้า จึงอยากจะสอนลูกชายให้รู้ว่าคำว่า "ไม่มี" มันเป็นอย่างนี้ จึงเอาถาดเปล่าๆ วางลงไป แล้วก็เอาถาดเปล่าๆ อีกใบหนึ่งวางคว่ำปิดทับเป็นฝาปิด แล้วส่งให้คนใช้นำมาให้ลูกชาย ลูกชายจะได้รู้จักคำว่า "ไม่มี" มันไม่มีจริงๆ

    ตอนนี้อานิสงส์ที่พระอนุรุทธท่านเคยอธิษฐานไว้หลังจากการทำบุญว่า "ผลทานที่ข้าเจ้าทำนี้ ขอคำว่าไม่มีจงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า" เป็นเหตุให้เทวดารักษาตัวเดือดร้อน คิดว่าถ้าวันนี้ท่านพระอนุรุทธ ไม่มีขนมกิน เทวดารักษาตัวต้องหัวแตกเจ็ดเสี่ยง ตายแน่ ! เทวดาจึงต้องเนรมิตขนมทิพย์เข้าถาด พอคนใช้ไปถึงก็วางถาดลง พอเปิดขึ้นกลิ่นก็หอม รสก็หวานอร่อย

    ต่อมาเมื่อตอนเย็น ท่านกลับมาหาแม่ ถามแม่ว่า? ทุกวันแม่ไม่เคยปรานีลูกเท่าวันนี้เลย? แม่ก็ถามว่า?
    เพราะอะไร? ท่านก็บอกว่า "เพราะขนมไม่มีของแม่นั่นแหละ ! มันอร่อยเหลือเกิน ทีหลังขอให้แม่ทำขนมไม่มีให้ทุกวันนะ" แม่เลยสบายเวลาลูกชายใช้ให้คนใช้มาเอาขนมก็เอาถาดเปล่าวางเข้า แล้วเอาถาดเปล่าอีกใบปิดข้างขนให้คนใช้แบกไป เป็นอันว่าเทวดาองค์นั้นต้องทำขนมทุกวัน สบายไปเลย

    ญาติโยมก็เหมือนกัน วันนี้ทำบุญกันหลายอย่าง คำว่า "กฐิน" ตามที่ ดร.ปริญญา ประกาศบอกว่าต้องมี ผ้า อันนี้เป็นความจริงผ้านี่เป็นกฐิน สำหรับอย่างอื่นเป็นบริวาร อย่างเงินที่บรรดาท่านพุทธบริษัทให้มาแล้ว ต่อไปชาติหน้าก็จะมีเงินคับคั่งฐานะดีไม่น้อยกว่ามหาเศรษฐีทุกคน ถ้าบังเอิญต้องเกิดอีกนะ

    ประการที่สอง การถวายผ้าเนื่องด้วยกฐินก็ดี สังฆทานก็ตาม เทวดาเคยถามพระพุทธเจ้าว่า

    การให้อะไรได้ชื่อว่าเป็นการให้ผิวพรรณ? พระพุทธเจ้าบอกว่า "การให้ผ้าผ่อนท่อนสไบได้ชื่อว่าเป็นการให้ผิวพรรณ"
    คำว่า "ให้ผิวพรรณ" หมายความว่าให้มีผิวพรรณสวยนั่นก็คือ "การถวายผ้า"

    ประการที่สาม ญาติโยมถวายพระพุทธเจ้า เมื่อกี้อย่าลืมว่าการถวาผ้ามีผิวพรรณสวยนะ แต่ตัวเองอาจะไม่สวยก็ทรวดทรงนะไม่สวย

    ทีนี้การถวาย "พระพุทธรูป" ถ้าเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหม จะมีแสงสว่างมาก ถ้ามาเกิดเป็นคนจะมีทวดทรงสวยมาก เป็นอันว่าอานิสงส์ที่ญาติโยมต้องการ

    (๑) มีทรวดทรงสวยก็ได้ทำแล้ว
    (๒) มีผิวพรรณสวยก็ได้ทำแล้ว
    (๓) มีทรัพย์สมบัติมากก็ได้ทำแล้ว

    เป็นอันว่าของทุกอย่างที่ญาติโยมทำครบทุกประการ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยของพระนิพพานโดยตรง
    ขอให้ทุกคนตั้งใจว่าอย่างนี้นะว่า

    "ชาตินี้ขอให้นิพพาน ถ้ายังบังเอิญไปนิพพานไม่ถึงก็ขอค้างอยู่ที่พรมบ้าง ที่สวรรค์บ้าง แล้วก็จะตีตั๋วต่อไปนิพพานทันทีเมื่อหมดวาระ "
     
  11. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    พระเกศเพลิงที่จะหล่อในวันงานกฐิน
    เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ครับ

    [​IMG]
     
  12. สร้อยกัทลี

    สร้อยกัทลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +1,272
    มาร่วมบุญหล่อพระเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐมค่ะ และขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุก ๆ ท่าน ด้วยค่ะ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0001.jpg
      scan0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.4 KB
      เปิดดู:
      187
  13. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  14. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    ข้าพเจ้าและน้องนางร่วมหล่อพระเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒ ม. ๙ องค์เนื้อสัมฤทธิ์ งานทอดกฐิน ๑๗ พย ๒๕๕๕ ณ สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ จ.กาญจนบุรี

    จำนวน 50 บาท

    เลขที่บัญชีผู้รับโอน 221-2-98790-8
    ธนาคารผู้รับโอน ธ.กสิกรไทย - KBANK
    ชื่อบัญชีผู้รับโอน PRAKROO WINAITORNYUKONTO
    จำนวนเงิน (บาท) 50.00
    วันที่ได้รับยอดเงินโอน 16/11/2012 17.30 น.
    วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี 16/11/2012
    หมายเลขอ้างอิงรายการ tmbi26594281
     
  15. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  16. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,409
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,434
    ร่วมทำบุญเกศเพลิงสมเด็จองค์ปฐม 9 องค์
    จำนวน 30 บาท ธ.กสิกรไทย ในวันที่ 16 พย.55

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  17. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  18. ลูกพุทธธะ

    ลูกพุทธธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +4,787
    16/11/2012เวลา18.07ได้โอนเงินร่วมทำบุญ300บาทและขออนุโมทนากับทุกท่านพร้อมขอกราบอนุโมทนา สาธุ..............
     
  19. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
    คุณกรภัทรสรัล เลิศนนทสิทธิ์ และครอบครัว ร่วมทำบุญด้วยทุกอย่างนะครับ
    เพื่อเข้าบัญชี 221-2-98977-3 พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต
    ชื่อบัญชี วินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต เพื่อสร้างสมเด็จองค์ปฐม จำนวนเงิน (บาท) 500.00 ค่าธรรมเนียม (บาท) 15.00 วันที่โอนเงิน 16/11/2012
     
  20. warachai_s

    warachai_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +14,442
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...