ประหยัดไม่ถูกทาง จะเกิดผลอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Prophecy, 28 ตุลาคม 2012.

  1. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    113 ประหยัดให้ถูกทาง

    ปัญหา พระพุทธองค์ทรงส่งเสริมการประหยัดทรัพย์ แต่จะประหยัดอย่างไรจึงจะเป็นการถูกต้อง ?

    พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนมหาบพิตร อสัตบุรุษได้โภคะอันโอฬารแล้วไม่ยังตนให้ได้รับความสุข ให้ได้รับความอิ่มหนำเลย ไม่ยังมารดาบิดาให้ได้รับความสุข..... ความอิ่มหนำ ไม่ยังบุตรและภริยาให้ได้รับความสุข..... ความอิ่มหนำ ไม่ยังมิตรและอำมาตย์ให้ได้รับความสุข..... ความอิ่มหนำ ไม่ยังทาสกรรมกรให้ได้รับความสุข..... ความอิ่มหนำ ไม่ยังทักษิณา อันมีผลในเบื้องบน มีอารมณ์ดี มีวิบากเป็นสุข เป็นไปเพื่อสวรรค์ ให้ตั้งอยู่ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย โภคะเหล่านั้นของเขา ที่มิได้ใช้สอยโดยชอบอย่างนี้พระราชาทั้งหลายย่อมนำไปบ้าง โจรทั้งหลายย่อมนำไปบ้าง ไฟย่อมไหม้เสียบ้าง น้ำย่อมพัดไปเสียบ้าง ทายาททั้งหลายผู้ไม่เป็นที่รักย่อมนำไปบ้าง
    “ดูก่อนมหาบพิตร เมื่อเป็นเช่นนี้ โภคะที่มิได้ใช้สอยโดยชอบของเขาเหล่านั้น ย่อมถึงความหมดสิ้นไป โดยมิได้รับการบริโภค

    ปฐมาปุตตกสูตรที่ ๙ ส. สํ. (๓๘๗)
    ตบ. ๑๕ : ๑๓๐-๑๓๑ ตท. ๑๕ : ๑๒๖-๑๒๗
    ตอ. K.S. I : ๑๑๕
     
  2. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ขออนุญาต มาต่อในหัวข้อนี้หน่อยนะค่ะ เรื่อง "ประหยัด" ประหยัดกับขีี้เหนียว ต่างกันมากมาย ทุกวันนี้เครียดกับการ "ขี้เหนียว" ของแม่มากๆ ไม่ว่าจะพาไปทานข้าว ซื้อของใช้ให้ ซื้อนู่นนี่ให้ (เพราะเราไม่เดือดร้อน อยากให้แม่ใช้ของดีๆ สวยงาม ให้ได้กินของอร่อยฯลฯ) ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้ ถ้าแม่รู้ราคาเมื่อไหร่ จากที่ยิ้มแย้ม จะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง บ่นไม่ยอมหยุด พามากินทำไม แพงขนาดนี้ ไม่ได้อยากมาซะหน่อย....ซื้ออะไรกันมากมาย วันหลังไม่ต้องซื้อนะ...ถ้านั่งแท๊กซี่ หรือให้ tip เด็กเสริฟ์ ครั้งละ 20 -40 ถ้าแม่เห็น จะนั่งมองด้วยสายตาไม่พอใจ พอถึงบ้านจะถามว่า ทำไมต้องให้เค้าด้วย ไปให้ทำไม ทำไมไม่จ่ายตามมิเตอร์ ทำไม ทำไม ฯลฯ เมื่อเรามีน้ำใจกับคนที่ด้อยกว่า แต่เค้าขยัน สมควรได้รับรางวัลเล็กๆน้อยๆ

    ล่าสุด เพิ่งไปหาหมอมาเมื่อวานนี้ หาหมอเก่ง หมอดี เพราะแม่มีปัญหาเรื่องหูน้ำหนวก และขาเริ่มเจ็บ กระดูกบาง เพราะแม่น้ำหนักเยอะ บ่นปวดจะหาหมอ เมื่อหาหมอแต่ละที่ก็จะเฝ้ารอดูแต่ใบเสร็จ รอดูว่าต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ถ้าเกินสองหรือสามพัน จะบ่น บ่น บ่น ให้ยาอะไรมากมาย ให้มาทำไม หมอคิดค่าตรวจแพง ทีหลังไม่มาแล้ว....(ทั้งๆที่เป็นเงินเรา และเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย)

    ไม่อยากจะหน้าบึ้ง หน้างอ พูดเสียงดังกับแม่เลยนะค่ะ แต่ทุกครั้งที่เจอความขี้เหนียว (จนรู้สึกเหมือนแม่เป็นคนไม่มีน้ำใจ เหมือนแม่เป็นคนเอาแต่ได้) ทำบุญแม่ก็ไม่ชอบทำ ถ้าทำก็จะทำน้อยมาก เพราะเสียดายเงิน ยิ่งตอนนี้ถ้าต้องจ่ายค่าอะไรเกิน ที่แม่ไม่ถูกใจ จะบ่นตลอด ยิ่งแก่ยิ่งเป็น...แม่อายุ 75 ค่ะ

    ไม่ทราบจะพูดจะอธิบายยังไงดีแล้ว คนอื่นเค้าก็ต้องกินต้องใช้ ค้าขายถ้าขายของดีๆ ราคาก็ต้องสูงตาม หาหมอเก่งๆ ยาดีๆ ราคาก็ต้องสูง...อธิบายอะไรยังไงก็ไม่สนใจ จะไม่ยอมให้เงินใครจำนวนมากท่าเดียว อยากจะหาหนังสืออะไร ที่จะสอนให้แม่คิดถึงใจคนอื่นบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่แม่เห็นว่าแพง มันไม่ได้แพงสำหรับคนอย่างแก้วเลย เพราะเงินที่จ่ายไปเพื่อแม่ ไม่เคยทำให้เราเดือดร้อนแม้แต่นิดเดียว แต่แม่ก็ยังคงไม่ยอมเข้าใจอะไรอยู่ดี รักแม่ แต่ต้องมาตวาด มาขึ้นเสียง เพราะต้องคอยอธิบายเรื่องนี้ทุกครั้ง ทุกครั้ง โดยที่แม่ไม่ยอมเข้าใจซักที ไม่อยากเป็นคนบาปเพราะต้องเถียงกับแม่เลยค่ะ!
     
  3. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    แม่ของดิฉันก็เป็นแบบนี้ เราก็คงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ บอกเขาว่าขอให้เราทำหน้าที่ลูกที่ดีเถิด ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เขาจะบ่นจะว่ากล่าวใดๆก็ปล่อยให้เขาบ่นไปเถิดค่ะ เราคงไม่ต้องไปเปลี่ยนเขาหรอกค่ะ ต้องเน้นเรื่องหน้าที่และความกตัญญูของลูกที่มีต่อแม่ (ยิ่งเราปฏิบัติต่อพ่อแม่ดีหรือไม่ดีอย่างไร ผลอันนี้กลับมาหาเราอย่างแน่นอน ประสบกับตัวเองจริงๆ) เมื่อเราทำหน้าที่ของเราเรียบร้อยเป็นอันว่าจบ เขาจะบ่นก็บ่นไป สักวันหนึง..สักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจเรา
     
  4. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    บางทีของถูกใช้ได้แป๊บเดียว เสียก็ซ่อมไม่ได้ ระยะยาวแล้วแพงกว่าของที่ราคาสูงกว่า
     
  5. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ต้องขออภัย ที่คิดต่าง
    ข้อนี้ผมว่าไม่ใช่เรื่องประหยัด แต่เป็นเรื่องการใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยขน์แก่ตน
    สรุปคือ แม้เรามีบุญวาสนามีทรัพย์มาก แต่ถ้าเราไม่เผื่อแผ่...ไม่ทำบุญ เพื่อไปสวรรค์แล้ว
    เดี๋ยวบุญเก่าเริ่มหมด เราก็ต้องโดนวิบากกรรมเล่นงาน โจรปล้น ไฟไหม้พวกนี้...
    ดังนั้น คนมีตังค์ ถ้าคิดได้ ก็ต้องเร่งเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่...ทำบุญทำทาน เพราะมันช่วยให้เราไปภพหน้าได้ดีสู่สุคติแน่นอน
     
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    บางทีก็ไม่ใช่เราหรอกครับที่จะบอกท่านได้
    และถ้าพูดกันตามตรง เรื่องพวกนี้ จะเข้าใจได้ อาจต้องสะสมเก็บเลเวลกันมาหลายๆชาติ
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    สิ่งนี้มาด้วยเหตุ 2 ประการคือ

    1. เหตุเก่าคือ..การทำบุญแล้วเกิดเสียดายในภายหลัง อานิสงค์ที่ได้คือแม้ตนสามารถหรือมีสิ่งของที่ดีที่ประณีต จิตก็ไม่น้อมไปเพื่ิอใช้สอยหรือยินดีในสิ่งของเหล่านั้น..

    2. เหตุใหม่ เพราะความตระหนี่ที่ติดมาจากการสั่งสมอุปนิสสัยนี้มายาวนานในสังสารวัฏ จึงมีปกติตระหนี่ได้ในทุกเรื่อง ในปัจจุบัน ..

    หากจะแก้ไข ก็มีทางเดียวคือการนำพาท่านไปฟังธรรมเพื่อให้เกิดปัญญา ท่านจะได้ทราบอานิสงค์แห่งการให้ และวิบากแห่งความตระหนี่ แต่พึงวางใจไว้โดยแยบคายว่า แม้เรื่องเช่นนี้ก็หาได้เป็นไปโดยง่ายไม่เพราะเป็นเรื่องขัดแย้งกับความคุ้นชินที่ท่านมีอยู่อย่างยิ่ง ดูเถิด ลูกแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างมากครั้งถึงความเป็นผู้นิยมให้ แต่แทนที่แม่จะเห็นดี นึกยินดีอนุโมทนา กลับด่าว่าติเตียนลูก...นี่คือความเสียหายเพราะไม่เคยสดับพระธรรมของพระพุทธเจ้า จึงขาดปัญญาย่อมก่อแต่เหตุเพื่อเข้าถึงความอัตคัดขัดสนร่ำไปในสังสารวัฏ หากเกิดในตระกูลยากจนอีก ก็ยิ่งตระหนี่หนักขึ้นต่อไป เพราะไม่มีทรัพย์อะไรๆที่ตนสามารถสละให้ใครอื่นได้ง่ายๆเลย การสั่งสมอุปนิสสัยตระหนี่ จึงมากขึ้นกล้าขึ้นจนยากที่จะถอนได้เลย น่าเป็นห่วง...


    แต่ใครจะช่วยใครได้แท้จริงนั้น ไม่มีเลย ตนเท่านั้นจึงช่วยตนได้ นะครับ..

    ขออนุโมทนาผู้มีใจนิยมการให้ทุกท่าน และอนุโมทนาคุณลูกด้วยครับ..
     
  8. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ขอบคุณมากๆกับทุกคำแนะนำ ทุกความคิดเห็นนะค่ะ บางครั้งแก้วก็โกรธแม่จริงๆ (บาปแน่ๆ) ที่แม่ไม่เป็นเหมือนเรา แก้วกับแม่นิสัยไม่เหมือนกันเลย ในเรื่องการใช้จ่าย อันนี้ต้องยอมรับสำหรับเรื่องการใช้จ่ายที่ไร้ประโยชน์ ก็ทำให้ตัวเองหมดเงินไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็หาเองใช้เอง ไม่ได้กวนใครนี่นา

    สิ่งที่ชอบทำมากๆ เหมือนกันคือ "การให้อะไรกับผู้ที่ด้อยกว่า" ตัวเองเป็นคนขี้สงสาร แล้วก็ชอบทำบุญ ชอบใส่บาตรมาตั้งแต่เด็กๆ อันนี้ติดมาจากยายค่ะ ยายของแก้วก็ขี้เหนียวในเรื่องจับจ่ายใช้สอย แต่ถ้าเรื่องทำบุญ ยายทำไม่อั้น ชีวิตยายส่วนใหญ่จะอยู่ที่สวนโมกข์ มาช่วงปลายชีวิต ยายก็ไปล้มที่สวนโมกข์ กระดูกหัก ตั้งแต่นั้นยายเดินไม่ได้ ก็ต้องอยู่บ้านจนวันสุดท้ายของชีวิตค่ะ ยายเป็นแบบอย่างเรื่องการทำบุญให้แก้วมาตลอด

    ดีใจที่ตัวเองได้นิสัยรักการทำบุญมาจากยาย ตอนเด็กๆชอบฝากยายใส่บาตรแทน (ประมาณ 10 ขวบค่ะ พอพูดไป ยายฟังแล้วก็ยิ้มชอบใจ) พอกลับจากวัดยายก็จะเอาขนมมาฝาก แก้วชอบซื้อขนมให้คนจนๆ ให้รปภ.ที่ทำงาน ให้รปภ.ในหมู่บ้าน ถ้าไม่มีขนมก็จะให้เงินแทน สำหรับคนที่ขยันเท่านั้นนะค่ะ ถ้าจนแต่ขี้เกียจ อันนั้นก็ไม่ช่วยแน่ๆ

    ทุกครั้งที่ได้ให้ Tip คนขับแท๊กซี่ ให้เด็กเสิร์ฟ ให้ทุกคนที่เห็นว่าเค้าขยัน และรักในสิ่งที่เค้าทำ ตั้งใจทำงาน แก้วก็จะให้เยอะๆ แก้วจะมีความสุขมากๆ เมื่อเห็นแววตาดีใจ เห็นรอยยิ้มที่รู้สึกว่าช่วยให้เค้าหายเหนื่อย มันเป็นความสุข ความปลื้มปิติที่ไม่ต้องซื้อหา ลุงๆบางคน ยายบางคน อวยพร ให้พรแก้วอยู่นั่น เหมือนกับเราซื้อทองให้ซัก 10 บาทเลยทีเดียว ^~^

    แค่ได้รับคำอวยพร ได้เห็นรอยยิ้ม จากคนเหล่านี้ แก้วจะมีความสุขที่สุด มันอิ่มใจ สุขใจมากๆ จนบางครั้งยังเคยบอกแฟนเลย ว่าถ้าเรารวยแบบเหลือกินเหลือใช้ แก้วจะช่วยคนจนๆ(แต่ขยันทำมาหากิน) ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตอนนี้ทำได้เท่าที่เราไม่เดือดร้อนไปก่อนค่ะ

    ที่ระบายมาเกี่ยวกับแม่ เพราะแก้วไม่เข้าใจจริงๆ แก้วอยากให้แม่มีความสุขในการเป็นผู้ให้บ้าง อยากให้แม่ได้รู้สึกสุขใจในการเป็นผู้ให้ แต่ไม่ทราบจะบอก จะอธิบายยังไง ให้แม่เห็นชอบตาม เข้าใจว่าแม่อยากช่วยแก้วประหยัด ไม่อยากให้ลูกเสียเงินซื้อนู่นนี่ให้ (แต่พอซื้อให้ก็ยิ้มแฉ่งทุกที...โดยที่ต้องไม่บอกราคาของนะค่ะ)

    ทุกวันนี้ก็ทำได้แค่ชวนไปปล่อยปลา พาไปวัดไปถวายสังฆทานบ้างตามโอกาส เพราะถ้าให้ไปทุกครั้ง แม่ก็จะบอกว่าคราวที่แล้วเพิ่งไป ฯลฯ และก็ติดที่แม่ขาไม่ดี นั่งรถก็เมื่อย ลงจากรถก็เดินลำบาก โซเซ โซเซ กลัวแม่จะล้ม เลยไม่อยากชวนไปบ่อยๆ กลัวแม่จะเหนื่อย กลายเป็นพาไปทรมานอีก แก้วพยายามหาหนังสือธรรมะ มาให้แม่อ่านหลายเล่มมาก ให้หนังสือเป็นสิ่งที่สอนแม่ แม่อ่านแล้วก็เอามาเล่าให้หลานๆฟัง คนนี้นะ ทำแบบนี้ตายไปเจอทำโทษแบบนั้น แบบนี้ สอนจนหลานกลัวบาปเลยทีเดียว...แต่ทำไปทำมา แม่ก็ยังคงตระหนี่อยู่เหมือนเดิม ในส่วนที่เป็นเงินของแม่ แก้วไม่ยุ่งเลย แต่บางครั้ง แม่ขอจ่ายค่ายาเอง แม่บอกว่า แก้วจ่ายให้ทุกครั้ง มันแพง เบิกก็ไม่ได้ แม่เสียดาย ทำไมยาแพง ฯลฯ

    ขนาดบอกแม่ไปว่าไม่เป็นไร แก้วมีเงิน จ่ายให้ได้ เบิกไม่ได้ก็ช่างมัน แม่ก็จะบ่นเสียดาย เสียดาย ทำไมค่ายาแพงจัง จนกลายเป็นแก้วรำคาญ (นี่ก็บาปอีก) แต่หมดหนทางจะพูดให้แม่หายดื้อ หายรั้นจริงๆ แม่ของแก้วเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ เป็นเมียที่ดีของพ่อ ในทุกๆเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ

    คราวหลังแก้วจะบอกแม่อย่างที่คุณ Markdee แนะนำนะค่ะ แม่ฟังแล้วคงยิ้มปลื้มใจ แต่ก็ไม่แคล้ว คงจะย้อนแก้วว่า ทำหน้าที่ลูกที่ดี ด้วยการพาแม่ไปหาหมอถูกๆไม่ได้เหรอ?

    *** ใครมีหนังสือดีๆ หนังสือน่าอ่านเกี่ยวกับเรื่องลดการตระหนี่แล้วใจเป็นสุขฯลฯ อะไรทำนองนี้ รบกวนแนะนำแก้วด้วยนะค่ะ แม่ชอบอ่านหนังสือมากๆ แก้วซื้อให้ทุกแนว เรื่องซื้่อหนังสือนี่แม่ไม่บ่นเลย เพราะมองราคาไม่ค่อยจะเห็น 55555 แม่อ่านหนังสือเก่งมาก เรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องในวัง เล่มหนาๆ แม่อ่านไม่ถึงอาทิตย์จบ! หาซื้อหนังสือให้ไม่ทันเลยค่ะ***

    ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยแนะนำ และช่วยชี้แนะอีกครั้งนะค่ะ(f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2012
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ใคร่ขอแนะนำให้คุณลูกฯอ่านและprintบทความไปให้คุณแม่อ่านจาก link นี้ครับ..

    http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html

    และเมื่อใดที่แม่บ่นว่าเกี่ยวกับเวลาลูกซื้อหาอะไรๆมาให้..ขอให้กล่าวกะท่านว่า...

    "คุณแม่คือพระอรหันต์ของลูก เมื่อลูกได้ช่วยเหลือหรือซื้อหาสิ่งใดๆมาให้ ลูกย่อมได้บุญสูงสุด บุญนี้จักเป็นเพื่อความสุขความเจริญของลูกในภายหน้า คุณแม่ควรให้โอกาสลูกๆได้ทำบุญเพื่อบูชาคุณของคุณแม่ในขณะนี้ที่ลูกยังมีชีวิตอยู่(ที่จริงจะบอกว่าเมื่อแม่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง แต่ท่านอาจนึกว่าเราแช่ง จึงเลี่ยงด้วยการกล่าวเช่นนี้)..และเมื่อลูกทำกุศลอยู่คุณแม่นึกอนุโมทนายินดีด้วย คุณแม่ย่อมเพิ่มบุญให้ตนเองและลูกในขณะเดียวกัน..จึงใคร่กราบขอร้องคุณแม่ให้ช่วยเกื้อกูลลูกๆด้วยเถิดในการนี้...."เป็นต้น...

    อนึ่ง สิ่งที่คุณลูกพึงทำไว้ในใจคือ คนแต่คนต่างสั่งสมบุญแลอุปนิสสัยมาต่างๆกัน ท่านจึงไม่พึงหวังจนเกินไปว่าคุณแม่จะรับเอาธรรมะนี้ได้ เพราะสิ่งที่ยากแก่สัตว์ืทั้งหลายที่จะรับเอาได้ก็คือธรรมะนี่เอง..หากไม่มีบุญเก่ารองรับแล้ว ต่อให้พระพุทธเจ้ามาเทศน์สอนก็ย่อมไม่เห็นสาระที่จะฟังด้วยดี ดังนั้น ในที่สุด ท่านก็ต้องวางใจไว้ในอุเบกขาด้วยความเข้าใจในเรื่องนี้ และรักษาจิตมิให้ตกไปอยู่กับโทสะเพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงใครๆได้..


    ขออนุโมทนาในกิจแห่งความเป็นกตัญญูบุคคลครับ
     
  10. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ขอบคุณ คุณ DDMAN มากๆเลยค่ะ แก้วรบกวนถามคุณ DDMAN นิดนึงนะค่ะ ว่าทำไมการขี้เหนียวกับผู้อื่น มันเป็นกรรมเก่าเหรอค่ะ มันไม่ใช่นิสัยส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากชาตินี้เองเหรอค่ะ แม่ก็เกิดมาในตระกูลพราหมณ์ เท่าที่แม่เล่าให้ฟัง ตากับยายของแม่เป็นพราหมณ์ทั้งคู่ แม่บอกว่าตากับยายของแม่นุ่งขาว ห่มขาว ตาของแม่ไว้ผมมวย ส่วนยายของแม่ก็ไปแต่วัด แล้วก็ติดมาถึงยายของแก้ว ที่ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่แต่ที่วัด

    แต่รายละเอียดย้อนไปไกลกว่านั้น แก้วไม่เคยถามยายของแก้ว ตอนยายยังอยู่เลย ว่าบรรพบุรุษก่อนพ่อ แม่ของยาย เป็นใครมาจากไหน จนตอนนี้ยายไม่อยู่แล้ว คงต้องกลับไปถามญาติๆของยายที่ไชยา เริ่มอยากรู้ต้นตระกูลของตัวเองค่ะ (เล่ายาวเลย จากจะถามแค่ว่าการขี้เหนียวนี่ถือเป็นกรรมเก่าด้วยเหรอค่ะ)
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เป็นคำถามที่ดีมากๆ ครับ ขออนุโมทนา..


    ขออธิบายเหตุผลที่มาที่ไปของเรื่อง..ด้วยหลักการแห่งพระอภิธรรมดังนี้ นะครับ

    ส่วนที่เป็นผลของอกุศลกรรมเก่าคือ หากใจแม่ไม่น้อมนิยมบริโภคข้าวของสิ่งดีประณีตที่ลูกจัดหามาให้..ทั้งตนเองก็ไม่ซื้อหามาใช้สอยทั้งๆที่มีเิงิน..นิยมใช้แต่ของเก่าๆ..เก็บจนเกือบเสียแล้วจึงนำมาบริโภค หรือขวนขวายหาแต่ของถูกคุณภาพต่ำมาใช้..ทำนองนี้ มาจากเหตุเก่าคือทำบุญแล้วนึกเสียใจเสียดายในภายหลัง..ท่านจึงสอนว่า ให้รักษาเจตนาในการทำบุญให้ครบทั้ง 3 กาลคือ ก่อนทำ กำลังทำและหลังจากทำแล้วให้ดี เพื่ออานิสงค์ที่ไพบูลย์ยิ่งนั่นเอง..

    สำหรับการขี้เหนียว นี้เป็น"กรรมใหม่ในปัจจุบันชาติ" ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแบบปุบปับเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แต่ได้รับ"ปัจจัย"มาจากการสั่งสมสันดานมาแล้วในอดีตชาติมากมายหลายชาติแล้ว...เมื่อขี้เหนียว 1 ครั้ง จิตย่อมสั่งสมสันดานนี้ไว้ครั้งหนึ่ง...แม้ในเรื่องอื่นก็เช่นกัน เราจะชอบ เกลียดหรือใจกว้าง...ฯลฯ ล้วนมาด้วยการสั่งสมอุปนิสัยของจิตทั้งสิ้น...ดูเถิดแม้แม่จะเกิดมาในตระกูลพราหมณ์ ซึ่งมีฐานะดี อันเป็นปัจจัยบวกที่สามารถสนับสนุนการ"ให้"อย่างไม่ตระหนี่ได้แต่เหตุไรท่านจึงเข้าถึงความตระหนี่เช่นนั้นเล่า?...

    อนึ่ง..เราคงเคยเห็น หรือทราบมาว่าเด็กแฝดคนหนึ่งชอบรังแกสัตว์ ขี้หวง ในขณะที่แฝดอีกคนใจดี รักสัตว์..เป็นมาตั้งแต่เล็กๆทีเดียว....หรือพี่น้องท้องเดียวกันแท้ๆ แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว..ฯลฯ เหล่านี้มาด้วยอะไร..?

    เรื่องเช่นนี้ ..เหล่านี้และเรื่องอื่นๆตลอดทั้งชีวิตของสัตว์ทั้งหมดทั้งสิ้นประดามีในจักรวาล อธิบายได้ด้วยเหตุผลที่มีในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่มีคำอธิบายที่มีเหตุผลรองรับในศาสนาอื่น..(หากท่านจขกท ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธก็ต้องขออภัยด้วยครับ.)..

    พระพุทธองค์จึงทรงตรัสสอนว่า "จิตเป็นประธานในที่ทั้งปวง" และ "การตั้งตนไว้ชอบเป็นมงคล" อย่างยิ่ง..เพราะจิตนั่นเองสัตว์ทั้งหลายจึงวิจิตรด้วยรูปร่างบ้าง ด้วยอุปนิสสัยแห่งการทำกรรมและด้วยวิบากที่ได้รับบ้าง.ดังพรรณนาไว้ข้างบนนี้แล....


    หวังว่าจะทำความเข้าใจให้เกิดแก่ธารณชนทั้งหลาย เพื่อความเห็นที่ถูกตรง..สัมมาทิฏฐิ..โดยทั่วกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731

    คุณแก้วที่รัก
    ติงเอง ตอนที่คุณแม่ท่านยังมีชีวิตอยู่
    ก็ชอบที่จะทำแบบคุณแก้ว อะไรที่ดีๆ คิดว่าเหมาะสำหรับท่าน จะขวนขวายหาให้
    ไม่ว่าจะอาหาร เสื้อผ้า ข้าวของ พาไปเที่ยว พาไปวัด
    มีบ้างที่ซื้อมาให้แล้วท่านก็จะบอกว่าซื้อมาทำไม
    ของที่มีก็ยังใช้ได้อยู่ หรือถ้าทราบว่าของแพง
    แม้ไม่ตำหนิ ท่านก็จะบอกว่า คราวหลังอย่าซื้อมาเลย ให้ติงเก็บเงินเอาไว้
    การทำบุญแม้ท่านไม่ห้าม แต่จะให้ประมาณในการทำบุญ
    หากเห็นว่าติงทำบุญมากไป ท่านก็จะคอยติง
    อ่านดูแล้วก็ใกล้เคียงกันค่ะ
    เพียงแต่ทราบว่า พอลับหลังเรา ท่านจะกล่าวชื่นชมเรา
    เพียงแต่ท่านไม่บอกต่อหน้าเราเท่านั้น
    คุณแม่ของติงเป็นคนดุค่ะ จนติงไม่รู้สึกสนิทกับท่านเท่าคุณพ่อ
    แม้ว่าจะมีช่วงเวลาอยู่กับคุณพ่อเพียงน้อยนิด
    แต่ก็รักเทอดทูน และประทับใจท่านเหลือเกิน
    กับคุณแม่ ติงก็รัก เคารพ เพียงแต่ไม่เคยกอดท่านเลย
    ดูห่างเหิน แม้จะรักท่านยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

    คุณแก้วเป็นคนดีแบบหาได้ยากมากๆ
    เป็นลูกที่กตัญญู และกตเวที
    คุณแม่ท่านต้องรักคุณแก้วมากๆนะคะ

    คิดว่าสาเหตุที่คุณแม่ของคุณแก้วท่านเป็นแบบนี้
    น่าจะเพราะ ท่านรักคุณแก้วมาก ห่วงคุณแก้วมาก
    รักและปรารถนาดีอย่างที่สุด
    รักยิ่งกว่ารักตัวท่านเอง
    แต่ท่านอาจลืมไปว่า
    ค่าของเงินในสมัยนี้ กับสมัยของท่าน
    ต่างกันมาก จึงเกิดความเสียดาย
    หากมีเวลาว่าง
    คุณแก้วลองสนทนากับท่านเล่นๆ
    เรื่องค่าของเงินในปัจจุบัน
    รายรับ รายจ่ายของคุณแก้ว
    การวางแผนการใช้เงินของคุณแก้ว
    ตลอดจนจำนวนเงินออมที่คุณแก้วมีอยู่
    เมื่อท่านทราบว่า คุณแก้วมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายแบบนี้ได้
    และมีเงินออมสำหรับอนาคต โดยมิได้ประมาทแม้แต่น้อย
    ท่านก็อาจสบายใจ และยอมรับการกระทำของคุณแก้วด้วยความสุข

    อย่าลืมบอกท่านว่า
    ท่านเป็นบุคคลที่คุณแก้วรักมากที่สุด
    เคารพมากที่สุด
    มีพระคุณกับคุณแก้วมากที่สุด
    และขอโอกาส ให้คุณแก้ว ได้ทำเพื่อคนที่คุณแก้วรักบ้าง
    ติงคิดว่า ท่านคงเข้าใจและทำใจให้ยอมรับได้นะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2012
  13. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ขอบคุณ สำหรับคำอธิบายค่ะคุณ ddman อ่านแล้วก็เข้าใจเลย แต่ก็ยังอยากจะเปลี่ยนแม่ ให้เลิกบ่นเลิกขี้เหนียวอยู่ดี เวลาอื่นๆที่แม่ไม่บ่น ไม่ขี้เหนียว แม่จะน่ารักมาก แต่พอบ่นมาทีหละ แก้วหงุดหงิดหน้างอ เป็นลูกอกตัญญูไปเลย

    ตัวแก้วเองเป็นพุทธศาสนิกชนค่ะ ตอนเด็กๆจะชอบทำบุญ ชอบใส่บาตร แต่ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ เพราะรู้สึกว่ามันยาก แล้วก็เสียเวลา เพิ่งมาชอบสวดมนต์เอาเมื่อ 8 ปีที่แล้วนี่เอง เนื่องมาจากชอบงอน ชอบงี่เง่ากับสามีตลอดเวลา จนคนรอบตัวก็พากันบ่น ว่าแก้วไม่มีเหตุผล ไร้สาระ

    แก้วเลยลองมองดูตัวเอง เป็นอย่างที่ใครๆว่าจริงๆ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเอง แม่บอกว่าทำนิสัยแบบนี้กับแม่ กับพี่ๆน้องๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะใครๆเค้าชินกับแก้วมาแต่เด็กๆ แต่ไปทำกับสามีไม่ได้ เพราะเค้าก็เป็นคนอื่นที่ไม่ได้เติบโตมากับเรา เพิ่งจะมาผูกพันรักกันไม่กี่ปี จะให้มาเข้าใจนิสัยอะไรของเราได้เหมือนคนในครอบครัว

    คิดตามทุกคนแล้วก็จริง แก้วเลยหันมาอ่านหนังสือสวดมนต์ ไหว้พระ พอเริ่มได้ครั้งนึง มันรู้สึกดี รู้สึกนิ่ง และมีเหตุผลมากขึ้น เดี๋ยวนี้เลยปฏิบัติเป็นนิสัย ด้วยการสวดมนต์ทุกครั้งที่มีโอกาส (มีสมาธิ) และทุกวันพระ ทำมาตลอดเลยค่ะ วันพระไหนที่ไม่ได้สวดมนต์ ก็จะชวนสามีไปซื้อปลาที่ตลาด ไปทำบุญปล่อยปลากัน ซื้อไก่ทอดไปแจกหมาที่วัด มีความสุขมากเลยค่ะ

    ทุกครั้งที่สวดมนต์ก็อธิษฐานขอพรพระ ให้คุ้มครองแม่ คุ้มครองทุกคนในครอบครัว ถือว่าเราได้ทำแทนทุกคน แค่นั้นก็เป็นสุขที่สุดแล้ว
     
  14. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    คุณติงติง พูดได้กินใจแก้วทุกอย่างเลย จริงๆแก้วว่าคุณติงพูดเกี่ยวกับแม่แก้วถูกหมดทุกอย่าง แม่ห่วงแก้วแบบนั้นจริงๆ แล้วแม่ก็เคยบอกว่า ในบรรดาลูกๆทั้ง 4 คน แม่รักแก้วที่สุด แม่ไม่สนใจด้วยว่าพี่น้องคนไหนจะน้อยใจ

    ฟังแม่พูดแบบนั้นแล้ว น้ำตาไหลเลยค่ะคุณติง ติง ขอบคุณคุณติง ติง มากที่สุดเลย ที่แนะนำสิ่งดีๆให้แก้ว เดี๋ยวแก้วจะลองพูดกับแม่ดู (แต่ก็เคยพูดมาแล้วนะ ว่าแก้วไม่เดือดร้อนอะไรเลย ที่จะให้เงินแม่ค่านั่น ค่านี่) แต่แม่ก็ยังคงไม่อยากให้แก้วเสียเงินให้แม่อยู่ดี ยังอยากจะให้แก้วเก็บเงินไว้เยอะๆ แก้วเลยทั้งปลื้มทั้งเซ็งเลยค่ะคุณติง ติง
     
  15. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อะนะ ขนาดเรายังเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยแล้วคิดจะเปลี่ยนใครๆจะได้หรืิอ...ถ้าคิดว่าจะเปลี่ยนตนเองได้ ก็ลองเปลี่ยนตนไม่ให้อึดอัดระอากับคำบ่นของแม่ดูนะครับ.. แล้วจะรู้ว่าทำได้ง่ายหรือเปล่า..ขอให้เข้าใจว่า ที่ต้องได้ยินเสียงบ่นนั้นก็เพราะเหตุมีมาแล้ว..หากไม่มีเหตุ ผลเช่นนี้ย่อมไม่ปรากฏ..ถามว่านี่มาจากเหตุใด ก็ตอบได้ว่า เคยทำทำนองเดียวหรือคล้ายๆกับที่แม่กำลังทำอยู่นั่นแหละ ..เมื่อเหตุทำไว้แล้ว จะไม่เอาผลย่อมไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้..ดังนั้น พึงพยายามมองให้เห็นว่า สิ่งที่พบนี้ ไม่ใช่ความผิดของแม่ แต่มาด้วยบาปเก่าของตนเท่านั้น..เมื่อยอมรับได้ดังนี้ ใจจะคลายความอึดอัดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย..

    จากนั้น พึงละเ้ว้นหรืองดจากการบอกเล่าให้แม่รู้เมื่อเราจะให้อะไรๆใครๆเพราะทราบว่าสิ่งนั้นเป็นที่มาของความไม่ยินดีของท่าน อันจะช่วยไม่ให้จิตท่านตกไปกับบาปคือโทสะและล่วงวาจาห้ามปรามการทำทานของเรา..เพราะแม้ความคิดห้ามปรามใครๆจากการทำกุศลไรๆ ย่อมมิใช่บุญอยู่แล้ว แม้จะอ้างว่าเพราะรักและห่วงลูก ก็อาศัยตัณหาอันเป็นกิเลสที่ปรากฏเป็นปรกติของปุถุชนอยู่แล้วเป็นเเรงผลักดัน..

    อีกประการหนึ่ง หากท่านทราบว่าทานเป็นที่มาของความสุขคือโภคะแล้ว ท่านจะสนับสนุนให้ลูกๆทำให้มากจะพลอยยินดี เมื่อท่านจะปรามด้วยเป็นห่วงก็จะปรามในเรื่องที่ผิดจากคลองธรรมหรืออกุศลต่างๆที่ลูกควรละเว้น เช่นทุ่มทำบุญกับวัดที่โฆษณาว่าทำมากจะได้ไปสวรรค์ชั้นนั้นนี้ หรือจะได้ไปนิพพานแลนด์ หรือทำจนตนเองต้องขายบ้านหรือทรัพย์ไปจนเดือดร้อนบริวารรอบข้างฯลฯ ซึ่งปรากฏได้ในชนบางเหล่าที่ไม่เคยสดับพระธรรมที่ถูกแท้ของพระพุทธเจ้า..เป็นต้น..

    แม้เราผู้จะเป็นพ่อแม่ของลูกต่อไป ก็พึงทราบว่าการห้ามปรามใครๆมิให้ทำบุญย่อมมีอานิสงค์ให้เข้าถึงความแร้นแค้นกันดารในภายหน้าอีกมากอัตภาพ แม้ความติดขัดข้องในสิ่งปรารถนาย่อมปรากฏเพราะเคยขัดลาภคนอื่นมาก่อน..เราเองคงเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว จึงพึงทราบเหตุผลที่มาดังพรรณนามานี้เถิด..

    การเกี่ยวข้องกับสัตว์ สังขารทั้งหลายไม่เป็นบุญก็บาปเท่านั้น นี้เป็นปรากฏการณ์แห่งปุถุชนทั้งหลาย..


    ชาวพุทธที่แท้จริง มีได้ตั้งแต่ระดับพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น นอกนั้นเป็นแค่ชั่วคราวยังเอาแ่น่อะไรไม่ได้..บางวันร้ายคืนร้ายก็แสวงหาที่พึ่งจากเทพและสักการะเดรัจฉานสลับกันไปตามอัธยาศัยที่สั่งสมกันมา..เมื่อจะเข้าถึงฐานะชาวพุทธแท้ ก็พึงสดับ(ศึกษา)คำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าให้มาก จึงจะสามารถปฏิบัติได้ถูกทาง..เหมือนคนเดินทางย่อมต้องมีเข็มทิศ หรือแผนที่ ถ้าไม่รู้ทางเลยจะไปได้อย่างไร..?

    หรือไปเจอคนบอกทางผิด ก็ย่อมออกนอกอ่าวไทยไปถึงมิลักขะประเทศ คราวนี้ก็แย่แล้ว เพราะรู้จักแต่ไหว้ผีหรือภูเขาต้นไม้ไปเรื่อย..น่าสยองใจแท้..

    ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญไปพึงตั้งอธิษฐานให้มีปัญญา ให้ได้พบคำสอนที่ถูกแท้ของพระพุทธเจ้า เพื่อความพ้นทุกข์ไม่ผุดไม่เกิดแก่ตนอีกเลย..ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐอันหาไ้ด้ยากยิ่งในทุกกาลครับ..
     
  16. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ขอบคุณ คุณ ddman มากๆอีกครั้งค่ะ อ่านตามที่คุณว่า ก็คงเป็นจริงว่ามันคงเป็นบาปเก่า ของเราเอง ที่มาเจอแม่บ่นและขี้เหนียวเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่ทำให้แม่ ก็จริงอย่างว่านะค่ะ คงเปลี่ยนไม่ได้แล้วจริงๆ เราก็ทำหน้าที่ลูกของเราต่อไปให้ดีที่สุด

    เรื่องชาวพุทธที่แท้จริง อย่างที่คุณ ddman กล่าวมา แก้วยึดถือถามคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า ไม่ต้องอะไรมากมาย แค่คิดดี ทำดี เสียสละ ฯลฯ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ในส่วนที่ยังไม่ดี ก็ค่อยๆปรับปรุง แก้ไข ศึกษาพัฒนากันไป

    ส่วนเรื่อง ไหว้ภฺูติผี ไหว้ต้นไม้ หรือบ้าทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัว ทำบุญหวังผลในโลกหน้าอะไรนั่น คงไม่ใช่แก้วแน่นอนค่ะ แก้วทำแค่พอประมาณ ช่วยได้มากก็ช่วย ช่วยได้น้อยก็ช่วย ช่วยเท่าที่มีกำลัง ประเภทเพ้อฝัน สร้างวิมาน นั่นไม่เคยมีอยู่ในความคิดเลย และทุกครั้งที่สวดมนต์ หรือทำบุญอะไร ก็จะตั้งจิตอธิษฐานอย่างที่คุณ ddman พูดมาตลอดเวลา ไม่เคยขาดเลยค่ะ
     
  17. phat_ph

    phat_ph เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +106
    แม่ของดิฉันก็เป็นค่ะ ถ้าเราซื้อของแพงๆให้แก่ก็จะบ่นค่ะ เข้าใจแก่อยากให้เราประหยัดไม่ต้องการเห็นเราลำบาก ส่วนใหญ่ก็จะเลี่ยงๆ ไม่บอกราคาไม่อยากจะเถียงกับแม่ ก็จะบอกแม่ว่าอยากให้แม่มีความสุข แม่เหนื่อยมามากแล้วให้ลูกได้ตอบแทนบญคุณและทำหน้าที่ลูก แม่ก็จะบ่นน้อยลงค่ะ เราเปลี่ยนท่านไม่ได้หรอกค่ะ แนะนำหนังสือดีๆ ไม่มีส่วนได้กับการแนะนำหนังสือนะค่ะ ขอออกตัวไว้ก่อน เพียงแต่เห็นว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านและให้ประโยชน์ "เตรียมเสีบงไว้ เลี้ยงตัว - ดังตฤณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...