-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

เข้ามาดู วันนี้อยู่ กทม.
พรุ่งนี้จะไปเกาหลี

 

ไม่ทราบว่า....ท่านทั้งหลาย ได้ไปที่ไปร์ษณีย์บ้างไหม....มีสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ออกมาขาย
พศ.2411 น่าจะเป็นกรุวัดพระแก้ว องค์ละ 6000 บาท ตอนนี้มีแทบทุกไปร์ษณีเลย

 

ขออนุญาติดันกระทู้ครับ

 

ไปรษณีย์ก็แค่ที่วางขายของแล้วกินเปอร์เซ็นต์แค่นั้นแหละครับ ดูสมเด็จของเสี่ยอู๊ด เป็นตัวอย่างก็ให้จองที่ไปรษณีย์ สุดท้ายก็ไปไม่รอดแพ้ภัยตัวเอง ไปเที่ยวห้องกรง สบายไป

 

แล้วมันแท้ไหมครับน้าๆๆ

 

ขอบพระคุณมากๆครับ ที่นำความรู้และสาระดีๆมาแบ่งปันนะครับ (เกือบโดนแล้วผม)

 

ผมอ่านมาทั้งหมด ด้วยความเห็นส่วนตัว ยังไม่เห็นหลักฐานชัดๆ ของทั้งสองความคิดเห็น ที่จะชี้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง (ไม่ได้บอกว่าเก๊ หรือไม่เก๊ นะครับ)

แต่จากที่ไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติต่างๆ (ด้วยความอยากรู้) ทำให้ส่วนตัวค่อนข้างเชื่อไปทางฝั่งที่บอกว่าไม่จริง เช่นการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ รวมถึงไปดูประวัติการผลิตพลาสติก ซึ่งเพิ่งคิดได้ร้อยกว่าปี ดังนั้น ถ้าเครื่องประดับเป็นพลาสติกก็จบกัน แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นพลอย ก็ต้องดูถึงความสามารถในการเจียรนัย ซึ่งหากสวยงามเกินไป ก็๋ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้าพลอยแท้ โบราณ ฝีมือเจียรนัยดีเยี่ยม ต่อให้ตัดเรื่ององค์พระออก ก็มีมูลค่าแทบอยากจะเก็บไว้แล้วครับ

ผมว่าเรื่องอายุพระก็น่าจะเป็นเครื่องชี้วัดตัวหนึ่งได้ หากมีใครกล้าๆ เอาไปทดสอบ แล้วผลบอกว่าอายุเกิน 140 ปี ก็จะทำให้เกิดความน่าสนใจในด้านที่เชื่อก็ได้นะครับ

ผมว่าเรื่องนี้คงเป็นข้อถกเถียงกันไปไม่รู้จบหรอกครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่า หากจะนับถืออะไร ก็ต้องตัดข้อสงสัยออกไปให้หมด และไม่ต้องพิสูจน์ (อย่าไปเรียกว่างมงายนะครับ ไม่ดี)

เท่าที่อ่านเรื่องที่คุยกัน อาจแยกได้เป็นหัวข้อตามนี้ครับ
1. ไม่เชื่อว่ามีเรื่องนี้จริง และ เก๊ แน่นอน
2. ไม่เชื่อว่ามีเรื่องนี้จริง และ อาจจะ เก๊
3. เชื่อว่ามีเรื่องนี้จริง และ แท้ แน่นอน
4. เชื่อว่ามีเรื่องนี้จริง และ มีของ เก๊
5. กึ่งๆ กลางๆ แต่อาจโน้มเอียงไปทางด้านใด ด้านหนึ่งมากกว่า

ความเห็นส่วนตัวนะครับ จริงๆ อยากรู้ว่า มีหลักฐานอะไรสักเรื่องที่ยืนยัน จะด้านไหนก็ตาม เอาแบบหลักฐานชัดๆ ที่เถียงกันไม่ได้ ถ้ามีก็เยี่ยมเลย ข้อสำคัญแค่แสดงความเห็น อย่าถล่มผมละครับ หุหุ

ขอบคุณครับ

 

เข้ามาดันอีกครั้ง กระทู้ดีๆ อย่าปล่อยให้ตกไป ส่วนเรื่องหลักฐานมันชัดจนน่าจะแจ้งความจับได้ด้วยซ้ำครับ เข้าข่ายหลอกลวง แถมยังแอบอ้างเบื้องสูงอีก

 

ดันอีกทีครับ กระแสเริ่มมาอีกแล้ว

 

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแจมครับ

 

ถ้ายึดหลักธรรมอย่างที่ท่านสมเด็จพุฒาจารย์(โต)ท่านหวังไว้คงไม่(อย่า)เอามาหลอกขายกันเป็นล่ำเป็นสันอย่างนี้หรอกครับจริงไม๊พี่ว่า....

 

ชอบเจ้าของกระทู้ ขยันหาข้อมูลดีมาก

วิธีพิศูจน์ อีกอย่างนึง ผมว่า น่าจะใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์

อย่าง ที่ กรณีมีการขุดค้นพบวัตุโบราณ
ตรวจหาอายุกันเลย ว่า สร้างกันมากี่ปีแล้ว

ยิ่งเป็นโลหะ ยิ่งเชคได้ง่าย

น่าจะมี สถาบันพิศูจน์หลักฐานเกี่ยวกับ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์
หาได้แถวไหนมั่งน๊อ

 

ทางเลือก อีกทาง ของกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์



เก่าแค่ไหน ?

สุรศักดิ์ ไวทยวงศ์สกุล



เมื่อคุณเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงวัตถุโบราณ ท่านอาจจะเคยสงสัยว่า นักโบราณคดี สามารถทราบได้อย่างไรว่า โบราณวัตถุแต่ละชิ้นมีอายุเก่าแก่เพียงใด วันนี้เราจะพาคุณมาค้นหาคำตอบกัน

วิธีการวัดอายุโบราณวัตถุที่รู้จักกันดีที่สุดคือ คือ การวัดการสลายตัว ของสารกัมมันตรังสี ที่ปะปนอยู่ใน เนื้อโบราณวัตถุ เช่น คาร์บอน 14 ซึ่งใช้ในการวัดอายุของอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืชซากสัตว์ ท่อนไม้ หนังสัตว์ ผ้า หรือแม้แต่เมล็ดพืช คาร์บอน 14 เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีของคาร์บอน ที่มีอยู่เล็กน้อยในบรรยากาศโลก มีครึ่งชีวิตเท่ากับ 5,730 ปี มีสมบัติทางเคมีเหมือนกับคาร์บอน 12 ซึ่งเป็นคาร์บอนที่พบกันทั่วไป ทุกประการ ดังนั้นจึงสามารถถูกดูดซึม และสะสมอยู่ตามอวัยวะส่วนต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับคาร์บอน 12 ในขณะที่อินทรีย์วัตถุดังกล่าวยังคงอยู่ในร่างกายที่มีชีวิต การสะสมและการสลายตัวของคาร์บอน 14 จะอยู่ในสภาพสมดุล แต่เมื่ออินทรีย์วัตถุส่วนนั้นตาย (ไม่ว่าเป็นเพราะถูกตัดออกจากร่างกายหรือสิ่งมีชีวิตนั้นสิ้นชีวิต) การสะสมคาร์บอน 14 จะยุติลงเหลือแต่การสลายตัวเพียงอย่างเดียว ดังนั้นสัดส่วนของคาร์บอน 14 ต่อคาร์บอน 12 ในอินทรีย์วัตถุนั้นจะลดลง และยิ่งเวลาผ่านไปนานขึ้นสัดส่วนก็จะยิ่งลดลง ดังนั้นหากวัดสัดส่วนของคาร์บอน 14 ในอินทรีย์วัตถุนั้นเทียบกับอินทรีย์วัตถุชนิดเดียวกันที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะทราบว่า อินทรีย์วัตถุดังกล่าว ตายมาเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว วิธีดังกล่าวนี้สามารถใช้กำหนดอายุโบราณวัตถุ ได้ในช่วงประมาณ 500-40,000 ปี หากน้อยหรือมากกว่านี้ ปริมาณคาร์บอน 14 จะสลายตัวไปน้อยหรือมากเกินไป ทำให้การวัดเกิดการคลาดเคลื่อนได้มาก ไอโซโทปกัมมันตรังสีอื่นๆ ที่ใช้ในการวัดอายุของวัตถุ ได้แก่ โพแทสเซียม 40 และยูเรเนียม 238 ซึ่งมีครึ่งชีวิต 1,300 ล้านปี และ 4,510 ล้านปี ตามลำดับ เหมาะกับการใช้สำหรับ การวัดอายุของก้อนหิน หรือโบราณวัตถุที่ไม่มีอินทรีย์วัตถุเป็นองค์ประกอบ

วิธีที่ใช้หาอายุของโบราณวัตถุ ได้อีกวิธีหนึ่งก็คือ การวัดการเรืองแสงเมื่อได้รับความร้อน (thermoluminescence) หลักการคือ วัสดุที่เป็นผลึก เช่น เพชร, หินควอร์ทซ์ และหินฟันม้า เมื่อถูกเก็บไว้ โดยไม่ให้ถูกแดด หรือความร้อนสูง จะสามารถสะสมประจุอิเลกตรอน ไว้ในโครงผลึกในอัตราสม่ำเสมอตลอดเวลา เมื่อนำโบราณวัตถุชิ้นนั้น ไปเผาที่อุณหภูมิสูง (ประมาณ 500 องศาเซลเซียส) อิเลกตรอนที่ถูกกักไว้ดังกล่าว จะหลุดออกมา และทำให้เกิดการเรืองแสงขึ้น จากปริมาณความเข้มแสงที่เปล่งออกมา นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวณเวลา ที่วัตถุดังกล่าวนั้น ได้รับความร้อนเป็นครั้งสุดท้ายได้ วิธีนี้มักใช้ในการหาอายุของโบราณวัตถุ ที่ทำจากหิน โลหะ และเครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น



อ่านต่อที่นี่

 

นี่ข้อมูลการหาอายุวัตถุโบราณ อีกตัวอย่างนึง


http://www.finearts-psdg.com/n/Portals/0/PDF/i1.2.pdf

 

อันนี้ผมว่าไม่ต้องตรวจหาอายุหรอกครับ แค่หลักฐานเบื้องต้นก็น่าจะพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขวดขนาดเล็กสำหรับใส่ยาซึ่งไม่มีในอดีตที่เอามาติดองค์พระ หรือหลังคาถาชินบัญชรนั่นก็พิมพ์โดยใช้ fonts อักษรในสมัยปัจจุบัน รวมถึงพิมพ์สมเด็จหลังรัชการที่ ๕ ก็เป็นภาพที่ฉายหลังจากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ(โต)สวรรคตแล้ว ดังนั้นหลักฐานแค่นี้น่าจะเพียงพอสำหรับข้อสรุปแล้วครับ อีกอย่างนึงการหาค่าครึ่งชีวิต C -14 เหมาะสำหรับวัตถุที่มีอายุมากว่า 200 ปีขึ้นไป ที่จริงน่าจะ 300 ด้วยซ้ำ เพราะถ้าน้อยกว่านี้ accuracy จะน้อยลงจนไม่สามารถยอมรับทางสถิติได้แล้ว ซึ่งน่าจะเอามาหาอายุพระรอดมากกว่าครับ
ปล.เรื่องนี้ผมเรียนตอน ป.ตรี มาครับ

 

^

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

หาก สมาคมพระ มีวิธีตรวจ ดูพระ ทางวิทยาศาสตร์ด้วย
บร้อม ใบยืนยันผลการทดลอง


คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับวงการพระเครื่อง

 

ผมจะพูดกับตัวเองแค่ว่า"ผมรู้แก่ใจตัวคนเดียวว่า ไม่ดีทั้งหมด" รวมทั้งในหนังสือชื่อดัง ที่ตีพิมพ์2ภาษาเพื่อให้ชาวต่างชาติดูด้วย ยังมีหลวงพ่อทวดร่วมด้วย พระเทพโลกอุดรด้วย ไม่ใช่แค่สมเด็จ รวมทั้งเบญจภาคีทั้งหมด ว่ากรุวัดพระแก้ววังหน้า-วังหลังมีพระพิมพ์พวกนี้มานานหลายร้อยปีแล้วคือก่อนปี2411และก่อนหลวงพ่อทวดรุ่นแรก2497 ทางหนังสือได้บอกว่ามีมาก่อนหน้านั้นตั้งนานแล้วอยู่ในกรุวัดพระแก้ว I love All

 

นานๆได้เข้ามาดูกระทู้ตัวเอง
มัวแต่ไปสนใจพระเครื่องอยู่ครับ

กระทู้รูปหายไปเยอะเลย
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจครับ