กริ่งเจ้าสัวน้อยฯ ภาพงานหล่อซ่อม ๒๐ เม.ย.-บอกบุญสร้างเศวตฉัตร หน้า ๔๖

อ่านประสบการณ์ของคุณ momotaro แล้วทึ่งจริงๆค่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเก่งจริงๆ ท่านละสังขารไปสูพระนิพพานแล้วยังห่วงใยลูกหลานว่าในอนาคตจะอยู่กันอย่างไร....

ที่เข้ามาร่วมบุญกับคุณชายชุดขาวนี่เพราะว่าเห็นความมุ่งมั่นและเจตนาดีของน้องเขา ขนาดอายุยังน้อย ยังสามารถทำการใหญ่ได้ขนาดนี้...

ส่วนตัวอยากร่วมบุญแบบว่าลงขันกันทำแบบนี้ค่ะ คือใครมีมวลสารหรือของวิเศษที่สะสม เป็นของดีที่สุดในบ้านเรา หรือของรักของหวง...ย่อมแน่นอนแล้วว่าถ้าเราทำเอง บูชากันเองย่อมจะสนิทใจกว่าเป็นไหนๆ ข้อสำคัญคือเราเลือกเองได้ว่าจะทำอย่างไร ปรึกษาหารือกันแล้วถ้าได้มติเป็นเอกฉันท์คือเขาชอบเราชอบก็ทำไปเลย ไม่ต้องเสียดายของวิเศษกันเลยค่ะ...

ที่เอาทองนพคุณมาโพสต์ให้ชม ได้โทรปรึกษากับคุณชายชุดขาวว่าเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะเอาของที่มาจากธรรมชาติจริงๆมาสร้างพระ หมายถึงต้องเอาทองจากก้อนหินมานั่งทุบให้ละเอียดแล้วร่อนทองกันเลย ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ถึง 9 บาทไหม....หลายท่านคิดเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง....หมายถึงถ้าหาได้มากๆนะคะ

 

สนับสนุนเต็มที่เลยครับ เพราะของธรรมชาติแบบนี้บริสุทธิ์ในตัวอยู่แล้วครับ ขออนุโมทนาบุญกับพี่พรหมณีด้วยนะครับ สาธุ

 

เห็นด้วยครับกับพี่พรหมณี หรือแค่บางส่วนก็ได้ครับ นำมารวมแล้วหลอมกับมวลสารอื่นๆก็สุดยอด
.ไม่รู้ว่าถ้าองค์แก่ทองคำกับแก่จ้าวน้ำเงินจะเป็นแบบนี้ไหม
(ขอยืมมาจากเวปเพื่อนบ้านครับ)

 

วันนี้ผมได้ส่ง มวนสาร ข้ามทวีปเพื่อไปร่วมบุญหล่อพระกริ่ง ให้แล้วคับ
มัวแต่รีปเลยไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู

 

วันนี้ผมได้ส่ง มวนสาร ข้ามทวีปเพื่อไปร่วมบุญหล่อพระกริ่ง ให้แล้วคับ
มัวแต่รีปเลยไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู

 

กลุ่มที่ 1

1. พระกริ่งเจ้าสัวน้อยฯ เนื้อนวะโลหะแก่ทอง
ฐานด้านนอกจารึกพระนามพระพุทธเจ้า ด้านในจารึกชื่อ - สกุล หรือ วดป เกิด
2. พระพนัสบดี เนื้อนวะโลหะแก่ทอง
3. น้ำเต้า เนื้อนวะโลหะแก่ทอง

กลุ่มที่ 1 นี้ จะใส่มวลสารทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด หากบางอย่างเป็นชิ้นๆ เช่น เกศาครูบาอาจารย์จะใส่องค์ละ ๑ เส้น ทรายเสกหลวงพ่อกวยใส่องค์ละ ๓ เม็ด เจ้าน้ำเงินใส่องค์ละ ๓ เกล็ด เป็นต้นครับ

กลุ่มที่ 2
1. พระชัยวัฒน์เจ้าสัวน้อยฯ เนื้อนวะโลหะแก่ทอง
สาเหตุที่พระชัยวัฒน์เนื้อนวะแก่ทองมาอยู่กลุ่มที่ 2 เพราะขนาดองค์เล็กไม่ถึงข้อนิ้วก้อย (สำหรับผู้หญิงห้อย) จึงไม่สามารถใส่มวลสารบางชิ้นได้
2. พระกริ่งเจ้าสัวน้อยฯ เนื้อสัมฤทธิ์
3. พระพนัสบดี เนื้อสัมฤทธิ์


กลุ่มที่ 2 นี้จะนำมวลสารทั้งหมด มาคลุกเคล้าให้เข้ากันและบรรจุในองค์พระครับ สำหรับเส้นเกศาก็จะนำมารวมกันและตัดเป็นเส้นเล็กๆ ทรายเสกหลวงพ่อกวยและเจ้าน้ำเงินมีจำนวนน้อย ผมจะนำมาบดเป็นผงบรรจุให้ทุกองค์ ทีละองค์ ๆ


เพื่อให้มวลสารที่อุดไม่น้อยหน้ากัน ผู้ที่กำลังทรัพย์ไม่พอที่จะบูชาเนื้อนวะโลหะ หรือมาไม่ทัน ก็สามารถนำพระเนื้อสัมฤทธิ์ไปบูชาได้อย่างไม่น้อยหน้ากันครับ

 

ขออนุญาตตอบตามสีของตัวหนังสือนะครับ

1. โครงการนี้ผมค่อยๆ ทำครับ ผมเองบุญบารมียังน้อย ต้องอาศัยบุญบารมีของทุกๆ คนร่วมกันสร้างขึ้น ที่สำคัญบารมีของครูบาอาจารย์เป็นที่สุดครับ

ที่ทำ ไม่ใช่คิดสนุก ไม่ใช่คิดหวังโด่งดัง เมื่อได้รับโอกาส (คำสั่ง) จึงค่อยๆ คิด ค่อยๆ วางแผน ค่อยๆ ทำ เหมือนเด็กน้อยต้องคลานก่อน คลานเป็นแล้วเดิน เดินเป็นค่อยวิ่งครับ ไม่รีบร้อน เดี๋ยวหกล้ม จะเจ็บเอา

2. จากที่ผมเคยเรียนให้ทราบว่า ผมมีเกศาหลวงพ่อกวย ซึ่งเป็นพระเกจิที่ผมเคารพศรัทธามานาน กว่า 20 ปี เพราะประสบเหตุการณ์ตรงกับหลวงพ่อกวยหลายครั้ง ผมไม่คิดจะแบ่งเกศาชุดนี้ให้ใคร คิดแต่ว่าจะทำพระไว้ห้อยบูชาเองคนเดียว

เมื่อได้สร้างพระกริ่งเจ้าสัวน้อยฯ นี้ ผมผ่านเหตุการณ์ทดลองใจหลายๆ อย่าง ทำให้ใจผมละเอียดขึ้น พอจะมองเห็นว่า หากผมได้นำเกศาหลวงพ่อกวยมาอุดให้กับพระกริ่งชุดนี้ จะเพิ่มคุณวิเศษให้กับพระชุดนี้ขนาดไหนหนอ อีกทั้งผู้บูชาจะยังมีศรัทธาในองค์พระเพิ่มเป็นทวีคูณแน่นอน นี้เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งนะครับ ยังมีมวลสารอีกหลายอย่างที่สุดยอด แต่ผมไม่ได้จดไว้

ขอบอกบุญไปยังญาติธรรมทุกท่าน ส่งมวลสารมาร่วมสร้างบุญสร้างบารมีกันเถิดครับ

"ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้"

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
พระมหาโพธิสัตว์แห่งด่านขุนทด​

 

เจ้าน้ำเงินที่ผมรับมอบมา ผมนำมาใส่ในโถตามภาพ



ซึ่งอยู่ในกระบวนการ "ฟอกธาตุ-ฟอกธรรม"
ให้เทวดาผู้รักษาเจ้าน้ำเงิน
กลับเข้ามาอยู่ใน "สัมมาทิฏฐิ"

เมื่อนำมาหลอมเป็นองค์พระ
สีคงไม่เข้มแข็งกร้าวแบบนี้ครับ



กระซิบว่ามีสิ่งมงคลเกิดขึ้นในโถ

ขอแช่ให้ครบสัก ๗ วัน จะถ่ายภาพมาให้ชมครับ ​

​

 

สวัสดีครับพี่พรหมณีคุยกับพี่สนุกมากเลยครับวันหน้าว่างๆแล้วเดียวโทรไปแรกเปลี่ยนประสบการณ์กันใหม่ครับ แต่ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่าประสบการณ์ทรายเสกนี้ไม่ใช่ของผมนะครับ เป็นของศิษท์รุ่นพี่ที่ให้ทรายเสกผมมาอีกทีหนึ่งครับ ผมอ่านแล้วประทับใจเลยขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ต้องขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดครับ

หลวงพ่อกวยสำหรับผมแล้วก็ได้สหายชายชุดขาวแนะนำให้รู้จักท่านนั้นแหละครับ จากนั้นบุญก็นำพาให้ได้วัตถุมงคลของท่านมาครอบครอง ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงครับ ล้นหลามมากจริง ผ่านพ้นวิกฤติมาหลายอย่างก็กับวัตถุมงคลของท่านนั้นแหละครับท่านเมตตาไม่มีประมาณจริงๆ

สำหรับพระกริ่งเจ้าสัวฯรุ่นนี้ที่สหายผมได้สละเกษาหลวงพ่อท่านมาบรรจุด้วย ขอให้ท่านที่ได้พระกริ่งชุดนี้ไปรับรู้ไว้เถอะครับว่า" นั้นนะสุดยอดแล้ว "

 

สำหรับมวลสารชิ้นนี้ก็ขอพูดถึงความพิเศษหน่อยครับ

แต่ก่อนจะพูดถึงขออธิบายถึง อสังขธาตุ(โคตรพลัง)แห่งพระอรหันต์ ก่อนครับ

อสังขธาตุ(โคตรพลัง)แห่งพระอรหันต์

คำว่าอสังขธาตุนั้น แปลความหมายตามที่คุณพล ผลาพิบูลย์ ได้ให้คำจำกัดความไว้คือ "โคตรพลัง" อันเป็นสิ่งที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงค้นพบ เมื่อคืนวันตรัสรู้ หลังจากได้ปรินิพพานไปแล้ว 2,500 กว่าปี จึงมีนักฟิสิกส์คนสำคัญของโลก ได้ค้นพบสิ่งที่เล็กกว่าอะตอม เรียกว่า"คว๊อกซ์" ซึ่งได้รางวัลโนเบล แต่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงค้นพบมาแล้ว และเรียกว่า "อสังขธาตุ" หรือธาตุที่เล็กที่สุด ทรงพลังที่สุด จนเป็นโคตรพลัง!!​

พล ผลาพิบูลย์ ได้กล่าวถึงเรื่องของโคตรพลังไว้ในหนังสือชื่อ"ธรรมะนอกกำแพงวัด" อันเป็นหนังสือที่ได้ค้นคว้า และเขียนขึ้นอย่างสมบูรณ์ในทุกแง่มุม เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หนังสือนอกกำแพงวัดมีจำหน่ายที่สำนักพิมพ์ 99 มีเดียกรุ๊ป ในราคาเล่มละ 140 บาท ท่านจะสั่งซื้อได้โดยตรง......​

พล ผลาพิบูลย์ ได้อธิบายถึงโคตรพลังว่า เมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้นั่งบำเพ็ญเพียรด้วยสมาธิ ตามแบบที่พระอาจารย์ของพระองค์ได้สอนมา เมื่อยังแสวงหาความหลุดพ้นจากห้วงทุกข์​

ทรงทำสมาธิขั้นสุดท้าย คือ สามารถตัดขาดจากความโยงยึดทั้งปวงในโลก เรียกกันว่า "เนวสัญญา นาสัญญายตนะ"อันสงบนิ่ง จะเป็นก็ไม่เป็น จะตายก็ไม่ตาย ซึ่งพระอาจารย์ผู้สอน ก็ทำได้เพียงแค่นั้น.....​

ทรงเพ่งเข้าไปเพื่อจะผ่านจุดแห่ง ความสงบอันกลมโตขนาดมะขามป้อม แต่ไม่อาจทำได้ ทั้งนี้เปรียบเหมือน ขุดทรายลงไปเพื่อหาแก้วมณี ทรายสองข้างก็ไหลลงไปแทนที่ เจาะเข้าไปแล้ว ก็หมุนวนออก เข้าออกเข้าออกอย่างนั้น จนเกิดความวนเวียน......​

จะขุดทรายไปหาแก้วมณี หรือขุดบ่อน้ำลงไป จนพบแก้วมณีได้ง่าย ก็คือ การเอาทราย หรือ น้ำออกไปให้หมดแล้ว นั้นแหละ คือ จุดสำเร็จ ทรงตั้งสัจจะอธิษฐานว่า หากไม่สามารถทะลวงเข้าไปถึงจุดศูนย์กลางแห่งจิตที่ทรงได้พบนั้นแล้ว แม้จะสิ้นพระชนม์ชีพก็ทรงสละ......

ทรงเปล่งพลังแห่งปัญญา และพลังที่อยู่ในกายของพระองค์ ด้วยจิตอันแน่วแน่ เจาะเข้าไปในผลมะขามป้อมนั้น จนมองเห็นด้านใน ผ่านเปลือกเข้าไปทีละน้อยๆ จนในที่สุด ก็ถึงความมืดอันสุดจะดำ นั่นคือ ก้นบึ้งแห่งจิตมนุษย์ แล้วทะลวงเข้าสู่"จุดที่เล็กที่สุด"ในท่ามกลางนั้น พลันก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง แล้วทุกอย่างก็สว่างกระจ่าง และสงบที่สุด ทรงเปล่งวาจาว่า.....​

นิพพานนัง ปรมัง สุญญัง นิพพานนัง ปรมัง สุขังติ......​

จุดเล็กที่สุดที่ทรงค้นพบว่า มีพลังที่สุด ก็คือ "สุญญัง" หรือ "อสังขธาตุ"-ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แม้แต่มนุษย์ เป็นพลังอันไร้เทียมทาน.....​

เข้านิพพาน-ก็คือ การเข้าสู่"สุญญัง" และพบ"อสังขธาตุ"ที่เล็กที่สุด ทรงพลังที่สุด อันเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งในโลก​

เมื่อทรงปรินิพพาน ก็อาศัย"อสังข ธาตุ"นี้เอง อธิษฐานจิตให้พลังพุทธานุภาพส่วนหนึ่งสถิตอยู่ในบรรยากาศของโลกนี้ พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้ยาวยืนถ้วน 5,000 ปีในที่สุด......​

พระอริยสงฆ์ผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็สามารถใช้อลังขธาตุนี้ ในการอธิษฐานจิต ให้ส่วนหนึ่งแห่งพลัง คงอยู่ในโลกนี้ หลังจากละสังขารไปแล้วรวมกัน พระธาตุ-ที่จะเกิดขึ้น เป็นประจักษ์พยาน.....​

รูปวงกลมสีขาว เป็นหมอกควันที่ปรากฏขึ้น เหนือจิตกาธาร ที่พระราชทานเพลิงศพ ที่ท่านได้เห็นจากภาพปก คือ อสังขธาตุ หรือโคตรพลัง-ที่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้อธิษฐานจิตไว้ก่อนละสังขารนั่นเอง ส่วนท่านผู้อื่นจะคิดอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่ แต่ที่ยืนยันได้ ก็คือ อัฐิของหลวงปู่ดูลย์ บัดนี้ ได้กลายเป็นพระธาตุไปหมดแล้ว!!.....

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ อริยสงฆ์ที่กระดูกใสเป็นพระธาตุ ท่านได้เคยภาวนาอยู่บนเขาท่านได้เห็นกลุ่มพลังงานกลุ่มหนึ่ง ท่านจึงพิจารณาว่า กลุ่มพลังงานนั้นคืออะไร ท่านจึงทราบว่า นี้เป็นกลุ่มพลังที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อธิษฐานจิตแผ่เมตตาทิ้งไว้ในโลก หากใครมีวาสนาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดูลย์ก็จะได้รับพลังนี้ นอกจากนี้หลวงพ่อยังเคยพบกลุ่มพลังเช่นนี้แต่เป็นขององค์อื่นอีหลายครั้งและท่านก็กล่าวไว้ ไม่ใช่จะมีแต่กลุ่มก้อนพลังที่ดี ที่ไม่ดีก็มี (ไม่ได้เรียนถามท่านว่ามาจากไหน) ถ้าใครเจอเข้าก็จะมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น


(คัดจากหนังสือกรรมกำหนด-เรื่อง อสังขธาตุแห่งพระอรหันต์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล-โดย แสน วิชาชาญ)​

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโลและหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านปฎิบัติและเข้าถึงอสังขธาตุแห่งพระอรหันต์ บนตั่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน ที่นี้ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยนะครับว่าพลังนี้จะครอบคลุมมวลสารชิ้นนี้ขนาดไหน

ในความเห็นส่วนตัวผมนะครับ แค่เศษเสี้ยนไม้เพียงชิ้นเดียวติดตัว ก็ไปได้ทั้งสามโลกแล้วครับ
​

 

พรุ่งนี้มีนัด ไปรับหน้าบันพระอุโบสถเก่า อายุประมาณ 200 ปี (ทำพิธีพลีและชำระหนี้สงฆ์เรียบร้อยแล้ว)
​

ถ้าไม่คลาดกับผู้บริจาค รับของเสร็จแล้วเย็นๆ จะถ่ายภาพมาให้ชมครับ
​

ความพิเศษของโลหะชิ้นนี้คือ เป็นทองเหลืองผสมทองคำโบราณครับ​

 

มารบ่มี บารมีบ่เกิด

ตั้งแต่เริ่มโครงการมามีอุปสรรคหลายๆ อย่าง มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป


พอเปิดจองพระตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา งานประจำที่ผมทำอยู่กลับยุ่งมากขึ้นจากเดิมจนผิดปกติ แต่ผมก็พยายามแบ่งเวลาให้มาจัดการเรื่องสร้างพระให้ผ่านไปได้ พอมาตอนนี้เวลาเริ่มงวดลงๆ มีเหตุการณ์มาทดสอบใจอีกครั้ง


คอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่เกิดเสียขึ้น แต่ยังโชคดีที่ข้อมูลการจองพระ การโอนเงินยังอยู่ในเว็บ เพียงแต่เสียเวลาพิมพ์ใหม่ไม่มากครับ แต่รูปภาพที่ไปถ่ายมาตอนทำบุญ - เก็บมวลสาร ถ้ากู้ข้อมูลไม่ได้คงหายหมด


ตอนนี้ผมยืมคอมของน้องใช้ ซึ่งไม่สะดวกเท่ากับใช้เครื่องของตัวเอง ผมจะต้องซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ซึ่งหลายบาทอยู่ ไม่อยากเสียเงินสักเท่าไหร่ หากท่านใดขาย Notebook มือ 2 สภาพดีราคาไม่แพง รบกวน PM แจ้งนะครับ

 

โอนค่าพระกริ่ง

ได้โอนค่าพระกริ่งแล้วนะครับ
แนบใบโอนด้วย
aquirra no.24

 

อนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ สาธุ

 

สวัสดีครับ คุณนาวี
ที่ได้โทรแจ้งเมื่อเช้าวันนี้ครับ ดำเนินการโอนค่าบูชาพระกริ่ง
จาก SCB ---> BBLA ยอด 5,061.12
Date201012 Time7:37

ขอบคุณครับ

 

ตอนนี้อยู่ที่ไร่ที่ไทรโยคใหญ่ เอาความสุขมาฝากทุกคนค่ะ :z8

 

คอมพิวเตอร์ใช้ได้แล้วครับ เสียเงินไปกว่า 5,000 บาท โชคดีมากข้อมูลไม่หาย ​

***********************​

Update รายละเอียดการโอนเงินครับ​

​

​

​

 

เหล็กบุหน้าบันพระอุโบสถเก่าใต้ดินอายุ 900 กว่าปี

​

ได้จากวัดแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.พะเยา โดยอาจารย์ฆราวาสของผม ได้เดินทางไปทำบุญบูรณะวัดแห่งนี้ เมื่อ 30 ปีก่อน ขณะที่มีการขุดพื้นที่รอบวัดเพื่อเตรียมการบูรณะ ได้พบพระอุโบสถเก่าหลังเดิมของวัดจมอยู่ในพื้นดิน ส่วนที่โผล่ให้เห็นคือหน้าบันพระอุโบสถ ระหว่างนั้น มีโจรใจบาปได้ไปถอนตะปูทองคำ ตะปูเงิน และตะปูนาคที่ยึดหลังคาออกไป เมื่ออาจารย์ของผมท่านเข้าไปพบได้ทำการพลีและชำระหนี้สงฆ์ ขอเหล็กบุหน้าบันนี้จากหลวงพ่อเจ้าอาวาส โดยส่วนหนึ่งยังอยู่ที่วัด และอาจารย์ได้แบ่งมาส่วนหนึ่ง เก็บไว้หล่อพระถวายวัด


ประมาณกลางปีผมเรียนอาจารย์ของผมว่าจะสร้างพระกริ่ง ตอนแรกท่านไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อได้ช่าง ได้โรงงานแล้ว ท่านก็เอ่ยปากจะมอบเหล็กบุหน้าบันพระอุโบสถนี้ให้ผมนำมาหล่อพระ เพื่อเป็นการสร้างกุศลสืบต่อไป


อาจเรียกทองนี้ว่า "ทองจังโก๋" เพราะได้มาจากภาคเหนือ สังเกตดูสีของโลหะจะมีสีทอง สันนิษฐานว่ามีทองคำผสมอยู่อย่างแน่นอน


ผมจะแบ่งหล่อพระดังนี้

๑. หล่อพระกริ่งเจ้าสัวน้อยฯ ทั้งนวะโลหะและทองสัมฤทธิ์

๒. หล่อหลวงพ่อโสธร ๑๕ นิ้ว ถวายวัด ๗๗ จังหวัด

๓. หล่อพระประธานวัดถ้ำกูป จ.กาญจนบุรี

๔. หล่อหลวงพ่อโตซำปอกง วัดพนัญเชิงหน้าตัก ๙ นิ้ว เนื้อนวะโลหะ ถวายไว้ในพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ วัดหลวงพ่อสดฯ จ.ราชบุรี

ของเก่าของโบราณขนาดนี้ คงหายากมากๆ ถือเป็นมงคลอย่างสูงสำหรับเจ้าของพระรุ่นนี้จริงๆ ครับ ปีติอย่างบอกไม่ถูกเลย ^__^

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญใหญ่กับคุณชายชุดขาวด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
เป็นบุญของทุกท่านจริง ๆๆ ครับ

 

คิดถึงลานในถ้ำหน้าพระใหญ่ที่วัดถัำกูป น่าจะไปปูกระเบื้อง ติดไฟถวาย