** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ตุ้ย ฉันทะ, 16 พฤษภาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    เป็นคำถามที่ดีครับ..คุณ thlerm

    ผมว่าน้อยคนทีเดียวที่ทราบว่า จริงๆแล้วหลวงปู่ลูท่านเป็นใคร ?.. แล้วทำไมในพระเครื่องของหลวงปู่ดู่ ทั้งที่เป็นรูปพระบูชาและพระเครื่องเนื้อผง ต่างปรากฏมีพระที่เป็นรูปเหมือนหลวงปู่ลูท่าน และยังเป็นการออกแบบพิมพ์ใหม่ ไม่ได้นำพระของหลวงปู่ลูมาถอดพิมพ์ด้วย (เท่าที่ทราบหลวงปู่ลูท่านไม่นิยมการสร้างพระ ตามปฏิปทาแบบอย่างพระอาจารย์ใหญ่มั่น )

    เท่าที่ผมพยายามศึกษาและเรียบเรียงประวัติมาได้ หลวงปู่ลู ชื่อและฉายาท่านเต็มๆก็คือ " หลวงปู่ลู ศานวิริโย " ท่านอยู่ที่วัดป่าหนองโอน จ.อุดรธานี ในบรรดาศิษย์สายพระอาจารย์ใหญ่มั่น จะทราบว่าหลวงปูท่านเป็นพระที่บวชเมื่ออายุมากแล้ว และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะบวชเมื่อตอนอายุ 60 กว่าๆเข้าไปแล้ว แต่ในขณะที่ครองเพศฆราวาส ศิษย์ที่รับรู้เรื่องราวประวัติความเป็นมาของท่าน จะรู้ว่าท่านปฏิบัติเข้มข้นได้ภูมิจิตชั้นสูงตั้งแต่ครั้งยังครองเพศเป็นฆราวาสแล้ว

    เมื่อบวชเป็นพระได้บวชในสังกัดธรรมยุต ศึกษาเล่าเรียนกรรมฐานปฏิบัติตามแบบฉบับพระป่าสายพระอาจารย์ใหญ่มั่น เท่าที่ทราบครูบาอาจารย์ของท่านมีหลายองค์ เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น เป็นต้น (พระอาจารย์แถบฝั่งอีสานเหนือ) หลวงปู่ลูเท่าที่ทราบท่านจะไม่ทันยุคพระอาจารย์ใหญ่มั่น นั่นหมายถึงในเพศบรรชิต แต่ในเพศฆราวาสไม่ได้ศึกษาล่วงลึกลงไปว่า ท่านได้เคยอยู่ ได้ศึกษากับพระอาจารย์ใหญ่มั่นหรือไม่ เพราะหากพิจารณาจากอายุ และสถานที่ต้องถือว่าทันยุคแน่นอน เพราะช่วงปี 2485 จนถึงหลวงปู่มั่นมรณภาพ ยุคสุดท้ายหลวงปู่มั่นจะอยู่วัดป่าหนองผือ นาใน สกลนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเลย จึงน่าจะมีความเป็นไปได้ว่า หลวงปู่ลูท่านอาจเป็นศิษย์ฆราวาสของพระอาจารย์ใหญ่มั่นอีกองค์หนึ่ง

    หลวงปู่ลูได้ชื่อว่าเป็นพระผู้รักความสันโดด มักน้อย ถ่อมตน และหลายๆคนก็เชื่อว่าหลวงปู่ปฏิบัติจนเสร็จสิ้นกิจ เข้าสู่พระนิพพานแล้ว

    หลวงปู่ท่านละสังขารเมื่อปี 2509

    สำหรับความที่มาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ดู่ท่าน ทั้งๆที่ตลอดชีวิตท่านทั้งสององค์ ต่างไม่เคยเจอหน้าพบปะกันเลยสักครั้งเดียว ก็มีจะลักษณะคล้ายๆกับหลวงพ่อเกษม บรรดาศิษย์รุ่นเก่าๆทันยุคหลวงปู่ฯจะเล่าต่อกันมาว่า การที่หลวงปู่ดู่มารู้จักหลวงปู่ลูท่าน ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งมีศิษย์ของท่านเป็นคณะนายทหารอากาศไปกราบหลวงปู่ลู และถ่ายภาพหลวงปู่กลับมา

    ครั้นมากราบหลวงปู่ดู่ จึงเล่าพร้อมนำภาพหลวงปู่ลูมาให้ท่านชม หลวงปู่ท่านเห็นความอัศจรรย์ในภาพ และว่าหลวงปู่องค์นี้ท่านเป็นพระอรหันต์น่ะ..

    จากนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าท่านทั้งสององค์ติดต่อกันอย่างไร ทราบแต่ว่าหลวงปู่ดู่ท่านให้ความเคราพนับถือในหลวงปู่ลู เสมือนเป็นอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่านทางด้านปฏิบัติภาวนา คล้ายๆกับการให้ความเคราพในหลวงปู่บุดดา และหลวงปู่เกษม เป็นต้น

    ก็คร่าวๆประมาณนี้ล่ะครับ เท่าที่พอศึกษามาได้

    หากเพื่อนๆท่านใด ทราบรายละเอียดมากกว่านี้ กรุณาช่วยกันเพิ่มเติมข้อมูลด้วย จักเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  2. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    (ต่อ)..

    ทุกครั้งที่ผมเขียนหรือรวบรวมประวัติหลวงปู่ดู่อันเกี่ยวเนื่องกับภาคปฏิบัติ..หรือภาคอันเกี่ยวเนื่องด้วยพระอาจารย์มั่น ดังเช่นเรื่องราวแห่งหลวงปู่ลู เป็นต้น

    ลึกๆ..ผมจะรู้สึกอึดอัดทุกครั้ง ที่ศิษย์รุ่นใหม่ๆ ของท่าน..ดูเหมือนจะพยายามแยกองค์หลวงปู่ดู่ท่านให้มีความแตกต่างกับพระป่าพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น โดยสิ้นเชิง..

    โดยพยายามจะยัดเยียดในหลวงปู่ดู่ท่านดูเป็นผู้วิเศษเหนือโลก เป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ พูดง่ายๆเป็นแนวพุทธภูมิ แนวพระโพธิสัตย์ แนวพระศรีอริยเมตไตร ไม่ขึ้นกับพระศรีศากยมุนีพระพุทธเจ้าในกาลปัจจุบัน ตามแบบที่ตัวเองและหมู่คณะเก่าตนเองชอบและฝักใฝ่เรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร และก็อยากให้หลวงปู่เป็นลักษณะเช่นนั้น ถึงกับขนาดแต่งหนังสือหลอกกัน ประมาณว่าเป็นคำพูดคำทำนายจากหลวงปู่บุดดา ประมาณๆว่า ท่านจะสำเร็จหนอ ท่านจะสำเร็จหนอ สิ่งที่ท่านมุ่งหวังจะได้เป็นพระพุทธเจ้าสมใจสมปราถนาอะไรประมาณนั้น ทั้งๆที่คำเหล่านั้นผมซักถามจากพระอาจารย์มหาทอง ซึ่งอยู่กับหลวงปู่ดู่ และหลวงปู่บุดดาทุกครั้งไม่มีพลาดสักครั้งเดียว ท่านว่าคนชอบมาถามกันบ่อย ซึ่งท่านก็ได้แต่ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่เคยมีคำพูดลักษณะเช่นนี้หรือแนวทางนี้แน่นอน มีแต่การไปโอภาปราศรัย ไปเยี่ยมไปเยียน ถามสารทุกข์สุขดิบ ถามอาการป่วย และบางคราหลวงปู่บุดดาก็เหมือนไปสอนธรรมพิจารณาสังขารให้แก่หลวงปู่ฯ

    การตู่หลอกกันเช่นนี้ เพียงกระพี้เดียวย่อมเห็นได้ถึงความผิดปกติทั้งผืนทั้งเล่ม ที่พยายามจะนั่งเทียนเขียนให้หลวงปู่ดู่ท่านเป็นพระโพธิสัตย์ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปให้ได้

    ทั้งที่หากเราสนใจสักนิด..ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาต่างๆโดยละเอียด โดยเฉพาะกับศิษย์สายปฏิบัติจริงๆแท้ๆทันยุคของท่าน เราจะได้ทราบเรื่องราวอันเกี่ยวกับหลวงปู่ดู่อย่างถูกต้องเพิ่มมากขึ้นทีเดียว

    สิ่งหนึ่งที่ผมกล้ายืนยัน ณ ที่นี้ได้เลย..

    หลวงปู่ดู่ท่านมีแนวทางปฏิบัติไม่ผิดกับแนวทางแห่งสายพระป่าพระอาจารย์ใหญ่มั่นเลย..แนวทางเดียวกัน ทางเดียวกัน สายเดียวกัน ไม่ผิดกันเลย..

    ใครก็แล้วแต่ที่พยายามจะยัดเยียดให้ดูเหมือนมีความแตกต่างกันนั้น ถือว่าผิดมากๆ..

    ศิษย์สายปฏิบัติทันยุคทุกคน จะพูดเหมือนกันว่า หลวงปู่ดู่ท่านให้ความเคราพในพระอาจารย์มั่นมาก ทุกครั้งที่พูดถึงหลวงปู่มั่น ท่านจะยกมือไหว้ท้วมหัว..

    ใครถามเรื่องการเดินจงกลม ..ท่านว่าให้ไปศึกษาวิธีการจากหนังสือของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ที่หลวงตามหาบัวท่านเขียนสอนไว้ดีแล้ว ละเอียดดีแล้ว..

    ท่านชอบใจกับคำสอนพระอาจารย์มั่น ในเรื่องการดูจิต รักษาจิตมาก จึงให้คุณเมธาเขียนบนกระดาษด้วยหมึกอินเดียนอิงค์สมัยก่อน และนำไปแปะเป็นข้อเตือนใจติดไว้ที่ผนังห้องท่าน จนปรากฏหลักฐานที่เห็นอยู่จนทุกวันนี้

    หลวงปู่ดู่ ไม่เคยปฏิเสธการภาวนา "พุทโธ" การกำหนดดูลมหายใจเลย ท่านว่าดีแล้ว ทำดีแล้ว ถนัดดีแล้วให้ทำต่อไป..

    ใครที่สอนว่า แนวทางการปฏิบัติคำภาวนาพุทโธ หรือ การกำหนดลมหายใจอาณาปานสติผิด หรือพยายามชี้นำว่าเป็นแนวทางไม่ชัดเจนยากเกินไปหรือไม่ควร แสดงว่าเก่งกว่าหลวงปู่ดู่ เรียกเพี้ยนจนเกินอาจารย์

    คำภาวนาจะคำว่า พุทธัง...ธัมมัง..สังฆัง..สรณัง คัจฉามิฯ หรือจะคำว่า พุทโธ หรือจะสัมมาอรหัง หรือจะคำว่า หนึ่ง สอง สาม, ยุบหนอพองหนอ , หมู หมา ป่า ไก่ คำต่างๆเช่นนี้ เป็นแค่เปลือกนอกแห่งสมมุติหาเอาคำมงคล เป็นสิ่งหลอกล่อจิตให้มีเป้ายึดเพียงเบื้องต้นแห่งสมาธิ หากใครผ่านจากจุดนี้ไปแล้ว จะเห็นว่าคำเล่านี้ไม่มีความสลักสำคัญพอแก่การยึดติดเลย..

    ใครภาวนาเป็น จะไม่ให้ความสำคัญกับการสวดอะไรต่างๆโดยหาประโยชน์ไม่ได้เลย..นอกจากเป็นเพียงเครื่องล่อกล่อมจิตให้มีความสงบเท่านั้น

    ใครสอนว่าสวดแล้วรวย เชื่อและศรัทธาในการทรงเจ้าเข้าผี เชื่อในดวงดาวและโชคชะตา ด้วยจิดผู้สอนยังอยู่เพียงภูมิแห่งโลกียะ ผูกติดกับเรื่องราวแห่งโลกๆ ร่ำๆรวยๆ หนุนดวง ส่งเสริมชะตา เรียกว่าภูมิแห่งโลกๆเต็มไปด้วยกิเลสเต็มภูมิ จึงได้พร่ำสอนแต่เรื่องโลกๆ ไม่ก้าวพ้นเข้าเส้น"ธรรม" ไปได้แม้เพียงน้อย...

    หลวงปู่ดู่ท่านอยู่กับธรรม.. ภูมิจิตท่านธรรม เป็นโลกุตรธรรม จึงพร่ำสอนพร้อมคำพูดในเชิงอุบายต่างๆมากมาย ทั้งหมดก็เป็นไป เพื่อการพิจารณากิเลส ดูกิเลส ลดละในความโลภ โกรธ หลงแห่งตนทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ศิษย์ทันยุคหลวงปู่ฯบางท่าน แย้งว่าคำสอนใหม่ๆเช่นนี้ มันผิดแนว มันไม่ตรงกับหลวงปู่ฯ มันแต่งขึ้นใหม่ เรียกชื่อขึ้นใหม่ ตีความหมายขึ้นใหม่ แม้ต้นทางคนไม่เข้าใจอาจดูเหมือนกันผิดห่างกันเล็กน้อย แต่เมื่อต้นทางแยกเสียแล้ว ปลายทางยิ่งแยกทางห่างออกไปไม่สุดสิ้น เสมือนทางแยกสองสาย จนไม่สามารถจบในรอยเดียวกันอันเป็นรอยที่ถูกต้องชอบธรรมได้ เรียกว่าผิดทาง หลงทางไปเลย นับว่าผิดจากประโยชน์ใหญ่ที่สมควรจะได้รับ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งองค์หลวงปู่ที่ต้องการให้ศิษย์ทุกคนได้รับอันสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ของท่าน หรือเรียกว่าจากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผิดที่ผิดทางกันไป

    คำปฏิเสธคำท้วงติงจากศิษย์ที่ต่างทันยุคด้วยกันรู้เห็นของจริงด้วยกันที่ได้รับก็คือ "หลวงปู่ฯท่านสอนไม่เหมือนกัน " เป็นคำปฏิเสธที่แสนง่าย ใช้ได้ในทุกโอกาสที่ถูกท้วงติงในความผิดปกติที่ผิดเพี้ยนออกไป ไม่เหมือนต้นฉบับที่ทุกคนเคยได้รับการสอนมาจากหลวงปู่ฯ ไม่เหมือนที่ศิษย์คนอื่นๆคนหมู่มากที่เขาพากันปฏิบัติและรับฟังมา ทั้งๆที่ขึ้นว่าพระอริยสงฆ์ระดับหลวงปู่ฯแล้ว จะพูดกี่ครั้งย่อมหาสาระความแตกต่างกันไม่ได้เลย หากผู้ฟังอยู่ในภูมิจิตแห่งการรับฟังที่ถูกต้อง


    ความจริงยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่อยู่ในใจ แต่ไม่รู้จะเขียน จะอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้อย่างไร

    ได้แต่สรุปและยืนยันแน่นอนว่า " การเป็นศิษย์อาจารย์ผู้ใด หากเป็นสายปฏิบัติแท้ จะไม่ยึดติดในองค์อาจารย์แห่งตนมากเกินไปนัก" ประเภทอาจารย์ฉันต้องเก่งกว่า แน่กว่า การปฏิบัติต้องตามแบบฉบับอาจารย์ฉันเท่านั้นจึงถูก นอกนั้นไม่ดี ไม่ถูก ผิดหมด ทั้งๆที่จริตคนมีต่างกันมากมาย หรือการยึดติดในครูบาอาจารย์ของตน ทีสุดก็ยัดเยียดความวิเศษให้อาจารย์แห่งตนต้องเก่งที่สุด วิเศษที่สุด เหนือมนุษย์ที่สุด ฯลฯ จากเริ่มต้นอยูที่กำลังความศรัทธา นานวันแทนที่กิเลสต่างๆจะลดน้อยถอยลง กลับกลายเป็น "ความหลง หรือตัวหลง, ความงมงาย ความยึดติดเข้าแทนที่ในที่สุด"

    การปฏิบัติที่แท้จริงแล้วเหมือนกันหมด ที่ถูกต้องมันอยู่ตัวเราเองต่างหาก ไม่ได้อยู่ที่อาจารย์เลย อาจารย์ท่านก็เป็นแต่เพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น ชี้ทางดีเราก็ไปถูกที่ถูกทาง ชี้ทางผิดเราก็หลงทางหาทางกลับบ้านไม่เจอก็เท่านั้น..หลวงปูดุลย์ท่านจึงพยายามสอนศิษย์ท่านที่จะเป็นครูบาอาจารย์คนต่อไปอย่างเคร่งครัดว่า " การเป็นอาจารย์คนนั้นสำคัญมาก ผิดหรือถูกก็อยู่ที่อาจารย์นั้นๆ อาจารย์ดีก็ชี้ทางไปสู่ทางสว่าง ทางสงบ อาจารย์ผิดก็เข้าลกเข้าพง ภาวนากันไม่เป็นอยู่ร่ำไป นับว่าทำเขาเนิ่นช้าเสียเวลาไปหลายกาลหลายชาติเป็นบาปเป็นกรรมกันไป"

    โดยเฉพาะการพูดในลักษณะโน้มน้าวหรือนัยยะโดยอ้อมๆว่า " แนวทางแห่งพระป่ากรรมฐานพระอาจาราย์ใหญ่มั่นนั้นผิดกับแนวทางของหลวงปู่ดู่ " ..คำพูดนี้ถือว่าผิดมากๆ และการผิดโดยเช่นนี้ ผู้รู้ผู้เข้าใจ ผู้ผ่านการปฏิบัติเห็นผลมาบ้างแล้ว ย่อมรู้ซึ้งเห็นซึ้งแสดงได้ถึงภูมิจิต ภูมิธรรมตัวตนที่แท้จริงแห่งผู้พูดได้ชัดเจนยิ่ง..ก็ขนาดหลวงปู่ดู่ท่านเองยังให้ความเคราพนับถือ และน้อมเอาข้อปฏิบัติในแนวทางแห่งพระป่ามาเป็นหลักสอนแก่ตัวท่านเองและสอนศิษย์ แต่ครั้นผู้ที่อ้างเป็นศิษย์ท่านกลับมาผิดแนวอาจารย์เก่งกว่าอาจารย์ เช่นนี้มันจะถูกต้องหรือ

    หลวงปู่ดู่ท่านให้ความเคราพนอบน้อมในพระอาจารย์ใหญ่สายพระอาจารย์มั่นทุกองค์ ผู้อยู่เหตุการ์ณต่างยืนยันว่า ศิษย์ท่านใดได้กราบครูอาจารย์ท่านใด หลวงปู่ดู่มีแต่ยกมือท้วมหัวอนุโมทนา และชมเชยพระองค์นั้นว่า นั่นพระอรหันต์น่ะนั้น ได้กราบถือเป็นบุญแกยิ่ง ไม่ว่าจะพูดถึงองค์หลวงปู่มั่นเอง หรือศิษย์อาวุโสรุ่นต่อๆมาทุกองค์ของท่านที่เรารู้จักกันดี

    วางจิตกลางๆครับ..พอดีๆ..สบายๆ..เพราะมนุษย์มีแต่ความยึดติด มีแต่ตัวทิฐิ..มีแต่ตัวกูของกู บ้านเมืองมันก็เลยวุ่นวายเหมือนเช่นทุกวันนี้..

    เข้าวัดให้ไปเอา "ธรรม" เอา "ปัญญา" ครับ..ไม่ใช่เขาไปเอา "ความหลง ความยึดติด ความงมงายในครูอาจารย์ "

    จากประสบการ์ณชีวิตที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ได้เจอะเจอพระอริยะสงฆ์เจ้า หรือ อริยะบุคคลต่างๆมามากเกินกว่า 100 องค์ ด้วยระยะเวลานานกว่า 20 ปี สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้แน่นอนก็คือ แววตาและผิวพรรณ ไม่ว่าท่านจะมีผิวดำหรือผิวขาวก็ดี ด้วยภูมิจิตภายในท่านที่ส่งกระแสออกมาภายนอก หากดูที่แววตาจะเห็นแต่กระแสแห่งความเมตตาลึกๆอยู่ในองค์ท่านไม่มีประมาณ (ดูภาพหลวงปู่ดู่) หรือหากดูที่ผิวพรรณจะเห็นถึงกระแสบารมี หรือที่สมัยนี้เรียกว่า "ออร่า" เปล่งปลั่งในทุกองค์ไป..ซึ่งใครๆก็สัมผัสได้แม้เพียงแรกเห็น และแม้บางองค์บางหลวงตาหลวงปู่ท่านจะอยู่ในอาการป่วยไข้อยู่ก็ดี ก็มิสามารถปิดพลังแห่งความเมตตา พลังแห่งออร่านั่นได้ นั่นแหละเรียกว่า "อริยะ" แท้..แน่นอนที่สุดย่อมแตกต่างกับพระที่ผิวพรรณหม่นหมอง ผิวหน้าดำคล้ำ แววตาแข็งกร้าว..นั่นมิใช่ลักษณาการแห่งอริยะสงฆ์ อริยบุคคลที่สมควรแก่การเป็นครูคนดังที่ผมเคยพบเลย

    คำว่า "คนดี ไม่ตีใคร" เป็นอีกหนึ่งอมตะวาจาที่ อ.เมธา กับคุณพรสิทธิ์พยายามรวบรวมคำพูดสอนหลวงปู่ โดยตัดเป็นไดอาร๊อกสั้นๆง่ายๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และนำมาเผยแพร่จนเป็นที่รับรู้และน้อมมาปฏิบัติอย่างแพร่หลายทุกวันนี้ คำๆนี้นัยยะความหมายที่แท้จริง ที่หลวงปู่ต้องการสื่อก็คือ ต้องพยายามดูจิต รักษาจิตตนเอง อย่าให้เป็นผู้วันๆมีแต่คอยจ้องไปว่าคนอื่นเขา ติเตียนคนอื่นเขา หรือกระทำให้เป็นผู้มีมุทิตาจิตเป็นปกติในทุกอารมณ์นั่นเอง แต่มิได้มีความหมายไปถึงคำท้วงติงใดๆที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง เช่น เห็นคนร้ายไปกระชากระเป๋าคนอื่นเขา ขโมยของคนอื่นเขา แล้วเงียบปากไว้ ว่าฉันวางจิตเป็นมุทิตา ฉันเป็นคนดีต้องไม่ว่าใครติเตียนใคร

    "คำหนึ่งแห่งครูบาอาจารย์ที่คอยย้ำเตือนผม จำได้ไม่ลืมเลือน..

    ให้จำไว้..แม้นขึ้นชื่อว่าเข้าวัด... แต่ต้องระมัดระวังอย่าให้จิตผูกโยงกับความหลง ความงมงาย ความยึดติดใดๆ

    ให้ใช้ปัญญาขบคิดใคร่ครวญหาเหตุหาผลในทางธรรมอันสมควร นั่นจึงได้ชื่อว่าเข้าวัดโดยถูกต้อง "




    บางส่วนของภาพแห่งกระแสเมตตา..ออร่าธรรม


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2012
  3. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    ขอบคุณพี่โจมากเลยครับ
    เรื่องปฏิปทาของหลวงปู่นี่รู้สึกจะมีหลากหลายแนว
    ทั้งๆที่บุคคล ทั้งพระ และ ฆาราวาส ที่เคยสัมผัสกับองค์ท่านโดยตรงก็ยังมีอยู่มาก
    แต่ทว่าแต่ละบุคคลก็มีคติความเชื่อแตกต่างกันออกไป
    ดังนั้นเพื่อนสมาชิกทุกท่านควรจะพึงระวังในกล่าว หรือเผยแผ่ในสิ่งที่ตนไม่รู้จริงออกไป
    เพราะนอกจากจะเป็นปรามาสครูบาอาจารย์แล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนในธรรม ได้อีกด้วย
    สำหรับผม ผมเคารพ ศรัทธาหลวงปู่ เพราะหลวงปู่คือหลวงปู่ดู่ ท่านมีแววตาที่เต็มไปด้วยเมตตา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสกับองค์ท่านโดยตรง แต่ทุกครั้งที่ไปวัด หรืออยู่ที่บ้านก็ตาม
    เพียงระลึกถึงท่าน ก็รู้สึกได้ถึงความเมตตาที่กรุ่นอยู่ในอากาศรอบตัว
     
  4. เด็กอยุธยา

    เด็กอยุธยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +21
    พี่โจ ผมถามหน่อยว่า จักร ด้านหลังองค์พระหลวงปู่ มีจักรกี่จักร เจ็ดหรือว่าแปดจักร คร๊าบ
     
  5. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    อันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไรครับ..คุณน้องยุดยา

    หมายถึง "จักร" องค์พระพุทธรูป หรือที่เป็นรอยสักหลวงปู่ฯท่านครับ

    ถ้าเป็นรอยสัก มักมีคำถามที่คนมักถามถึงเสมอๆว่า

    แล้วจริงๆหลวงปู่ฯท่านไปสักกับใคร สมัยใด

    เรื่องนี้รอยสักนี่..ยังไม่ค่อยมีคนรู้คำตอบที่แบบเชื่อถือได้ 100 %

    มีแต่บางกระแสว่า.. เมื่อครั้งหลวงปู่ท่านบวชใหม่ๆ หลังจากละซึ่งหลวงพ่อกลั่น อุปัฐฌาช์ท่าน ได้ศึกษาเล่าเรียนตำรับเลขยันต์ตามตำรับวัดประดู่ทรงธรรมแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านได้เสาะแสวงหาควมรู้เพิ่มเติม

    หนึ่งในสำนักที่ท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์ต่อมาก็คือ หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ สุดยอดเกจิรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงพ่อกลั่น อีกองค์หนึ่ง รอยสักนี้บางท่านว่าเป็นหลวงพ่อขันท่านสักให้กับหลวงปู่ดู่..

    ซึ่งข้อมูลนี้ยังไม่ถือเป็นที่รับรองความถูกต้อง เพียงแต่ได้ยินคนเขาพูดกันอยู่บ้างเท่านั้นครับ
     
  6. อิฐมอญ

    อิฐมอญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,385
    ค่าพลัง:
    +1,444
    เข้าใจว่า เด็กยุดยา จะถามเรื่องตราปั้มรูปกงจักร นะครับพี่โจ ว่ามีกี่ใบจักร
     
  7. phumiput

    phumiput เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,737
    ค่าพลัง:
    +16,580
    องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านได้เคยบอกว่า องค์หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณครับ
     
  8. ULTRAMAN NA

    ULTRAMAN NA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,279
    ค่าพลัง:
    +5,378
    ลูกอมแท้ไหมครับ มีอยู่ 2 ลูกครับขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2418.JPG
      IMG_2418.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.1 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMG_2417.JPG
      IMG_2417.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127.4 KB
      เปิดดู:
      56
    • IMG_2410.JPG
      IMG_2410.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.5 KB
      เปิดดู:
      81
    • IMG_2412.JPG
      IMG_2412.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.7 KB
      เปิดดู:
      39
    • IMG_2407.JPG
      IMG_2407.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMG_2411.JPG
      IMG_2411.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.1 KB
      เปิดดู:
      39
    • IMG_2409.JPG.jpg
      IMG_2409.JPG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.6 KB
      เปิดดู:
      50
  9. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    อ้อ..เหรอ..ท่านอิฐช่วยถ่ายรูปหลังตราจักร ให้น้องๆดูหน่อยดิ..

    ท่านน่ะพระผงมากมายกว่าผมมากนัก ตราจักรมีหลายๆแบบ เล็กบ้างใหญ่บ้าง

    ถ่ายหลายๆแบบ หลายๆสีหมึก ให้น้องๆได้ชมชัดๆบ้างซิครับ
     
  10. KonnoK

    KonnoK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +574
    ผมขออนุาตพี่โจ ลงรูปตรายางด้านหลังองค์พระมาให้พี่โจช่วยตอบสมาชิกครับ

    จากที่เคยพบปะพี่ๆ น้องๆ สายตรงมาหลายๆ ท่านที่พอจะเชี่ยวชาญในการพิจารณาแท้-เก๊พระเนื้อผงหลวงปู่ดู่ได้ ส่วนมากมักจะไม่่ค่อยให้ความสำคัญกับตรายางด้านหลังองค์พระสักเท่าไร รบกวนพี่โจช่วยชี้แจ้งให้ทราบทีครับว่าเท็จจริงประการใดครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. chongkasem

    chongkasem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    646
    ค่าพลัง:
    +781
  12. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    ขอบคุณครับ..คุณนก ที่อุตส่าห์ถ่ายภาพตรายางปั้มมาให้ดูกัน..

    ก็อย่างที่เคยเรียนไปหลายๆครั้งแล้วล่ะครับว่า..

    ตรายางปั้มรูปกงจักร หมายถึง ตรายางที่ปั้มลงด้านหลังพระผงทันยุคท่านที่เหลือค้างอยู่ที่กุฏิ เพื่อแสดงว่าเป็นพระยุคหลัง ที่ปั้มหลังจากหลวงปู่ฯท่านละสังขารแล้ว

    สำหรับนักสะสมพระเครื่องหลวงปู่สายตรง จะว่าไปตรายางก็มีความสำคัญในการแสดงเก๊/แท้ ได้ส่วนหนึ่งครับ โดยถึงแม้เนื้อพระ พิมพ์พระจะรู้ว่าแท้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ตรายางถูกต้องด้วย ก็ถือว่าช่วยเพิ่มความแท้ และเป็นที่นิยมของตลาดมากขึ้นครับ

    อย่างไรก็ดี..เรื่องของตรายาง ปัจจุบันยังมีเรื่องตลกที่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นสมัยก่อน ตอนนั้นพระผงหลวงปู่ยังไม่ได้ความนิยมมากเหมือนสมัยนี้..

    กล่าวคือ..ผู้อยากได้พระหลวงปู่ก็ไปเช่าหาจากร้านค้าพระในพื้นที่ แต่ท่านผู้เช่าก็แสดงแต่ความจำนงค์อยากจะได้แต่องค์ที่มีตราปั้ม..ทั้งๆที่เป็นพระแท้ทั้งหมดอยู่แล้ว เมื่อเป็นดังนั้นผู้ขายก็ต้องการขาย จึงว่าวิธีแก้ไขโดยทำตรายางปั้มขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ไม่เหมือนของเก่าจากวัดอยู่ดี ก็ทำการปั้มลงในพระแท้ๆนั่นแหละ ผลปรากฏว่าก็ขายได้ ลูกค้าชื่นชอบ..เรียกว่า " ไม่มีตราปั้มไม่เป็นไร เดี๋ยวจัดให้ " ..

    ดังนั้นในปัจจุบันนอกเหนือจากพระเก๊ ตรายางเก๊แล้ว ยังมีพระแท้ แต่ตรายางเก๊ปรากฏอยู่ในวงการบ้างครับ แต่ก็เป็นส่วนน้อย

    เล่าๆมาพอเป็นที่ประดับความรู้กันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  13. เด็กอยุธยา

    เด็กอยุธยา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +21
    ผมขอโทษ พี่ๆด้วย ทีไม่ได้แนบรูปมาในตอนแรก
    แร้วทำไมมันมัยโชว์รูปเหมื่อนคุณNonnok ล่ะคร๊าบ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 04.bmp
      ขนาดไฟล์:
      194.3 KB
      เปิดดู:
      87
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  14. นิววัดสะแก

    นิววัดสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    850
    ค่าพลัง:
    +801
    :':)':)'(
    ให้ 3 ดาวเลยจร้า
     
  15. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    :':)':)':)':)'(.........ร้องมากกว่า.....เพราะดูไม่เป็นเลยค๊าบบบ
     
  16. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    รบกวนพี่ ๆ ช่วยดูองค์นี้ให้หน่อยครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ขอบคุณครับ
     
  17. นิววัดสะแก

    นิววัดสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    850
    ค่าพลัง:
    +801

    :':)':)':)':)'(

    อันนี้ให้ 5 ดาว เพราะมี พยายามจารเลียนเเบบหลวงปู่ท่านคับ
     
  18. phumiput

    phumiput เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,737
    ค่าพลัง:
    +16,580
    ผมคิดว่าลูกอมสีน้ำตาลน่าจะเป็นลูกอมพญาเทครัว ของ หลวงพ่อเอิบ วัดหนองหม้อแกงมากว่านะครับ
     
  19. max_thonglor

    max_thonglor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    317
    ค่าพลัง:
    +704
    [​IMG][​IMG]

    ท่านเจ้ากรมสุดๆยอดอีกแล้วคร๊าบ
     
  20. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    ผมพยายามเปิดเข้าดูรูป..แต่ดูภาพไม่ได้เลยครับ..ช่วงนี้เวบจะไม่ค่อยสบายครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...