ได้ยินเสียงตอนตี 2

แค่เริ่มต้นสนใจ ก็พบว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยช่างสังเกตุค่ะ ไม่ค่อยใส่ใจกับสิ่งที่เจอ เข้ามาอ่านที่คุณ nopphakan และบางท่านโพสต์เอาไว้ถึงรู้ตัว
อ่านที่บางท่านเขียนเอาไว้ดูลงรายละเอียดจริงๆค่ะเล่าได้น่าสนใจมาก บางเรื่องที่ดูแล้วเข้าใจทันทีบางเรื่องคงยังไม่ถึงเวลาและยังไม่รู้จะถามอย่างไร บางอย่างยังไม่รู้คำตอบก็จริงแต่ไม่สงสัยคงเป็นเพราะชินหรือบางครั้งกำลังจะสงสัยเสี้ยวขณะเดียวเร็วมากมันตีดับไปเองเสียอย่างนั้น ต้องเจอเคสที่จำเป็นต้องสงสัยจริงๆ อย่างทำไฟดับระบบไฟฟ้ารวนนี่บ่อยเข้าเฉยไม่ออกเพราะควบคุมไม่ได้เริ่มกลุ้มค่ะ

คุณnopphakan ตอบเข้าใจง่ายดีค่ะ ขอบคุณมากๆเลย แต่ยังมีข้องใจอีกคะรบกวนด้วยนะคะ "ส่วนเสียงวี๊ดๆ เนี่ยถ้ามาในแนวปฎิบัติ.จะต้องดังวี๊ดแค่คำเดียว แล้วลากยาวไปเลยนะคับ..คือ วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด." (วี๊ดยาวๆที่ว่านี่ในทางปฎิบัตินี่หมายความว่าอย่างไรคะ เกิดขึ้นเมื่อเราเป็นอย่างไรไม่ใช่วี๊ดหูอื้อนะคะนึกว่าเสียงนก ได้ยินแล้วควรเฉยต่อหรือไม่) ยกเว้นในกรณีที่เป็นเปรต บางจำพวก.ที่พอมีฤิทธ์บ้าง อาจจะได้ยินเสียง วี๊ดๆๆ หรือไม่ก็ลองแยกแยะพิจารณาถึงต้นเสียงอีกครั้งหนึ่งครับ.." (เสียงเปรตนี่แปลกที่ได้ยินมาทั้งข้างขวาและซ้ายเสียงช่วงแรกๆจะเข้าข้างเดียวก่อนแบบเงี่ยฟังแต่พอเริ่มได้ยินและสนใจจะได้ยินตรงกลางหูทั้งสองข้างและชัดขึ้นดังเบาตามความสนใจ บางทีจะเห็นว่าเขามองเราจากมุมไหนเห็นภาพตัวเองถูกมองและรู้ความรู้สึกของเขาขณะที่เป็นอยู่ไม่สนุกเลยต้องรีบตัดทิ้ง เปรตมีอยู่ครั้งหนึ่งเสียงเข้าทางด้านขวาก่อนคะเลยสงสัยตามที่เคยถามก่อนหน้านี้) ปล.เรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้หาศึกษาได้จากที่ไหนบ้างคะ อยากจะเมตตาใครกับเขาบ้างแต่เดิมเป็นความรู้สึกว่าถูกรบกวนซะมากกว่า

 

เพียงแต่เล่าให้คุณ ชื่อสมมุติ ฟังอย่างนี้นะครับที่หละประเด็น
ประเด็นแรก เรื่องเสียง วี๊ดดดดดดดด หรือ ระบบไฟฟ้ารวน..มีหลักการอย่างเดียวกันคือ ให้เฉยๆการเฉยในที่นี้คือ ต้องไม่เก็บมาคิด และไม่เก็บมาสนใจเลย.และไม่จำเป็นจะต้องค้นหาคำตอบในตอนนี้ก็ได้.มันมีเหตุดังจะกล่าวดังต่อไปนี้.ถ้าเปรียบว่าการที่จิตจะสามารถยกภูมิขี้นสู่การวิปัสสนาได้..เป็นการเดินขึ้นบันได 7 ขั้นไปยังบนบ้าน..

เรื่องเสียงเหมือนเราเดินอยู่บันไดขั้นที่ 3 ถ้าเราเก็บมาคิดเราจะมองข้างทางและบันได้ขั้นที่ 2 และ 1 ได้เกือบทุกๆด้าน.. แต่เราจะมองเห็นขั้นที่ 4 5 6 7 ได้เหมือนกัน...จากการอ่าน การฟัง การได้ยิน แต่เราจะไม่เห็นรายละเอียด ทั้งซ้าย ขวา และพื้นของบันได้ขั้น ที่ 4 5 6 7 รวมทั้งด้านที่เหลือ เป็นเหตุที่ทำให้การเดินขึ้นบ้านช้าลง
...เรื่องเสียงเสมือนคนมองมาจากขั้นที่ 4 และถ้าในทุกขั้นที่เรากำลังจะเดินโดยที่เรา ไม่สนใจข้างทางเลยซักขั้น เราก็มีโอกาสที่จะขึ้นบ้านได้ก่อนใคร..และถ้ามีใครถามเรา.ว่าบันไดขั้นไหน..มีอะไรด้านข้างๆบ้าง เราก็สามารถที่จะตอบได้..เป็นปกติเพราะเราอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นได้..ประมาณนี้ สำหรับประเด็นแรกครับ​

 

เพียงแต่เล่าให้คุณ ชื่อสมมุติ ฟังในประเด็นที่สอง
ประเด็นเกี่ยวกับการสัมผัสเรื่อง ภพภูมิ และแหล่งข้อมูลที่มาของขุ้อมูลต่างๆ..ยกตัวอย่างกรณีนี้ เรื่อง เปรต..ถ้าคุณ สมมุติ สังเกตุที่เขียนดีๆ จะเห็นคำว่า ยกเว้นเปรตบางจำพวกที่พอมีฤิทธิ์บ้าง ความหมายคือ อาจจะได้ยินทั้งซ้ายและขวา ถ้าได้ยินขวาด้วยก็เป็นจำพวกที่บอกและที่คุณได้ยิน ก็ถูกต้องแล้วครับ..ที่นี้ถ้าเกี่ยวกับเปรต ถ้าเราสามารถเห็นได้จากกำลังสมาธิเรามุมมองที่เห็นจะเปลี่ยนเป็น เราต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง.ถ้าเราเห็นแบบนี้ได้จะสังเกตุเห็นว่าเค้าจะกวักมือเรียกเราเอง มือข้างไหนยังไม่อยากบอกแต่จะคล้ายๆกรณีหูหรือไม่ลองดูเผื่ออนาคตนะคับ จะไม่ใช่เหมือนเค้ามองเราอย่างที่ คุณสมมุติสัมผัสได้ตอนนี้ครับ..​

 

ประเด็นเรื่องแหล่งข้อมูล

ที่นี้แหล่งข้อมูลมาจากไหน ประเด็นนี้สำคัญมากครับ..หลังจากที่แต่ละท่านสามารถสัมผัสมาได้บ้างแล้วในระดับหนึ่ง..เป็นธรรมดาที่จะต้อง สงสัย หรือ กังวล บ้างรวมทั้งเก็บมาคิดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติคับ..​

เพราะเรื่องภพภูมิ เราเน้นวัตถุประสงค์เป็นหลัก ไม่ใช่การสัมผัสได้..ในกรณีอย่างนี้ตรวจสอบกับ...พระที่มีอภิญญาก่อนเท่านั้นครับ..เพราะท่านจะบอกได้ว่า วัตถุประสงค์คืออะไร แต่ครั้งต่อๆไป เราควรจะต้องทราบได้เองบ้างแล้วในเบื้องต้น และเรื่องการปรากฏตัวนั้น ต้องอาศัยหลักการสังเกตุจาก ภพภูมิที่ปรากฏให้เห็น​

อันดับแรกต้องทราบให้ได้ว่าท่านเป็นใคร.จากการถามพระอภิญญาหรือ ครูบาร์อาจารย์ หากเราไม่สามารถทราบได้ ณ ตอนนั้น แล้วต้องอาศัยการสังเกตุ ลักษณะการปรากฏ ตำแหน่งที่ปรากฏ ลักษณ์การแต่งตัว สีผิว บุคคลิก ท่าทาง ระดับความแตกต่างของเสียง ไว้ให้หมด แล้วถึงมาสรุปเป็นกรณีๆไป..​

ปล. และที่สำคัญที่สุดคือ ทุกกรณีควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เค้าก่อนในเบื้องต้นไม่ว่าจะทำตอนนั้นหรือด้วยการตักบาตร และถ้าจะดีที่สุดก็คือ ไม่ต้องเก็บมาคิดและเก็บมาสนใจใดๆทั้งสิ้น..เพราะเรื่องภพภูมิสามารถเป็นเครื่องขวางการเดินขึ้นบ้าน..หรือ การทำสะอาดฝุ่นในกรณีที่เราสามารถขึ้นบ้านได้แล้วครับ...ประมาณนี้...​

 

เรื่องขั้นบันไดและการยกจิตเข้าสู่ภูมิวิปัสสนา ขอบคุณมากเลยคะ มองเห็นตัวเองเมื่อคืนเลยใจร้อนรนอยากได้คำตอบเทียวเข้าค้นหาข้อมูลจากภายนอกใหญ่แต่ยิ่งหาเหมือนยิ่งสงสัยสับสน 555 พอหงุดหงิดตัวเองก็ไปเอนพัก...หนทางมันมาจากไหนไม่รู้แต่มาเพื่อให้ถามตัวเองต่อไปเรื่อยๆ...


เคยมีบางท่านสอนคล้ายๆอย่างนี้ แต่ยังไงก็ยังเป็นเหยื่อของความอยากรู้ค่ะขอบคุณที่เตือนสตินะคะ อนุโมทนาสาธุค่ะ _/|\_

เรื่องภพภูมินี่รู้น้อยมากคะฟังอ่านแล้วลืมจริงๆ เข้าใจแล้วค่ะคีย์เวิร์ดคือ"วัตถุประสงค์"นะคะ ส่วนให้ทราบว่าท่านเป็นใคร ติดตรงที่เป็นคนไม่ช่างสังเกตุค่ะ จะนึกขึ้นมาใหม่กลัวตัวเองจะปรุงแต่งเพิ่มเติมซะเปล่าๆ เท่าที่เจอมาไม่เคยสงสัยว่าเป็นใครเลยคะมีแต่สงสัยตัวเองว่าเจอจริงๆรึเปล่าแล้วก็ลืม^^


ขอเวิ่น เรื่องระบบไฟฟ้ารวนหน่อยนะคะ นึกรู้มาว่าเกี่ยวกับสายฟ้า(ฟ้าผ่า)ค่ะ เคยผ่าลงมาใกล้มากข้างบ้านลงต้นไม้นะคะ ผูกพันธ์ในส่วนลึกเลย ถ้ามีกระแสไฟฟ้าแรงสูงจะวิ่งเข้ามาใกล้จะรู้ก่อน ในครั้งนั้นก่อนฟ้าจะผ่าลงมารู้ตัวก่อนมองและจำความรู้สึกตอนกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านมาได้ แต่ยังควบคุมไม่ได้เผลอใจแว๊บเดียว เอาแล้วปึก!คัทเอาท์เด้ง



(ขออนุญาติคุณเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ มาตั้งคำถามนอกประเด็นในบ้าน)

 

"ที่นี้ถ้าเกี่ยวกับเปรต ถ้าเราสามารถเห็นได้จากกำลังสมาธิเรามุมมองที่เห็นจะเปลี่ยนเป็น เราต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง.ถ้าเราเห็นแบบนี้ได้จะสังเกตุเห็นว่าเค้าจะกวักมือเรียกเราเอง มือข้างไหนยังไม่อยากบอกแต่จะคล้ายๆกรณีหูหรือไม่ลองดูเผื่ออนาคตนะคับ จะไม่ใช่เหมือนเค้ามองเราอย่างที่ คุณสมมุติสัมผัสได้ตอนนี้ครับ.." เลือกได้ขอไม่เห็นไม่มองดีกว่าคะเป็นคนปิดตัวกลัวฝันถึง :boo: ยิ่งมีกวักมือแล้วด้วยคงไม่เงยหน้าแท้หล่าว แต่มีซ้ายมีขวาแบบนี้ชักน่าสนใจนะคะ

ปล.ที่นี่มีความรู้ดีๆให้เลือกอ่านจริงๆค่ะ อนุโมทนาสาธุ

 

คุณ Nopphakan ทำไมบ้างครั้งที่เจอ ทำให้เราป่วยละคะ แต่ไม่ได้ป่วยรุนแรงน๊า ขอความรู้ด้วยคะ

 

อืม..ไม่เคยมีประสบการณ์ว่าเจอหรือสัมผัสภพภูมิแล้วจะป่วยหรือไม่สบายอะไรเลยครับ..มีแต่รู้สึกง่วงหรือเพลีย..เพราะว่าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ..หรือเริ่มมีอาการเป็นไข้หวัดเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือรูสึกหายใจไม่สดวกเพราะลืมทำความสะอาดฝุ่นในห้อง.และก็ทานยา หรือทำความสะอาดห้อง แล้วพักผ่อนให้เพียงพอก็หายครับ..ส่วนถ้าโดนของนั้นจะเป็นอีกกรณีครับ..​

 

ของเราถ้าเจอก็จะทำให้ ปวดหัวตัวร้อนตอนเช้าคะ แต่ไม่รุนแรงกินยาตกเย็นก็หาย แต่มีครั้งนึงสงสัยจะเกร็งคอมากไปตอนเจอ ปวดคอไหล่ 1 อาทิตย์เลย
อีกกรณีคือป่วยก่อน 1 วันแล้วเจอคะ สงสัยจะเป็นเหตุบังเอิญพอดีที่ร่างกายเราอ่อนแอ

 

อ่อๆ..ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลใ้ห้เค้าตอนนั้นเลยหรือเปล่าครับ อีกประเด็นก็คือ เราคิดว่าเราอุทิศแล้ว แต่ความจริงเค้ารับไม่ไ้ด้ครับโดยเฉพาะสัมพะเวสีถ้าไม่แปรสภาพบุญก่อนเค้าจะรับไม่ได้ครับ หรือไม่ก็ลืมไปทำบุญให้เค้า ถึงจะมีโอกาสเป็นอย่างที่พูดครับ..​

 

รบกวนถามอีกเรื่องคะ เสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน ช่วงเวลาต่างกัน ครั้งนึงเคยได้ยินตอนตี4 และ อีกครั้งเคยได้ยินตอน 2 ทุ่ม บางทีก็ 4 ทุ่ม มีความหมายต่างกันป่ะคะ

 

ลืมบอกไปครับ..ป่วยก่อน 1 วันแล้ว มันเป็นจังหวะที่พอเราป่วยแล้ว จะมีอาการคล้ายๆครึ่งหลับครึ่งตื่นบางช่วง..อารมย์มันจะคล้ายๆกับช่วงที่จิตจะเป็นทิพย์พอดีครับ...​

ส่วนความหมายของช่วงเวลาสวดมนต์..ถ้าเป็นความหมายของภาษาที่สวด.ก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะฟังไม่รู้เรื่องครับ..ทราบแต่ว่าถ้าช่วงเวลา 2 ทุ่ม หรือ 4 ทุ่มเนี่ยถ้าบ้านเราอยู่ติดป่าหรือภูเขา จะได้ยินช่วงเวลานี้มากและเสียงสวดจะเป็นกลุ่มไม่ใช่คนเดียวสวด.. ถ้าไม่นับตอนเราสวดมนต์ในห้องพระนะครับ..และช่วงตี 4 เนี่ยถ้าบ้านอยู่เขตเมืองมักจะได้ยินช่วงเวลาประมาณนี้ แต่ทั้งสองช่วงถ้าบ้านเขตเมืองก็มักจะได้ยินแต่จะสามารถนับจำนวนผู้สวดได้ครับ..​

ที่รู้ก็เพียงแต่่ว่าเป็นเสียงระดับ ชั้นของภพภูมิที่มีฤิทธิ์ที่อยู่สูงกว่า สัมพะเวสี เช่น เจ้าที่ หรือวิญญานบรรพบุรุษที่เฝ้าดูแลที่บ้านมักจะสวดตามบทที่เราสวดด้วยครับ. และก็เทวดาขึ้นไปมักจะมีภาษาที่เราไม่ทราบและสวดเป็นกลุ่ม นอกนั้นเสียงบทสวดที่เป็นเหมือนคาถา เป็นเสียงลักษณะที่เราได้ยินเสียงแต่เหมือนไม่มีคนสวด จะเป็นบทสวดที่ระดับภพภูมิชั้นสูงท่านเจตนาจะสอนเราหรือสื่อเฉพาะตัวเราเท่านั้น.​

ปล.ตำแหน่งที่เคยบอกต่างๆนั้น เป็นวิญญานแบบไทยๆนะครับ..ถ้าวิญญานฝรั่งจะเอาตำแหน่งแบบที่เคยกล่าวไม่ได้เพราะเค้าจะขาดเรื่องมารยาท..และยิ่งพวกที่ตายตามที่ท่องเที่ยวจริตมักจะติดไปในทางลามก จะเข้าประชิดตัวเรา.. บอกไว้ก่อนเผื่อในอนาคตไปเที่ยวแล้วเจอครับ..​

 

ขอบคุณคะ เสียงที่เคยได้ยิน ต่างที่ ต่างเวลา เป็นเสียงที่เป็นกลุ่มสวด มีจังหวะเหมือนพระสวด พยายามจับใจความบท ก็ฟังไม่รู้เรื่องคะ

และแบบตามสถานที่ท่องเที่ยวถ้าเจอประชิดตัวทำไงอ่ะคะ เพราะอาทิตย์หน้าเดินทาง ย้ายที่นอนต่างประเทศ 4-5 ที่คะ

ขอขอบคุณ คุณ Nopphakan ที่แนะนำความรู้ใหม่ๆคะ

 

ก็อุทิศส่วนกุศลแบบแปรสภาพบุญ..ให้เค้าทันทีเลยครับ..ไม่มีปัญหาอะไร..ที่บอกก็เกรงว่าจะกลัวและรู้สึกอึดอัดถ้าเค้าเข้ามาใกล้มากเกินไปครับ..​

ปล.คู่มือการอุทิศส่วนกุศลดูของอาจารย์ เกษม นะครับ

 

แล้วถ้าเป็นตอนเราตื่นอ่ะครับ คือพอผมเปิดบทสวดฟังหรือฟังการบรรยายธรรม จะได้ยินเสียงผู้หญิงมาเรียกชื่อเล่นทุกที บางทีก็เห็นเป็นขาว ๆแว่บๆที่หางตา มองไม่ทัน น่าจะเป็นผมคิดไปเองหรือเปล่าครับ

 

ถ้าได้ยินทางด้านหูด้านขวา แล้วเรียกชื่อเล่น ประมาณ 2- 3 ครั้ง และที่เห็นเป็นชุดขาวๆแว๊ปๆ.จะเป็นระดับเจ้าที่.ที่มาฟังบทสวดหรือบรรยายธรรมที่เราเปิดนั่นหละ..ไม่เป็นไร.ดีแล้วครับที่ได้ยินและมีโอกาสเห็น..​

 

มีอีกเรื่องนึงครับ คือผมเคยฝันว่าได้อุ้มร่างซากสังขาร ( แบบพระที่ไม่เน่าไม่เปื่อยอ่ะครับ ) ในท่านั่งขัดสมาธิ ขนาดเท่าคนจริง ไม่หนัก ในฝันตอนอุ้มอยู่ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าปางทรมานพระวรกายจนซูบผอมอ่ะครับ แล้วในฝันผมก็ได้นิมนต์ ( ด้วยความเข้าใจว่าเป็นพระ ) ให้อยู่ที่บ้านผมครับ ถือว่าเป็นฝันดีหรือเปล่าครับ และมีความหมายว่าอย่างไรครับ เพราะหลังจากฝันได้ไม่นานก็ถูกบอกว่ามีองค์ จะมาขอใช้ร่างอ่ะครับ ตอนนี้สับสนมากว่าเชื่อดีหรือไม่เชื่อดีครับ

 

ถ้าถามว่าฝันดีหรือเปล่าก็บอกว่าฝันดีครับ..เพราะที่ทำให้ฝันก็พอมีฤิทธิ์และก็ต้องการมาสร้างบารมีโดยอาศัยร่างกายของเรา..และก็อยู่ในส่วนของภพภูมิ.จุดนี้ยังไม่ใช่ประเด็น...ประเด็นคือว่า..เราจะให้ส่วนของภพภูมิ.มาอาศัยร่างเราสร้างบารมีทำไมหละครับ..ตัวเราเองตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าชาตินี้เราจะหลุดพ้นได้หรือเปล่า..ปกติภพภูมิที่ท่านสูงจริงๆไม่ใช่เหมือนที่ทำให้ฝัน..ท่านจะมองว่า.ร่างกายเรานี้นะครับเป็นก้อนทุกข์..
ที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดส่วนหนึ่งก็เพราะการที่เรามีกายสังขารตัวนี้ไงครับ.พระอริยะเจ้าหลายๆท่านรวมทั้งผู้เป็นเลิศทั้ง 3 ภพก็กล่าวในทำนองเดียวกัน ให้เราตัดร่างกาย หรือขันธ์ 5 ให้ได้ ถ้าพูดง่ายๆคือท่านทีระดับสูงๆจะรังเกียจการมีร่างกาย..สู้เราสร้างบารมีให้ตัวเราเอง.จนสูงกระทั้งในระดับภพภูมิที่สูงท่านแวะมาโมทนา.มาคอยช่วยเหลือเราในทางปฎิบัติ.หรือว่าต้องการให้เราช่วยเหลือใครท่านก็มาบอกโดยที่ไม่ต้องมาอาศัยร่างกายเราจะดีกว่า..
ผู้เป็นเลิศทั้ง 3 ภพท่านก็บอกว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตายของสังขารเป็นทุกข์อยู่แล้ว..หากเราต้องการพ้นทุกข์เราก็ต้องทำความเข้าใจอยู่ภายในร่างกายเราเท่านั้น..ถ้าเราไปยอมรับให้เค้ามาอาศัยร่างกายเราสร้างบารมีอีก ก็ยิ่งตัดหนทางในการพ้นทุกข์ของเราลงไปอีก.ก็เสมือนว่าได้เกิดภายใต้พุทธศาสนา โดยมีผู้เป็นเลิศทั้ง 3 ภพเป็นศาสดา แต่เราไม่ได้ดำเนินตามรอยของท่านโดยที่เราไม่รู้ตัว.ที่กล่าวมาข้างต้นหวังว่าจะพิจารณาได้ด้วยตัวเองนะครับ​

 

ขอบคุณครับจะลองพิจารณาดูด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

 

เข้าพลังจิตมาแบบยังไม่รู้จะอ่านอะไร แต่อยู่ๆหน้านี่ดันเด้งเปิดขึ้นมาแบบงงๆ แต่อ่านแล้วได้ความรู้ดี เหมือนพี่ตอบน้อง เลยขออัพกระทู้นี้แล้วกันค่ะ