หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง"

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย chirattha, 1 กันยายน 2012.

  1. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    กำหนดรู้วันมรณภาพ
    หลวงตาแพง ญาติของหลวงปู่ฯเดินทางไปอำเภอท่าลี่ที่จังหวัดเลยบ่อยครั้ง ท่านเป็นคนบ้านหนองหอยใหญ่พี่น้องทางบ้านหนองหอยอำเภอนาแกก็ไปแต่งงานมีครอบครัวกับคนจังหวัดเลยมากส่วนมากไปมาหาสู่กันก็จะแนะนำกันต่อๆไป ทำให้หลวงปู่ฯมีพี่น้องทางจังหวัดเลยมากเช่นที่อำเภอภูเรือ ที่อำเภอวังสะพุงที่อำเภอสังคมและอำเภอท่าลี่ หลวงตาแพงตอนนี้ท่านมรณภาพไป แล้วได้นำ สามเณรสมัยต่อมาคือ พระอาจารย์สมัย รักขิตธรรมโมเจ้าอาวาสวัดมหาชัยต่อจากหลวงปู่ฯ สามเณรโสมและสามเณรจัน มาบวชเรียนอยู่ที่วัดธาตุมหาชัย ต่อมาสามเณรอีกสองรูปลาสิขาบทเหลือแต่พระอาจารย์สมัย ซึ่งท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ ฯใน ปี 2523 เมื่ออายุยี่สิบปี ก็บวชเป็นพระในปี พ.ศ.2528 ในช่วงปี 2526 สามเณรสมัย ได้มาที่ห้องหลวงปู่ฯกุฏิเก่าและได้สนทนาธรรม หลวงปู่ฯพูดเปรยๆว่า “สมัยเวลาหลวงปู่ฯมรณภาพไม่มีคนรู้เลยนะว่าหลวงปู่ฯมรณะภาพ” พระอาจารย์สมัยพูดว่า “ถ้าหลวงปู่ฯป่วยหรือจะมรณะภาพพวกเราทุกคนต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้คาดสายตาอยู่แล้วเพราะหลวงปู่ฯเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรและเป็นที่เคารพรักของพวกเรา” ช่วงนั้นหลวงปู่ฯท่านฉันหมากไปสนทนาไป ประมาณสามนาทีได้ ท่านบอกพระอาจารย์สมัยว่า “หลวงปู่ฯจะมรณภาพวันจันทร์ขึ้นหนึ่งค่ำเดือนหนึ่งนะสมัย”และช่วงมรณะภาพลูกศิษย์ลูกหาและลูกหลานจะไม่ได้มาใกล้หลวงปู่ฯ และก็เป็นจริงก่อนท่านจะละสังขารแพทย์ไม่ให้ใครเข้าใกล้เพราะกลัวท่านจะติดเชื้อ
     
  2. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    เทวดาวัดป่าอรัญญาคาม
    หลวงปู่ฯหลังจากท่านสร้างวัดป่าอรัญญาคามเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้แต่งตั้งให้พระอาจารย์ป๋อง เป็นเจ้าอาวาสวัด ต่อมาไม่นานพระอาจารย์ป๋องก็ขออนุญาตออกธุดงค์ไปอยู่ยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหาประสบการณ์และเรียนรู้ประสบการณ์ธุดงค์วัตร เจ้าอาวาสรูปที่สอง คือพระอาจารย์กิตติกมล กัลยาโณ พระอาจารย์เบี้ยว ถาวรฐิตธัมโมได้เล่าประสบการณ์ตอนอยู่วัดป่าอรัญญาคามว่าในวัดป่าหลวงปู่ฯถือว่าเป็นเขตอภัยทานจะห้ามชาวบ้านใกล้ ๆ นั้นไม่ให้มาทำลายชีวิตสัตว์ในบริเวณวัด และปลูกกุฏิให้อยู่ได้ประมาณกุฏิและรูป จะไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าทำให้มีสัตว์ป่าชุกชุม เช่นพวกนกและจักจั่นส่วน ด้านล่างก็มีงูพิษหลายชนิดเช่นงูเห่า งูทำทาน งูสามเหลี่ยม ล้วนแต่เป็นงูที่กัดตายทั้งนั้น และที่สำคัญภายในวัดป่าอรัญญาคามจะเต็มไปด้วย ภูมิเทวดา ผี และบังบดมีทั้งพวกถือศีลและพวกดุร้าย หลวงปู่ฯ กลัวว่าเขาจะร้ายพระเณรที่ปฏิบัติธรรมเลยแจ้งเขาไม่ให้ทำร้ายพระเณรที่มาอยู่ในวัด ประมาณปี 2544 ได้มีเณรบวชใหม่ ได้นำหนังสติ๊กไปยิงกิ้งก่าภายในวัด หลวงปู่ฯท่านได้ให้เณรอุปถากท่านแจ้ง พระอาจารย์กิตติกมล ให้ทราบว่าเณรดื้อนำหนังสติ๊กมาฆ่าสัตว์ในบริเวณวัด แต่ท่านรู้ได้อย่างไร พระอาจารย์เบี้ยวทราบตอนหลังว่า เทวดาเขาไปฟ้องหลวงปู่ฯใน วัดธาตุมหาชัย ท่านเลยให้เณรอุปถากแจ้งพระอาจารย์กิตติกมลให้ทราบเพื่อ ห้ามปรามเณรรูปนั้นไม่ให้ยิงสัตว์และฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในบริเวณวัดต่อไป
     
  3. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    เมืองบังบด
    วัดป่าอรัญญาคามหรือวัดป่ามหาชัยหลวงปู่ฯจะใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติวิปัสสนานากรรมฐาน ในแต่ละปีจะมีการปฏิบัติธรรมเทศนาสอนญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา ในสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์และสิ่งมหัศจรรย์อย่างมากมายผู้ประพฤติดีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะได้รับทราบสิ่งต่าง ๆ ในสถานที่แห่งนี้ เช่นเดียวกับพระอาจารย์เบี้ยว ถาวรฐิตธัมโมเมื่อเข้าอุปสมบทหลวงปู่ฯก็ให้มาพักอยู่กุฏิภายในวัดป่าพักรูปเดียว ปฏิบัติธรรมมีปัญหาใด ๆ พระอาจารย์เบี้ยวก็จะไปปรึกษาหลวงปู่ ฯ ท่านก็จะแนะนำแนวทางปฏิบัติธรรมให้และไปปฏิบัติธรรมเอาเอง หลวงปู่ฯถามว่าเป็นอย่างไรเจออะไรบ้างไหม ช่วงแรกก็ไม่เจอ และแล้ววันหนึ่งพระอาจารย์เบี้ยวก็เจอเข้าจนได้ กุฏิพระอาจารย์เบี้ยวอยู่ใกล้สวนมะขาม ช่วงแรกที่เจอตอนเย็น ๆ จะได้กลิ่นเหมือนคนทำกับข้าว กลิ่นคล้ายกับปิ้งปลา กลิ่นคล้ายปลาร้า สอบถามพระเณรที่วัดก็บอกว่าไม่มีอะไร เวลาทำวัตรสวดมนต์ก็เหมือนมีใครขึ้นบันไดกุฏิมีเสียงดัง คิดว่าเขาคงมาอนุโมทนาขอส่วนบุญ บางครั้งตอนดึก ๆ มองไปเห็นเป็นเงาราง ๆ สีดำเป็นคนเดินไปเดินมา และบางครั้งได้ยินเสียงเขาคุยกันสี่ถึงห้าคน แต่ฟังภาษาและจำใจความไม่ได้ แต่สันนิฐานว่าเป็นหมู่บ้านของคนบังบด และคาดคะเนว่าคงมีเป็นร้อยคนเขาจะออกมาพูดคุยกันในหน้างานหรือเทศกาลต่าง ๆ เช่น เทศกาลวันปีใหม่ ช่วงปฏิบัติธรรมที่วัดป่า และเทศกาลงานวัดและวันสงกานต์ ๆ และในวันหนึ่งเวลาประมาณตีสองเข้าตีสามหลังจากที่ไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิ พระอาจารย์เบี้ยวก็เดินลงมาด้านล่างเพื่อจะเดินจงกลมก็ได้พบกับพวกบังบด เป็นผู้หญิงโพกผมเหมือนทางเหนือแต่งกายเหมือนผู้หญิง เรณูนครหรือพวกผู้ไทประมาณห้าคน หลังจากนั้นได้นำความกราบนมัสการถามหลวงปู่ฯท่านบอกว่าพวกเขาเป็นพวกบังบด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2012
  4. jaguarnusing

    jaguarnusing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    4,901
    ค่าพลัง:
    +15,583
    ขอบคุณครับพี่ญา:cool::cool::cool:

    เพื่อนเพิ่งให้มาครับดีใจมากมาย พี่ออโต้จะเลี่ยมทองให้นุเลยหรอครับ ใจดีอีกคนแล้ว ^^
     
  5. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระปิดตา เนื้อตะกั่ว รุ่น ๒ ของหลวงปู่คำพันธ์
    จำนวนการสร้าง ๑๐๐๐ องค์
    หลวงปู่จะจารตะกรุด สอดไว้ที่เข่า ทุกองค์
    ความจริงคือ เทตะกั่วหล่อประกบตะกรุดหน้าหลัง แล้วแต่งด้วยตะไบ
    ถือได้ว่า เป็นพระยุคแรกๆของหลวงปู่ครับ
    เช่นเดียวกันพระพุทธมหาปฐวีธาตุ เนื้อเกสรยุคต้น
    เนื่องจาก ทำด้วยมือแต่ละองค์จึงสวยไม่เท่ากัน
    พระยุคแรกไม่พบเห็นทั่วไป เพราะส่วนมาก
    คนที่ได้ จะเป็นชาวบ้านมากกว่า
    ถ้าสังเกตุ จะเห็นว่าหลวงปู่ได้สร้างพระปิดตาไว้หลายรุ่น
    ทั้งเนื้อตะกั่ว รุ่น ๑,๒,๓ ,๔ และเนื้อเกสร
    เนื้อชานหมาก ดินเก้าบัง เจริญดี และเนื้อผงพุทธคุณต่างๆ
    การสร้างพระปิดตา ตามตำราโบราณจริงๆ นั้น ไม่ใช่ใครจะทำ จะสร้างก็ได้
    พระปิดตาหลวงปู่ เคยได้ยินเขาพูดกันว่า...
    "ถ้าไม่หลุดจากคอ ไม่ตายครับ"
     
  6. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,517
    ค่าพลัง:
    +19,462
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ มีความรู้มากมายมาให้ศึกษา ขอบคุณมากๆค่ะ:cool:
     
  7. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ขอบคุณเช่นกันครับพี่..ที่เข้ามาทักทาย
    มีประสบการณ์เกี่ยวกับหลวงปู่ก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ:cool:
     
  8. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    [​IMG]
    [​IMG]
    เหรียญพระพุทธมนต์สมปรารถนา

    น้ำมนต์พระจันทร์

    น้ำมนต์พระจันทร์นี้เป็นพระพุทธมนต์ที่มีมาแต่โบราณกาล จะเกิดขึ้นแห่งใดเป็นแห่งแรกไม่ปรากฏแต่คาดว่า มาจากพุทธศาสนาลัทธิหินยานจากประเทศจีน ตอนหลังตกมายังประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา และล่าสุดคือประเทศไทย
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เคยเล่าให้ "คุณอาคม ทรงสถาพรเจริญ" ฟังว่า ช่วงท่านเดินธุดงค์โดยมีเณรอุปถาก ไปด้วยได้เดินเทศน์หาเงินสร้างโบสถ์วัดพระพุทธบาทจอมทอง เดินทางจากอำเภอนาแก จนกระทั่งเข้าสู่หนองคาย ระยะทางประมาณสามร้อยกว่ากิโลเดินทางผ่านลำห้วยใหญ่แต่ละแห่งได้พบปะภูมิเจ้าที่และผีเปรต มาขอส่วนบุญ ตลอดจนสัตว์ร้ายนานาชนิด ช่วงท่านเดินทางมาถึงท่าดอกแก้ว ท่านได้แวะสนทนาธรรมและคาราวะหลวงปู่สนธิ์วัดท่าดอกแก้ว ซึ่งสมัยนั้นท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ศึกษาวิชาบางส่วนจากหลวงปู่สนธิ์วัดท่าดอกแก้ว วิชานี้เรียกว่า "น้ำมนต์เจ็ดพระจันทร์" หลวงปู่สนธิ์ พูดว่าผู้เรียนวิชานี้ ได้จะต้องมีบุญวาสนาสูงมีสมาธิจิตเป็นเยี่ยมและต้องบรรลุธรรมชั้นสูงไม่ใช่พระภิกษุรูปใดจะเรียนได้ เมื่อพบกับหลวงปู่ฯแล้วรู้ว่าสามารถเรียนวิชานี้ได้ จึงมอบวิชานี้ ให้ซึ่งเป็นตัวธรรมลาว
    หลังจากนั้นท่านก็ได้ศึกษาเรื่อยมาจนชำนาญมาพบเสธวรนาถ (พลอากาศเอกวรนารถ อภิจารี) ท่านเสธวรนาถก็มี "ตำรามนต์พระจันทร์" ได้มาจากกรุงเทพเป็นตำราเก่า คิดว่าเป็นสายวัดสุทัศน์
    หลวงตาทองกล่าวว่า "หลวงปู่ฯ ท่านพิจารณาแล้ว เสธวรนารถมีความสนใจคงอยากอาบน้ำมนต์พระจันทร์ ซึ่งแต่โบราณกาล ตำราของครูบาอาจารย์ลุ่มแม่น้ำโขงที่หลวงปู่ฯได้มาน้ำมนต์พระจันทร์ปีหนึ่งอาบได้หนึ่งครั้ง ถ้าจะให้ได้ผลอาบได้ปีละหนึ่งคน คนอาบจะต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม โดยใช้บาตรน้ำมนต์หนึ่งใบ มีดอกบัวหนึ่งดอกที่ตูมใกล้จะบาน เวลาที่พระจันทร์อยู่ตรงกับบาตรเวลาประมาณหกทุ่มก็จะเริ่มทำพิธี จุดเทียนขี้ผึ้งแท้ และบริกรรมพระคาถาพร้อมทั้งอธิฐานจิต สร้างธาตุหนุนธาตุเสริมธาตุขอบารมีให้ประสบผลสำเร็จ ตามที่ผู้อาบน้ำมนต์ต้องการ ส่วนผู้ที่อาบน้ำมนต์ต้องอธิษฐานอย่างเดียวว่าต้องการอะไร เช่นต้องการเป็นแม่ทัพ ต้องการเป็นเศรษฐี ต้องการให้หนี้หมดหรือต้องการให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ พอบริกรรมน้ำมนต์เสร็จก็จะเอาบาตรน้ำมนต์มาอาบกลางแจ้งต่อแสงเดือน เทรดลงศรีษะครั้งเดียวเป็นอันเสร็จพิธี ตามตำราผู้ทำมนต์จะต้องอธิษฐานพระคาถาน้ำมนต์พระจันทร์จนดอกบัวบานจึงจะได้ผลและมีพุทธานุภาพสูง"
    และในปีพ.ศ.ใด ไม่ทราบข้อมูลละเอียด หลวงตาทองกล่าวว่า "หลวงปู่ฯ ได้ทำน้ำมนต์พระจันทร์ให้กับพลอากาศเอกวรนารถ อภิจารีอาบเพียงผู้เดียวเท่านั้นในลานอุโบสถวัดธาตุมหาชัยในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง วันเพ็ญเดือนสิบสอง (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสิบสอง) คนเต็มวัดฯ "
    หลังจากที่หลวงปู่ฯ ได้อาบน้ำมนต์ให้ลูกศิษย์ลูกหาที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบหลายคน ทำให้ลูกศิษย์ที่อาบสมปรารถนาด้วยประการทั้งปวงแล้ว จากปากต่อปากของลูกศิษย์และพระเณรในวัดได้พูดต่อกันไปแพร่กระจายกันออกไป บรรดาลูกศิษย์และประชาชนต่าง ๆ ก็แห่กันเดินทางมายังวัดธาตุมหาชัย โดยนำเทียนและบาตรน้ำมนต์ติดตัวมาบางคนก็มายืมบาตรน้ำมนต์จากพระและเณรภายในวัดมานั่งรออาบน้ำมนต์ตั้งแต่เวลาประมาณสองทุ่มจนดึก เหมือนกับมีงานมหรสพ ซึ่งบุคคลที่อยากจะอาบน้ำมนต์มีทั้งบุคคลที่มีศีลธรรมและบุคคลที่ไม่มีศีลธรรม นักเลงหัวไม้ก็มี โกงเงินชาวบ้านก็มี แต่มีความต้องการมาอาบน้ำมนต์วันเพ็ญเดือนสิบสอง หลวงปู่ฯท่านพูดว่า “น้ำมนต์ผู้จะอาบต้องเป็นบุคคลประพฤติปฏิบัติดี รักษาศีล และเป็นคนดีเท่านั้น” เพราะฉะนั้นขอยุติการอาบน้ำมนต์ พระจันทร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    "บาตรน้ำมนต์และเหรียญน้ำมนต์"
    เมื่อหลวงปู่ฯหยุดทำน้ำมนต์พระจันทร์แต่ละปีลูกศิษย์ก็เฝ้าคอยว่าปีใดท่านจะใจอ่อนทำน้ำมนต์พระจันทร์อีก

    ทุกวันเพ็ญเดือนสิบสอง ลูกศิษย์แต่ละคนก็จะมาวัดธาตุมหาชัยและสอดส่องดู บ้างก็โทรศัพท์มาถามพระเณรที่วัดว่ามีการอาบน้ำมนต์หรือไม่ เพราะปรารถนาที่จะได้อาบน้ำมนต์ จึงหาวิธีการคิดว่าทำอย่างไรจึงจะมีโอกาสได้อาบน้ำมนต์

    เจ้าคณะจังหวัดนครพนมสมัยนั้นคือ พระราชปริยัติยาจารย์(หลวงปู่ชม) จึงคิดหาวิธีการว่าทำอย่างไรจึงจะให้ลูกศิษย์หลายคนสมปรารถนา จึงขออนุญาตหลวงปู่ฯสร้างบาตรน้ำมนต์และเหรียญน้ำมนต์ โดยจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นในวันเพ็ญเดือนสิบสองของปีถัดมา

    หลังจากนั้นในวันเพ็ญเดือนสิบสองปีต่อมาเช่นเดียวกันพระอาจารย์มหาสมัย รักขิตธัมโม (เจ้าอาวาสวันธาตุมหาชัย) องค์ปัจจุบันก็ขอสร้างบาตรน้ำมนต์และจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นในวันเพ็ญเดือนสิบสองเช่นเดียวกันมีลูกศิษย์ที่อยู่ในกรุงเทพฯสมุทรปราการหรือจังหวัดที่ไกลจากนครพนม วันลอยกระทงหรือวันเพ็ญเดือนสิบสองจะนำบาตรน้ำมนต์หรือขันน้ำมาตั้งไว้ในที่แจ้ง ใส่เหรียญน้ำมนต์ลงในบาตรหรือใส่เหรียญหลวงปู่ฯรุ่นใดรุ่นหนึ่งลงในบาตร นำดอกบัวใส่ในบาตรหนึ่งดอกจุดเทียน เวลาประมาณห้าถึงหกทุ่มเวลาที่พระจันทร์อยู่ตรงกับบาตรน้ำมนต์ หันหน้ามาทางวัดธาตุมหาชัยถ้าอยู่ต่างจังหวัดหันหน้ามาทางจังหวัดนครพนมระลึกถึงหลวงปู่ฯ สวดพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ หรืออาจสวดพาหุงหรือชินบัญชรแล้วแต่คนถนัด แล้วนำน้ำมนต์มาเทอาบเพื่อเป็นสิริมงคล เสมือนหนึ่งได้อาบน้ำมนต์พระจันทร์จากหลวงปู่ฯ
    """ขออนุญาตเจ้าของข้อมูลด้วยครับเพื่อนำมาเผยแพร่"""
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2012
  9. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    วิญญาณผู้ตายมาวิงวอนให้หลวงปู่ไปปลดปล่อย

    ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้ไปปักกลดอยู่ในวัดป่าตำบลมหาชัยสมัยนั้นเป็นป่าดงดิบไม่เจริญเหมือนปัจจุบันนี้ ขณะท่านนั่งทำสมาธินั้น คล้ายกับมีกลิ่นศพและภาพปรากฏในสมาธิล่าง ๆ เป็นภาพของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วได้แจ้งท่านว่าเป็นคนในละแวกนั้น ขอให้ไปตามพ่อแม่มาทำการเก็บศพไป ทำฌาปนกิจหน่อย เพราะตายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว หลวงปู่ฯได้ติดต่อกับวิญญาณนั้นว่าเสียชีวิตอยู่ที่จุดใด ในสมาธิคล้ายกับหมอลอยไปและไปหยุดยังจุดหนึ่งและไม่เคลื่อนที่ต่อไป หลวงปู่ฯ เห็นว่าคงเป็นจุดที่ศพ เสียชีวิตแน่นอนจึงได้คลายออกจากสมาธิจุดตะเกียงและเดินไปยังจุดที่แจ้งในนิมิตในสมาธิ เมื่อไปถึงปรากฏว่าจุดที่ยืนนั้นเป็นบ่อล้างเก่าที่ตื้น มีกิ่งไม้อยู่ภายในบ่อ จากการที่เอาตะเกียงส่องลงไปพบซากศพมีหัวกะโหลกอวัยวะบางส่วนถูกหมาแทะกัดไป ตรงกับนิมิตที่ท่านได้รับว่าให้มาช่วยปลดปล่อยเพราะร่างกายกำลังจะย่อยสลายไม่ทราบเพราะสาเหตุใด ซึ่งบุคคลที่เสียชีวิตเป็นคอมมิวนิสต์ที่ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าตายในสมัยนั้นเพราะความไม่เข้าใจในเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมือง วันรุ่งขึ้นหลวงปู่ฯ ได้ให้ลูกศิษย์ไปแจ้งพ่อแม่ของผู้ตายให้มาเก็บซากศพที่เหลือไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี เพราะผู้ตายบอกว่านอกจากร่างกายจะสลายแล้วยังมีความหิว และหนาวมากขอให้พ่อแม่ทำบุญและอุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วย
     
  10. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    พระเขมร
    หลวงปู่ฯเคยเล่าให้ หลวงตาพรหม ปัญญาธโร และอาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ วิทยาลัยเทคนิคลกลนครฟังว่าช่วงที่ท่าน พาชาวบ้านมาสร้างบ้านมหาชัย และทำการปลูกกุฏิ เล็กๆอยู่ช่วงนั้น ความเจริญยังไม่มากเหมือนสมัยนี้ นาน ๆ จะมีรถผ่านถนนสายนครพนมครั้งหนึ่ง ส่วนทางเข้าบ้านมหาชัย และวัดของท่านเป็นทางดินแดง มีหินลูกรัง วันทั้งวัดหาคนเข้ามาในหมู่บ้านแทบไม่มี วันหนึ่งได้มีพระเดินทาง ผ่านบ้านมหาชัย มีกลดมีบาตร เหมือนพระธุดงค์ได้ผ่านมาและแวะเยี่ยมท่านโดยแจ้งว่า เป็นชาวอีสานใต้ พระเขมร ขอมาพักผ่อนใกล้ ๆ บริเวณวัด วันนั้นหลวงปู่ฯไม่ได้คิดอะไรไหว้พระสวดมนต์นั่งสมาธิแผ่เมตตา เป็นกิจวัตรประจำวัน พอตอนเช้าเห็นชาวบ้านพากันแบกหามพระเขมรมาหาหลวงปู่ฯ เพื่อให้หลวงปู่ฯ รดน้ำมนต์ให้เพราะพระเขมรชักกระตุกตลอดเวลา หลังจากพื้นขึ้นมา พระเขมรก็กราบขอขมาหลวงปู่ฯ และแจ้งว่าได้ศึกษาเวทย์มนต์มาจากแถบเขมรสามารถใช้ไสยศาสตร์ทำให้คนเป็นอันตราย ลุกไม่ขึ้นและชักกระตุกได้ พอมาบ้านมหาชัยก็เลยอยากลองของดูว่า หลวงปู่ ฯ มีอะไรดีไหม พอทำช่วงแรก ไม่เป็นผลก็เลยใช้วิชาทำให้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับมาโดนเสียเอง จึงกราบขอขมาอภัย หลังจากหลวงปู่ฯให้อภัย พระเขมรจึงกราบลงเดินทางต่อไป ไม่ทราบว่าไปที่ไหนต่อ
     
  11. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=2 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD>หลวงปู่ฯสะเดาะกลอนประตู
    เมื่อสมัยมหาศรีบุญฮงเป็นเณรคอยปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ฯ พวกเณรจะมีห้องนอนรวมกันสามรูปต่อหนึ่งห้องหลวงปู่ฯท่านจะนอนจำวัดนอกกุฏิเวลาท่านเรียกใช้เณรทั้งสามช่วงใดท่านจะเรียกชื่อเณรนั้น ตอนกลางคืนและตอนดึกหลวงปู่ฯ จะไหว้พระสวดมนต์หน้าพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ ทุกคืนพระพุทธศักดิ์สิทธิ์จะมีห้องต่างหาก วันนั้นมหาศรีบุญฮงได้เข้ากราบพระพุทธศักดิ์สิทธิ์และได้ลงกลอนล็อคไว้ทั้งหมดทั้งทางด้านล่างและด้านบนเพื่อทำสมาธิ ปรากฏว่าหลวงปู่ฯ ได้เดินมาเคาะประตู 2 – 3 ที ท่านถามว่าใครล็อคประตู มหาศรีบุญฮงไม่กล้าตอบเพราะกลัวความผิดที่มานั่งในห้องที่หลวงปู่ฯ นั่งไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน สักพักได้ยินเสียงกลอนประตูลั่น เป๊กนานสักหน่อยหลวงปู่ฯก็เอามือเปิดประตูออก มหาศรีบุญฮงกล่าวว่ามหัศจรรย์มาก หลวงปู่ฯท่านสามารถสะเดาะกลอนประตูได้ซึ่งเห็นประจักกับตา ก่อนหน้านั้นเคยเห็นแต่เขียนในนิยาย พอมองหน้าท่าน ท่านได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรหลังจากมหาศรีบุญฮงออกจากห้อง ท่านก็นั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานต่อภายในห้องหน้าพระพุทธศักดิ์สิทธิ์
    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. aeziss

    aeziss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,295
    อนุโมทนาบุญด้วย มีความรู้มากมายมาให้ศึกษา ขอบคุณมากๆ
     
  13. amnartk73

    amnartk73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,372
    ค่าพลัง:
    +6,122
    กราบหลวงปู่คำพันธ์ และจะติดตามอ่านข้อมูลของหลวงปู่นะครับ
     
  14. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ยินดีครับ..มาร่วมเผยแผ่บารมีหลวงปู่ด้วยกันนะครับ:cool:
     
  15. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ด้วยความยินดีครับ..มีประสบการณ์ดี ๆ ก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ:cool:
     
  16. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    สร้างบ้านมหาชัย

    ช่วงออกพรรษาแล้วประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงปู่ฯพร้อมกับสามเณรอุปถาก คือ สามเณรสมาน เสนาช่วย และโยมติดตามอีก ๔-๕ คน ได้ออกธุดงค์ผ่านมาทางอำเภอปลาปาก ได้แวะเยี่ยมญาติโยมที่บ้านม่วง บ้านนกเหาะ และได้เดินทางมาที่ เนินมหาชัยเพื่อสำรวจสถานที่ สร้างบ้านและวัด (สาเหตุที่เรียกเนินมหาชัยเพราะเรียกตามชื่อพ่อเฒ่า ไซ ที่เดินทางอพยพครอบครัวมาจากเมืองมหาชัย ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงประเทศลาว มาตั่งถิ่นฐานที่บ้านนกเหาะ และมาทำกินบริเวณนี้ ) ท่านได้ปักกลดบริเวณห้วยจิ้งเนิ้ง เป็นลำห้วยเล็ก มีน้ำใสเย็น ทำเลทั่วไปสวยงามป่าไม้ก็เขียวชอุ่ม ญาติโยมที่ติดตามมาด้วยก็พลอยยินดี ต่างก็สำรวจบริเวณต่างๆ บางคนก็จับจองพื้นที่ ที่จะปลูกบ้านเรือนและไร่นา เมื่อมาพร้อมกันแล้วท่านได้บอกให้โยมปัดกวาด ถางต้นไม้เล็กๆ รอบโคนต้นมะม่วงป่าริมลำห้วย เมื่อเสร็จแล้ว ได้ให้โยมปั้นรูปปั้นต่างๆจากดินเหนียวให้เป็นรูป คนชาย หญิง ช้าง ม้า วัว และควายตลอดจนสัตว์อื่นๆ เพื่อทำพิธีเสี่ยงทาย เมื่อเสร็จแล้วให้นำมารวมกัน ในที่ที่ปัดกวาดทำความสะอาดไว้ แล้วนำภาชนะมาครอบรูปปั้นนั้นอีกครั้งนึ่ง ตกค่ำท่านได้ทำพิธีเสี่ยงทาย โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า “ ถ้าหากการสร้างวัดสร้างบ้านในบริเวณนี้จะไม่เป็นอันตรายใดๆ จะมีความสุขความสมบูรณ์ มีความเจริญแก่พระศาสนาและญาติโยม ก็ขอให้รูปั้นนั้นปกติทุกๆอย่าง อย่าได้ล้มหรือแตกหักเลย แต่ถ้าไม่มีความเจริญรุ่งเรืองแล้ว ก็ขอให้มีอันเป็นไปปรากฏเถิด”

    เมื่อได้อธิษฐานดังนี้แล้วท่านก็ได้พาญาติโยมเดิมจงกลมสมาธิภาวนาเป็นเวลาพอสมควร จึงจำวัดและให้ญาติโยมพักผ่อน
    คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงายท้องฟ้าเต็มไปด้วย ดวงดาวน้อยใหญ่ ทอแสงระยิบระยับเพราะอยู่ช่วงปลายฤดูหนาวพอดี อยู่ ๆ ก็มีฟ้าแลบขึ้นมาและมีฝนตกขึ้นมาอย่างหนักญาติโยมที่มาต่างหวาดกลัว เพราะไม่เคยปรากฏเหตุการณ์มาก่อน พอรุ่งเช้าได้เข้าตรวจดูบริเวณรูปปั้นปรากฏว่าทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่างมีความยินดีพากันเดินสำรวจบริเวณรอบๆนี้อีกจนค่ำ และได้กลับมาพักผ่อนในที่เดิม ในตอนดึกคืนนี้หลวงปู่ฯนิมิตเห็นชายสองคนร่างใหญ่โต นุ่งผ้าสีแดงเดินไปหากัน คนหนึ่งเดินมาจากทิศตะวันออก อีกคนเดินมาจากทิศตะวันตก เมื่อมาพบกันได้สนทนากันว่า “พระอาจารย์ท่านนี้ จะพาญาติโยมมาปลูกบ้านเรือนในที่นี้ พวกเราจะทำอย่างไร ”คนที่มาจากทิศตะวันออกได้พูดขึ้นว่า “ ดีแล้วจะได้มีพระเจ้า จะได้มีพรรคพวก” ส่วนคนที่มาจากทางทิศตะวันตกมีสีหน้าไม่พอใจโกรธและได้แยกย้ายกันไปในตอนเช้าท่านได้เล่าให้โยมฟังและออกสำรวจบริเวณจนเป็นที่พอใจ ก็เก็บบริขารต่างๆกลับบ้านหนองหอยใหญ่ เพื่อเตรียมการอพยพต่อไป

     
  17. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ลุในปีพ.ศ. 2494 บ้านมหาชัยได้เกิดขึ้น โดยการนำของหลวงปู่ ฯได้ชักชวนญาติโยมและสานุศิษย์จากบ้านหนองหอยใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เดินทางรอนแรมโดยทางเท้า และเกวียนถึงเนินมหาชัย มีครอบครัวทั้งหมด จำนวน 14 ครอบครัว ดังต่อไปนี้
    1. นายภูษา เสนาช่วย
    2. นายทองดี ศรีสุวงศ์
    3. นายจวน เสนาช่วย
    4. นายกุ่ม แสนสุภา
    5. นายใบ วงษ์ผาบุตร
    6. นายเกวียน แสนสุภา
    7. นายหลวง แสนสุภา
    8. นายไผ่ แสนสุภา
    9. นายห่วน แสนสุภา
    10. นายอ่า แสนสุภา
    11. นายซาว แสนสุภาห
    12. นายอุ่น แสนสุภา
    13. นายขาน สุภาไทย
    14. นายสุ้ย ศรีสุวงศ์

    มีลูกศิษย์ที่ตามท่านสองคน คือสามเณรสมาน เสนาช่วย (อดีตกำนันคนที่สองตำบลมหาชัย) และสามเณรสมัย สาลิสี (ปัจจุบันมีครอบครัวที่ตำบลขั้วก่าย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร) ทั้งสิบสี่ครอบครัวได้อพยพมาพร้อมหลวงปู่ฯ มาปักหลักจับจองป่าที่มหาชัยหรือเนินมหาชัยเพื่อสร้างเป็นหมู่บ้าน ปีแรกกลางพรรษาได้เกิดเจ็บป่วยหลายคน ญาติพี่น้องต่างพากันตกใจกลัวในคืนเดียวเกิดล้มตายถึงสองคน คนก็มีจำนวนน้อยกระจัดกระจายอยู่ตามกระต๊อบไม่รู้จะช่วยใคร อยากจะกลับคืนบ้าน(บ้านหนองหอยใหญ่) เมื่อจัดการศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันไปกราบหลวงปู่ฯ เพื่อปรึกษาหารือท่านว่าจะทำอย่างไรดี หลวงปู่ฯได้ให้กำลังใจโดยยกเอาไตรลักษณ์มาตอบว่า “ก็จะไปทำอะไรได้ เมื่อถึงที่ทุกคนก็ต้องตายพวกเจ้าคิดว่าอยู่ที่ไหนไม่ตาย ที่ไหน ๆ ก็ตายกันทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาแล้วไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้ ” เมื่อหลวงปู่ฯให้โอวาท กำลังใจแล้วทุกคนต่าง ก็มีกำลังใจในการที่จะต่อสู้ และพากันสร้างบ้านเรือนไร่นาไปตามสภาพในบริเวณที่สร้างบ้านใหม่มีเพียงลำห้วยจิกเนิ้งเท่านั้นที่มีนํ้าใช้ดื่มกิน สำหรับ 14 ครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญของชาวบ้านมหาชัยในครั้งกระนั้น หลวงปู่ฯและนายภูษา เสนาช่วย เป็นผู้นำที่เข้มแข็งได้นำทุกคนรวมพลังปิดกั้นลำห้วยจิกเนิ้งให้เป็นทำนบ ทำกันทั้งกลางวันและกลางคืนบางครั้งไม่มีข้าวกินจะต้องเดินทางไปหาจากบ้านอื่น เช่น บ้านนกเหาะ บ้านโคกสูงมาแบ่งกันกิน ถ้าได้ข้าวเปลือกก็จะตำข้าวตอนกลางคืน ส่วนกลางวันจะไปทำงานอย่างอื่น ผู้เฒ่าผู้แก่ระแวกนั้นเล่าว่าตอนนั้นป่ายังรกมากเต็มไปด้วยสัตว์ป่า พวกที่มาสร้างบ้านใหม่คงอยู่ได้ไม่นานก็พากันหนีไปบ้านเรือนเก่าหมด ชาวบ้านแถวนั้นใช้เป็นที่ดักสัตว์ของพวกเขา

    ช่วงนั้นการตำข้าวกลางคืนถือว่าผิดอย่างมาก เจ้าที่ไม่ชอบใจมักจะแสดงฤทธิ์ให้ปรากฏบางที่แสดงเป็นเสือโคร่งมาปรากฏให้พวกตำข้าวเห็นบ่อย ๆ หลังจากนั้นก็มีคนเจ็บป่วย พวกชาวบ้านตามหมอมาดู (หมอดูคือ คนทรงเจ้า ชาวบ้านเรียกว่าหมอเยา) หมอเยาบอกว่า “เจ้าไม่ชอบที่ตำข้าวในตอนกลางคืน ใครขืนทำจะเจ็บป่วย” ชาวบ้านก็โต้เถียง เพราะไม่ทำเช่นนั้นก็จะอดเจ้าที่คงเห็นใจ ต่อมาก็สามารถตำข้าวกลางคืนได้
     
  18. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    เวลาต่อมาใกล้เข้าพรรษา ชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างกุฏิเพื่อถวายหลวงปู่ฯ เรียกว่า กุฏิน้อย และได้มีลูกหลานบวชเป็นสามเณรมาจำพรรษากับหลวงปู่ฯ 5รูป การอพยพมาครั้งนี้ลำบากมากแต่ทุกคนก็มีความอดทนเพราะมีหลวงปู่ฯเป็นเสมือนหลักชัยให้พวกเขา หลวงปู่ฯเป็นผู้นำการพัฒนาในทุกด้าน ในระยะแรกจะเน้นเรื่องแหล่งน้ำ หลวงปู่ฯและนายภูษาเสนาช่วย และคณะกรรมการหมู่บ้านเข้าพบข้าราชการ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อขอเงินสนับสนุนในการสร้างสระน้ำปี พ.ศ. 2499 ได้รับเงินอุดหนุนจากงบภาษีบำรุงท้องที่เป็นเงินจำนวน ห้าพัน บาทและ ได้นำเงินมาเป็นค่าจ้างแรงงานในการขุดสระน้ำวังจิกเนิ้งเพิ่มเติมจนสำเร็จ สมัยนั้น การเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างหมู่บ้าน ๆ เช่น บ้านนกเหาะ บ้านถาวร บ้านดอนกลาง อาศัยทางเกวียนทางเท้าติดต่อกันด้วยความยากลำบาก หลวงปู่ฯท่านมองการณ์ไกลได้นำชาวบ้านมหาชัยตัดถนนไปหมู่บ้านต่าง ๆ หมู่บ้านเหล่านั้นเมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่ฯนำชาวบ้านตัดถนนมาสู่บ้านของตนก็ดีใจ ได้ชักชวนกันมาพบหลงปู่ฯขอคำแนะนำและร่วมตัดถนนจากหมู่บ้านของเขาเหล่านั้นมาเชื่อมกับถนนที่หลวงปู่ฯริเริ่ม จนสามารถเชื่อมติดต่อและไปมาหาสู่กันสะดวกมากขึ้น หลวงปู่ฯเป็นนักปฏิบัติรูปหนึ่งที่มีปฏิปทายอดเยี่ยม และเป็นพระนักพัฒนาทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านได้นำชาวบ้านมหาชัยพัฒนาหมู่บ้านพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และบ้านมหาชัยก็ได้รับรางวัลหมู่บ้านดีเด่นหลายครั้ง เพราะท่านเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีจิตใจมั่นคง มีความเมตตาธรรมเป็นที่ตั้งแม้วัดของท่านก็ได้รับรางวัลวัดพัฒนาดีเด่น จากกรมศาสนากระทรวงศึกษาธิการ ท่านได้พูดเสมอว่าการพัฒนาคือการสร้างจิตใจของคนให้รู้จักร่วมแรงร่วมใจสามัคคี รู้จักเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ฝึกจิตใจให้มีเมตตาธรรม ท่านไม่ยอมปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ ถ้ามีเวลาว่างท่านจะกวาดทำความสะอาดบริเวณวัดอยู่เสมอ แต่ก่อนบริเวณวัดรกรุงรังไปด้วยวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด ท่านจะนำพาพระเณรทำความสะอาดเป็นประจำและขณะทำงานท่านจะสอนธรรมสอดแทรกอยู่เสมอบริเวณวัดท่านจะปลูกไม้ผลยืนต้น เช่น มะม่วง มะขาม ให้เป็นที่ร่มรื่นเจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจริญกรรมฐานแก่พระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา
     
  19. chirattha

    chirattha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +857
    ลุล่วงถึง พ.ศ. 2500 หลวงปู่ฯเห็นว่าบ้านมหาชัยมีครอบครัวมากพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านได้จึงปรึกษาหารือกับนายภูษา เสนาช่วย และกรรมการหมู่บ้านเสนอขอตั้งหมู่บ้านต่อทางราชการ เมื่อทางราชการพิจารณาแล้วว่าสมควรจะตั้งเป็นหมู่บ้านได้ จึงอนุมัติเป็นหมู่บ้านมหาชัยในปีนั้นเองได้มีชื่อเป็นทางการว่า “บ้านมหาชัย ”หมู่ที่ 15 ตำบลปลาปาก อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยมีนายภูษา เสนาช่วย เป็นผู้ใหญ่บ้าน นายจวน เสนาช่วย และนายขาน สุภาไทย เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
     
  20. Kornsitpu

    Kornsitpu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +92
    [​IMG]
    [​IMG]
    *ล็อกเก็ตปฐวีธาตุ จันทร์เพ็ญ ปี 45 ฉากขาว นานๆ จะเห็นหลุดออกมาซักองค์*
    รูปหลวงปู่นั่งเต็มองค์ ส่วนด้านหลัง บรรจุมวลสารต่างๆ
    รวมถึงเกศา ตะกรุดหนุนธาตุ ชานหมาก
    และปฐวีธาตุ ได้รับอธิษฐานจิตจากหลวงปู่คำพันธ์
    และพระเกจิเถราจารย์อีก 16 รูป ซึ่งแต่ละรูปนับว่า เป็นที่สุดแห่งยุคทั้งนั้นครับ...
    ฉากขาว สร้าง 287 เท่าอายุของหลวงปู่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...