ถามเรื่องพระอริยเจ้าที่นิพพานแล้วคะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย bridge, 27 สิงหาคม 2012.

  1. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ขอถามท่านผู้รู้ (แต่จริงๆ ดิฉันก็พอรู้ตามความเป็นจริงอยู่บ้าง)
    ขอถามว่าพระอริยเจ้าทีนิพพานแล้ว ท่านจะมาวนเวียนยุ่งทางโลกโดยการผ่านร่างทรงหรือไม่

    หรือมาผ่านปาก อะไรทำนองนี้คะ
    ท่านจะมาทำอย่างนี้หรือไม่
     
  2. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ขอคำตองอย่างยาวๆ อ้างอิงคำสอนหลวงปู่องค์ใดบอกไว้ก็ได้คะ

    เพราะที่บ้าน พ่อ กะ แม่ งมงายหนัก
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ต้องลองให้ฟังไฟลล์นี้ดูครับ โหลดไปฟังได้

    http://palungjit.org/threads/วิธีฝึกปฏิบัติ-แบบผู้มีจิตเป็นพุทธ-โดย-หลวงปู่-พุธ-ฐานิโย.287958/
     
  4. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    ตอบ

    1.พระอริยเจ้าที่นิพพาน นั้นหมายถึง บรรลุธรรมขั้นอรหันต์ แล้ว จะไม่เวียนว่าย ตาย เกิด และมี 2 กรณี คือ
    1)พระรูปนั้น หรืออริยบุคคลนั้น ต้องการดับขันธ์เอง จะเหลือก็เพียงแค่ธาตุพระอรหัตน์ ซึ่งขึ้นกับกับเจ้าตัวเอง ว่าจะนิมิตรธาตุนั้นไว้ที่ไหน หรือให้ใครเห็นบาง และผู้สำเร็จอรหันต์ จะเลือกอยู่ใดก็ได้ จะไปไหนมาไหนก็ได้
    แต่โดยมาก จะอยู่สรรค์ชั้นที่ 17 (ชั้นวิมานเมือง) โดยทั่วไป มนุษย์จะแค่รู้ว่าสวรรค์มีเพียง16 ชั้น แต่จริงๆ มีชั้นที่ 17 ด้วย เขาเรียกชั้นวิมานเมือง แต่ชั้นนี้จะเฉพาะผู้สำเร็จอรหันต์แล้วเท่านั้น
    2) พระรูปนั้น หรืออริยบุคคลนั้น ยังมีชีวิตเป็นร่างกายมนุษย์ในโลกเราอยู่ (กายหยาบ) และอรหันต์ เป็นผู้สำเร็จอิทธิบาท 4 แล้ว มีชีวิตเป็นอมตะ
    ตอนนี้มีทั้ง 5 รูป ที่ยังเผยแผ่ศาสนาพุทธอยู่ เอาแบบคร่าวๆ นะ
    1.หลวงปู่กาแก้ว ตอนนี้อยู่เมืองเลย นับถึงวันนี้ พ.ศ. 2555 มีอายุ 1,228 ปี บัดนี้ยังมีชีวิตอยู่
    2.พ่อท่านแก้ว (หลวงปู่แก้ว) พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช นับถึงวันนี้ พ.ศ. 2555 มีอายุได้ 1,124 ปี บัดนี้ยังมีชีวิตอยู่
    3.พระครูเทพโลกอุดร มีชีวิตอยู่นับถึงวันนี้ พ.ศ. 2555 มีอายุได้ 985 ปี
    4.หลวงปู่โพรงโพธิ์ มีชีวิตอยู่นับถึงวันนี้ พ.ศ. 2555 มีอายุได้ 791 ปี
    5.พระแก้วมรกต มีชีวิตอยู่นับถึงวันนี้ พ.ศ. 2555 มีอายุได้ 185 ปี

    ดังนั้น คนยุคนี้มักจะสงสัย ว่าพระพุทธองค์ ยังดับขันธ์ ไม่มีชีวิตอมตะเลย คนทั่วไปจะมีอายุได้อมตะอย่าง?
    ซึ่งจริงๆ พระพุทธเจ้า ท่านทรงรับนิมนต์จากพญามาร ให้ดับขันธ์นั้นเอง คิดว่าหลายคงรู้เรื่องนี้ดี เพราะมี
    ในบันทึกไว้ชัดเจน
    2.พระผู้บรรลุธรรม ทั้ง 4 ขั้นเป็นผู้มีเมตตา จึงช่วยเหลือมนุษย์อยู่เสมอ แต่ที่แน่ๆ ไม่ผ่านร่างทรงใดๆ ที่สิ้น ตามที่แอบอ้าง เพราะผู้มีบารมี และปัญญา รู้ทุกสรรพสิ่ง จะไปเข้าร่างทรงทำไม
    ประมาณนี้นะ ท่านผู้โพสกระทู้ มีภูมิธรรมก็เยอะอยู่ ไฉน จึงไม่มั่นใจในตัวเอง จากการฝึกฏิบัติมาละ?
    ขอแนะนำ ตั้งอธิษฐานจิตให้แน่วแน่ เพ่งพิจารณาพระอรหันต์ 5 รูป ที่กล่าว ท่านจะได้เจอความจริงตามที่ข้าพเจ้าบอกไป

    ขออนุญาตสรุป หัวข้อที่เคยโพสไว้
    กระทู้ 1. ตำนานพระพุทธศาสนาและพระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  5. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    วิธีสังเกตุร่างทรงว่าเป็นของจริงหรือของปลอม


    ถาม : ผมพบกับบุคคลหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเข้าทรงได้ แต่อยู่นอกพระพุทธศาสนา เขาสามารถที่จะบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำพอสมควร ถ้าเหตุการณ์ในระยะใกล้ๆ นี้จะแม่นยำมาก ไม่ได้รู้เพราะตัวเขาเอง เขาบอกว่ามีพญานาคมาบอกเขาอีกที เขาสามารถติดต่อได้เพราะเหตุใดครับ ?

    ตอบ : มีกรรมเนื่องกันมา ถ้าไม่มีกรรมเนื่องกันมา ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่สามารถจะทำได้ ในเรื่องของร่างทรง ถ้าหากว่าเป็นการทรงจริงๆ เราดูถูกไม่ได้เลย เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีกรรมเนื่องมา ขณะเดียวกันบางท่านก็ต้องการสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม จึงมาให้การสงเคราะห์แก่คนหมู่มาก

    การทรงจริงมีข้อสังเกตว่า ๑.จำกัดด้วยระยะเวลา บางร่างทรงมาเฉพาะวันพระ บางร่างทรงมาเฉพาะวันพฤหัสบดี บางร่างทรงมาเดือนละ ๑ ครั้งเฉพาะวันพระใหญ่ ร่างทรงบางร่างมาปีละครั้งเดียว ๒.ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่เรียกร้องผลประโยชน์จากผู้อื่น ต้องการความเคารพมากกว่า ดังนั้นสิ่งที่ต้องการมักจะเป็นดอกไม้ธูปเทียน หรือถ้าเป็นเงินบูชาครูก็ ๓ บาท ๖ บาท ๙ บาท เต็มที่ที่เคยเจอมาคือ ๑๐๘ บาท ๓. สิ่งที่ท่านบอกมักจะมีผลตามนั้น

    ถ้าหากว่าเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าร่างทรงนั้นเป็นจริงหรือปลอม ให้ดูได้จากข้อสังเกตทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าใครก็ตามที่ไปแล้วทรงได้ทุกเวลา ให้หมายเหตุไว้ในใจก่อนว่าน่าจะปลอม สมัยอาตมายังอยู่ที่ วัดท่าซุง มีอยู่วันหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านปรารภว่า “เฮ้ย...เล็ก ข้ายังไม่ทันจะตายเลย สำนักทรงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมี ๖๐ กว่าสำนักแล้ว” นั่นท่านบอกให้รู้เลยว่าปลอมแน่ๆ


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕



    ที่มา : http://palungjit.org/threads/วิธีสังเกตร่างทรงว่าเป็นของจริงหรือของปลอม.347059/
     
  6. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    หลวงพ่อสร้อย...พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


    เคยพบพระองค์หนึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ คือ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ต่อกัน พระรูปนั้นมีชื่อว่า "พระสร้อย" ท่านบอกว่า ท่านเป็นชาวจังหวัดสระบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย แม้หนังสือไทยนี้ ปกติท่านก็อ่านไม่ออก ท่านว่าเมื่อท่านอายุได้ ๗ ปี มีพระในถ้ำเขตสระบุรีท่านหนึ่ง ไปเยี่ยมโยมท่านที่บ้าน เมื่อพระรูปนั้นจะกลับถ้ำ ได้ออกปากชวนท่านไปอยู่ด้วย ท่านก็ขออนุญาตโยมหญิง - ชายจะไปอยู่กับพระรูปนั้น โยมทั้งสองก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ

    ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อไปอยู่กับพระรูปนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะในถ้ำนั้นมีพระอยู่ ๒ - ๓ รูป ท่านบิณฑบาตกลับมาแล้ว ท่านฉันจังหันเสร็จต่างก็บูชาพระแล้วนั่งภาวนากันตลอดวันตลอดคืน ไม่ใคร่มีเวลาพูดคุยกัน ท่านก็สอนให้ท่านอาจารย์สร้อยภาวนาด้วย ทำอยู่อย่างนั้นจนครบบวช พระที่ท่านพาไปก็พาออกมาบวชที่บ้าน บวชแล้วก็พากลับมาอยู่ถ้ำ นั่งภาวนาตามเดิม

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ ท่านป่วย ได้เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่บางกะปิ พระนคร ใครจะนิมนต์ท่านเข้าไปในชายคาบ้านท่านไม่ยอมเข้า ต่อมาพลเรือตรีสนิท เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือไปพบเข้ามีความเลื่อมใส นิมนต์ให้มารักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ ให้พักอยู่ที่ตึก ๑ เป็นตึกคนไข้พิเศษ

    อาจารย์สร้อยนี่เป็นพระพิเศษ ปฏิปทาของท่านอาจารย์สร้อยที่มาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือก็คือ ตอนเช้าท่านจะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านมีบาตรของท่านมาลูกหนึ่ง ไปยืนเอาบาตรแขวนไว้ที่ต้นมะฮ็อกกานี ข้างภายในประตูเข้ากรมแพทย์ทหารเรือ เวลาเข้าไปไอ้ต้นนี้มันจะอยู่ซ้ายมือ ชิดประตู ต้นใหญ่มาก ยืนหลับตาประเดี๋ยวก็เอาบาตรมา ตามปกตินายทหารประจำตึกเขาจะเก็บบาตรไว้แล้วเขาจะเช็ดจะขัดจะถูเป็นอย่างดี พอเช้าท่านจะมาเอา เขาตรวจดูว่าไม่มีอะไรเขาก็ส่งมาให้ เวลาท่านเอาบาตรไปแขวนท่านก็ยืนหลับตา คนเขาผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่ป่านี่ คนเดินกันไขว่เทียว ตอนเช้า ทุกคนก็เห็นว่าท่านยืนหลับตาเฉยๆ บาตรก็แขวนที่กิ่งมะฮ็อกกานี สักประเดี๋ยวหนึ่งท่านก็กลับ สะพายบาตรกลับไปส่งให้นายทหารหัวหน้าตึก ก็ปรากฏว่ามีข้างประมาณ 2 - 3 ทัพพี แล้วมีดอกไม้แปลกๆ 1 ดอกทุกวัน ดอกใหญ่เกือบจะเต็มบาตร แต่ไม่รู้ว่าดอกอะไรไม่มีใครรู้จัก แบบนั้นทุกวัน


    สำหรับท่านอาจารย์สร้อยนี่ ปรากฏภายหลังว่ารู้ภาษาได้ทุกภาษา มีนายทหารมาพูดแบบนั้น แล้วพูดถึงปฏิปทาบางอย่างของท่าน ดูๆ แล้วคล้ายจะไม่ใช่พระธรรมดา ที่ว่าไม่ใช่พระธรรมดาคือคิดเกรงไปว่าพระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า แต่เวลานั่งพูดคุยกับใคร ท่านไม่ได้นั่งหลับตาปี๋ ทำท่าเป็นคนเคร่งครัดมัธยัสถ์ไม่ใช่ยังงั้น แสดงตัวเป็นกันเองตามปกติ พูดแบบกันเองธรรมดาๆ แต่ว่าทรมานเอานายทหารไม่กินเหล้าไปหลายคน ฉันสงสัยเหลือเกินละว่า พระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า

    สำหรับพระอริยเจ้านี้ มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ว่ากันเฉพาะพระอรหันต์คือมี
    สุขวิปัสสโก
    เตวิชโช (วิชชา3)
    ฉฬภิญโญ (อภิญญา6)
    ปฏิสัมภิทัปปัตโต (ปฏิสัมภิทาญาณ)

    สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็นพระสุขวิปัสสโก ประเภทนี้ไม่มีบทบาทอะไรทั้งหมด หมายความว่าละกิเลสได้แบบเงียบๆ ผีสางเทวดาท่านก็ไม่เห็น นรกสวรรค์ท่านก็ไม่เห็น แต่ว่าจิตสงัดจากกิเลส

    สำหรับท่านเตวิชโช อันนี้ได้ทิพยจักขุญาณ กับ ปุพเพนิวาสนุสติญาณ คือว่าสามารถจะเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นนิพพาน ได้ตามอัธยาศัย แล้วก็สามารถระลึกชาติได้ ชาติของตัวเองเคยเป็นอะไรมาบ้างรู้หมด

    ต่อไปก็ฉฬภิญโญ อภิญญา 6 อันนี้ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้

    สำหรับปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็แสดงได้อย่างกับท่านอภิญญา 6 แต่มีกรณีพิเศษโดยเฉพาะ เอาอย่างที่แปลกที่สุดคือ รู้ภาษาทุกภาษาโดยไม่ต้องเรียน นี่ก็ว่ากันอย่างย่อๆ รู้ภาษาทุกภาษาทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียน ภาษาคนภาษาสัตว์รู้หมด

    ทีนี้ สำหรับหลวงพ่อสร้อยองค์นี้ อาตมาสงสัยว่าจะเป็นพระอรหันต์ ขั้นปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็เลยบอกบรรดาท่านนายทหารว่าเอายังงี้ก็แล้วกัน สำหรับพระอรหันต์มี 4 แบบ สำหรับแบบอื่นเราจะพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองอย่างอื่น แต่องค์นี้ฉันสงสัยว่าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ ลองดูนะ ไม่แน่นัก ถามว่าพวกคุณนี่น่ะพูดภาษาอะไรได้บ้าง เอาภาษาที่ถนัด บางคนก็บอกว่าภาษาอังกฤษผมเก่ง บางคนบอกว่าภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีนเพราะเคยเป็นลูกจีน แล้วก็ภาษาแขก บังเอิญมีนายทหารแขกอยู่คนหนึ่ง พูดภาษาแขกเร็วปรื๋อเรียกว่าได้กันหลายๆ ภาษา เมื่อได้กันแล้วซักซ้อมกันดีแล้วก็ส่งเข้าไปทีละคน คนไหนถนัดภาษาอะไร เข้าไปหาท่าน พูดภาษาแบบนั้น พูดภาษาที่ตนถนัด

    พอเขาเข้าไปพูด จะเป็นภาษาอะไรก็ตาม หลวงพ่อสร้อยตอบภาษานั้นได้อย่างชัดเจน คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของภาษาเอง ทุกภาษา ในที่สุดพวกนายทหารถามว่า หลวงพ่อเรียนมาจากไหน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เรียน อยู่ในถ้ำนั่นเจริญสมาธิมันเกิดความรู้สึกขึ้นเอง เขาถามว่าในเมื่อเขาพูดภาษาอื่นหลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง ท่านก็บอกว่ามีความรู้สึกเหมือนเขาพูดภาษาไทย เวลาที่จะตอบไปก็เหมือนกัน มีความรู้สึกว่าตอบเป็นภาษาไทย

    นี่แหละท่านผู้ฟัง สำหรับท่านอาจารย์สร้อยมีกรณีพิเศษ แปลกแบบนี้แล้ว ต่อมาพวกนายทหารแจ้งให้ทราบว่า ท่านกำหนดเวลาตาย ท่านบอกว่าใครจะเอาอะไรก็เอา ท่านจะตายเดือนนั้นเดือนนี้ ถ้าจะต้องการอะไรให้ไปหาท่านก่อน คนที่ไปก็ได้ของดีพิเศษมาทุกคน คือว่า มีคำสั่งมอบหมายสมบัติชิ้นสำคัญนั่นก็คือ ให้รู้จักเป็นคนมีจิตเมตตา ให้มีเมตตาเป็นปกติ มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา แล้วก็มีการให้ทานการสงเคราะห์ รู้จักรักษาศีล สำหรับศีลอย่าให้ขาดตลอดชีวิต แล้วให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะตาย นี่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่หลวงพ่อสร้อยมอบให้แก่บรรดานายทหารที่มีความเคารพในท่าน

    และเมื่อพวกนายทหารได้รับมาแล้วก็มาบอกให้อาตมาทราบ อาตมาก็บอกว่านั่นเป็นของดีที่สุด ที่คุณจะไปเอาพระเอาตะกรุดอะไรนั่นก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากพวกคุณแขวนพระไว้แต่คุณประพฤติตัวเป็นโจร พระท่านก็ไม่เอาด้วย เพราะหากว่าพระเป็นโจร พระก็ศีลขาด ถ้าหากว่าคุณเอาพระแขวนคอไว้แล้วใจคุณเป็นพระ หรือว่าคุณไม่มีพระแขวนคอ แต่ว่าใจคุณเป็นพระถึงแม้ว่าร่างกายคุณเป็นฆราวาสแต่ใจคุณเป็นพระแล้ว ก็ชื่อว่าคุณเป็นพระทั้งตัว พระนี่แปลว่าผู้ประเสริฐ
     
  7. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ตอนแรกมันก็มั่นใจอยู่คะ แต่คนเกือบทั้งหมู่บ้านแห่กราบไหว้ บูชา แล้วดิฉันไปขัดศรัทธาแม่ตัวเองชี้ข้อพิรุท ผิดจากคำสอนของพระศาสดาเข้า รู้สึกว่าชีวิตก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับชื่อเสียงของตนเอง
    (แบบแรงนะคะ ถ้าลืมพระที่ไปกราบไหว้ท่านได้เคยอฐิธานขอนิพานจากท่าน แล้วท่านบอกว่า ใจเย็นๆ หละก็คงได้ขึ้นศาลฟ้องร้องกันยาวแน่)
    และอย่างที่เคยตั้งกระทู้ไว้แล้วก่อนหน้านี้และดิฉันได้เล่าเหตุการณ์สถานที่ฝึกปฏิบัติให้ฟัง แล้วลบทิ้งเป็นที่เรียบร้อยเพราะพ่อ (อ้อ พ่อดิฉันเคยบวชมาแล้ว 3 ครั้ง บวชวัดป่าด้วยแต่กี่วัดจำไม่ได้ มันก็เลยกลุ้มใจเพราะดึงแม่ออกมาไม่ได้ ก็เพราะพ่อนี่แหละ) ก็เป็นสมาชิกเว็บนี้เช่นกันเดี่ยวพ่อจะโกรธเอา เพราะเพิ้นก็ศรัทธามาก ท่านมักจะบอกว่าทำอะไรในสิ่งที่เราเชื่อและศรัทธาแล้วไม่มีอะไรเสียหาย (ซึ่งมันก็จริงแต่มันเป็นเรื่องงมงาย นี่หน่า...และสวมลอยอ้างพระอริยะเจ้าให้ชาวบ้านเข้าใจผิดมาขอพึ้งบารมีขอให้เพิ้นตัดกรรมให้บ้าง ท่านใจดีลดโทษในนรกให้หลายหมื่นโกฏบ้าง ท่านให้บุญเท่ากับกองกฐินมา 30 กอง บ้าง)

    ตอนนี้ไม่กล้านั่งสมาธิเพ่งออกนอก หรือส่ายกระแส แล้วคะกลัวเป็นเหมือน ป.ญ. เพราะโชคดีมีท่านผู้รู้ให้ clip เสียงมาฟัง การเทศนาเกี่ยวกับเหตุของการชักจูงผี ปลอมเป็นองค์มาบอกว่าจะช่วยแล้วก็เกาะกินบุญไปกับเราก็เพราะเหตุของการส่ายจิตออกนอกกาย หรือการตั้งเจตนารมณ์(เป็นอารมณ์อยาก) ก็เลยไม่คิดจะทำแบบนั้น แต่ขอความแน่ใจจากคนธรรมะสายกลางจริงๆ อย่างพี่ๆ น้องๆ เพื่อนนี่แหละคะ
     
  8. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ที่สำคัญแม่ดิฉัน

    ท้าทายให้ดิฉันไปพิสูจน์ โดยการตั้งคำถาม อีกแหนะและยกตัวอย่างมาขู่เราด้วยว่า เคยมีคนไปพิสูจน์แล้วโดนกรรมตามทันอย่างนั้นอย่างนี้หรือพิสูจน์แล้วแพ้ทางตัวเองประมาณนี้คะ (ไอ้เราก็ไม่ได้แน่นเรื่องพระอริยะ การนิพพานจริงจัง ก็เกรงกลัวว่าจะทำให้ตัวเองเป็นที่เหม็นหน้าของคนในบ้านเราเปล่าๆ )

    โบราณว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือมาขวาง ก็ใช้กับเรื่องนี้ได้เลยนะคะ
    แต่เป็นห่วงที่สุดคือแม่ กับ พ่อ คะ

    ดิฉันเคยถามร่างผ่านท่านนี้อยู่ว่าดิฉันจะได้พบนิพพานได้อย่างไร และภายในชาตินี้ได้หรือไม่ (เพิ้นก็บอกว่าเดี่ยวให้มาขอใหม่กับหลวงปู่ฝน ที่จะมาประทับวันพรุ้งนี้) พอดิฉันมา กลับเป็นหลวงปู่องค์อื่น เพิ้นบอกว่าที่มานั่ยสวดมนต์ภาวนาที่นี่ไม่มีใครพบนิพพานสักคนเดียว มีแต่ผู้เป็นร่างผ่านนี้แหละที่จะได้นิพพาน ?!

    น่าน....ตอกหน้ากันเห็น มันใช่พระอริยะไหมหละนี่ ถามอย่างตอบแบบกัดแขวะอีก ชาวบ้านที่นั่งห้อมล้อมก็พากันยิ้มไม่มีใครว่าอะไรเลย

    กลัวจริงๆคะ ถ้าเค้าเป็นนักต้มเปื่อย เค้ามาเหนือเมฆ มากเลยนะบนพื้นฐานความไม่รู้และจิตใจส่ายหาที่พึ่งของชาวบ้าน
     
  9. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ต้องขออนุโมทนา และขอบพระคุณพี่ปราบเทวดา จริงๆ คะ
    น้องได้เปิดฟัง และเกิดความซาบซึ้ง ได้คำตอบที่ตามหามานานเกี่ยวกับข้อข้องใจของที่มาที่ไปของร่างทรงองค์พระ คะ และได้ประโยชน์ในแนวทางการนั่งสมาธิอีกด้วย เลยได้เก็บไว้ฟังหลายรอบ
     
  10. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QeXqEGiWqns]หลวงตาม้า ตอบปัญหาธรรม - YouTube[/ame]

    หวังว่า จะเคลียนะครับ...........ท่านตอบไว้ละเอียดเลย
     
  11. aeiou1234

    aeiou1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +292
    พระท่านนำมาอธิบายตรงสุดแล้ว ชั้นแก้วนั้น ก็ คือ "ชั้นวิมานเมือง" ใครบารมีถึงก็จะได้เห็นทางสมาธิ แต่ถ้าฝึกใหม่ๆ ก็จะรู้สึกเหมือนฝัน กึ่งหลับกึ่งตื่น ไปเจอดินแดนแห่งนี้ สวยงามและอิ่มใจตลอด ถ้าได้ไปพบเห็นด้วยตนเอง
    (พระท่านพยายามตอบอ้อมๆ เพราะเลี่ยงการอวดอุตริมนุษยธรรม สาธุ...)
     
  12. Jitsamathi

    Jitsamathi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +66
  13. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53

    ขอตั้งข้อสังเกตหน่อยครับ
    1. ทำไมในพระไตรปิฏกไม่กล่าวเอาไว้ถึงเรื่องเมืองนิพพานนี้
    ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าท่านอยากให้สัตว์โลกไปนิพพาน
    แต่ทำไมไม่บอกรายละเอียดอย่างที่หลวงตาม้าบอกไว้เลย
    ในทางกลับกันท่านได้บรรยายนรก สวรรค์และพรหมไว้อย่างละเอียด
    แต่ไม่ได้บรรยายเมืองนิพพานเอาไว้เลย?

    2. ถ้าคนที่นิพพานแล้วไปอยู่ที่เมืองนิพพาน พระพุทธเจ้าจะตรัสไว้ทำไมว่า
    เมื่อเราปรินิพพานแล้ว ธรรมทั้งหลายจะเป็นศาสดาของเธอต่อไป?
    แบบนี้ก็น่าจะทรงตรัสเอาไว้ว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเราจะเสด็จจากเมืองนิพพานมาโปรดเธอเอง เวลาสังคายนาพระไตรปิฎกก็ให้พระที่มีฤทธิ์เสด็จไป
    ถามพระพุทธเจ้าบนเมืองนิพพาน กัปป์เรามีพระพุทธเจ้ามา 4 พระองค์แล้ว
    มิเช่นนั้นทั้ง 4 พระองค์ไม่เสด็จลงมาโปรดสัตว์เป็นการใหญ่เลยเหรอ?
    เพราะพระพุทธเจ้าเคยเป็นพระโพธิสัตว์ ย่อมมีเมตตาสูงอยู่แล้ว
    นี่ยังไม่นับรวมพระพุทธเจ้าของกัปป์ก่อนหน้าเราอีกนะครับ

    3. แบบนี้พระพุทธศาสนาคงจะไม่มีวันเสื่อม เพราะพระอรหันต์สมัยของพระพุทธเจ้าของเราก็มีหลายพันองค์แล้ว นี่ยังไม่นับรวมองค์ก่อนอีก
    ไม่ลงมาโปรดสัตว์กันวุ่นวายหรอกเหรอ?


    ปล. รบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีครับ กระผมไม่รู้แค่ตั้งข้อสงสัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...