ปิดประมูลแก้วมณีสัตตรัตนปราการ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 14 สิงหาคม 2012.

  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขอเชิญร่วมประมูลแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ขนาด ๑๐ กว่ากก.ค่ะ


    <O:p</O:p
    ดวงแก้วมณีสัตตปราการ.jpg


    ดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ อัญเชิญจากเทือกเขาภูพาน ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๕๕ ปรากฏขึ้นครั้งล่าสุดก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาพุทธเจ้า โดยมีพระปิยภัทรโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ทั้งสิ้น ๑๒,๐๘๒,๐๐๐องค์ ปัจจุบันอยู่ชั้นสวรรค์ดุสิต รอการจุติในยุคพระศรีอารียเมตไตรย เพื่อรับการพยากรณ์

    เริ่มต้นการประมูลที่... ๑๖,๒๐๐ บาท

    กติกาในการประมูล


    ๑. เริ่มวันที่ ๑๔-๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ภายใน ๑๕.๒๐ น. ตามราชาฤกษ์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๘/๘ ปีมะโรง












    </PRE>
    ๒. หากที่มีผู้ประมูลสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต โดยไม่เกินวันเวลาที่กำหนด












    </PRE>
    ๓. หลังปิดการประมูล โอนปัจจัยไม่เกิน ๒ วัน เมื่อโอนปัจจัยแล้ว จะทำการจัดส่งดวงแก้วให้แก่เจ้าของต่อไปค่ะ












    </PRE>๔. กรุณาแจ้งชื่อที่อยู่ของท่านผ่าน PM : Numsai



    กรุณาโอนปัจจัยไปที่......


    ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
    เลขที่ 080-252647-2
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์
    สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพกรีฑา)
    ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์

    ปัจจัยที่ร่วมประมูล หลังหักค่าใช้จ่าย ๒๐% จะนำเข้ากองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร ค่ะ

    http://palungjit.org/f242/ขอเชิญร่วมกองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ-อ่านประวัติ-ดวงแก้วชัยสิทธิ์มงคลธรรม-หน้า-๙๕-ค่ะ-283863-97.html


    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  2. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอประเดิมประมูลที่ 16500 ครับ
     
  3. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    พี่น้ำใสยังไม่ลงประวัติเลยคุณแอมชิงประมูลซะแล้ว อิอิ
    ลูกนี้มองแล้วรู้สึกสบายใจจังค่ะ แต่คงไม่ได้ร่วมประมูลด้วยนะคะ
    เหมือนเดิม เกาะขอบจอรอชมค่ะ อิอิ ดัน ๆๆๆ
    เวลาหมดประมูลเป็นตอนบ่ายซะด้วย
     
  4. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214

    ขอให้สมหวังนะครับ

    มาร่วมเป็นกองเชีียรด้วยคน
     
  5. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    กำลังจะลงประวัติให้นะคะ ต้องขออภัยอย่างยิ่งค่ะ เมื่อวานได้ไปติดต่อเรื่องสร้างพระที่ร่วมในบุญกฐินบรมจักรพรรดิที่โรงหล่อพระปฐม จ.อุทัยธานีทั้งวันค่ะ

    ก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 ด้วยนะคะที่เป็นผู้เปิดประมูล ขอให้สำเร็จตามความปรารถนาค่ะ



    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๑ ..

    ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๑

    ดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการปรากฏขึ้นครั้งล่าสุด ๑ พุทธันดร ก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสี นครหนึ่งนามว่า กัปปรักษ์นคร มีมหาเศรษฐีใหญ่คนหนี่งมีนามว่า สันตปุตต์เศรษฐีมีทรัพย์ถึง ๔๖๐ โกฏิ สันตปุตต์เศรษฐี มีบุตรเพียงคนเดียวนามว่า ศิลปัตร“ภรรยาของท่านเศรษฐีได้เสียชีวิตตั้งแต่บุตรชายอายุได้ ๗ ขวบ ท่านเศรษฐีได้ครองตนเป็นโสดตลอดมา จนกระทั่งบุตรชายอายุได้ ๒๐ปี สันตเศรษฐีนั้น ประกอบอาชีพค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในต่างเมือง โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องประดับอัญมณีต่าง ๆ โดยมีบุตรชายช่วยเหลือการค้าให้ได้กำไรงาม

    ส่วนศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้น เป็นผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี และมีความกตัญญูต่อบิดาเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาสันตปุตต์เศรษฐี ปรารถนาที่จะให้บุตรชายครองเรือน จึงได้หาหญิงสาวที่มีฐานะ และชาติตระกูลดีมาให้บุตรชาย แต่ศีลปัตรก็ปฏิเสธตลอดมา โดยให้เหตุผลว่า ตนเองอยากจะช่วยงาน และดูแลบิดาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะนับวันบิดาจะมีความแก่ชราลง แม้สันตปุตต์เศรษฐีมีความปลาบปลื้มใจในความกตัญญูของบุตรชาย แต่ก็ยังปรารถนาที่จะให้บุตรชายของตนเองครองเรือนอยู่นั่นเอง

    จนกระทั่งศิลปัตรนั้นมีอายุได้ ๒๖ ปี ได้ออกเรือเดินสมุทรเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อเรือสักพัก เกิดคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ พัดเสากระโดงเรือหัก จนกระทั่งเรือแตกในที่สุด ผู้คนต่างหนีเอาตัวรอด สินค้าที่จะนำไปขาย และทรัพย์สินต่าง ๆ ได้จมหายไปในทะเลทั้งหมด

    ส่วนศิลปัตรนั้น เมื่อเรือแตกได้จมหายไปในทะเล บริวารส่วนหนึ่งที่สามารถรอดชีวิตได้ และได้นำข่าวไปแจ้งแก่สันตปุตต์เศรษฐี ท่านเศรษฐีเศร้าโศกเสียใจมาก จึงได้เชิญสมณพราหมณ์ในยุคนั้นมาทำพิธีศพแก่บุตรชาย และบริวารที่เสียชีวิต โดยเข้าใจว่า บุตรชายเสียชีวิตไปแล้ว พบร่างผู้เสียชีวิตบางส่วนได้มาทำพิธี ยกเว้นร่างของบุตรชายเศรษฐี

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๒ ..

    ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๒

    กล่าวถึงศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้น เมื่อคลื่นพัดร่างเขาจมทะเล ด้วยบุญกุศลที่เขามีความกตัญญูต่อบิดา และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่บริวาร และคนทั่วไป ทำให้บุญนี้ส่งผลให้นาคมาณวิกานางหนึ่ง นามว่า จุลนีย์มาณวิกาเป็นพระธิดาพญาสินธุนาคราชแห่งเมือง กัลล์ศัยนคร ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้สมุทรถึง ๑ โยชน์(๑๖ กม.เหนือท้องทะเล)

    วันนั้น นางเกิดความร้อนรุ่มใจออกมาจากถ้ำใต้ทะเลได้ผุดขึ้นมาว่ายน้ำ ได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ จนกระทั่งได้เห็นศิลปัตร บุตรเศรษฐีได้จมลงใต้ทะเล ด้วยบุพเพสันนิวาสที่เคยครองคู่กันมา นางจึงได้ให้ความช่วยเหลือ นำร่างของศิลปัตรไปยังที่อยู่ของนางทันที จากนั้นจึงได้ให้ยาอายุวัฒนะแก่ศิลปัตร บุตรเศรษฐีให้ร่างกายที่บอบช้ำหายสนิท รอเพียงบุตรเศรษฐี ฟื้นขึ้นมา

    ธรรมดาเวลาในนาคพิภพจะมีความแตกต่างกันกับเวลาของเมืองมนุษย์ แต่ละภพจะมีเวลาไม่เท่ากัน สำหรับเวลาของเมืองนี้ ๑ วันนาค เท่ากับ ๓ เดือนของมนุษย์ยุคนั้น ศิลปัตรได้สลบไปเป็นเวลา ๓ วันแล้วได้ฟื้นขึ้นมา เวลาจึงผ่านไปเกือบ ๑ ปี

    เมื่อศิลปัตรฟื้นขึ้นมาแล้ว พบจุลนีย์มาณวิกาก็ความรักขึ้นมาทันที แม้ทราบว่า นางเป็นนาคมาณวิกา ศิลปัตร บุตรเศรษฐีหาได้รังเกียจไม่ จุลนีย์มาณวิกานั้น มีพระดาบสที่เคารพนับถือนามว่า สัตตปราการดาบส เป็นผู้เชี่ยวชาญเล่นแร่แปรธาตุ นางได้นำผลไม้ทิพย์ และน้ำยาอายุวัฒนะไปถวายแด่ท่านเป็นประจำทุกวัน

    หลังจากศิลปัตรได้ฟื้นขึ้นมา นางจึงได้พาไปกราบพระดาบส พระดาบสได้ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า อีกไม่นานศิลปัตรจะหมดอายุขัย จึงได้บอกให้ศิลปัตรนั้นสร้างบุญใหญ่ โดยไปงมเอาทรัพย์สมบัติของตนที่คราวเรือสำเภาล่ม และนำทรัพย์นั้นไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ ศิลปัตรจึงได้ชักชวนจุลนีย์มาณวิกา และบริวาร ร่วมกันหาสมบัติดังกล่าว เมื่อได้แล้วจึงลาจุลนีย์มาณวิกาขึ้นไปยังโลกมนุษย์

    ก่อนที่ศิลปัตรจะกลับเมืองมนุษย์ ได้เข้าเฝ้าพญาสินธุนาคราช เพื่อกราบลา ท่านได้ให้พรอันเป็นมงคล ๗ ประการ คือ..

    ๑.ขอให้เป็นผู้ที่มีกายงามหาผู้ใดเปรียบปาน
    ๒.เป็นผู้ที่ไม่มีศัตราวุธใดทำลายได้ ยกเว้นไฟ(ด้วยวิชาของพญาสินธุไม่สามารถกันไฟได้)
    ๓.เป็นผู้ที่ได้รับความเมตตาจากพญานาคราชทั้งหลาย
    ๔.ให้เป็นผู้ที่มีทรัพย์ไม่มีประมาณ
    ๕. เป็นผู้ที่มีวาทะศีลเป็นยอด
    ๖.เป็นผู้ที่มีสิริเป็นปกติ
    ๗. ขอให้ได้ครองคู่กับพระธิดาจุลนีย์ในทุกภพชาติ

    เมื่อกราบลาพญาสินธุนาคราชแล้ว จุลนีย์มาณวิกาได้พาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ มีพระแม่ย่า ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน เคยกล่าวแก่เหล่านาคทั้งหลายว่า อีกไม่นานจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก ทำให้เหล่าพญานาคราชทั้งหลายต่างก็รอคอยที่จะได้เฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    จุลนีย์มาณวิกานั้น ได้จุติมาภายหลังได้ยินคำบอกเล่าจากพระบิดา นางก็รอคอยโอกาสนั้นเช่นกัน จึงได้พาศิลปัตรไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ณ.เจดีย์สถานแห่งนาคพิภพ

    ศิลปัตร บุตรเศรษฐีเกิดความปลื้มปิติในบุญ จึงได้นำเครื่องประดับส่วนหนึ่ง บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระเขี้ยวแก้วแห่งนาคพิภพด้วยจิตที่เลื่อมใส และอธิษฐานขอให้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล(ยังมีต่อ..)

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๓ ..

    ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนที่ ๓

    จากนั้นศิลปัตร และจุลนีย์มาณวิกาอธิษฐานร่วมกันขอให้ได้ครองคู่กันในทุกภพชาติที่เกิดมา จากนั้นจุลนีย์มาณวิกาได้คลายฤทธิ์ และส่งศิลปัตรไปยังเมืองมนุษย์ ศิลปัตรนั้นได้อยู่เมืองนาค เทียบแล้วเป็นเวลาเกือบสองปีของเมืองมนุษย์ทำให้หลายสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก
    เขาได้นำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ไปยังเรือนเศรษฐี จากนั้นได้เข้าไปหาเศรษฐี คนใช้ในเรือนต่างก็จำศิลปัตรได้คิดว่า ผีหลอก ต่างก็วิ่งหนี เมื่อศิลปัตรได้กล่าวว่า เขายังไม่ตาย ทุกคนต่างก็ปิติยินดีไถ่ถามทุกข์สุขของเขา และได้แจ้งข่าวแก่ท่านเศรษฐี ทำให้สันตปุตต์เศรษฐีดีใจที่ได้บุตรชายกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

    ศิลปัตร บุตรเศรษฐีนั้นได้เล่าเรื่องราวทุกอย่าง คล้ายเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน ได้เล่าถึงเมืองพญานาคใต้สมุทรที่งามดุจสรวงสวรรค์ หลายคนก็แปลกใจว่า เหตุใดเขาจึงสามารถอยู่นาคพิภพได้โดยไม่เป็นอันตราย เขาจึงได้กล่าวว่า ด้วยฤทธานุภาพของจุลนีย์มาณวิกา ๑ และด้วยบุญกุศลที่เขามีความกตัญญูต่อบิดา ค้าขายด้วยความสุจริต และมีความเอื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ บุญนี้จึงทำให้เขาพันภัยต่าง ๆ รวมทั้งได้กล่าวถึงการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในโลก สร้างความปลื้มปิติแก่ชามเมืองทั้งหลาย ชาวเมืองต่างแซ่ซ้องสรรเสริญความดีของศิลปัตร แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ศิลปัตรไม่กล้าเอ่ยให้บิดาได้ยิน การที่เขาจะหมดอายุขัย และการมาครั้งนี้เป็นการมาสร้างบุญใหญ่ก่อนเสียชีวิตจริง

    หลังจากสนทนาปราศรัยแล้ว เขาจึงได้กล่าวแก่บิดาว่า จะนำทรัพย์สินที่จมทะเลไปนั้น มาแจกจ่ายแก่บริวารในเรือน และผู้ยากไร้ ท่านเศรษฐีได้สนับสนุน เนื่องจากคิดว่า หากมีทรัพย์ แต่ขาดบุตรชายท่านก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จึงได้มอบทรัพย์อีกส่วนหนึ่งให้ทำโรงทาน และได้ร่วมสร้างทานบารมีครั้งใหญ่ จากนั้นจึงให้คนออกประกาศวันเวลาในการแจกจ่ายอาหาร และทรัพย์สินดังกล่าว

    เมื่อถึงเวลาศิลปัตรได้แจกจ่ายอาหารและทรัพย์ด้วยตนเอง ด้วยความปลื้มปิติใจ และมีความสุข จากนั้นเขาได้นิมนต์สมณะนักบวชทั้งหลาย มีรับภัตตาหารต่อเนื่องเป็นเวลา ๗ วัน หลัง ๗ วันอยู่ ๆ ศิลปัตรเกิดเป็นลมหน้ามืดกะทันหัน คล้ายหลับแล้วตื่นกลางวิมาน

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  9. octt

    octt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +267
    ยินดีด้วยครับ
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วมณีสัตตรัตนปราการ ตอนจบ..

    เมื่อศิลปัตรรู้สึกตัว พบว่า ตนได้นั่งตรงกลางระหว่างพญาโกสินทร์นาคราช และพระนางสุมนทิพยมาลย์ ผู้ครองนครกัปป์นัยยบาดาล ซึ่งหากจากเมืองเดิม ๑๒ โยชน์ เมื่อจุติขึ้นมาแล้วได้มีดวงแก้วมณีผุดขึ้นบนตักทันที สร้างความปลื้มปิติแก่พญาโกสินทร์นาคราช และพระมเหสีเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านได้พระโอรสแรก แต่เป็นองค์ที่สามของพระโอรส-ธิดาทั้งหมดจึงตั้งพระนามว่า “สัตตสุทธิ์นาคราช


    เดิมพญาโกสินทร์นาคราช มีพระธิดาอยู่แล้ว ๒ พระองค์ นามว่า ญสุนทราเทวี และ“ณยามาลย์เทวีพระธิดาทั้งสองต่างก็มีสิริโฉมงดงาม ญสุนทราเทวี เป็นผู้มีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ กล่าวสิ่งใดสิ่งนั้นจะเป็นจริง จึงทำให้พระธิดาญสุนทราเทวี ไม่ค่อยเจรจากับใคร มักจะเข้าฌาณสมาบัติเป็นส่วนใหญ่ ส่วน ณยามาลย์ นั้นมีทิพยจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพญานาคองค์ใด


    ส่วนสัตตสุทธิ์นาคราช ที่เพิ่งจุตินั้น เป็นผุ้มีบุญญาธิการสูง คือ จุติมาพร้อมกับดวงแก้วมณี และปราสาทแก้วประกอบด้วยรัตตะ ๗ และมีปราการ ๗ ชั้นป้องกันภัย รอบเมืองสามารถป้องกันภัยจากเหล่าพญาครุฑได้ นอกจากนี้บนปราสาทแก้วนั้น สัตตสุทธิ์นาคราช จะมีความเป็นอยู่ดุจเทวดาบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสตี กล่าวคือ เมื่อนึกปรารถนาสิ่งใด จะมีบริวารที่เปี่ยมด้วยฤทธานุภาพมาบันดาลให้ทุกครั้ง



    เป็นธรรมเนียมว่า ปกติเมื่อมีพญานาคผู้มาจุติใหม่ในตระกูลกษัตริย์ จะต้องทำพิธีชำระจิต รักษาศีลเป็นเวลาอย่างน้อย ๗ วัน เพื่อรวบบุญเก่าของตน สัตตสุทธิ์นาคราชก็เช่นกัน ได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑๕ วัน


    กล่าวถึงท่านสันตปุตต์เศรษฐีนั้น เกิดความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่งในการเสียชีวิตของศิลปัตร บุตรชายอันเป็นที่รัก ท่านจึงได้มอบสมบัติแก่ผู้เป็นหลาน และสั่งเสียให้ดูแลกิจการค้าให้ดี จากนั้นท่านจึงได้ออกบวชเป็นพระดาบส และอธิษฐานขอให้เกิดมาพบกับศิลปัตรในทุกชาติไป จวบจนสิ้นอายุขัยได้ไปเกิดในพรหมโลก


    ในนาคพิภพนั้น ข่าวการจุติของสัตตสุทธิ์นาคราช ผู้ที่มีบุญญาธิการนั้น แพร่สะพัดไปยังเมืองนาคอื่น ๆ โดยรอบ จนกระทั่งได้ทราบถึงพญาสินธุนาคราช ซึ่งได้ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า บัดนี้พรที่ท่านได้ให้แก่ศิลปัตรมีผลแล้ว ส่งผลให้เขาได้มาจุติในนาคพิภพ จึงได้ส่งสาส์นให้แก่พญาโกสินทร์นาคราช พร้อมได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปัตร และจุลนีย์มาณวิกา อันเป็นพระธิดาองค์เดียวของท่าน


    เมื่อพญาโกสินทร์ได้ทราบเรื่องราว จึงได้ดูด้วยญาณทัสสนะว่า เป็นจริงดังที่พญาสินธุกล่าวไว้จึงได้ส่วสาส์นกลับไปว่า


    ขณะนี้สัตตสุทธิ์นาคราชอยู่ระหว่างการเข้าฌานสมาบัติ ขอให้ออกจากสมาบัติมาก่อนจะไต่ถามเรื่องราว และหากสัตตสุทธิ์ปรารถนาที่จะอภิเษกกับพระธิดาจุลนีย์ทางเมืองนี้ก็ยินดี


    เมื่อครบกำหนดการเข้าสมาบัติแล้ว สัตตสุทธิ์นาคราชได้ทราบเรื่องการส่งสาส์นของพญาสินธุนาคราช จึงได้ใช้ทิพยเนตรตรวจดูทราบเรื่อง จุลนีย์มาณวิกาจึงปิติยินดียิ่งนัก จึงแจ้งพระบิดาให้ส่งสาส์นกลับไปว่า อีก ๓ วันจะนำขบวนไปสู่ขอจุลนีย์มาณวิกาเพื่อเป็นชายา สร้างความปิติใจแก่เหล่านาคทั้งหลาย


    หลังจากอภิเษกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้นึกถึงสันตปุตต์เศรษฐี จึงทราบว่า ท่านได้บวชเป็นพระดาบส และได้เสียชีวิตแล้ว ไปเกิดในพรหมโลก สัตตสุทธิ์รู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้ไปหาบิดาก่อนอภิเษก จึงอธิษฐานว่า

    หากเกิดในชาติต่อไป ไม่ว่าอยู่ในสถานะใด ขอให้ตนอย่าได้พลัดพรากจากบิดาอีกเลย

    จากนั้น สัตตสุทธิ์นาคราชได้ชวนพระชายาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ณ.พระเจดียสถานแห่งนาคพิภพเสมอ ๆ และครองรักกันอย่างมีความสุข


    หลายปีต่อมา เกิดสงครามระหว่างพญานาคตระกูลสีดำที่เป็นมิจฉาทิฐิ และพญานาคตระกูลสีเขียวได้ทำสงครามกัน พญาโกสินทร์ได้ให้สัตตสุทธิ์นาคราชออกนำทัพไปรบ พร้อมกับพระธิดาญสุนทราเทวี การรบในครั้งนี้พญานาคสีเขียวเป็นฝ่ายชนะ

    แต่พญาโกสินทร์นาคราช ต้องสูญเสียพระโอรส คือ สัตตสุทธิ์นาคราช เนื่องจากทนพิษไฟที่พญานาคสีดำพ่นไม่ไหว จึงได้จุติทันที โดยเป็นพระโอรสของ พญาปัญจปุญญานาคราช” มีพระมเหสีนามว่า “พระนางมายารัศมี”โดยจุติบนตักของพระองค์ พร้อมกับพรหมองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นสันตปุตต์เศรษฐีในอดีต โดยพญาปัจจปุญญานาคราชให้นามเจ้าชายทั้งสองว่า “เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช” และ เจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช

    รายละเอียดนำเอาประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศรมานำเสนออีกครั้งค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  11. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอบคุณมากครับ :d
     
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 อีกครั้งค่ะ

    <TABLE id=post6541778 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>เมื่อวานนี้, 10:45 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->am12<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6541778", true); </SCRIPT>
    สมาชิก






    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6541778 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ขอประเดิมประมูลที่ 16500 ครับ<!-- google_ad_section_end -->




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ก่อนอื่นพี่ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 อีกครั้งค่ะ ขออนุญาตกราบเรียนว่า ท่านศิลปัตร อดีตบุตรเศรษฐี พญาสัตตสุทธิ์นาคราช และ เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช นั้นเป็นดวงจิตเดียวกัน

    จำได้ว่า ตั้งแต่ได้ลงเรื่องแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์-นคเรศวร์มหิศรไปแล้ว คิดว่า น่าจะมีเรื่องที่มีความเนื่องกันมาระหว่างเจ้าชายทั้งสอง จึงได้มาจุติพร้อมกัน ต้องมีเหตุบางอย่างแน่นอน และไม่ใช่ชาติเดียวค่ะ

    การที่กล่าวถึงอดีตนั้น ไม่ใช่ให้ยึดติดในอดีต แต่เพียงเพื่อให้ปลงในวัฏฏสงสารอันยาวนานนี้ และจะได้ปิดอกุศลกรรมต่าง ๆ ไม่ให้เกิดขึ้นในหนทางการสร้างบารมีต่อไป

    หากเราจะพิจารณาแล้วนั้น การที่ท่านศิลปัตร หรือ พญาสัตตสุทธิ์นาคราชนั้นมีอายุสั้น นั้นเกิดจากกรรมปานาติบาตมาแต่อดีต ได้ใช้ส่วนของกรรมไปหมดแล้ว ปัจจุบันนั้นก็มีเศษกรรมเล็กน้อย ๆ เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายบ้าง ให้หมั่นปล่อยสัตว์ปล่อยปลาบ่อย ๆ จะช่วยได้ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 อีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  13. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอบคุณครับ โมทนาสาธุบุญครับ
     
  14. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอบพระคุณมากครับสำหรับประวัติและคำแนะนำครับ
     
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร..

    ประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร

    แก้วนคเรศวร์มหิศร2.JPG

    ย้อนหลังก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า มีนครบาดาลนามว่“พญาปัญจปุญญานาคราช” มีพระมเหสีนามว่า “พระนางมายารัศมี”ทรงมีพระโอรสที่จุติบนตักของพระองค์ พร้อมกัน ๒ องค์ พระนามว่า “เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช” (อ่านว่า นะ-คะ-ริน-เด-ชะฯ) และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช (อ่านว่า นะ-คะ-ริน-ละ-ภาฯ) เจ้าชายทั้งสองมีรูปร่างงดงามมาก มีผิวพรรณสีเหลืองทอง และลักษณะคล้ายกัน

    เมื่อครั้นที่ทั้งสองพระองค์จุติ เกิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งนครบาดาล โหราจารย์แห่งนครบาดาล ทำนายว่า “เจ้าชายทั้งสองที่มาจุตินั้นมีบุญญาธิการมาเกิดจะทำให้นครนี้ เจริญรุ่งเรือง”

    หลังจากโหราจารย์ทำนายไม่นาน ก็พบว่า มีสมบัติต่าง ๆ ปรากฏเกิดขึ้นจนเต็มท้องพระคลังของเมือง และเกิดวิมาณแก้ว ๓ หลังงดงามวิจิตรตระการตาแตกต่างกันออกไป พร้อมมีดวงแก้วมณีปรากฏขึ้นในวิมานของทั้งสองพระองค์ สร้างความปลื้มปิติแก่ “พญาปัญจปุญญานาคราช”เป็นอย่างมาก

    ความนี้ได้ทราบไปถึง “พญาภุชงค์นาคราช” (กาลนั้น สมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า ได้เสวยพระชาติเป็นพญานาค นามว่า “พญาภุชงค์นาคราช”)ซึ่งเป็นจอมกษัตริย์แห่งนครบาดาลทั้ง ๗ เมือง จึงได้ให้พระโอรสทั้งสองเข้าเฝ้า พร้อมดวงแก้วมณี

    พญาภุชงค์นาคราชมีพระสหายสนิท ๑๖ พระองค์ “ท่านพญาปัญจปุญญานาคราชนั้นได้เป็นหนึ่งในพระสหายนั้นนอกจากนี้ท่านยังเป็นพระสหายสนิทของ“ท่านพญาศิรสีห์นาคราช”อีกด้วย..

    “พญาปัญจปุญญานาคราช” ได้ปกครองบ้านเมืองด้วยความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขเรื่อยมา ต่อมา ท่านพญาภุชงค์นาคราชได้ทราบข่าวจากพญาภุชงค์นาคราช ซึ่งเป็นพระสหายอีกพระองค์หนึ่งว่า...

    กาลนี้ ได้ปรากฏพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว” ท่านพญาภุชงค์นาคราชได้ทราบด้วยญาณทัสสนะของพระองค์ว่า พระองค์เคยปรารถนาพระโพธิญาณมาแต่กาลก่อน จึงปรารถนาจะอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามายังนครพิภพ เพื่อถวายภัตตาหารเป็นเวลา ๗ วัน จึงได้เรียกบรรดากษัตริย์แห่งนครบาดาลทั้ง ๗ เพื่อประชุมปรึกษาหารือ

    ท่านพญาปัญจปุญญานาคราช พร้อมทั้งพระสหายของพญาภุชงค์นาคราชได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย มีข้อสรุปว่า จะมีการแบ่งงานกันทำแยกออกเป็น..

    ๑. คณะที่ทำหน้าที่ไปอาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ คณะ โดยมีพญาภุชงค์นาคราช พญาโภคนาคราช พญาปิณฑวนาคราชพญาโยชนนาคราช พญาชารวางค์นาคราช และคณะผู้ติดตามอีกจำนวนมาก ได้ไปอาราธนาพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

    ๒. พญาอัศดงนาคราช พญาศรีสรรเพ็ชญ์นาคราช พร้อมพระสหายอีก ๔ องค์ (เพิ่มเติม มีพญาโกสินทร์นาคราชรวมอยู่ด้วย) ในการเนรมิเสนาสนะทิพยวิมาน สำหรับรองรับพระพุทธวิปัสสี และพระสาวก

    ๓. ส่วนพญาศิรสีห์นาคราช พญาปัญจปุญญานาคราช และพระสหายที่เหลือ รับหน้าที่บอกกล่าวงานบุญแก่พญานาคราชทั้งหลาย

    เมื่อประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านพญาภุชงค์นาคราช พร้อมคณะที่ทำหน้าที่อาราธนาพระพุทธเจ้าได้แทรกแผ่นดินขึ้นไปอาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

    “ข้าฯ แต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าฯพระพุทธเจ้าได้ทราบถึงพุทธานุภาพแห่งพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดไปสงเคราะห์แก่เหล่านาคราชทั้งหลายในนาคพิภพเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ขอพระองค์ได้โปรดเสด็จโปรดสัตว์โลกที่ยังไม่พ้นทุกข์ ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้าฯ”

    องค์สมเด็จพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงนิ่งเสีย จึงเท่ากับว่าพระองค์รับการอาราธนาในครั้งนั้น ยังความปลื้มปิติใจแก่พญาภุชงค์นาคราชเป็นอย่างมาก จึงได้กล่าวต่อไปว่า

    “อีก ๗ วันข้างหน้า ข้าพระองค์ฯ จะมีผู้นำราชรถ และขบวนรับเสด็จมารับพระองค์ และพระสาวกพระพุทธเจ้าข้าฯ”


    พญาปัญจปุญญานาคราช เมื่อกลับจากการประชุมใหญ่แล้ว จึงได้เรียกเจ้าชายทั้งสอง และเสนาอำมาตย์ มาเพื่อรับทราบภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพญาภุชงค์นาคราช(มีต่อ...)



    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2012
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร ตอบจบ..

    ส่วนเจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชได้ทรงทราบข่าวการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า เกิดความปลื้มปิติใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำบุญนั้น เป็นไปตามความปรารถนาของพระโอรสทั้งสอง

    เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม จึงได้ขออนุญาตพระบิดา เพื่อเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๗ วันและพญาปัญจปุญญานาคราชได้อนุญาตตามความประสงค์ของพระโอรสทั้งสอง

    เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช ได้ตั้งใจจะอธิษฐานเรียกจักรแก้วสีขาวอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ของพระองค์ในอดีต เพื่อมาช่วยเหลืองานในครั้งนี้ และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชได้อธิษฐานเรียกพระขรรค์สีเงินยวงอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ของพระองค์ขึ้นมาเช่นกันครั้นครบกำหนด ๗ วัน ธาตุกายสิทธิ์ทั้งสองได้ขึ้นมาตามความปรารถนา


    หลังจากการอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมาแล้ว เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช จึงได้นำดวงแก้วคู่บารมีของแต่ละพระองค์

    จากนั้นจึงได้การติดตามผู้มีบุญมาเข้าร่วมถวายภ้ตตาหารด้วยวิธีมโนมยิทธิ โดยแยกกายออกพร้อมกันเป็นหมื่นกายในขณะจิตเดียว เมื่อสำเร็จตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว เจ้าชายทั้งสองได้ขออนุญาตพระราชบิดาเข้าญาณสมาบัติ รอเวลาที่จะถวายภัตตาหาร

    ก่อนถึงวันที่กำหนดเจ้าชายทั้งสองได้ออกจากสมาบัติ และพระราชบิดา ไดเเตรียมตัวรับการเสด็จของพระพุทธเจ้า และพระสาวก พร้อมพญานาคเมืองอื่น ๆ

    เมื่อถึงวัน พญาภุชงค์นาคราชได้มอบหมายให้พญาโภคนาคราช และคณะนำราชรถไปรับเสด็จองค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมพระสาวกมายังนาคพิภพ

    กาลนั้นมนุษย์และพญานาคสามารถไปมาหาสู่กันได้โดยไม่เป็นอันตราย เนื่องจากมนุษย์ในยุคนั้นเป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ จึงทำให้มีผู้ร่วมถวายภ้ตตาหารมากมาย

    ครั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาถึง เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช เมื่อเห็นพระวรกาย และรัศมีกายส่งสว่างขององค์พระพุทธวิปัสสี เกิดความปลื้มปิติใจ จึงเนรมิตกายของตนให้เป็นพรมสีแดง เพื่อรองรับพระบาทของพระพุทธเจ้า และพระสาวก

    เมื่อเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช ได้เห็นพระเชษฐาตั้งจิตเช่นนั้น จึงได้เนรมิตกายเป็นพรมสีทอง รองรับพระบาทของพระพุทธเจ้า และพระสาวกเช่นกัน

    เมื่อเหล่ามนุษย์ พญานาค และนาคานาคีทั้งหลายได้เห็นดังนั้น ต่างโมทนาสาธุการกันถ้วนหน้า เมื่อพระพุทธเจ้าได้ประทับในที่สมควรแล้ว ท่านได้ให้คำพยากรณ์แก่เจ้าชายทั้งสองว่า..

    “ในอนาคตกาลเจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชจะได้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณในมัณฑกัปป์หนึ่งในอนาคตกาล

    โดยเจ้าชายนครินทรเดชะ จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าต้นกัป และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าท้ายกัปป์ หากทั้งสองไม่ละความปรารถนานั้น”

    เมื่อชนทั้งหลายได้สดับฟังแล้ว ต่างโมทนาสาธุการทั้งสิ้น จากนั้นพระพุทธเจ้าได้รับภัตตาหารในนาคพิภพ และตรัสเทศนา เป็นเวลา ๗ วันตามคำอาราธนาแห่งท่านพญาภุชงค์นาคราช และได้ให้คำพยากรณ์แก่พญาภุชงค์นาคราช พญานาคโพธิสัตว์ รวมทั้งพญาปัญจปุญญานาคราช มีทั้งสิ้น ๗,๐๐๐ องค์

    เมื่อละโลกแล้ว พญาปัญจปุญญานาคราช เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต และเวียนว่ายตายเกิดตามกำลังบุญบารมีของแต่ละพระองค์

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ
    Numsai
     
  17. ขาล

    ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466
    ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
     
  18. เพชร2545

    เพชร2545 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    454
    ค่าพลัง:
    +4,248
    ขอแสดงความยินดีกับคุณam 12 ด้วยค่ะ
     
  19. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ขอแสดงความยินดีและขอโมทนากับคุณam12ด้วยนะครับ

    ที่ได้เป็นเจ้าของดวงแก้วสัตตรัตนปราการ

    แบบม้วนเดียวจบ แบบไร้คู่แข่ง
     
  20. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเชียร์ ร่วมลุ้นครับ และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...