จิตสงบเป็นอย่างไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กงล้อหมุน, 7 กรกฎาคม 2012.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อันนี้อีกตัวอย่างหนึ่งครับ ลองอ่านผ่านๆ โดยหลวงปู่พุธ ฐานิโย




    ทีนี้ การกำหนดจิต ภาวนานี่ ส่วนใหญ่
    เราจะไปสำคัญหมั่นหมายอยู่ตรงที่ว่า
    ต้องทำจิตให้สงบนิ่งเป็นสมาธิ เสมอไป

    สมาธิ มันมีอยู่สองอย่าง
    อย่างหนึ่ง สมาธิ สงบนิ่งว่าง นิ่ง เหมือนดวงไฟที่
    เหมือนไฟเทียนที่อยู่ในโต๊ะ
    ลมพัดไม่ถูกมันได้ แสงไฟมันก็นิ่ง
    อันนี้เรียกว่า สมาธินิ่ง

    ทีนี้ สมาธิอันหนึ่งมันไม่นิ่ง
    จิตมันไปคิดอยู่กับเรื่องราวต่างๆ
    แต่มันคิดด้วยอาการแห่งความสงบ
    มี สติ สัมปชัญญะ ตามรู้พร้อม อยู่ทุกขณะจิต
    อันนี้ก็คือ สมาธิ

    ในเมื่อจิต มีความคิดอยู่
    ได้ชื่อว่าจิตสงบเป็นสมาธิได้อย่างไร
    อ้าว สมมุติว่า ใครมี สติ สัมปชัญญะ รู้พร้อมอยู่ที่จิต
    คนเค้าด่ามา รับรู้ แต่จิตไม่หวั่นไหว
    เพราะการกระทบนั้น นิ่ง สะบาย
    ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด จิตสงบหรือเปล่า

    ในเมื่อตาเรามองเห็น สิ่งต่างๆ แต่จิต ไม่หวั่นไหวตามสิ่งนั้นๆ

    เช่น

    อย่างเห็นเค้าเดินไปวิ่งไป ไม่อยากวิ่งอยากเดินกับเค้า
    จิตของเราอยู่ในสภาพปกติ แม้แต่เท้า ก็ไม่ก้าวตามเค้า
    จิตสงบหรือเปล่า

    เพราะฉะนั้น

    คำว่า จิตสงบเนี๊ยะ สงบอย่างไม่มีความคิด

    อีกอย่างหนึ่ง

    สงบอย่างมีความคิดแต่ไม่มีความยินดียินร้าย
    จิตเป็นกลางโดยเที่ยงธรรม

    บางทีเนี๊ยะ อารมณ์มันว๊าวุ่นอยู่ตลอดเวลา
    แต่จิตดวงนี้ มันจะไปนิ่ง สว่างไสว
    อยู่ในท่ามกลางแห่งสิ่งแวดล้อม
    เป็นไปได้หรือเปล่า ถ้าใครยังไม่เป็นก็รับฟังเอาไว้

    อย่าปฏิเสธ

    ทุกสิ่งในโลกนี้ ที่เค้าพูดกัน คุยกัน
    ที่มีชื่อ ระบุ ถึง ว่าสิ่งอย่างนั้นเป็นอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น
    ในเมื่อเราศึกษายังไม่ถึง อย่าไปปฏิเสธ ว่ามันเป็นไปไม่ได้
    เรา้ต้องรับฟังเอาไว้แล้วพยายาม พยายามพิศูจน์ให้มันรู้ข้อเท็จจริง

    อ่านต่อที่นี่ http://palungjit.org/threads/ตายแล้วเกิด-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.336833/page-2
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    บริบทนี้อ่ะแจ่ม (หากไม่นับเรื่องศีลเข้ามาเกี่ยวนะ )

    แจ่มที่เป็นผู้รู้ผู้ดู ไม่ได้เข้าไปสวมรอยกับสิ่งที่เกิดขึ้นดับไป

    อันหมายถึง หมอกควันเต็มท้องฟ้า ที่ปกติมันก็มีอยู่โดยธรรมชาติ

    พอมีการไปคว้ามาครอง อยากจะให้ได้ดั่งใจอยากให้ไปขวาอยากให้ไปซ้ายหรืออยากให้หายไป พอไม่สมดั่งใจ มันก็เลยเกิดทุกข์
    เพราะไปฝืนกฏของธรรมชาติ คือสิ่งที่มีอยู่

    ในแง่ของการฝึก
    เมื่อเราเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ห่างๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้นดับไป
    แรกๆก็อาจจะมีอาการ ก็ต้องฝืนกดข่ม ในสิ่งที่เป็นไปในทางอกุศล
    มีกุศลเป็นพื้นฐาน

    แต่พอเมื่อชำนาญ หรือเริ่มทำได้บ่อยขึ้น ความแกร่งกล้าคือพละกำลัง
    ก็จะตามมาเพิ่มขึ้น เริ่มสู่ ความเป็นไปเอง ความอิสระที่เหนือการบังคับบัญชา

    บางโอกาศจะเรียกว่า พอเกิดปั๊ป รู้ทัน
    ความปล่อยวางก็จะวางเองโดยที่ไม่ต้องไปตั้งใจวาง
    หรือจะเรียกว่า

    " ก้อนเมฆดำๆหนาๆก็หายไปอย่างเร็ว เหมือนมีคลื่นลมแรงๆมาพัดมันไปอย่างรวดเร็ว "

    แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มเข้าเท่านั้น จนกว่าจะเกิด
    " ก้อนเมฆดำๆหนาๆก็หายไปอย่างเร็ว เหมือนมีคลื่นลมแรงๆมาพัดมันไปอย่างรวดเร็ว " ได้ บ่อยๆ ได้ซ้ำๆ ได้ย้ำๆ
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เป็นกรมอุตุตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

    เห็นเมฆดำบนฟ้า กับ เห็นเมฆดำในจิต

    อย่างไหน เรียกว่า ตาเห็นจริง ^^
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เขาอุปมาโดยลักษณะเปรียบเทียบ


    Quote:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">อยากให้ท่านผู้รู้ ช่วยวินิฉัยว่าควรทำมั้ยครับ อาการมันเป็นเช่นนี้ครับ เหมือนมีหมอกควันเต็มท้องฟ้ามืดดำไปหมด แล้วพอเราแค่ดูท้องฟ้าที่มืดดำ ท้องฟ้าโดยปกติมันจะค่อยๆเคลื่อนไปตามธรรมชาติธรรมดาของเมฆ พอผมดูอยู่เฉยๆ แบบไม่เร่งรัดเอาความอยากให้ก้อนเมฆไหลไปเร็วๆ เพราะผมเข้าใจว่าไม่มีใครเร่งก้อนเมฆให้เคลื่อนไหวได้ตามใจได้ จะให้มันไปทางขวาหรือทางซ้ายไปด้านบนหรือลงล่าง ก็ทำไม่ได้ พอรู้ว่าทำไม่ได้ก็ดูมัน มันก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าเราอยากให้ก้อนเมฆมันหายไปไวๆมันก็จะทุกข์ทันที พอดูป้าบ ก้อนเมฆดำๆหนาๆก็หายไปอย่างเร็ว เหมือนมีคลื่นลมแรงๆมาพัดมันไปอย่างรวดเร็ว ผมเลยไม่รู้วิธีว่าผมไปทำอะไร แต่รู้ว่ารู้แบบนี้แล้วเมฆในใจมันหายไปหมดมันโล่งว่าง แต่ผมจะปฏิบัติธรรมยังไงดี ช่วยแนะนำเพิ่มด้วยครับ </TD></TR></TBODY></TABLE>


    แต่หากว่าไม่อุปมา

    เอาตามความเป็นจริง
    ตามองก้อนเมฆ สามารถ ละลายก้อนเมฆได้ด้วย

    สนใจอยากลองดูไหมล่ะ :boo:
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สนใจสิครับ ^^

    ถามต่อ เรื่องละลายก้อนเมฆนั้น ขณะนั้นเกิดจากมีผู้ไปทำให้มันละลาย

    หรือ เกิดเอง ละลายเอง

    หรือ เกิดจากปัจจัย เช่น อุณหภูมิ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    จะละลายด้วยตัวเรา หรือ มันละลายไปเองด้วยธรรมชาติของมัน
    มันก็เกิดจากเหตุปัจจัยทั้งนั้น

    ละลายเองด้วยตัวเรา ก็เป็นเหตุปัจจัยนึง

    ถึงไม่เกิดจากเราไปละลายมัน
    มันก็ต้องละลายไปเองด้วยตัวมันเองตามธรรมชาติเหมือนกันนี่ก็ปัจจัยนึง


    ทีนี้หากอยากลองฝึก

    ตอนนี้ท้องฟ้าโปร่งไหม
    แหงนหน้าขึ้นไปมอง หาก้อนเมฆ ที่คิดว่าไม่ใหญ่มากนักทำการทดลอง

    จากนั้น ก็ ก็ให้ ทำใจสะบายๆ มองไปที่ก้อนเมฆนั้น
    พร้อมกับนึกไปในใจว่าเห็นสายฟ้ามาฟาดที่ก้อนเมฆนั้น
    แล้วก้พูดออกไปว่า ก้อนเมฆจงหายไปพร้อมกับสายตาที่มองก้อนเมฆนั้น
    ก้อนเมฆนั้นจะละลายเร็วกว่าเวลาปกติที่มันเป็น

    ทีนี้ ก็ให้ทำการ ทดสอบดู

    ต้องลองหลายๆก้อนนะ แล้วจับเวลาในการละหายหายไป
     
  7. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    เจ้าของกระทู้ ดูให้ดีนะ เมฆหายไปจริงๆ เหรอ หรือใจเรามัน เฉยต่อผัสสะ

    สังเกตุใจเราก็จะรู้
     
  8. ดาหลัง

    ดาหลัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +47
    ถ้าท่านมองเห็นความสงบของ"จิต"....
    และควบคุมจิตไม่ให้เกิดความอยาก...
    ความทะเยอทะยานที่ไม่รู้จักพอ...ขึ้นมาแล้ว

    จิตของท่านก็จะสงบเย็นอยู่ตลอดเวลา...
    ไม่ว่าท่านจะยืน-เดิน-นั่ง หรือนอนที่ใดก็ตาม...
    ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวยหรือยากจน..

    สักเพียงใดก็ตาม....
    ท่านก็จักไม่เป็นทุกข์...


    ที่มา : บทความจากหนังสือ...ชีวิตเป็นสุข

     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จงหาย จงหาย ^^

    ก้อนเมฆนั้น แม้ไม่จ้องมัน มันก็สลาย เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

    ทีนี้การที่ให้ความสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นจะรู้สึกว่านาน

    ทีนี้หากจ้องไปแล้วมีความสุข ไม่ต่างกับนั่งใกล้คนสวย จะรู้สึกว่านาทีแห่งความสุขทำไมผ่านไปเร็วเหลือเกิน


    เปลี่ยนก้อนเมฆเป็นเก้าอี้ได้ไหม อยากให้มันหายไปจริงๆ ^^

    จงหาย จงหาย น้าปราบจงหาย :cool:
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ลองวิธีนี้บ้างไหมน้าปราบ


    ทีนี้หากอยากลองฝึก

    ตอนนี้ท้องฟ้าโปร่งไหม
    แหงนหน้าขึ้นไปมอง หาก้อนเมฆ ที่คิดว่าไม่ใหญ่มากนักทำการทดลอง

    จากนั้น ก็ ก็ให้ ทำใจสะบายๆ มองไปที่ก้อนเมฆนั้น
    ต่อไปนี้นายหลงจะทำให้เมฆหาย

    น้าปราบเห็นเมฆไหม น้าปราบเห็นเมฆไหม น้าปราบเห็นเมฆไหม

    เมฆนั้นอยู่ที่ไหนหนอ บนฟ้า หรือ ภายในใจ

    ขณะที่เห็น ขณะที่รู้ว่านี้เมฆ ขณะนั้นเมฆมันรู้ตนไหมว่ามันคือเมฆ ตาที่เห็นมันรู้ไหมว่ามันเห็นเมฆ

    เมฆอยู่ที่ความคิด ขณะนี้เข้าใจว่าเห็นเมฆ เมฆนั้นเข้าไปอยู่ที่ใจ อยู่ในความคิดในตอนนี้

    ฉนั้นแล้ว เมฆในใจก็ไม่ใช่เมฆ แต่เป็นความจำได้ หมายรู้ เป็นสัญญาที่เกิดขึ้นอยู่

    ไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ตาเห็น

    เมื่อนั้น เมฆจึงหายไปจากความคิด เป็นแต่เพียงสัญญาที่เกิดชั่วขณะ

    ตาก็กลับมาเห็นถูกต้องอีกครั้ง

    นี้แล อนุสาสนีปฏิหาร
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846


    โอยยยยยย จะเอาแต่ปรมัตถ์
    ถามเขา เขาก็บอกวิธี

    ไปลองทำดูหรือยัง ไปลองทำหลายๆก้อนดู จับเวลาดูแต่ละก้อน
    ฝึกเป็น นักวิทฯกันหน่อย

    หากจะว่าแต่ปรมัตถ์ ไม่ต้องปราบจงหายจงหายหรอก มันไม่มีจริงหรอก


    จะเปลี่ยนเมฆเป็นเก้าอี้ มันก็ง่ายนิดเดียว ^^
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    อ่านได้ ท่องได้ จำได้ ทำไมไม่บรรลุซักทีแว๊
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ก็รู้ๆกันอยู่ ว่ามีแต่ จิต เจตสิก รูป นี้ก็วิทย์นะ เป็นเหตุเป็นผลด้วย

    หมายถึงเป็นสมุทัย และ เป็นนิโรธด้วย


    น้าปราบเข้าใจประโยคนี้อย่างไร ^^

    เจ้าของกระทู้ ดูให้ดีนะ เมฆหายไปจริงๆ เหรอ หรือใจเรามัน เฉยต่อผัสสะ

    สังเกตุใจเราก็จะรู้



    อ๊ะๆ ^^
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เป็นบทอุปมา ป๋าต้นฯ ก็ไม่ได้ฟันธงนี้ เพียงชวนสังเกตุต่อ

    ตามที่ จขกท.เขาถาม


    ทีนี้ ส่วนสิ่งที่ ว่า เป็นอาการเฉยต่อผัสสะ

    คำว่า ใจเฉยต่อผัสสะ มันคนละเรื่อง
    กับที่ จขกท.( ย่อมาจากเจ้าของกระทู้ )เขายกมาอุปมา

    เพราะอะไร เพราะมันมีความเบาสะบาย โล่ง โปร่ง ไม่ใช่ ซึม แข็ง ถื่อ
    และ ยังเป็นไปโดยไม่ได้ตั้งใจวาง
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ภาษามันเหมือนตำราใช่ไหม ก็อับจนแล้ว

    เพราะ จะสาธยายให้เข้าใจเหมือนกันหมด ก็ต้องใช้ภาษาที่เป็นปริยัติ จะกระชับกว่า


    มันลุเป็นขณะๆมากกว่า หมายถึง ภาวนาดับความติดข้องเป็นขณะๆ เป็นตทังคปหาร

    หากเชื่อในขั้นตอน นี้ก็เป็นขั้นตอน มีสติ สัมปชัญยะ และความเพียร กำจัดอภิฌาและโทมนัสในโลก
     
  16. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อืม สุดท้ายมันก็มีแค่นั้นแหล่ะ

    คงไม่ต้องคุยกันหรอก เพราะจะไม่รู้เรื่อง
    อะไรอะไร ก็มีแต่ รูปจิต เจตสิก

    ถามว่าท่องได้ จำได้ แล้ว บรรลุเลยไหม
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สั้นๆเลย ป๊ะป๋า ไม่ส่งจิตออกนอก ไม่ส่งจิตหลงวัตถุ

    เป็นเหตุให้ นิมิตอนุพยัญชนะเกิด เป็นเหตุให้อกุศลทั้งปวงเกิด เป็นเหตุให้อภิฌาเกิด

    เมื่อไม่ส่งจิตไปหาความหมายในวัตถุ มันก็หยุดอยู่ที่รู้และถูกรู้

    มันหยุดตั้งแต่กระทบอารมณ์นั้นแล


    จึงอธิบายภาวะจิตสงบในสิ่งที่เจ้าของกระทู้ถามอยู่ได้ ชัดเจน ^^

    เป็นอาการเกิดที่ใจ ไม่ใช่เห็นก้อนเมฆแล้วใจสะบายๆ ^^


    เรื่องอุปมนั้นเข้าใจครับ

    คือ เข้าใจว่า เข้าไปอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ก่อนหน้าบริบทแรก ก็ดูดิคุยเรื่องอะไร

    บรรลุเป็น ขณะๆ นี้ อย่าเยอะมาก^^


    ที้ นี้ เจ้หลง ลอง อธิบายซิ

    ว่า มีสติ สัมปชัญญะ และความเพียร
    กำจัดอภิฌาและโทมนัสในโลก (ในลักษณะ ตทังคปหาร)

    กับ

    " พอดูป้าบ ก้อนเมฆดำๆหนาๆก็หายไปอย่างเร็ว เหมือนมีคลื่นลมแรงๆมาพัดมันไปอย่างรวดเร็ว "

    ต่างกันไหม เอ๊า เริ่มได้ :boo:
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เรื่อง จิต เจตสิก รูป หลวงพ่อพุธเคยอธิบายไว้

    น้าปราบพิมพ์ทุกอักษรไม่ตกหล่น มิใช่หรือ

    ข้อนี้ก็เห็นด้วย กับธรรมนั้นอยู่


    คงไม่ใช่เรื่องขวางโลก ว่า อะไรๆก็ จิต เจตสิก รูป เป็นไม่ต้องคุยกัน

    แต่พึงทราบว่า หมายถึงรูปนาม ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ ฯลฯ

    เพราะคุยธรรม ธรรมคืออะไร ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ถูกไหม

    ธรรมนี้ เป็นของใครหรือ ของเราหรือ

    ในเมื่อเป็นสภาวะธรรมก็คุยกันที่สภาวะธรรม ไม่ได้หมายเอาความติดข้องเกินธรรม ^^


    เอานะ รู้สึกน้าปราบหงุดหงิดแล้ว ^^
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    โอ้ยยย โอ๊ยยยยย

    รู้จักคำว่าไม่ ไม่ ไม่ หรือป๊าว เป็นการบังคับใช่หรือป๊าว

    ทีนี้ คำว่า มันวางไปเอง เป็นการบังคับหรือป๊าว

    จิตมีปกติส่งออกนอก เพราะเป็นธรรมชาติของจิต
    ส่วนคำว่า จิตส่งใน มันก็เรียกว่า จิตส่งออกนอก เพียงแต่ในบางจังหวะ
    ที่ต้องบอก ว่าไม่ส่งออกนอก คือ ไม่ให้มันออกไกล สกลมหานครกาย

    ส่วนเข้าในก็คือ ไม่หลงไหลไปตามความคิด อารมณ์

    แต่ว่าโดยลักษณะ ไม่ว่าจะจิตส่งในส่งนอก มันคือ ส่งออกนอกทั้งนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...