จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229
    นั่งสมาธิแล้วจิตฟุ้งซ่าน ทำอย่างไรดี

    [​IMG]

    ตามที่ได้เคยบอกเล่าไปแล้วว่าความคิดเป็นงานของจิต
    ดังนั้นการที่จิตคอยคิดฟุ้งเรื่องราวต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
    จึงเป็นเรื่องปกติและแสนธรรมดา แม้จะเป็นเช่นนั้น
    เราก็ควรที่จะฝึกฝนอบรมจิตนี้เสียบ้างด้วยการนั่งสมาธิ
    เพื่อเป็นการให้จิตได้สะสมพลังงาน และให้สติมีความว่องไว
    เพื่อเป็นพื้นฐานแก่การเจริญวิปัสสนา แต่หลายท่านมัก
    จะมีปัญหาบ่อยๆ กับจิตนี้ที่ไม่ยอมจะทิ้งความคิดเลย
    สักนาทีเดียว ฟุ้งไปตามอำนาจของนิวรณ์ เปรียบดั่งคลื่นลม
    ที่โหมกระหน่ำสร้างความปั่นป่วนให้กับทะเลน้อยใหญ่
    ยากที่จะทำให้สงบลงได้ แล้วเราจะทำอย่างไร...

    เมื่อท่านนั่งสมาธิกำหนดรู้ลมหายใจก็ดี ท่องบ่นคำภาวนาก็ดี
    หรือจับภาพพระก็ดี แต่จิตไม่ยอมหยุดนิ่ง กลับออกไปคิด
    เรื่องราวสารพัด พยายามดึงกลับมาเท่าไหร่สักประเดี๋ยว
    ก็หนีออกไปนึกคิดอีก และมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรง
    มากขึ้น ขอให้ท่านระงับความอึดอัดหรือความหงุดหงิด
    ในใจนั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง
    (อีกแล้วครับ)

    ในเมื่อจิตอยากจะคิดเราก็จะให้เขาคิด แต่ทีนี้เราจะไม่ให้
    เขาคิดในเรื่องไร้สาระ เราจะตีกรอบให้เขานึกคิดในสิ่งที่
    เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ดังนี้แล้วขอให้ท่านหยิบยก
    เอาธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณากลับไปกลับมา
    แทนความคิดฟุ้งซ่านนั้น ในที่นี้ขอแนะนำให้พิจารณา
    มูลกรรมฐาน คือการพิจารณาร่างกายให้เป็นของไม่สะอาดสกปรก
    มีประการต่างๆ เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โดยการนึกคิด
    ไปตามลำดับและย้อนกลับให้เป็นอนุโลมและปฏิโลม
    นึกคิดอย่างไรท่านสามารถหาอ่านได้ตามเว็บไซต์ต่างๆ

    เมื่อท่านหางานคือความคิดดีๆ ให้จิตได้ทำแล้ว
    จิตก็จะเลิกคิดฟุ้งซ่านไปในเรื่องที่ไร้ประโยชน์ แต่จะกลับ
    เข้ามาจดจ่ออยู่กับการพิจารณากาย เรียกได้ว่า
    เอาความคิดสยบความคิด ได้กำไรมากยิ่งกว่าการทำจิต
    ให้อยู่นิ่งๆ เฉยๆ เสียอีก หากท่านยังต้องการเจริญสมถะต่อไป
    ขอให้ท่านสังเกตว่าจิตเริ่มคลายจากความฟุ้งซ่านแล้วหรือยัง
    ถ้าคลายแล้วให้ท่านกำหนดสติรู้ลงที่ฐานตามความถนัด
    ที่ได้ร่ำเรียนมา อาจจะเป็นลมหายใจก็ดี
    คำภาวนาก็ดี หรือภาพพระยิ่งดีใหญ่

    ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ ท่านจะได้ประโยชน์อย่างมาก
    จากวิธีนี้ ต่อไปจิตก็จะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของ
    อุธัจจะกุกกุจจะในนิวรณ์ ๕ อีกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012
  2. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    555 พี่ภูตื่นแล้วเหรอ หนูยังไม่ได้นอนเลย

    งั้นก็ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณนก ช ไปนอนได้แล้ว ^^
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อ่ะจ๊ากกก!
    อ่านตอนแรกๆ รู้สึกดีมาก ทำไมครูเพ็ญเขียนเหมือนความรู้สึกผมเลย
    ทำไมคิดเหมือนกันเลย
    คิดว่าจะขอนำมาขยาย ที่ไหนได้
    พออ่านจบ ไง๊กลายเป็นยังงี้ไปได้ คือ ดันมาลงชื่อเราซะอีก
    แต่ถ้าครูเพ็ญ ไม่ลงท้ายชื่อผมนะ ผมก็ไม่มีวันรู้เลย
    สัญญาตกกระป๋องจามกันหมดแล้ว

    หน้าแตกเลยเรา
    มุกไรเนี๊ย! หันมาเล่นพวกเดียวกันซะแร๊ะ ฮ่าๆ
    โลกธรรม8 ผมเมินไปตั้งนานแล้ว
    เพราะอยู่ระหว่างกึ่งกลาง คำว่า สุข-ทุกข์ ยินดี-ไม่ยินดี คำชม-คำนินทา
    อยากได้-ไม่อยากได้

    ***ขอให้นักภาวนาทั้งหลาย จงนำจิตตนเองเข้าสู่ความบริสุทธิ์(ผ่านศีล) ความว่าง(ฌาน) ความเป็นกลาง(ญาณ) กันให้ได้นะ
    แล้วท่านก็จะรู้เอง ต่อไปที่เหลือ จิตจึงจะทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ ก็คือ รู้ๆ
    รู้และก็วาง
    หมายถึง แต่ถ้ารู้มีสติกันเมื่อไหร่ เมื่อรู้อะไมาก็ต้องวางให้หมด
    เหมือนจิตกำลังรู้เรื่องนี้ก็คือ กิเลสนะ จิตรู้พิษสงของกิเลสแล้ว
    จิตเรานอกจากรู้แล้ว จิตก็จะไม่เอาทันที ปฎิเสธทันที โดยมิต้องรอให้สิ่งนั้นมากระทบเลย
    นี่ไง๊ ธรรมตัวนี้กันเข้าใจกันบ่
    เพราะสิ่งที่มากระทบนั้น ขอให้ดูสนุกเกอร์นั้น เมื่อมันงิ่งมาชนแล้ว มันหนีทุกที และมันไม่มารับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
    กิเลสนั้นจึงเปรียบเสมือนชายฟันหญิงแล้วทิ้ง เหมือนคนขับรถชนแล้วหนี
    อะไรประมาณนั้นแล้วพวกเราใยไปสนใจกิเลส หรือสิ่งที่มากระทบกับจิตกันเล่า
    นึกเสียว่า เหมือนลมพัดมาแล้วก็หายไป รู้สึกได้ แต่ไม่สามารถมองเห็น
    ช่างมัน ช่างศีรษะมัน!

     
  4. win-sirawat

    win-sirawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +1,176
    สวัสดีค่ะ
    ขอเป็นสมาชิกใหม่ด้วยคนค่ะ ชื่อ วรรณนะคะ อายุย่าง 33 ปีค่ะ
    เข้ามาที่ห้องนี้ได้ เพราะมีพี่สาว..กัลยาณมิตร..ที่มีความเมตตาแนะนำมา "ถือว่าบุญสัมพันธ์ หาใช่ความบังเอิญ" วรรณจะพยายามทำความเข้าใจตั้งแต่หน้าแรกนะคะ..
    ส่วนวันนี้มีภาระกิจในการขนย้าย เคลืื่อนย้าย เมื่อเสร็จกิจจะรีบเข้ามาอ่านเลยค่ะ
     
  5. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    [​IMG]

    [FONT=courier new, courier, mono]
    คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    [/FONT]
    [FONT=courier new, courier, mono] ...โลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกอย่างไม่เที่ยงไม่มีการทรงตัว เราเองเกิดจากท้องมารดาใหม่ ๆ เป็นเด็กเล็ก ต่อมาก็เปลี่ยนแปลง กลายเป็นเด็กใหญ่ เป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นวัยกลางคน จนมาเป็นคนแก่ เป็นเพราะมันไม่เที่ยง ขณะที่ทรงร่างกายอยู่มันก็ไม่เที่ยง มีการป่วยไข้ไม่สบายเป็นปกติ ที่อาการไม่เที่ยงทำให้เราเป็นทุกข์ ในที่สุดพึงเข้าใจว่าในที่สุดเราก็ต้องตาย ก่อนตายเราก็เลือกทางไปว่าเราจะไปทางไหน ถ้าเราไปสวรรค์ เพียงแค่ให้ทานก็ได้ รักษาศีลก็ได้ ถ้าจะไปพรหมโลก ก็ต้องเจริญสมาธิจิตให้ได้ญาณสมาบัติ แต่ถ้าต้องการนิพพาน ก็ต้องให้เข้าใจตามความเป็นจริงด้วยปัญญา มีความเข้าใจว่าโลกนี้เป็นทุกข์ หาความสุขไม่ได้ ร่างกายมีความเกิดขึ้นและมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ถ้าเรายังมีร่างกายแบบนี้ เราก็มีแต่ความทุกข์ไม่สิ้นสุด ฉะนั้น ขึ้นชื่อว่าการเกิดมีร่างกายแบบนี้จะมีกับเราชาตินี้ชาติเดียวเป็นชาติสุดท้าย ........[/FONT]

    *ขอให้ชาวจิตเกาะพระทุกท่านทุกดวงจิต ถึงพระนิพพานในชาตินี้ทุกท่านทุกดวงจิตเทอญ*
     
  6. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ยินดีต้อนรับสู่จิตเกาะพระค่ะ
    อ่านด้วย ส่งการบ้านด้วย จะได้เดินทางตรงค่ะ
    เดี๋ยว PM อีเมล์ไปให้ค่ะ

     
  7. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    วันนี้ผมได้ร่วมบริจาคสร้างองค์ปฐมที่วัดบางนมโค ผมขออุทิศบุญนี้ให้ทุกๆท่าน ขอให้ทุกๆท่าน(และผม)ได้เข้าสู่บ้านนิพพานทุกท่านเทอญ
     
  8. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอบ่นหน่อย ทำไมกด"อนุโมทนา"ทีไรเป็นแบบนี้ทุกที
    อัญญะมณี, คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมหน้านี้ ซึ่งอาจจะเกิดได้จากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งดังต่อไปนี้ :
    1. คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ให้เข้าชมหน้านี้. หรือ คุณอาจจะกำลังพยายามแก้ไขข้อความของสมาชิกคนอื่น
    2. คุณอาจจะกำลังเข้ามาในเขตหวงห้ามของเว็ป เราไม่อนุญาตให้เข้ามาอ่าน หน้านี้
     
  9. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    555 พักนี้หนูรู้สึกว่าชาวจิตเกาะพระขาดการพิจารณาทบทวนธรรม จึงไปหยิบยกเอาธรรมที่พี่ภูเคยเขียนไว้มาขึ้นให้เห็นกันอีกสักครั้ง เพื่อเป็นการทบทวนธรรม และเป็นการเจริญอิทธิบาท 4

    อิทธิบาท 4

    ฉันทะ ความพอใจในการปฏิบัติที่กำลังทำอยู่


    วิริยะ ความพยายามและเข้าใจ ความความเป็นจริงว่าการทำงานทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรมต้องมีอุปสรรค ต้องอาศัยความพากเพียรต่อสู้ไม่ท้อถอย จนกว่าจะชนะ

    จิตตะ เอาใจใส่ในวิชาความรู้ที่เราได้พึงศึกษา และการกระทำต่อเนื่อง ไม่ละเลย หลงลืม

    วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณา ด้วยความมีเหตุมีผลในการหาเหตุผล ใคร่ครวญแล้วสลัดความโง่เขลาทิ้ง

    (อันนี้ก็ไปก็อบมาจากเมลพี่ภูอีกแหละ ^^)

    เพราะธรรมที่พี่ภูเขียนนั้นท่านแสดงไว้ดีแล้ว เมื่อเราได้อ่านทวนอีกครั้งเหมือนเป็นการช่วยย้ำจิตย้ำใจให้มั่นคงในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น

    เพราะฉะนั้นชาวจิตเกาะพระควรหมั่นทบทวนธรรมและสภาวธรรมที่ท่านได้ประสบพบเจอให้เนือง ๆ มองเหตุมองผล แล้วย้อนไปมองกลาง แล้วย้อนกลับไปมองเหตุ มองกลาง มองผลอีกครั้ง สรุปให้จิตหายงงด้วยว่ามันจบหรือมันดับหรือยัง

    ถ้าว่างหนูจะไปค้นขึ้นมาให้อ่านอีก แต่อาจจะไม่เรียงลำดับนะ แล้วแต่ว่าจิตจะไปจับธรรมอันใดมาแสดง

    ถามว่าทำไมครูเพ็ญไม่เขียนบ้าง เหอ ๆ ขอบอกว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาเขียนค่ะ ได้แต่ตอบเมล ถ้าให้ครูเพ็ญเขียนคงอ่านกันตาแฉะยิ่งกว่าธรรมที่พี่ภูแสดงอีกนะ ไม่เชื่อถามพี่ภู ครูวิทย์ ครูนก ครูน้องหนู ครูดัช และครูอีกหลาย ๆ ท่านดูจิ เพราะว่าครูเพ็ญเป็นครูละเอียด ปิ้วๆๆ ฮา

    ขอบคุณในธรรมทานของพี่ภูค่ะ หนูขอบคุณพี่ภูที่ให้โอกาสหนูได้มาสอนธรรมะในวันนี้ และกราบขอบคุณท่านพ่อที่ประทานชีวิตใหม่ให้หนูด้วยเจ้าค่ะ หนูขออุทิศผลบุญทั้งหมดที่ได้มีโอกาสมาสอนธรรมะในปัจจุนี้ให้กับพี่ภูทั้งหมดค่ะ เพราะท่านคือพ่อของบ้านรากแก่นแห่งโพธิญาณ(ที่กำลังจะบังเกิดขึ้น) สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    การทำจิตให้สงบ : พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    ...เรื่องของศาสนานี้ก็คือ


    เรื่องให้ปล่อยวางตัวออกจากกรงนั่นเอง


    ที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อแก้ปัญหา


    หัวใจพระพุทธศาสนาสอนว่า


    ไม่ให้ทำความผิดแล้วก็ทำจิตให้เป็นกุศล แล้วก็จะเกิดปัญญา


    แต่ทุกวันนี้ทำบุญกันมาก แต่การละบาปนั้นไม่มีใครทำ


    ความจริงต้องละบาปก่อนจึงจะบำเพ็ญบุญ


    ถ้าบาปไม่ละจะเอาบุญไปไว้ที่ไหน


    ไม่มีที่จะอยู่หรอกบุญนั้น


    ทุกวันนี้พวกเราขาดการภาวนา


    ขาดการพิจารณาจึงไม่ได้ข้อประพฤติปฏิบัติ


    เมื่อไม่ได้ปฏิบัติมันจึงแก้ปัญหาไม่ได้


    ที่พระพุทธศาสนาจะมีอำนาจช่วยได้


    นั่นก็เพราะเราเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติให้ถูกต้อง




    .....ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา


    ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา


    เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ


    หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ


    จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ


    ลิ้นได้รสก็เป็นธรรมะ


    ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ


    นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น


    ฉะนั้นผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา


    ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา เพราะอะไร ? เพราะเรามีความรู้อยู่

    [​IMG]

     
  11. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    >>ประกาศนอกรอบ<<

    แจ๊กพ็อตกำลังจะแตกคร้าบบบบบบ

    ครูนก ชาย เลือกรูปให้น้องนอร์ทด้วยคร้าบบบบบบบบ

    เดี๋ยวนะ...รออีกแป๊บท่อนใหญ่ ๆ เลย 555
     
  12. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    555 น้องเราเจอกับดักบนกระทู้เหรอ

    ส่วนพี่สาวของเธอเจอในเมล

    ขออภัย มันโค-ตะ-ระ ช้าเจง ๆ

    แถมขยันทำหน้าต่างค้างซะงั้น

    แต่เล่นบนกระทู้ไม่ค่อยมีปัญหา เหอ ๆ

    ช่างศีรษะมาร ไม่ใช่ศีรษะตรู 55555
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาสาธุๆกับครูเพ็ญ
    นอกจากท่านเป็นครูละเอียด ยังเป็นครูประเสริฐอีก
    เมื่อคืนต้องโทรดักคอบอกว่าให้ไปนอนได้แล้วครับ แต่ปรากฎว่าครูก็เลยนอนดึกอีตอนที่คุยกับผมนี่แหล่ะ! ฮ่าๆ

    ตกลงเราเล่นต่อยอด ต่อกลอนกันสองคน เป็นหน้าม้าเลย
    เหตุไฉนครูเพ็ญถึงได้กล้ากล่าวเช่นนั้น มันเป็นความลับนะครู
    นำมาเปิดเผย เดี๋ยวเขาไม่เรียกว่า ความลับนะ
    ประกาศซะอย่างนั้น ถ้างั้นพวกเราจะต้องช่วยกันนะ
    ไม่ได้มาขอเรี่ยไรนะ กระทู้นี้ไม่ทำ ทำแต่ยกจิตกันเฉยๆ
    เน้นบุญภายในเป็นหลัก เน้นแก่นเป็นหลัก เน้นที่จิตเป็นหลัก

    ไปๆมาๆ ตกลงเราขาดกันไม่ได้ใช่ไหม๊?
    ถ้าขาด นั่นก็หมายถึง บ้านไม่เกิดใช่ไหม?
    แต่ที่แน่ๆ ขาดผมได้นะ แต่ขาดครูเพ็ญไม่ได้
    เพราะใครหาเงินแทนผมได้ แต่สอนนี่สิ เงินซื้อก็ไม่ได้ด้วย
    เห่อๆ จบข่าว
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สังคมทุกวันนี้ วุ่นวายเพราะว่าคนอื่นจริงหรือ???

    คนส่วนใหญ่มัวมุ่งหวัง แต่จะไปแก้ไขคนอื่น แต่กลับไม่ได้ดู หรือไปคอยแก้ไขตนเองเลย

    แต่ความเป็นจริงนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยน หรือไปแก้ไขใครไม่ได้
    นอกเสียจากตนเอง
    แต่ตนเองจะเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขตนเองกันได้นั้น จะต้องทำภาวนากันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะปกติจะอาศัยกำลังใจตามลำพังตนเองนั้น เราก็มิอาจจะเปลี่ยนแปลงตนเองได้ นอกจากจะทำจิต ทำใจกันให้นิ่งมากๆเสียก่อน
    สติน้อยเกินไปก็เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้อีก
    คือ เราจะต้องพยายามหมั่นสร้างสติกันให้เยอะๆ จิตเราถึงจะนิ่งกันได้

    ท้ายนี้ขอฝากธรรมะว่า...
    แต่ถ้าพวกเราอยากจะอยู่อย่างเป็นมีความสุขกัน
    เพราะฉะนั้น พวกเราจงสนใจดูจิตของตนเป็นหลัก เพียงอย่างเดียว
    แต่อย่าไปดูจิตของผู้อื่นๆเลย เพราะมันเสียเวลาในการปฎิบัติมรรค ผล นิพพาน
    และอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ มันไม่เกี่ยวกับตนเอง ไม่มีประโยชน์อันใด และก็มิใช่หน้าที่ของตนเอง
    แต่จะเป็นหน้าที่ของ กฎแห่งกรรม

    แต่ใครจะมาทำกรรมไม่ดีกับเรา ก็ปล่อยเขาไป แต่ขอให้กรรมไม่ดีนั้น จงหยุดที่ตัวเราเอง
    นี่ก็คือ การตัดวงจรกรรมไม่ดี โดยเฉพาะให้พวกเราเปลี่ยนจากกรรมไม่ดี ได้แก่ ความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาต ความพยายามบาท เป็นต้น
    ขอให้พวกเราให้อภัยเขาไปซะ หรือเจริญพรหมวิหาร4 แทน
    นี่ก็คือ เป็นการสร้างบุญ สะสมบุญและบารมีของตนไปในตัวด้วย

    สำหรับผู้ที่รู้จักการให้อภัย หรือชอบแผ่เมตตาให้ ก็มีแต่ความสุขใจ มีแต่ความเจริญ
    แต่ถ้าใครให้อภัยไม่เป็น ให้อภัยไม่ได้นั้น จิตใจของตนเองนี้แหล่ะ! จะมีแต่ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่รู้จักจบสิ้น
    เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

    ***วันนี้ และทุกๆวัน
    เรามองเห็นความเลวของตนเอง พบหรือยัง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2012
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ๊า!ไม่มีใครสนใจคำถามนี้กันเลย
    มาม๊ะ..น้องเมิล พี่ภูเริ่มให้ก่อนก็ได้นะ

    ในหัวข้อปัญหาและอุปสรรคในการทำจิตเกาะพระ

    1.ความสงสัยลังเลของตนเองก่อนเลย คิดว่าทำจิตเกาะพระนั้นจะได้ผลอะไร หรือว่าได้ผลจริงๆหรือ?
    แต่ถ้าใครคิดแบบนี้ ก็คือ ปิดประตู ตอกตะปู ปิดโอกาสตนเองไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าอย่างไร กับความเชื่อ ความไม่เชื่อ ท่านบอกให้เราอยู่ระหว่างกลางนะ แต่ถ้าจิตใจใครเอียงไปอยู่ข้างใด ข้างหนึ่งเสียแล้ว
    ก็ถือว่าผู้นั้นไม่ได้ใช้สติปัญญา หรือว่าโง่เขลาเอาการเลยหล่ะ!
    2.อ้างไม่มีเวลา(มีเวลาหายใจไหม๊?) ต้องทำมาหากิน(คุณคิดว่าหาเท่าไหร่ถึงจะได้ไปนิพพาน) ลูกยังเล็ก(ตนเองตาย ลูกจะตายตามเราไปไหม๊?) แฟนจะว่า(แต่ถ้าเกรงใจแฟนว่า นั่นก็แสดงว่าแฟนตนเอง กำลังชวนตนไปนรก อบายภูมิกันแล้ว คุณจงเข้าใจกันไว้เถิด)
    3.คนส่วนใหญ่ชอบเป็นผู้ตาม คือรอให้คนอื่นๆทำให้สำเร็จก่อน เราถึงจะทำตาม(คนทำสำเร็จ แต่ตายทีหลังคุณ แล้วคุณที่กำลังบอกว่าจะๆๆทำอยู่นั้น คุณจะทำอย่างไร และคนทำสำเร็จ เขามีที่ไปจุติกัน แต่ถามว่า คุณฝึกที่ไป หลังโลกความตายกันหรือยัง?)
    4.ความอดทนสั้น คือความเพียรน้อย หรือปฎิบัติไปแล้วคิดว่าเราจะได้อะไรบ้าง(จงเข้าใจกันซะใหม่ว่า การปฎิบัติธรรม หรือทำจิตเกาะพระกันนั้น เพื่อการละปล่อยวางให้มากที่สุด ถึงที่สุด หรือว่าคุณปฎิบัติธรรมหาฤทธิ์เดช หาอภิญญา หาขันธ์5เพิ่ม เป็นขันธ์10กัน?)

    ที่ตอบมานั้น แค่เฉียดๆคำตอบ เดี๋ยวมีคนร้อนวิชาจะมาตอบแทน..ฮ่าๆ

    ปล. ปัญหาและอุปสรรค์ส่วนใหญ่นั้น ก็มักมาจากตนเองทั้งนั้น
    อันสืบเนื่องมาจาก ขาดความเพียรเป็นหลัก หรือขาดลูกพลัง เอ๊ย!ลูกขยัน

    อันนี้ต้องให้คุณพี่ลูกพลังพูดถึงจะเหมาะ
    ผมตอบไม่ได้เพราะ ผมจะยิงแสกหน้าเลย โป้งเดียวหยุด
    เพราะอะไรมนุษย์ชอบมีข้ออ้างเยอะ เหมือนคนหนีคุณพ่อ คุณแม่ไปเที่ยว
    ชอบโกหกเมีย (มีคนนึกว่า สงสัยพี่ภูเคย มารู้ใจคนอื่นอีก ตอบก็ได้ ก็เคยจิ ถึงรู้ว่าตนเองมีเลวอะไรบ้าง ตอนนี้บอกไม่อาย แต่ถ้าใครอาย นั่นก็แสดงว่า ยังเลวอยู่ ที่ผมไม่อายเเพราะเลิกเลวแล้ว เลิกเลวเพราะอยากเป็นดีกับเขาบ้างน่ะ) แต่ก็ยังดีกว่าคนดีกลายมาเป็นคนเลว เพราะคนมักสรรเสริฐคนเลวกลับมาเป็นคนดีตอนท้ายนะ
    ไหนๆลองยกมือมาสิว่า ผมเป็นดีไม่มีที่ติ ผมจะขอกราบเท้าทีนึง
    ไม่มีหรอก อย่างมากที่สุดก็เลวน้อยกว่าความดี ก็ยังดี

    หรือบางคนบอกว่า...เลวดีกว่าดี แต่คบไม่ได้ อ๊าวเป็นเรื่อง เมื่อก่อนเคยเป็นวัยรุ่นพูดบ่อย แต่ตอนนี้ไม่พูดแร๊ะ ความเลว ความดีของผู้อื่น ดูแต่ความเลวของตนเองเพียงอย่างเดียว
    แต่ถ้าใครบอกผมว่าเลว ผมจักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

    แค่นี้ก่อน จะพร่ำอะไรก็ระแวง เกรงว่าจะยาวไป อยากให้คนอื่นพูดมั่ง
    ผมพูดเยอะเกินไปก็ไม่ดี เกรงใจชาวบ้านเขา เพราะคนรักเราก็มี คนเกลียดเราก็มี บนโลกธรรม8 มันเกิดมาคู่กัน

    ขอขอบใจกับน้องเมิล เจ้าของคำถาม 108 คำถาม...ฮ่าๆ
    (มีอีกมั๊ย? น้องเมิน น้องมึน เอ๊ย! น้องเมิล ขอโทษนะ เพราะว่าพี่เพ็ญแก่แย๊ววว (จะโดนมั๊ยกรู)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2012
  16. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ ครูภู ครูเพ็ญ ครูดัชนี ครูวิทย์ ครูนก ครูอัญญะมณี ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูนิวเวฟ ครูจารุณี ครูโจ และทุกท่านค่ะ

    วันนี้เรามองเห็นความเลวของตนเองพบหรือยัง? ชอบประโยคนี้ค่ะ เพราะทุกวันนี้ตัวเองจะพบความเลวของตัวเองน้อยลงทุกๆวัน ทราบได้อย่างไร ก็ทราบได้จากการคอยตรวจสอบตัวเองทุกวัน แค่มีสติเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก ยามใดที่เริ่มคิดไม่ดี สติจะทำให้เราปล่อยวางสิ่งที่ไม่ดีนั้นได้ ความเลวนั้นสามารถเลวได้ทั้งแต่ ความคิด คำพูด และการกระทำ หรือที่เรียกว่า มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม ดังนั้นยามที่เรามีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาจะทำอะไรจึงต้องคิดก่อนเสมอ สิ่งที่คิดหากเป็นความคิดที่ไม่ดี ก็ปล่อยวาง ไม่เอาซะ เปลี่ยนความคิดใหม่ มองโลกในแง่บวกไว้เสมอ ยามใดที่ถูกกระทำ ก็ให้อโหสิกรรมไป ไม่จองเวรจองกรรมกัน ยามที่เราหมดลมหายใจ เหลือแต่ร่างกายที่ผุกร่อน ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป จะโลภไปทำไม จะรักไปทำไม จะเกลียดไปทำไม จะหลงไปทำไม มีแต่คำว่า "ทำไม" ฉะนั้นไม่ต้องการแล้วคำว่า"ทำไม" ต้องการแค่ปล่อยวาง นิ่ง สงบ ค้นพบตัวเองแล้วหรือยัง สำหรับตัวแสงจันทรเองค้นพบแล้ว จึงพยายามทำให้ความเลวในตัวลดลงทุกวันเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และที่สำคัญทำให้โลกนี้ไม่ต้องรับความเลวเพิ่มขึ้นจากเราด้วย
     
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    นั่นจิ พี่เพ็ญก็มักมีคำนี้ผุดขึ้นในใจบ่อย ๆ ว่า "ทำไม" เวลาเข้ามาอ่านธรรมะในกระทู้นี้ จึงรู้สึกโปร่ง โล่ง เบา สบายใจเหมือนเราได้สูดโอโซนบริสุทธิ์

    พอค้นหาคำตอบก็ทราบได้ว่า เพราะกระแสจิตของจิตบุญท่านไม่ได้ส่งออกไปรบกวนใคร ท่านมีแต่แผ่เมตตาและความว่างออกไปสู่โลก แทรกซึมชอนไชเข้าไปถึง ปอด ตับ ไต ไส้ พุง 555

    ครูดัชมาเห็นคงขำกลิ้ง บอกว่าพี่เพ็ญนั่นมันสำนวนของหนู

    555 ก็พี่เพ็ญยืมมาใช้ชั่วคราว เพราะคิดถึงสำนวนโวหารอันพิสดารพันลึกของครูดัชน่ะจิ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญด้วยครับ
    คำว่า "นิพพาน"นั้น
    ที่แท้มิได้อยู่ที่ใครเลย มันก็อยู่ที่ตัวของผู้ปฎิบัติเท่านั้น
    มิได้มีผู้ใดมาบอกกับเราว่า เราได้นิพพานหรือไม่ได้ อย่างไร

    แต่สำหรับคนอื่นๆที่สนใจ หรือความตั้งใจของคุณwatjojojเองนั้น ก็บ่งบอกถึง ความตั้งใจ ความปรารถนาที่อยากไปพระนิพพานแล้ว
    ผมฟังแล้วก็ชื่นใจแทนดวงจิตของท่าน
    ผมขอทายว่า ท่านได้แน่ ท่านถึงแน่ แต่ถ้าท่านไม่ละความพยายามเสียก่อน และอย่าลืมทรงอารมณ์พระนิพพานให้ได้ก่อนและตื่นนอน
    ทรงอย่างไร? ก็ให้เรานึกถึงมรณังอยู่เนื่องนิจ แต่ถ้ารู้ หรือมีสติเมื่อไหร่ว่า ตนเองตายแล้ว ก็ขอให้กำหนดจิตขึ้นไปพบพระพุทธเจ้าข้างบนโน้นเลย
    แต่ถ้ายังไม่มีกำลังใจมาก หรือฤทธิ์ทางใจยังมีกำลังไม่มากพอ ก็ขอให้ทำจิตเกาะพระกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวถึงนิพพานก่อน หมดลม อันนี้ดีมากๆ

    และกระทู้นี้ มาเปิดประตูนิพพานให้ทุกๆท่านแล้ว แต่ที่เหลือ ท่านเท่านั้นจะต้องเป็นฝ่ายเดินเอง ปฎิบัติเอง
    คนจะไปนิพพานไม่ยาก ถ้าละขันธ์5เป็นนะ แต่มิใช่หมายถึงการตายนะ
    แต่จะหมายถึง เราจะต้องรู้จักการละสักกายทิฎฐิ เป็นเบื้องต้นกันเสียก่อน
    แต่ถ้าใครยังมีความเห็นผิด(มิจฉาทิฎฐิ) คือยังมัวหลงผิดคิดว่าร่างกายเรา ของเรา หรือร่างกายนี้เต็มไปด้วยสุขทั้งสิ้น

    ธรรมะไม่ต้องพูดมากนักหรอก เพราะถึงพูดมาก หรือพยายามพูดมากเท่าไหร่ ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันนักหรอก
    แต่จะให้รู้ธรรม เข้าใจธรรมกันมากๆ ก็คือ การปฎิบัติ
    หรือการเข้าไปตามดู ตามรู้จิต นั่นเอง


    ***ไหนๆใครอยากได้บุญ ผมให้ทั้งหมดเลย ผมไม่มีเก็บ ไม่มีกั๊ก เอาไปๆเลย

    ใครจิตตก ใครคอตก ใครทำอะไรตก ใครมีน้ำตกกับข้าวเหนียวย่าง แถมคอหมูย่าง(ยายย้อยเยย)
    มันจะเกี่ยวกันไหม๊น่ะ ครูเพ็ญ หรือนึกอะไรไม่ออก
    ก็ขอให้มาที่กระทู้นี้กันก่อน
    แต่ถ้าใครเลือดตกยางออก ไปหาหมอก่อนนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2012
  19. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่ภู ไปนอนได้แล้ว

    [​IMG]
     
  20. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    (rose)วันนี้คุณคิดถึงพระหรือยัง(rose)


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...