หลวงปู่มั่นจำแนกระหว่างมนุษย์กับเทวดาใครได้อรรถาธรรมมากกว่ากัน

lionking2512 · 21 มิถุนายน 2012

[FONT=&quot]ท่านหลวงตามหาบัว ถ่ายทอดคำพูดของหลวงปู่มั่นที่เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า [/FONT]
[FONT=&quot]การติดต่อและการแสดงธรรมระหว่างมนุษย์กับเทวดามีความแตกต่างกันมาก[/FONT]
[FONT=&quot]เวลาแสดงธรรมให้เทวดาฟังไม่ว่าเบื้องบน เบื้องล่าง หรือรุกขเทวดา พวกนี้ฟังเข้าใจง่ายกว่ามนุษย์หลายเท่า พอแสดงจบลงเสียงสาธุการ 3 [FONT=&quot]ครั้ง กระเทือนโลกธาตุ ขณะที่เทพทุกชั้นภูมิมาเยี่ยมก็มีการเคารพพระอย่างยิ่ง ไม่เคยเห็นแม้พวกเทพรายหนึ่งแสดงอาการไม่ดีงามกายในใจ ทุกอาการของเทพอ่อนนิ่มเหมือนผ้าพับไว้เหมือนกันในขณะนั้น ขณะที่มาก็ดี ขณะฟังธรรมก็ดี ขณะจะจากไปก็ดี เป็นความเรียบร้อยและสวยงามไปตลอดสาย[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]แต่เวลาแสดงธรรมให้ชาวมนุษย์ฟังกลับไม่เข้าใจกัน แม้อธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ นอกจากจะไม่เข้าใจแล้ว ยังคิดตำหนิผู้แสดงอยู่ภายในอีกด้วย ว่าเทศน์อะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย สู้องค์นั้นไม่ได้ สู้องค์นี้ไม่ได้ บางรายยังอดเอากิเลสหยาบๆ อยู่ภายในของตัวออกอวดไม่ได้ว่า สมัยเราบวชยังเทศน์เก่งกว่านี้เป็นไหนๆ คนฟังฮากันตึงๆด้วยความเพลิดเพลิน ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนเลย ยิ่งเทศน์โจทย์สองธรรมมาสน์ด้วยแล้ว คนฟังหัวเราะกันไม่หุบปากตลอดกัณฑ์ [FONT=&quot] บางคนก็คิดว่าคนร่ำลือกันว่าท่านเก่งมากทางรู้วาระจิตคน ใครคิดอะไรขึ้นมาท่านรู้ได้ทันที แต่เวลาเราคิดอะไรๆท่านไม่เห็นรู้บ้างเลย ถ้ารู้ก็ต้องแสดงออกบ้าง[/FONT][FONT=&quot] บางรายมาจะจับผิดพลาดด้วยความอวดตัวว่าฉลาดอย่างพอตัว ผู้นั้นไม่มีความสนใจต่อธรรมเอาเลย แม้จะแสดงให้ผู้อื่นฟังด้วยวิธีใดๆ ที่เขานั่งฟังอยู่ด้วยในขณะนั้น ก็เหมือนเทน้ำใส่หลังหมานั่นเอง มันสลัดทิ้งหมดทันทีไม่มีน้ำเหลืออยู่บนหลังมันแม้แต่หยดเดียว[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]หลวงปู่ท่านว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่เทศน์ เพราะการเทศน์เป็นเหมือนโปรยยาพิษทำลายคนผู้ไม่มีความเคารพอยู่ภายใน ส่วนธรรมนั้นยกไว้ว่าเป็นธรรมที่ยอดเยี่ยมจริงๆ มีคุณค่ามหาศาลสำหรับผู้ตั้งใจและมีเมตตาเป็นธรรม ไม่อวดรู้อวดฉลาดเหนือธรรม ตรงนี้แลสำคัญมาก[FONT=&quot] ขณะที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันหลายคน ผู้ร้อนจนแทบละลายตายไปก็มี ผู้เย็นจนตัวจะเหาพขึ้นอากาศก็มี มันผิดกันที่ใจดวงเดียวนี้เท่านั้น นอกนั้นไม่สำคัญ เราจะพยายามอนุเคราะห์เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาก็ไม่มีทาง เมื่อใจไม่ยอมรับแล้ว แม้จะพยายามคิดว่า ถ้าไม่เกิดประโยชน์ก็ไม่อยากให้เกิดโทษ แต่ก็ปิดไม่อยู่ เพราะผู้คอยจะสร้างบาปสร้างกรรมนั้นเขาสร้างอยู่ตลอดเวลา แบบไม่สนใจอะไรกับใครทั้งนั้น[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]การเทศน์สั่งสอนมนุษย์ก็นับว่ายากอยู่ไม่น้อย เวลาเขามาหาเราซึ่งไม่กี่คน โดยมากต้องมียาพิษแอบติดตัวมาจนได้ ไม่มากก็พอให้รำคาญใจได้ ถ้าเราจะสนใจรำคาญอย่างโลกๆ ก็ต้องได้รำคาญจริงๆแต่นี่ปล่อยตามบุญตามกรรม เมื่อหมดหนทางแก้ไขแล้วก็เห็นว่าเป็นกรรมของสัตว์[/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ผู้ตั้งใจมาแสวงหาอรรถหาธรรม หาบุญหากุศล ด้วยความเชื่อบุญเชื่อกรรมจริงๆก็มี นั่นน่าเห็นใจและน่าสงสารเขามาก แต่มีจำนวนน้อย ผู้มาแสวงหาสิ่งไม่เป็นท่าและไม่มีขอบเขตนั้นรู้สึกมากเหลืหูเหลือตาพรรณาไม่จบ[FONT=&quot] ฉนั้นจึงชอบอยู่แต่ในป่าในเขา อันเป็นที่สบายกายสบายใจทำความเพียรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีสิ่งรบกวนให้ลำบากตาลำบากใจมองไปทางไหน คิดเรื่องอะไรเกี่ยวกับอรรถธรรมก็ปลอดโปร่งโล่งใจมองดูและฟังเสียงสัตว์สาราสิงห์ พวกบ่างค่างปางชะนีที่หยอกเล่นกันทั้งห้อยโหนโยนตัวและกู่ร้องโหยหวน หากันอยู่ตามกิ่งไม้ชายเขา ลำเนาป่า ยังทำให้เย็นตาเย็นใจไปตาม โดยมิได้มีความรู้สึกว่าอะไรต่อเรา ต่างตัวต่างหากินและปีนขึ้นลงไปตามประสาสัตว์ ทำให้รู้สึกในอิริยาบทและความเป็นอยู่ทุกด้านสดชื่นผ่องใสและวิเวกวังเวง หากจะมีอันตรายเกิดขึ้นมาในเวลานั้น ก็เป็นไปด้วยความสงบสุขทางกายและจิตใจ ไม่เกลื่นกล่นวุ่นวายตามแบบธรรมชาติ คือมาคนเดียวไปคนเดียว[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]โดยมากพระสาวกอรหันต์ ท่านนิพพานแบบนี้กันทั้งนั้น เพราะกายและจิตของท่านไม่มีความเกลื่นกล่นวุ่นวายมาแอบแฝงมีกายอันเดียว จิตดวงเดียว และมีอารมณ์เดียว ไม่ไหลบ่าหาความทุกข์ไม่สั่งสมอารมณ์ใดๆ มาเพิ่มเติมให้เป็นการหนักหน่วงถ่วงตน[FONT=&quot] ตรงกันข้ามกับที่ว่าหนักเท่าไหร่ยิ่งขนมาเพิ่มขึ้น เพราะท่านเบาเท่าไหร่ยิ่งขนออกจนไม่มีอะไรจะขน แล้วก็อยู่กับความไม่มีทั้งๆที่ผู้รู้ว่าไม่มีคือใจก็มีอยู่กับตัว คือไม่มีงานจะขนออก และขนเข้าอีกต่อไป เรียกว่าบรรลุถึงขั้นคนว่างงาน [/FONT][FONT=&quot] ใจว่างงานศาสนาถือว่า การว่างงานแบบนี้มีความสุขอันยิ่งใหญ่ ผิดกับโลกที่ผู้ว่างงานกลายเป็นคนมีทุกข์เพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีทางไหลมาแห่งโภคทรัพย์[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot]ที่มา : [FONT=&quot]หนังสือประวัติ ข้อวัตรและปฏิปทา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บันทึกโดยหลวงตามหาบัว[/FONT][/FONT]

rungdao · 19 กันยายน 2012

อนุโมทนา เข้าวัดเราต้องสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ ยิ่งจิตคิดละเอียด มีความเคารพเกรงใจต่อสถานที่ ต่อพระสงฆ์องค์เจ้า จึงเป็นการเข้าวัดหาธรรมโดยแท้ การนำกระดาษเปล่าไปศึกษากลับมาจะได้ความรู้เต็มหน้ากระดาษเปรียบเหมือนเอาใจที่ใฝ่ธรรมไปฟังเทศน์ ใจที่ไม่มีสิ่งใดเจือปน กระดาษหนึ่งหน้าที่เต็มไปด้วยการวาดเขียนย่อมไม่ได้รับส่ิงใหม่ๆเพิ่มลงไปได้
เป็นธรรมที่ได้ข้อคิดดีมากค่ะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ สาธุค่ะ

pimphorn · 22 มิถุนายน 2012

เข้าวัดครั้งต่อไปต้องสำรวจตัวเองแล้วว่าสำรวมมากน้อยแค่ไหน

ละโลก · 22 มิถุนายน 2012

ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับเจ้าของกระทู้ครับ

thammakarn · 22 มิถุนายน 2012

"บรรลุถึงขั้นคนว่างงาน" ช่างจับใจเหลือเกิน
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

naitiw · 22 มิถุนายน 2012

สอนได้ลึกซึ้งมากๆ เจอบ่อยจนท้อ จะไปคนเดียวละ

แต่พอจะไปคนเดียว ก็มีคนมาให้ช่วย เฮ้อ แปลก

baimaingam · 23 มิถุนายน 2012

ขอโมทนาสาธุครับ...
...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
...ทุกสิ่งอยู่ที่จิต ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่า...
...ปลูกพืชฉันใด ย่อมได้ผลฉันนั้น...

ก้อนหิน · 23 มิถุนายน 2012

อวิชชาคือการไม่รู้อริยสัจสี่ ทุกข์เกิดแก่จิตทุกวัน สมุทัย เป็นระบบสังคมกระแสโลก ฉาบบังบ้าง เราถึงไม่ยอมสังเกตความเป็นอนิจจัง(อุปทานบัง) ทะยานอยาก เหน็ดเหนื่อย เห็นเป็นเรื่องปกติ ที่ไหนได้ เราเคยชิน เกิด อุปทานขันธ์ 5 เลยทุกข์ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไหลไปตามสมุทัย เพราะกระแสขันธ์ ในปกิจสมุปบาท ไม่ได้เกิด ขึ้นมาเองแต่อย่างเดียว รับมาด้วย จากสิ่งที่เห็น ได้ยิน รู้สึก สัมผัส การล่ะทุกข์ต้องเริ่มจากการตั้งสติเห็นทุกข์ คือ ต้องมีศีล (ปกติ) ถ้าเกิดปั่นป่วน(ผิดศีลทั้งเราเค้าเอาเราก่อน)เมื่อไหร่จะมองไม่เห็นความทุกข์ที่เกิดขึ้น(ขันธ์ ในทุกขณะจิต) อนึ่ง กิเลสอนุสัยซึ่งเกิดจากอวิชชาไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งเรา และ เขา อวิชชาคือหยุดไม่เป็น วางไม่หมดในอุปทานในขันธ์ทั้งปวง วางได้เมื่อไหร่ เดียวก็เห็นผู้รู้

tobetruly · 23 มิถุนายน 2012

คำสอนท่าน ประเสริฐมาก ขอฝึกสำรวมกายใจให้มั่นครับ
อนุโมทนา

Unlimited Indy · 25 มิถุนายน 2012

เป็นธรรมะที่เข้าใจง่าย ลึกซึ้ง เข้าสู่โสตประสาททุกทางเลย

อนุโมทนาสาธุการครับ สาธุ สาธุ สาธุ

a5g1aeka · 25 มิถุนายน 2012

อนุโมทนาสาธุๆๆครับ สามารถว่างอย่างสุขสงบย่อมปิติ...

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หลวงปู่มั่นจำแนกระหว่างมนุษย์กับเทวดาใครได้อรรถาธรรมมากกว่ากัน

lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

pimphorn Active Member

ละโลก เป็นที่รู้จักกันดี

thammakarn เป็นที่รู้จักกันดี

naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

tobetruly เป็นที่รู้จักกันดี

Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หลวงปู่มั่นจำแนกระหว่างมนุษย์กับเทวดาใครได้อรรถาธรรมมากกว่ากัน

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา