อยากถามเพื่อนๆว่าสมควรแล้วหรือสำหรับคำพูดของครูบาอาจารย์

ยุกติ มุกดาวิจิตร : คำต้อนรับนักศึกษาใหม่ ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ



"ยุกติ มุกดาวิจิตร" อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บันทึกถ้อยคำของเขาที่กล่าวต่อนักศึกษาใหม่วานนี้ ด้วยเนื้อหาที่คนซึ่งไม่ใช่นักศึกษาก็น่าจะอ่านด้วย เว็บไซต์ประชาไทจึงขออนุญาตนำถ้อยคำดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อ มีเนื้อหาดังนี้


ขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ การเปิดภาคเรียนที่ธรรมศาสตร์ปี 2555 และแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษา (ไม่ว่าจะอยากรับปริญญาหรือไม่ก็ตาม) ด้วยบางประโยคที่ผมบรรยายให้นักศึกษาปริญญาตรี ปี 1 ณ โครงการหนึ่งฟังที่ท่าพระจันทร์วันนี้


"ผมต่อต้านการใส่ชุดนักศึกษา ทำไมจะต้องเอาโลโก้มหาวิทยาลัยมาแปะติดบนเสื้อผ้า โลโก้พวกนี้ติดไว้ตามตึก ตามรั้วมหาวิทยาลัยก็พอแล้ว ส่วนความแตกต่างระหว่างโลโก้ธรรมศาสตร์กับแบรนด์ธรรมศาสตร์อยู่ตรงไหน พวกคุณต้องค้นหา...


"มหาวิทยาลัยในโลกนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกวิชาชีพ แม้ในเริ่มต้นมหาวิทยาลัยไทยจะเป็นเยี่ยงนั้น และด้วยความที่มันเกิดมาเพื่อเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพนั่นแหละ มันถึงยังบังคับให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษามาจนทุกวันนี้...


"พวกคุณไม่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเพียงเพื่อจะไปเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน หากใครหน้าตาดีหน่อย พอเรียนจบก็อาจจะได้รับจ้างไปนั่งนับเงินหน้าเคาท์เตอร์ธนาคาร แต่อาชีพพวกนั้นไม่ต้องจบมหาวิทยาลัยก็ได้...


"หากพวกคุณมาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วยังคิดอยู่ว่า พุทธศาสนาสอนทุกอย่างไว้หมดแล้ว ก็จงลาออกไปบวชซะ เพราะมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา เพื่อปลดปล่อยคนจากศาสนา...


"นักศึกษาโครงการนี้ต้องมี inclusive sensibility คือเซนซิทีฟกับความแตกต่างอย่างเปิดกว้าง ยอมรับ ไม่ใช่เซนซิทีฟแบบดูถูก เหยียดหยาม น่าอายที่ นศ. บางคนนั่งหัวเราะเยาะอาจารย์ต่างชาติที่พยายามพูดภาษาไทย และหัวเราะเยาะกับเสียงภาษาต่างชาติที่พวกเขาฟังแล้วแปลกหู (ในระหว่างที่อาจารย์เหล่านั้นเพียรพยายามแนะนำภาษาตนเองด้วยภาษาไทย)...


"ระหว่างที่ผมอยู่อเมริกา 5-6 ปี อยู่เวียดนามร่วม 3 ปี ไม่เคยมีใครหัวเราะเยาะสำเนียงเพี้ยนๆ แปร่งหูของผม ประเทศไทยครอบงำพวกคุณกระทั่งไม่เพียงใจแคบแต่ยังเยาะเย้ยความแตกต่างอย่างสนุกสนานได้ถึงเพียงนี้ แต่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้เขาสอนให้ยอมรับความแปลกแปร่งโดยไม่ต้องสงสัย...


"อยู่ธรรมศาสตร์ คุณเถียงกับอธิการบดีอย่างมีเหตุมีผลได้ ไม่เหมือนแบบที่เพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัยใหญ่แห่งหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เขาตกใจเมื่อเข้าไปในห้องทำงานอธิการฯ แล้วพบว่า มีจอมอร์นิเตอร์กำลังดูแม้กระทั่งห้องเรียนในมหาวิทยาลัย ไม่รู้มหาวิทยาลัยนั้นจ้างอธิการฯ มาเป็นยาม หรือจ้างยามมาเป็นอธิการฯ...


"จงเรียนรู้เพื่อการศึกษา (education) ไม่ใช่เรียนตามใบบอกทาง (instruction) การศึกษาไม่ใช่คู่มือเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ต้องเรียนให้คิดเป็น...


"แล้วเพลาๆ positive thought (การคิดบวก) ไว้บ้าง เรียนมหาวิทยาลัยต้องมี critical mind (คิดวิพากษ์)...


"ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ"


(ที่มา คำต้อนรับนักศึกษาใหม่ ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ | ประชาไท)
ยุกติ มุกดาวิจิตร : คำต้อนรับนักศึกษาใหม่ ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ : มติชนออนไลน์

 

อืม.... เขาเกิดมาด้วยแรงของอะไรหนอ

 

เข้าใจว่า อ.ยุกติ คงจะใช้วิธีการศึกษาพระพุทธศาสนาในแบบอ่านผ่านๆให้สอบจนจบๆไปในสายการเรียนด้านสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ท่านก็กล่าววาทะกรรมไปตามภูมิความรู้ในด้านพุทธศาสนาแบบที่ท่านเรียนมา

แต่ด้วยหน้าที่การงานท่านเป็นถึงอาจารย์มีหน้าที่สอนให้ศิษย์มีความรู้ความคิดและจบมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ ประโยคที่ท่านพูดนั้นจึงดูจะมาจากมุมมองที่แคบและปิดกั้นจนอดไม่ได้ที่จะขอถามท่านว่าท่านรู้จักพุทธศานามาดีแค่ไหนกันถึงออกมากล่าวคำต้อนรับนักศึกษาใหม่เช่นนี้ หากท่านแตกฉานในพุทธศาสนาถึงขั้นอริยบุคคลแล้วท่านวิพากเช่นนี้เราว่าชอบแต่ถ้าท่านยังไม่กระเดียดเข้าไปอ่านพระตรัยปิฏกให้จบเลยแม้แต่เล่มเดียวก็น่าเสียดายวิทยฐานะความเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ และเป็นที่น่าสงสารผู้ที่ต้องรำ่เรียนวิชาการที่สอนด้วยมุมมองอันคับแคบจากท่าน

 

บัวสี่เหล่า ชาเต็มถ้วย

 

สงสารอนาคตของชาติ อยู่ในมือของพวกจ้องทำลายสถาบันศาสนา

 

อาจารย์กำลังสั่งให้นักศึกษาของเขา ยอมรับความแตกต่างที่เขากำลังเป็นอยู่...

(แบบนี้หรือเปล่า "แล้วเพลาๆ positive thought (การคิดบวก) ไว้บ้าง เรียนมหาวิทยาลัยต้องมี critical mind (คิดวิพากษ์)...


"ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ"

 

ไม่ใช่แค่สถาบันศาสนาหรอก สถาบันกษัตริย์ก็คิดทำลาย คนๆนี้เป็นหนึ่งในอ.กลุ่มนิติราษฎร์ด้วย

แสดงให้เห็นว่ามีปัญญาทางโลกก็ใช่จะมีปัญญาทางธรรม เพราะตรรกะที่ผิดเพี้ยนก็นำพาชีวิตไปในทางผิดด้วย แค่กฎระเบียบหรือวัฒนธรรมประเพณีขององค์กรที่ดีงามยังไม่คิดจะปฏิบัติตาม ผมว่าเรื่องศีลธรรมก็คงจะมีปัญหาด้วย
เสรีภาพที่ดีต้องมีคุณธรรมและความเหมาะสม ผมสนับสนุนเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ใช่คิดนอกกรอบโดยไม่สนผิดชอบชั่วดี ไม่เช่นนั้นต่อไปอาจเห็นวิชาสังคมวิทยากลายเป็นวิชาต่อต้านสังคมวิทยาแทนนะครับ

 

พวกจบนอก อีโก้สูง เชื่อมั่นในความคิดตัวเองไม่ฟังใคร เชื่อแต่ที่ตัวเองวิเคราะห์ดูถูกบ้านเมืองตัวเองยกหางต่างชาติ คุณคิดว่าต่างชาติรู้จักชีวิต ธรรมะ ธรรมชาติ สัจธรรมดีแค่ไหนเหรอ ไม่ใช่เพราะไอโลกสมัยใหม่เหรอที่ทำให้สภาพอากาศแปลปรวนป่าไม้ลดลง ดีแต่จะให้มันเจริญก้าวหน้าจิตใจต่ำลง พนะพุทธศาสนาสอนให้พัฒนาทางด้านจิตใจมากกว่าความเจริญก้าว เพราะจิตใจของคนนั้นหากพัฒนาดีแล้วก็ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่เบียดเบียนกันอยู่โดยรู้จักพอ อยู่กับธรรมชาติ ผิดกับโลกสมัยใหม่ของพวกคุณที่หันหลังให้ธรรมชาติ สร้างความเจริญก้าวหน้า สร้างความโลภ จิตใจดิ่งลง ความคิดของอาจารย์อย่างนี้ถือเป็นความคิดของเด็วานซืน โลกมีมาไม่รู้กี่ล้านๆปี ถ้าเทียบกับโลกคุณมันก็แค่เด็กวานซืน การศึกษาไม่ได้ทำให้คนสูงขึ้นเลยหนำซ้ำจะล้างสมองนักเรียนให้ดิ่งลงตามอีก คุณคิดว่าคุณโตมาแบบไหนตั้งแต่เล็กจนโต ผ่านอะไรมาบ้าง เผชิญอะไรที่เรียกว่าชีวิตหรือสัจธรรมบ้าง หรือว่าเป็นเด็กที่มีเงินทองมีฐานะ พ่อแม่ส่งไปเรียนนอก ถ้าคุณเป็นเช่นนั้นคุณก็ยังไม่เข้าใจสัจธรรมกับโลกเราดีหรอก แม้แต่ชีวิตของคุณเองยังไม่เข้าใจเลย อะไรคือสัจธรรม ธรรมะสอนอะไร อะไรคือชีวิต ไม่ใช่เพราะความเจริญก้าวหน้าเหรอที่ทำร้ายธรรมชาติ แม่น้ำลำคลองเราอยู่ ไม่ใช่เพราะความเจริญก้าวหน้าหรอกเหรอนำมาซึ่งความเบียดเบียนแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยา การทำร้าย ทำลายกัน นำมาซึ่งความโลภแม้แต่เศษเสี้ยวของโลกใบนี้ที่คุณอาศัยอยู่คุณยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำไม่ต้องลามไปถึงเรื่องพระมหากษัตริย์หรอก ชาวบ้านต่างจังหวัดเค้ายังมีความคิดที่ดีกว่าคุณมีจิตใจที่ดีกว่าคุณด้วยซ้ำ ความฉลาดของคุณสู้ความคิดดีๆของชาวบ้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย คุณอย่าเอาอีโก้ของพวกคุณมาล้างสมองประเทศชาติบ้านเมืองเลย

 

คนกลุ่มนี้อ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย รักความอิสระเสรี แต่กลับทำตัวเหมือนคอมมิวนิสต์จีนยุคปฏิวัติวัฒนธรรมที่ห้ามคนนับถือศาสนา

จริงอยู่ ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยลัทธิ มีแต่ความงมงาย สังคมเดือดร้อนก็อาจต้องห้าม แต่ศาสนาพุทธทำให้สังคมวุ่นวายเหรอ?? ทำให้สังคมล้าหลังเหรอ??

ผมว่า ศาสนาพุทธมีแต่ทำให้สังคมเกิดความสงบสุข สอนให้คนรู้จักมานะพากเพียร เลี้ยงอาชีพโดยชอบ ผู้ที่ขยันทำมาหากินก็ย่อมมีความเจริญก้าวหน้า แต่เป็นการร่ำรวยที่ไม่ได้เกิดจากการคดโกงหรือหลอกลวงผู้อื่น ผมจึงไม่ได้มองว่าศาสนาทำให้ประเทศล้าหลัง
อย่างหลวงตาบัวออกมาช่วยชาติให้รอดพ้นจากพวก IMF ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างความเจริญอย่างยั่งยืน ส่วนนักวิชาการพวกนี้ทำอะไรให้ประเทศบ้าง

นอกจากไม่เข้าใจศาสนาแล้ว ยังคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าศาสดาใดๆในโลก ความถูกต้องคือสิ่งที่ตนเองคิดเท่านั้น คนอื่นจะถูกต้องก็เพราะทำตามความคิดของตนงั้นหรือ อยากให้คนอยู่นอกกรอบแต่กลับสร้างกรอบเอาเสียเอง - -"

ปล. ผมว่าก็เก่งแต่เรื่องวิชาที่ตัวเองเรียนมาเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าฉลาดกว่าคนอื่นหรอก เอาเข้าจริงไปทำโจทย์ฟิสิกส์แข่งกับอาจารย์มัธยมก็อาจสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

มารมีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา ทุกรูปแบบ แม้มีพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมีพระเทวทัต ขอบคุณคณะมารทั้งหลายที่ทำให้เราได้กระจ่างระหว่างความดีและความชั่วอย่างแจ่มแจ้ง

 

“กมฺมุนา วตฺตตีโลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

 

อาจารย์คนนี้้พูดแบบนี้เรื่องต้องถึงครูอังคณาแล้วล่ะครับเนี่ย

ถึงว่าอาจารย์กับครูแตกต่างกัน..

 

"ผม โชคดีมากครับที่ไม่ได้เป็น ศิษย์ของอ.ยุกติ มุกดาวิจิตร:พูดไปได้"

 

ถ้าคิดว่าศาสนาไม่สำคัญ เวลาตายไปก็อย่าลืมสั่งลูกหลานว่า อย่าทำพิธีทางศาสนานะ ฉันจะทำของฉันเอง

 

บัวเหล่าที่สี่จ้า.....ที่จริง บัวเหล่าที่สี่น่ะ ไม่ใช่คนโง่หรอก เพราะคนโง่ (ที่คนฉลาดชอบจัดว่าเป็นคนไม่รู้หนังสือน่ะ) เค้ายังสอนให้บรรลุธรรมได้

เมืองไทยมีบัวเหล่าที่สี่มาสอนหนังสือเยอะเลย ลองสังเกตดูสิ

 

อ้าว..อาจารย์ท่านสอนลูกตัวเองอย่างนี้หรือเปล่าเนี่ย..
หากลูกท่านเถียงหรือไม่ยอมรับผู้อาวุโสก้อคงเพราะ
หนูทำอย่างที่พ่อบอกแล้วไง..ทันสมัยสุดๆ

"ขอให้พวกคุณได้เป็น "มนุษย์สมัยใหม่" โดยภาคภูมิ"
"หากพวกคุณมาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วยังคิดอยู่ว่า พุทธศาสนาสอนทุกอย่างไว้หมดแล้ว ก็จงลาออกไปบวชซะ เพราะมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับศาสนา เพื่อปลดปล่อยคนจากศาสนา...

ตอนเป็นเด็กนักเรียนคุณครูท่านสอนเราว่า..
"ความรู้คู่คุณธรรม" (ว่ะ)
เชยไปแล้วเหรอท่านอาจารย์หญ่าย...dencee

 

ขออนุญาต คุณคนปีมะ เอาข้อความของคุณไปแชร์บอกเพื่อนๆ ที่เรียนพุทธศาสตร์ด้วยกันได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ด้วยนะคะ

 

5555 เอิ๊กๆ สงสัยจะไปลึกกว่าอเวจี และทั้งเวทนาสงสารพวกที่คล้อยตามต้องจมปลักอีกยาวนานเท่าไหร่กันหนอ

 

จริงๆนะ ผีเปรตที่วิ่งว่อนทั่วโลก ก็คือบรรพบุรุษเรานี่แหละ..