หากเราอโหสิกรรมแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายแต่เขาไม่อโหสิกรรมและจองเวรจะเกิดอะไรขึ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย รีนาโมจัน, 9 มิถุนายน 2012.

  1. รีนาโมจัน

    รีนาโมจัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +55
    คือเรากับผู้ป่วยไม่ได้มีอะไรขุ่นเคืองต่อกัน ซ้ำตลอดมาก็ยังกระวีกระวาดเป็นทุกข์เป็นร้อนเรื่องรักษามาตลอด ไม่เคยลืมบุญคุณความดีงามของผู้ป่วย เคารพรักเหมือนท่านเป็นพ่อแม่แท้ๆ จะว่าไปเชื่อว่าเรารักผู้ป่วยมากกว่าที่ลูกแท้ๆของเขารักเขาเสียอีกแม้ตอนนี้เขาจะโกรธจะเกลียดไม่ดีต่อเราอย่างไร ถึงขั้นลงไม้ลงมือก็ยังทนยอมดูแลรักษา แต่ได้มาแต่คำด่าว่าหยาบคายทำร้ายจิตใจกัน แต่เราก็นึกเสมอว่าเพราะเขาเจ็บเขาป่วย จึงเปลี่ยนไปแบบนั้นแต่เนื่องด้วย ผู้ป่วยเป็นคนที่รักลูกมากและราก็ไม่ถูกกับลูกเขา เวลาทำอะไรผิดก็มาหาว่าเราทำ และอีกหลายๆเรื่องที่ไม่อยากจะเล่าทั้งหมดเพราะจะยาวเกินไป ลูกของผู้ป่วยไม่เคยพูดดีกับเราเลย ทุกคำที่พูดมาดีแต่ถากถางตลอด แต่ผู้ป่วยก็เข้าข้างลูกตัวเอง ดุด่าว่าเราปล่อยให้ลูกตัวเองด่าเรา ทั้งที่เราอายุมากกว่าและก็พูดดีกับเขาตอบเสมอ ทั้งที่เขาไม่เคยพูดดีเลย บางทีดิฉันก็มีระเบิดออกไปบ้างแต่ ผู้ป่วยรู้ว่าดิฉันรักท่านมาก จึงขู่เราว่าถ้าเราเถียงลูกเขาอีกไม่ทำตามจะไล่ไม่ให้เราดูแลท่านอีกต่อไป และตัดขาดกัน ดิฉันเหมือนคนกินไม่ได้คายไม่ออก ก็ต้องทนต่อไป หากเราอโหสิกรรมแก่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายแต่เขาไม่อโหสิกรรมและจองเวรอย่างนี้อยากจะทราบว่าบาปจะไปตกแก่ผู้ป่วยมากยิ่งขึ้นหรือไม่?
    และอยากทราบว่าหากเรามีศีลมากข้อกว่าผู้จองเวร เขาจะบาปมากหรือไม่
     
  2. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    เรื่องของเขา ขอแล้วไม่อโหสิก็ช่างสิ สนใจอะไร ปล่อยไปตามบุญตามกรรม คุณก็อโหสิให้เขาไป เลิกโกรธ เลิกอคติได้แล้ว บาปไม่บาปมันไม่ได้เกี่ยวกับศีลของเราสักหน่อย ต้องเป็นระดับพระโสดาบันโน่น ไปจองเวร บาปแน่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]

    ประเด็นแรก ท่านกับเขาผู้ป่วยนั้นเป็นคู่เวร คู่กรรมกันมา ทุกอย่างมันเป็นไปตามกฎของกรรม พระท่านจึงได้สอน เน้นนักหนาว่า กรรมชั่ว อย่าทำเลยเสียดีกว่า เพราะมันต้องไปชดใช้ไม่รู้่จักจบจักสิ้น

    ประเด็นสอง หากเราอโหสิกรรมให้กับเขา เหมือนกับว่าหนี้ที่เขามีอยู่ต่อเรา เรายกให้กับเขา เราได้บุญ แต่เขาผู้ป่วยไม่ยอมอโหสิกรรมให้ กรรมอันน้ันยังอยู่ ยังไม่หมด แต่สามารถ ละโทษ อดโทษกันด้วย อุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับเขา หวังว่าสักวันหนึ่ง เมือความอาฆาต พยาบาท เบาบางลง ก็คงถึงวัุนอโหสิกรรม

    ประเด็นสาม เืรื่องศีลมากกว่า น้อยกว่า ไม่ได้เป็นผลอะไรเกี่ยวกับเวรกรรม แต่เราอโหสิกรรมให้กับเขา และเขาไม่ยอมอโหสิกรรมให้กับเรา เราอยากให้เขาเป็นสุข ถวายสังฆทานให้กับเขา หากเขาปฏิเสธบุญอันเกิดจากการถวายสังฆทาน เขาจะได้รับโทษหนัก เพราะสังฆทานเป็นบุญใด
    (คำสอน หลวงพ่้อฤาษีลิงดำ)
     
  4. รีนาโมจัน

    รีนาโมจัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +55
    ผู้ป่วยท่านี้เป็นผู้ีพระคุณต่อเรา แต่ท่านว่าจะอโหสิกรรมหรือดีตอบก็ต่อเมื่อเรายอมเป็นเบี้ยล่าง ลูกของเขาซึ่งร้ายต่อเรามาก อย่างไปทำอะไรผิดก็บอกเราทำแทนแทน อย่างี้ดิฉันจึงยอมทำตามไม่ได้
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    มีคนมากมายที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว แล้วกับผู้ป่วยที่อยู่ได้ไม่นาน ไม่มีทาง
    ไหนที่จะช่วยเขาได้มากกว่าการปลดปล่อยเขาออกจากความกลัว หน้าที่นี้มีแต่
    คนที่มีศีล มีความสมดุลทางด้านจิตใจเท่านั้นที่จะทำได้ ถ้าคุณเคยเข้าหาพระ
    อริยะ คุณเคยสังเกตไหม ถึงแม้คุณจะไม่ได้พูดคุยกับท่านเลย ท่านอาจจะไม่ได้
    มองหรือสนใจคุณด้วยซ้ำ แค่เพียงคุณอยู่ใกล้กับท่านคุณจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
    คุณมีความสับสนน้อยลง คุณมีความกลัวน้อยลง ความคิดของคุณเฉียบคมและมี
    ความกระจ่าง หรือแม้แต่แค่นึกถึงท่านเหล่านั้นความกลัวก็จะหายไปทันทีอย่างที่
    พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้

    “ภิกษุทั้งหลาย ! หากความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยอง
    เกล้าก็ดี พึงบังเกิดขึ้นแก่พวกเธอผู้อยู่<wbr>ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรืองว่างก็
    ดี ที่นั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงเรา<wbr> พึงตามระลึกถึงพระธรรม พึงตามระลึกถึงพระ
    สงฆ์ เพราะเมื่อเธอระลึกถึงเรา ระลึกถึงพระธรรม และระลึกถึงพระสงฆ์อยู่ ความ
    กลัว ความหวาดสะดุ้งจะหายไป เพราะว่าพระตถาคตเป็นผู้หมดราคะ<wbr> โทสะ และ
    โมหะ จึงไม่กลัว ไม่หวาด ไม่สะดุ้ง และไม่หนี”

    ดังนั้นถ้าคุณแน่ใจว่าคุณมีศีลสูงกว่า มีความสมดุลทางด้านจิตใจมากกว่าผู้ป่วย
    ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณช่วยเขาได้มากมาย มากกว่าที่คุณจะรู้ซะอีก บางสิ่ง
    บางอย่างที่คุณแสดงให้เขาเห็นได้ปลดปล่อยเขาออกจากความกลัว
    สิ่งที่เรา
    แสดงให้กับผู้อื่นนั้
    <wbr>นอาจจะเป็นการมีความสุขในเวลาที<wbr>ย่ำแย่ของเรา การเดินด้วย
    ความมั่นใจ การอ่อนน้อมถ่อมตน การคิดบวก การให้รอยยิ้มกับทุกคน
    สิ่งที่
    ละเอียดจนบางทีคุณและผู้ป่วยอาจจะไม่ได้สนใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ช่วยเขาได้
    มากกว่าที่คุณคิดซะอีก ก็ลองพิจารณาดูครับ

     
  6. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ดูให้เห็นด้วยใจที่เป็นเมตตา แล้วจะเห็นอย่างท่าน bluebaby2 พูด

    ดูลงไปให้ลึกซึ้ง ถึงจิตในจิต ของผู้ป่วยนั้น จะได้ทราบว่า เหตุที่แท้จริงของการกระทำ คืออะไร?

    การไม่มีที่พึ่ง การเห็นวาระสุดท้ายของชีวิตอยู่เบื้องหน้า แต่ใจนั้นยังเต็มไปด้วยอวิชชา อวิชชานั้นปิดบังทุกอย่าง ทำให้เห็นผิด ยึดผิด และทำให้เกิดความกลัว และความคิดที่ไม่มีเหตุผล
    การกระทำเหล่านั้นของผู้ป่วยสนองอะไร? ทำไมเขาจึงทำ? เขาทำไป เพราะเขาต้องการสนองอะไรสักอย่างที่อยู่ในใจ สิ่งนั้นเล่า คือ ต้องการสิ่งที่ดึงเขาออกจากความไม่สบายใจของการเห็นวาระสุดท้าย โดยผู้ที่ยังมีอวิชชาอยู่ ย่อมจะล้างความเค็มด้วยน้ำเกลือ ย่อมจะล้างความไม่สบายใจ ความทุกข์ใจ ด้วยความทุกข์อีกแบบหนึ่ง เปรียบก็เหมือนคนดื่มเหล้าแก้ทุกข์ แม้จะรู้ว่า มันไม่ช่วยแก้ แต่มันก็ช่วยหลอกให้พ้นทุกข์ได้เป็นคราวๆ ไป

    หากอยากจะช่วยผู้ป่วยท่านนี้จริงๆ ขอให้ตัดอารมณ์เสียให้หมด นึกถึงคำพูดของผมไว้ และคิดด้วยใจเมตตาจริงๆ ดูให้ออกว่า เหตุแท้จริง ที่เขาทำไม่ดีกับคุณ เพราะอะไร? และแก้ไขตามเหตุนั้น พร้อมทั้งหาโอกาสสอดแทรกธรรมของพระพุทธองค์ให้เขาเห็น เพื่อช่วยดวงวิญญาณอีกดวงหนึ่ง ให้ได้ไปเกิดในสุคติภูมิ รอวันที่จะกลับมาดวงตาเห็นธรรมต่อไป
     
  7. รีนาโมจัน

    รีนาโมจัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +55
    ขอบคุณทุกท่านตอนนี้ที่ดิฉันพยามอยู่ก็คือช่วยทุกวิถีทางให้เขาอยู่ต่อไปให้นานและแข็งแรงที่สุด ถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากให้หายป่วยและได้มีโอกาสมานั่งสมาธิถ้าอาการดีขึ้น
     
  8. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    สาธุๆๆ

    อันร่างกายของเรานี้ มันก็เป็นแค่ธาตุมาประชุมกัน ถึงเวลาก็แตกดับทำลายไป ท่านเป็นผู้เริ่มเห็นในธรรมแล้ว จะอาลัยอาวรณ์อะไรกับมันอีกเล่า
    อันทิฎฐิมานะ การถือตัว ถือในอารมณ์ ยึดถือมั่นในใจของท่าน มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะอาลัยอาวรณ์อะไรกับมัน ยึดถือมันทำไม
    จะเจ็บแค้นในใจ เจ็บแค่ไหน เจ็บอย่างไร ว่ากันตามความจริงของโลกแล้ว มันก็เป็นแค่ความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในใจของท่าน ที่มีท่าน ถือมันไว้ ยึดเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไป เท่านั้นเอง
    ลมปากผ่านหูไปแล้ว คำพูดนั้นผ่านไปแล้ว จบไปนานแล้ว แต่ท่านยึดอะไรอยู่ ทำไมคำพูดที่ผ่านหูไปนานแล้ว ถึงได้ทำให้ท่านทุกข์ใจต่อเนื่องมาได้อีก?

    ผู้ละแล้ว ย่อมละซึ่งสิ่งอันไม่มีสาระในใจ และในกายของตน ที่คนอื่นยังเห็นว่าเป็นของดี เป็นของที่ต้องยึดมั่นจับเอาไว้อยู่

    อย่าให้การยึดถือมั่นในอุปาทาน สิ่งที่ไม่มีตัวตน สิ่งที่ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่ลมไหวในใจของเรา มาขัดขวางโอกาสของเรา ในการทำความดีช่วยเพื่อนมนุษย์อีกเลย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2012
  9. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    บาปก็อาจจะไปตกกับผู้ป่วยมากขึ้น เหมือนกับอีกคนหนึ่งเอาชนะความไม่ดีด้วยความดี แต่อีกฝ่ายจองล้างจองพลาญด้วยความไม่ดี ข้ามภพข้ามชาติ ผู้ที่เอาความดีเข้าสู้ ถือว่าบำเพ็ญเมตตาบารมีและขันติบารมี ส่วนคนจองเวรอย่างน้อยที่สุดก็มีไฟเผาไหม้ในใจเค้าตลอดเวลา ดั่งคำกล่าวทีว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ หรือดั่งตัวอย่างการเสวยพระชาติของพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ากับเทวทัตที่ตามจองเวรจองกรรม สุดท้ายเทวทัตก็ได้รับผลกรรม เพราะไม่ยอมวางแม้กระทั่งชาติที่เจ้าชายสิทธิธัตถะตรัสรู้นั่นเอง

    ส่วนคำถามข้อที่ 2 ถ้าเรามีศีลมากกว่า เค้าก็บาปมากกว่า ดั่งตัวอย่าพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัต ในแต่ละภพละชาติ ฝ่ายหนึ่งก็บำเพ็ญบุญบารมี อีกฝ่ายก็สั่งสมมิจฉาทิฐิ

    พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเรามี "ต้นทุน" สูงกว่าอีกฝ่าย แล้วอีกฝ่ายยังตามจองล้างจองพลาญ โดยที่เราไม่ตอบโต้ สุดท้ายอีกฝ่ายก็แย่ ไม่เชื่อไปถามพระอาจารย์ภาสกร ภาวิไลดู
     
  10. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณรีน่าโมจัน...
    ...จะพูดถึงเรื่องจิต และ มนุษย์...
    ..มันเหมือนนิยายน้ำเน่า...ในเรื่องของคุณ.....
    ...คุณควร หยุด เหมือนพระพุทธเจ้าบอกองค์คุลีมานว่าเราหยุดแล้ว แต่ท่านไม่หยุด.....
    ...กล่าวคือ...คนป่วยนั้น....ต่อให้เป็นพ่อแม่แท้ๆ...
    ..แต่มีภาวะทางจิตเยี่ยงนี้.....และก็มีลูกๆหลานๆช่วยดูแลอยู่แล้ว....
    ...คุณก็ต้องหยุดและหลีกหนีไป เช่นลางาน..ไปเที่ยวเสีย....
    ..ไม่ต้องไปกลัวว่าใครจะว่าคุณ...หนีไปสักระยะ....
    ...ถ้าตาย ก็กลับมาเผา....ถ้ายัง..ก็กลับมาให้เขาโขกสับต่อไป...ไม่ต้องไปคิดแก้....มันเป็นสันดานไปแล้วครอบครัวนี้...ต้องหยุด และปล่อยไปตามกรรม...
     
  11. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    “อานนท์… ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้สูงกว่าก็เพราะความกลัว
    อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกัน ก็เพราะเห็นว่ากำลังพอกัน ยังอาจทำร้ายกันได้
    แต่ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ต่ำต้อยกว่าตน เรียกว่า อดทนสูงสุด
    ผู้มีความอดทนและมีเมตตาย่อมอยู่เป็นสุข เปิดประตูความสงบได้โดยง่าย และขุดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้” - พระพุทธพจน์
     
  12. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    พระอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เพราะโ่ง่...จึงยึด เพราะยึด...จึงอยาก เพราะอยาก...จึงทุกข์ โอหนอ นี่ล่ะสัจธรรม

    เจริญพรหมวิหาร๔ ควบคู่กับการกำหนดสติของตนไว้ตลอดครับ นั่นล่ะครับจะทำให้ทุกข์น้อยลง
     
  13. lunglang

    lunglang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +20
    ก็ไม่เห็นจะยากอะไร หากเสียไปแล้วก็ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วก็ขออโหสิกรรมด้วยความจริงใจ หากคนที่เสียไม่อาฆาตรพยาบาทเป็นเจ้ากรรมนายเวรกับเรา ก็ไม่เป็นไร แค่ทำบุญไปให้ก็พอ หากเป็นเจ้ากรรมนายเวร คนตายก็ไม่ได้ไปเกิด คนเป็นก็ต้องทำเหมือนข้างบน จนกว่าเขาจะอโหสิกรรมให้ จะเร็วจะช้า อยู่ที่ความสำนึกผิดและความจริงใจ (แต่จากที่เล่ามา น่าจะไม่มีอะไร เพราะเขาอาจจะอโหสิกรรมให้แล้วก็ได้ แต่ไม่พูด และคนที่พูดถึง หากเสียแล้วยังไม่ไปเกิด น่าจะยังห่วงลูกตัวเองมากกว่าจะมาจองเวรกับ จขกท.นะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...