รบกวนช่วยด้วยค่ะ ผีมานอนด้วย!!!

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Numami, 7 พฤษภาคม 2012.

  1. vashera

    vashera สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +6
    เขาเรียก เจ้ากรรมนายเวร คนที่เคยสัญญากันในอดีตชาตินะ
     
  2. int7

    int7 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    น่ากลัวจัง
     
  3. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ผม ฝากไว้บท ละกัน กลั้นใจ ภาวนา ทุ สะ นะ โส แล้วเป่าไปที่ผีตัวนั้น ลองดู คาถานี้เป็นคาถา ยักษ์ ที่คอยดูแลพวกผีต่างๆ เป็นลูกน้องของ ท่านเวสสุวรรณ ครับ สี่คำเวลาท่องให้นึกถึงยักษ์4องค์ แล้วเขาจะมาช่วยเหลือคุณเอง หรือเรียกอีกอย่างว่า หัวใจเปรต นั้นเอง ภาวนาด้วยความเข้มแข็ง ไม่ใช่ด้วยความหวาดกลัวนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  4. มิ่งมังคลา

    มิ่งมังคลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +403
    อันที่จริงแล้วคาถา ทุ สะ นะ โส เป้นคาถาที่มีชื่อว่า "หัวใจเปรต" ไม่ใช่ยักษ์สี่ตน แต่เป็นเปรตสี่ตนที่รู้สึกผิดว่า เมื่อคราวที่มีชีวิตไม่ได้ทำบุญรักษาศีล เมื่อตกนรกก็ได้แต่โอดครวญ ซึ่งคาถานี้มีประวัติดังนี้

    สมัยที่องค์สมเด็จพระมิ่งมงกุฏกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงประกาศสัจธรรมเผยแผ่พระบวรพุทธศาสนาอยู่ในโลกนั้น คราวหนึ่งพระองค์พร้อมด้วยพระสงค์สาวกอรหันต์ขีณาสพประมาณ ๒๐,๐๐๐ องค์ ได้เสด็จมาถึงพระนครพาราณสี ชาวเมืองทั้งหลายครั้นได้เห็นสมเด็จพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐมากมายเช่นนั้น ต่างก็พากันตื่นเต่นดีใจด้วยความเลื่อมใสเป็นอันมาก ชักชวนกันบริจากทรัพย์ถวายอาคันตุกทานเป็นการใหญ่ ปราชาชนทั้งหลาย ๒ คนบ้าง ๓ คนบ้าง หลายคนบ้าง ได้สามัคคีร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพจัดอาหารบิณฑบาตถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทะเจ้าทรงเป็นประธาน นับเป็นเวลานานหลายวัน

    ครั้งนั้นยังมีลูกเศรษฐี ๔ คน ซึ่งพ่อแม่ของต่างก็ทรัพย์มากมายถึงคนละ ๔๐ โกฏ ลูกชายของเศรษฐีทั้ง ๔ นั้นกำลังรุ่นดรุณวัยเป็นสหายรักกันมาก เมื่อเห็นคนทั้งหลายพากันบริจากทาน ถวายอาหารเลี้ยงพระสงฆ์เป็นการใหญ่เช่นนั้น แทนที่จะเกิดความเลื่อมใสร่วมใจกันทำบุญทำทานกับเขา กลับมีใจดูหมิ่นดูเบา โดยคิดเห็นไปว่าคนทั้งหลายเป็นคนโง่เขลา เพราะบ้าศรัทธา

    “ ทำไปทำไมกันเว้ย .... บุญทาน ทำแล้วก็ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร มีแต่สิ้นเปลืองทรัพย์สมบัติไปเปล่า ๆ การบูชาพระพุทธเจ้าและการรักษาศีลก็เหมือนกัน จะทำไปทำไม ? คิดไปเท่าไหร่ ๆ ก็มองไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ เสียเวลาเปล่า ๆ” นี่คือมติร่วมกันเอกฉันท์ของเขาทั้ง ๔ ในขณะที่เขาร่วมประชุมกันในวันหนึ่ง

    “แล้วเราจักทำอย่างไรดีเล่า พ่อแม่ของเราท่านได้สร้างทรัพย์สมบัติไว้ให้เรามากมาย ลำพังจะกินจะใช้อีกกีสิบชาติก็คงจะไม่หมดไปง่าย ๆ พวกเราจะจัดการกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอย่างไรดี? คนหนึ่งถามขึ้น

    “ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเราพากันไปหาซื้อสุราอย่างดีที่สุด เอามาดื่ม โดยมีเนื้อที่มีรสที่ดีที่สุดเป็นกับแกล้มเป็นประจำ อย่างนี้เข้าใจว่าจะทำให้ชีวิตพวกเรามีรสชาติขึ้น เพื่อนเห็นด้วยกันเราหรือไม่? ” เศรษฐีบุตรผู้หนึ่งเสนอขึ้น

    “ ดีเหมือนกันเพื่อน แต่เราขอเสนอเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่ง คือว่านอกจากพวกเราจะดื่มสุราที่มีรสดีที่สุดเท่าที่จักหาได้ในเมืองนี้แล้ว เราควรข้าวปลาอาหารรสเลิศต่าง ๆ มาบริโภคเป็นประจำตลอดไปเห็นจะเป็นการดี” คนหนึ่งเสนอต่อไป

    “ เพื่อนเราลืมนึกถึงสิ่งสำคัญไปอย่างหนึ่ง กินเหล้าเมายาบริโภคอาหารดี ๆ หากว่าขาดนารีสวย ๆ มันจะไปเป็นท่าอะไร ฉะนั้นเราจักใช้ทรัพย์อันมากมายมหาศาลเป็นเครื่องล่อ ก็อิสตรีทั้งหลายที่จะได้ชื่อว่าปรารถนาทรัพย์เป็นอันไม่มี เราประเล้าประโลมด้วยทรัพย์แล้ว คงจักได้ตัวหล่อนมาเป็นสมบัติของเราสมความปรารถนา ไม่ว่าหล่อนจักเป็นใครก็ตาม” ลูกชายเศรษฐีคนสุดท้ายกล่าวขึ้น ตามวิสัยของคนที่มีสันดานเสีย

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ ผู้ไร้ศีลธรรม ต่างก็ตั้งหน้าประกอบอกุศลธรรมทำความชั่ว เสพสุรายาเมาเป็นอาจิณ ผิดศีลข้อที่ ๕ นอกจากนั้นยังกล้าประพฤติปรทาริกกรรม คือเห็นสัตรีสามทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นลูกเขาเมียใครหากตนพอใจแล้ว เป็นต้องหาอุบายเอามาเป็นเครื่องบำเรอความสุขแห่งตน โดยใช้ทรัพย์มหาศาลเป็นเครื่องล่อ

    ซึ่งเป็นการประพฤติผิดศีลข้อกาเมสุมิฉาจาร พวกเขาพากันเฝ้าล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาสั่งสมไว้ให้ ไปในทางที่ชั่วช้าลามกอยู่อย่างนี้เป็นเนืองนิตย์ เมื่อเขาเหล่านั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว กรรมชั่วทั้งหลายที่เขาได้พากันกระทำไว้นั้น ก็พลันกลับกลายเป็นชนกกรรม แล้วฉุดกระชากชักนำพวกเขาทั้ง ๔ ตรงดิ่งไปปฏิสนธิ ณ อเวจีมหานรกแดนนิรยภูมิ

    เกิดกายเป็นสัตว์นรกตัวใหญ่ ๔ ตน ทนทุกขเวทนาแสนสาหัสสุดที่จะประมาณ ต้องถูกไฟในอเวจีมหานรกอันแรงร้ายเผาไหม้กายตนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกเหล่านั้น ครั้นเสวยทุกขโทษถูกไม่ว่างเว้นมหานรกไหม้กาย ได้รับความแสปปวดร้อนอยู่นานตลอดเวลาพุทธันดรหนึ่งแล้วก็สิ้นกรรม จึงพากันจุติจากอเวจีมหารกนั้น แต่ว่าเศษกรรมชั่วที่ตัวทำไว้ยังไม่สิ้น ดังนั้น

    เขาจึงพากันมาเกิดเป็นสัตว์นรก ณ โลหกุมภีนรกร้าย ซึ่งมีความกว้างใหญ่นั้น ครั้นมะงุมมะหงาหราเวียนว่าย ณ พื้นภายในหม้อนรกเหล็กแดงโลหกุมภี สิ้นเวลานานนักหนาแล้ว ก็พยายามกระเสือกกระสนจะว่ายขึ้นมาเบื้องบนให้ได้ พวกเขาต้องใช้ความมานะพยายามเป็นอย่างมาก โดยหวังที่จะว่ายขึ้นมาให้ถึงปากหม้อโลหกุมภีนั้น ย่อมมีสภาพเหมือนกับข้าวสารที่เขาเอาใส่แล้วต้มเคี่ยวในหม้อน้ำซึ่งกำลังเดือดพล่าน

    มีอาการดำผุดดำว่ายโผล่ขึ้นมาแล้วก็จมลงไป และโผล่ขึ้นมาอีกแล้วก็จมลงไป เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปเป็นนิตย์ ลูกชายเศรษฐีเจ้าราญทั้ง ๔ ที่เรากำลังพูดถึงนี้ก็เหมือนกัน ขณะนี้ เขามีสภาพเหมือนกับเมล็ดข้าวสารที่กำลังถูกเคี่ยวอยู่ในหม้ออันเดือดพล่าน การที่เขาหวังจะโผล่ศีรษะขึ้นมาที่ปากหม้อจึงเป็นความหวังที่เลือนลางเต็มที แต่เขาก็หาหมดความพยายามไม่ อุตสาหะว่ายตะเกียกตะกายเรื่อยไป ในที่สุด

    หลังจากที่ได้ใช้ความพยายามอยู่เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปี ด้วยการนับปีมนุษย์โลกเรานี้แล้ว คราวหนึ่งเขาทั้ง ๔ ผู้ซึ่งเป็นชาวนรกโลหกุมภี ได้ผงกศีรษะขึ้นมาเจอหน้ากันอย่างพรั่งพร้อมที่ปากหม้อพอดี

    ณ สถานที่นั้น ด้วยความอันอั้ดตันใจที่ตนได้เสวยทุกขโทษอย่างสาหัสมาเป็นเวลานานนักหนา ตั้งแต่คราที่อยู่ในอเวจีมหานรก แม้จนกระทั้งบัดนี้ มาเกิดอยู่ที่นรกโลหกุมภี ก็ยังไม่เคยได้รับความสุขสบายเลยแม้วินาทีเดียว สัตว์นรกตนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาเศร้า ครั้นมาประสบหน้าเพื่อนเข้าพร้อมหน้ากันดังนั้น ก็พลันดีใจ ใคร่จะระบายความทุกข์อันสุมอกมานานเหลือเกิน จึงมีความประสงค์ที่จะกล่าวว่า

    “ ทุชฺชีวิตมชีมฺหา.....น่าอนาถเป็นหนักหนา เพราะว่าพวกเราไม่ได้ทำบุญให้ทาน จึงต้องมาพบพานพบชีวิตอันแสนร้ายได้รับทุกข์ทรมานเห็นปานนี้ เมื่อทรัพย์สมบัติมีอยู่ในอดีตกาลโน้น พวกเราก็หาได้คิดที่จะทำที่พึ่งให้แก่ตนไม่ ”

    แต่เป็นที่น่าเศร้าเสียใจไปกับสัตว์นรกตนนั้นยิ่งนัก เพราะว่าเขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมดประโยค เพราะไม่มีเวลา พอเอ่ยปากกล่าวได้แต่เพียงครึ่งคำออกมาว่า ทู.... กล่าวได้แต่เพียงเท่านี้แท้ ๆ ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านไปอีกตามเดิม

    ในขณะที่บังเอิญโผล่มาพบหน้าเพื่อนรักกันนั้น สัตว์นรกบุตรเศรษฐีผู้มีกรรมตนที่ ๒ ก็มีความประสงค์จะระบายความอัดอั้นตันใจแก่เพื่อนทั้งหลายอยู่เหมือนกัน โดยมีความประสงค์จะกล่าวเป็นเชิงปรึกษาหารือว่า

    “ สุฏฐีวสฺสสหส์สานิ ..... เพื่อนเอ๋ย ตั้งแต่เราดำผุดดำว่ายอยุ่ในหม้อนรกอันร้อนแรงนี้ ถ้าจะประมาณก็เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปีแล้วเมื่อไรเล่าจึงจักพ้นนรกนี้เสียทีเล่า”

    แต่เขาไม่อาจที่จะกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมด พอเอ่ยปากกล่าวได้แต่เพียงครึ้งคำออกมาว่า ส.... กล่าวได้แต่เพียงนี้เท่านั้นแท้ ๆ ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยอาการกลุ้มอกกลุ้มใจและเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างหนัก ตามแบบฉบับของสัตว์นรกผู้ต้องทนทุกขเวทนาามาเป็นเวลานาน สัตว์นรกคนที่ ๓ พอเห็นหน้าเพื่อนกันในครึ้งเสี่ยวแห่งวินาทีนั้น ก็มีความประสงค์ใคร่จะระบายความในใจออกมาว่า

    “ นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต..... ไม่มีวันพ้น วันพ้นโทษอันร้ายกาจนี้จะมีแต่ที่ไหน วันพ้นโทษอันร้ายแรงนี้ ไม่มีวี่แววว่าจักปรากฏขึ้นเลย สหาย! ปาบกรรมความชั่วที่ตัวเราและท่านได้เคยกระทำไว้ในกาลก่อนได้ย้อนมาให้ผลอย่างสาสมแล้ว”

    แต่เขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์นี้ได้ทั้งหมดพอเอ่ยปากกล่าวได้เพียงครึ้งอักษรแรกออกมาว่า น..... กล่าวได้แต่เพียงอักษรเดียวนี้แท้ ๆ เท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยใบหน้าอันเศร้าหมองบอกความไม่ผ่องใส ตามลักษณาการแห่งสัตว์นรกผู้เพิ่งรู้สึกเสียใจในกรณีที่ตนไม่เคยทำความดีเอาไว้ สัตว์นรกตนที่ ๔ พอบังเอิญโผล่มาเจอหน้าเพื่อนในชณะนั้น ก็มีความประสงค์ที่จะรำพันออกมาว่า

    “ โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา.... เราพ้นจากทุกขเวทนาในแดนนรกนี้ไปเมื่อได้โอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้ว เราจักไม่ทำกิจอย่างอื่นอีกเลย นอกจากจะตั้งหน้าบริจากทานและรักษาศีลเป็นการใหญ่ทีเดียว เรานี้จักตั้งใจประกอบกองกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ”

    แต่เขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้ทั้งหมด พอเอ่ยปากกล่าวได้เพียงอักษรแรกครึ้งคำออกมาว่า โส.... กล่าวได้เพียงอักษรเดียวเท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กนรกโลหกุมภีต่อไป เช่นเดียวกับเพื่อนรักทั้งหลาย ต้องดำผุดดำว่ายทนทุกขเวทนาอยู่ในหม้อเหล็กใหญ่นั้น จนป่านนี้ก็ยังไม่พ้นโทษ

    คำโอดครวญของสัตว์นรก ๔ ตนที่กล่าวครั้งนั้น คือ คำว่า ทุ. ส. น. โส. นี้เป็นที่เลื่องลือมานาน และเป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางทั่วไปในหมู่มนุษบ์ชาวพุทธบริษัท ถึงกับเกจิอาจารย์บางท่านพากันบัญญัติให้รู้กันว่า คำ ๔ คำนี้เป็นหัวใจเปรต ! เหตไฉนจึงกล่าวพลาดไพล่ไปว่าเป็นหัวใจเปรตก็สุดจะเดาได้ เพราะความจริงนั้นควรจะบัญญัติเป็นหัวใจสัตว์นรกจะเหมาะกว่าเป็นไหน ๆ ทั้งนี้ก็เพราะคำ ๔ คำนี้ เป็นคำที่ชาวนรกโลหกุมภีทั้ง ๔ กล่าวเอาไว้

    แต่ไม่ว่าจะเป็นหัวใจเปรตหรือหัวใจสัตว์นรกก็ตามที ปัญหาที่เราควรคำนึงนึกจาการที่ได้ติดตามเรื่องนี้มา ก็คือว่า ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ แต่เดิมทีนั้นเป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก แต่มีความประมาทและโง่เขล่า ทั้ง ๆ ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกและเสด็จมาโปรดปราชาชนจนถึงบ้านเมืองของตน แทนที่เขาจะมีใจเลื่อมใสรีบขวนขวายประกอบกองการกุศลเช่นคนทั้งหลายอื่น กลับมีน้ำใสโหดหื่นคิดดูหมิ่นในบุญประแต่อกุศลกรรมความชั่วช้าลามก ครั้นตายไป จึงต้องตกนรกอเวจีและโลหกุมภีนรก ด้วยอำนาจแห่งกรราชั่วนั้นมันกลายเป็นชนกกรรมนำให้เขาไปเกิด ครั้นไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้รับความทุกข์ทรมานหนัก ๆ เข้าจึงได้รู้สำนึกตน แต่การที่พวกเขาเพิ่งมาสำนึกตนได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในนรกนั้น

    มันเป็นการสายเสียแล้วแต่พวกเราเวลานี้น่ะยังไม่สาย คือพวกเราที่ยังเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาอยู่ในขณะนี้ ขอจงมีใจเลื่อมใสในพระโอวาทานุสสนี แล้วรีบเร่งประกอบคุณงามความดีอันเป็นบุญเป็นกุศลเข้าให้จงได้มากเถิด เพราะกุศลกรรมความดีที่เราทำไว้ในขณะนี้ จักเป็นเครื่องปิดกั้นชนกกรรมฝ่ายอกุศลเมื่อเวลาตาย แต่ถ้ามีใจชั่ว เกิดความมัวเมาประมาทพลาดพลั้งกระทำอกุศลกรรมอยู่เนือง ๆ โดยไม่นึกถึงวันตาย อกุศลกรรมที่ทำไว้เสมอนั้น ก็พลันกลายเป็นชนกกรรม ชักนำไปปฏิสนธิในอบายภูมิ และบางทีอาจจะถึงกับต้องรำพันโอดครวญออกมาดังเช่นชาวโลหกุมภีนรก ๔ ตนนั้นก็เป็นได้ ด้วยประการฉะนี้

    ส่วนชนกกรรมที่เป็นฝ่ายกุศลนั้น เมื่อทำหน้าที่ชักนำปฏิสนธิยังสัตว์ทั้งหลายให้เกิด ย่อมผลักดันสัตว์ให้ไปเกิดในสุคคติภูมิ อันเป็นภูมิที่ดีมีความสุขคือสรวงสวรรค์ ตามสมควรแก่กรรมที่สัตว์ทั้งหลายได้กระทำไว้.....

    จากหนังสือกรรมทีปนี (พระพรหมโมลี วิลาศ ญาณวโร)


    การภาวนาคาถาหัวใจเปรตจะช่วยให้คนเราระลึกได้อยู่เสมอว่า เกิดมาเป็นคนจะต้องหมั่นทำดี มิฉะนั้นจะต้องไปเสียดายเวลาในอเวจี ทุกสามหมื่นปีจะได้พูดคำหนึ่ง
     
  5. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    อุ อะ นะ จัง งัง บทนี้ครับ น่าจะได้ผล ผมคิดว่าน่าจะเป็นคุณไสยน่ะ อาจจะเป็นของที่ปล่อยทิ้งไว้ นานแล้ว
     
  6. Destinyman

    Destinyman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +224
    บทนี้เคยใช้หลายครั้งสวดไม่ทันจะจบผีโกยแน่บ
    คาถาหลวงปู่ทวด แม้แต่เจอของ ทำน้ำมนต์ไล่ผียังออกเลย
    นะโม โพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติพะคะวา
     
  7. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    นึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ขอบารมีท่านคุ้มครอง พุทโธ ตัวเดียว หลวงพ่อเคยบอกไว้ครับ
     
  8. jojovirtue

    jojovirtue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +51
    เราต้องมีความบ้าปราสจากความกลัว
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    จริงสวดบท พุทธคุณไหนก็ได้แหละ ถ้าจิตคุณนิ่ง แต่นี่คุณสักๆแต่สวดๆไป กำลังจิตไม่มี กำลังบุญมันก็ไม่แผ่ ผมเห็นผู้หญิงเกือบทุกคนนะเป็นแบบนี้หมด สมัยก่อนตอนเด็กๆ ผมอยุ่บ้านไม้ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ผมนะ เป็นกันบ่อยมาก แม่ผมเวลาโดนผีอำแบบคุณก็จะดิ้นขัดขืนสู้ เหมือนคนละเมอ พอเช้ามาแม่ก็เล่าให้ฟังว่า มีผู้หญิงตัวอ้วนใหญ่ๆมานั่งทับอก ส่วนพ่อผมก็โดนเหมือนกัน โดนบ่อยมาก ประมาณว่าต้องสู้กันให้ตายไปข้าง หลุดมาได้ ก็โมโหโทสา ไป คนที่อยู่รอบข้างก็กลัว จนผมอายุ 12 ผมโดนเองบ้าง คราวนี้ครับ ด้วยการที่เราฝึก อาณา ผมขยับไม่ได้ มันกดทุกอย่างของเราไว้ พยายามดิ้นเพียงสามครั้ง แล้วก็อยู่เฉยๆเพื่อคิดว่าจะทำอย่างไร ปรากฎว่านึกออกตรงที่เราหายใจอยู่ ก็เลยกำหนดจิตที่ปลายจมูก แล้วหายใจเข้าลึกๆ ภาวนาว่า พุธ แล้วหายใจออกจังหวะเดียวแรงๆ พร้อมคำว่า โธ หลุดครับ ง่ายดายมาก (ตอนนี้มีสติ) ส่วนตอนอายุ 14 โดนคล้ายๆคุณครับ โดนผีผู้หญิงพยายามข่มขืน แต่ตอนนี้สติยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ตั้งสติไม่ได้(ลืม) ก็มัวแต่จะสู้อย่างเดียว สู้จนเหนื่อยครับ แต่เธอก็ยอมปล่อยนะครับ เสื้อผ้าหลุดไปอยู่ข้างเตียงโน้น พร้อมกับเสียงหัวเราะเล็กๆของผู้หญิงเหมือนชอบใจ(ผมเกลียดจริงๆเสียงเหมือนผู้หญิงหัวเราะเวลานินทาผู้ชายอะไรประมาณนั้น) ก็ปล่อยผ่านไป จริงๆแล้ว สมาธิ จิตที่ตั้งมั่น ภาวนาแค่พุท โธ ผีตนนั้นก็หลุดกระเด็นไปแล้วล่ะครับ แต่เราไม่มีสติ สมาธิเลยไม่เกิด มีอีกครั้งโดนผีหมาอำ มาเห่าอยู่ข้างหู(จริงๆแล้วก็คือเจ้ากรรมนายเวรผมนั่นแหละ) ทำยังงัยก็ไม่ไป ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งเหมือนหมานอนตะแคงดิ้นพล่านๆตอนใกล้ตาย ผมหยุด แล้วพิจารณา เสียงหมายังเห่าเหมือนโกรธอะไรเรามากๆ เรามาหยุดคิดเออ เราดิ้นยังกะหมากำลังจะตาย หยุดสู้เถอะ ตั้งสติค่อยคิด ถึงแม้เสียงนั้นยิ่งดังมาขึ้นก็ตาม เลยตัดสินใจสวด นะโมพุทธายะ ครั้งแรก ยังตื่นๆเต้นๆ ไม่มีสมาธิ เสียงยังไม่หาย ขยับยังไม่ได้ ครั้งสองอีกที ยัง ยังมีเสียงไม่ไปอีก ครั้งสาม จิตมันนิ่ง ก็หลุดครับ เหม่ พอหลุดได้ก็ไปเปิดไฟคว้านหาทั่วห้อง คือถ้าเจอจะเตะด้วยแข้งวิญญาณในร่างคนเลย ............ สติก่อนครับ แล้วสวด สมาธิก็จะมา .... แค่ พุธ โท ก็คุมได้ทั่ว สามโลกล่ะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012
  10. limited-edition

    limited-edition เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +337
    ขออภัยนะครับ
    กรณีที่พวกนอนกับผี ส่วนใหญ่ จะเกิดที่จิต คนทั่วๆไปอย่างผู้ชายก็เรียกฝันเปียก
    บางกรณี ถ้าเกิดกับผู้แต่งงานแล้ว จิตใต้สำนึกลึกๆอาจจะเบื่อหรือไม่พอใจเรื่องทางเพศกับคู่ของคุณ
    จิต เป็นเรื่องละเอียด เรื่องลึกซึ้ง
    ไอ้ที่ว่าไม่ๆๆๆ พอเจอหมอ กลายเป้นใช่ๆๆๆ กว่า80%

    เรื่องคาถาต่างๆสักแต่ว่าท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง มันไม่ได้นะครับ
    จะว่าไปจะท่องจะอะไรรู้ความหมายหรือไม่
    ผีนี่แปลกนะครับ
    ผมฟันธงในส่วนของผมเลยว่าผีมีจริง
    แต่ผีนี่ชอบมาหาเฉพาะผุ้ดวงตกและผู้ประพฤติธรรม
    จะว่าไปก็คุยกันยาว

    แต่กรณีคุณ จขกท แนะนำอย่างจริงใจเพราะคุณเป็นมาหลายครั้ง
    ลองปรับสภาพง่ายๆในครอบครัว ลองเปลี่ยนสถานที่ไปท่องเที่ยวด้วยกัน อย่างน้อย5วันขึ้นไป ไปสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำดีๆของกันและกัน จริงๆแนะนำว่าควรทำปีละ2ครั้ง
    แต่คนเราทั้งเวลาทั้งเงินมันอาจจำกัด
    ดังนั้นปรับสภาพในบ้านให้มีความสุข บ้านไม่รก ผ้าปูที่นอนปลอกหมอนใหม่ๆ เตียงมีไว้นอนอย่างเดียว ช่วยได้นะครับ

    และที่พึ่งทางใจ พระอะไรก็ได้ที่นับถือและผ่านพิธีเพื่อศาสนา1องค์บนคอและหนังสือธรรมะ1เล่ม
    ผมแนะนำให้เริ่มที่ พระอาจารย์มิตซึโอะเควสโกครับ
    และอีกระดับ ไปหาพระธรรมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญครับ
    เสิร์ชในเวปนะครับเยอะแยะ
    สมรส หมายถึง รสนิยมเสมอกัน
    มีจริตนิสัย ชอบและไม่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน
    จึงเข้ากันได้เป็นอย่างดี


    เมื่อเราใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่นใน ฐานะต่างๆ ต้องมี
    คุณธรรม และมีรสนิยมเสมอกัน จึงจะมีความสุข
    ถ้า ต่างกันมาก เข้ากันไม่ได้ ก็มักเกิดปัญหาตามมา


    โดยเฉพาะชีวิตคู่ เป็นสามีภรรยาต้องใกล้ชิดกันมาก
    จนเรียกได้ว่าทั้งเราและเขา
    มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


    อยู่ร่วมกันไปตลอดชาติ
    จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ
    หากตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่กับใคร



    อารมณ์รักเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เมื่อเราสามารถเริ่มต้น
    ชีวิตคู่กับคนที่เรารักมากๆ เรารู้สึกสมหวังในความรัก
    โลกทั้งโลกสดใสสวยงามสำหรับเรา แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง
    ในชีวิตของเรานี้ไม่แน่นอน ชีวิตสมรส อาจจะเป็น


    ชีวิตคู่ที่อบอุ่น สร้างครอบครัวที่มีความสุขร่วมกัน
    หรือโดยส่วนใหญ่ก็มี ทุกข์บ้าง สุขบ้าง
    อย่างปุถุชนทั่วๆ ไป แต่สำหรับบางคู่อาจจะเป็น
    ชีวิต ที่ตกนรกทั้งเป็นก็มี เปรียบชีวิตคู่เหมือน


    ชีวิตแบบยักษ์อยู่ด้วยกัน
    ชีวิตแบบเปรตอยู่ ด้วยกัน
    ชีวิตแบบเดรัจฉานอยู่ด้วยกัน


    อย่าหลงเชื่อใน ความรู้สึกรัก ซึ่งไม่แน่นอน
    อารมณ์รักก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ จิตที่เกิดอุปาทาน
    เหมือนการติดบุหรี่ เล่นการพนัน ติดยาเสพติด


    ที่เกิดจากอุปาทานยึดมั่นถือมั่นของจิต
    การหลงรักในสิ่งที่คนทั่วไปไม่รัก ก็มีมาก
    จึงทำให้ชีวิตมนุษย์เรานั้นสับสนวุ่นวายอยู่ในทุกวันนี้



    เมื่อเรารู้ว่าอารมณ์รักเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
    เราจึงไม่ควรใช้ อารมณ์รัก เพียงอย่างเดียว
    มาเป็น ข้อตัดสินใจในการเลือกชีวิตคู่


    พระพุทธเจ้าทรงให้หลักในการพิจารณา ไว้ว่า
    ชีวิตคู่ที่จะมีความสุขร่วมกันได้ดี
    ควรมี คุณธรรม เสมอกัน ๔ ประการ คือ


    [​IMG] ศรัทธา ความเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีงาม

    [​IMG] ศีล ความประพฤติดีทางกาย และวาจา

    [​IMG] จาคะ ความเสียสละ รู้จักแบ่งปัน

    [​IMG] ปัญญา ความรู้ว่าสิ่งใดดีหรือชั่ว



    อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงเป็นเรื่องยากที่จะได้คู่ครอง
    ที่มีความคิดจิตใจเหมือนกันกับเรา หลวงพ่อชา เคย
    เปรียบชีวิตคู่ไว้ว่า เหมือนเอาไม้สองท่อนมามัดไว้ด้วยกัน


    ถ้าไม้ท่อนเดียวกันเอามือจับปลายสองข้างจะดึงจะโค้งงอ
    อย่างไร มันก็ทนกว่าไม้สองท่อนที่จับเอามามัดกันไว้
    เมื่อเราจับงอหรือดึงไปคนละทาง
    มันง่ายอยู่แล้วที่จะหลุดออกจากกัน


    ดังนั้น เมื่อคนสองคนมาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องรักกัน
    สามัคคีกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
    เพื่อเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างคนต่างต้องแก้ไข
    ปรับตัวเองเพื่อเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ต้องรู้จักอดทน
    เมื่อเกิดไม่พอใจ ไม่ถูกใจ ต้องละทิฏฐิมานะ
    ความเห็นแก่ตัว พยายามปล่อยวาง และให้อภัยต่อกัน


    เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติธรรม แบบอุกฤษฏ์
    ต้องช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
    เพื่อที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้
    และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นสุข สบายใจ




    ที่มา...สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา
    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

    วัดป่าสุนันทวนาราม
    บ้านท่าเตียน ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

    โพสต์โดยคุณ TU อ่านฉบับเต็มได้ที่...

    viewtopic.php?p=192894&thanks=192894&to_id=3#p192894


    จิตนิ่งหรือไม่
     
  11. sgranger

    sgranger สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +9
    เห็นด้วยเรยครับ ไปซื้อของแบบนั้นไร้สาระ เอาเงิน 2500 ไปทำบุญ ทำทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา หรือไม่ ก็ไปสร้างหนังสือสวดมนต์ถวายวัดซะดีกว่า ฆาราวาสก็คือฆาราวาสอยู่วันยังค่ำ ถึงจะบอกตัวเองรักษาศีลบริสุทธิยังไง ฆาราวาสทุกคนก็ยังต้องมีกิเลสอยู่ 3 เหรียญ 2500 ถ้าของเหล่านั้นมันดีกันจริงๆๆ ทำไมไม่แจก หรือทำบุญตามกำลังศรัทธา มาโฆษณากันอยู่ได้ ถึงแม้เหรียญจะเป็นองค์พระจริง แต่ราคา สำหรับ บางคนหรือใครหลายๆๆ คน มันก็ยังแพงอยู่ เงินสมัยนี้มันหายากนะครับท่าน
     
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อย่ายึดที่เพศฆราวาส หรือ การเป็นสมมติสงฆ์
    ให้ดูที่การกระทำของผู้นั้นต่างหาก

    เพราะแม้แต่ผู้ที่เป็นฆราวาส หากผู้นั้นเป็นโสดาบัน หรือ สกิทาคามี หรือ อนาคามี พระพุทธเจ้าจัดว่าบุคคลเหล่านี้เป็น "พระ"
    แต่ผู้ที่บวชเข้ามาในพุทธศาสนา หากยังไม่ได้อริยทรัพย์แล้ว ยังจัดว่าเป็น "สมมติสงฆ์"
     
  13. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    เค้าอาจจะเป็นคู่สามีภรรยาที่เคยสาบานว่าจะรักกันทุกภพทุกชาติ พอตายอีกฝ่ายเกิดไม่พร้อมกัน ส่วนอีกฝ่ายพ้นจากนรกแล้วก็อาจจะไม่มีที่ไปจึงได้นึกถึงคำสัญญาที่อีกฝ่ายเคยสัญญาไว้เลยกลับมาหา อย่าไปทำร้ายเค้าเลยนะสงสารเค้า เค้าทุกข์มาเยอะแล้ว ลองใช้เมตตาคุยกับเค้าดีดีก่อนนะอิอิ
     
  14. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,744
    ค่าพลัง:
    +2,105
    "เราต้องมีความกล้าปราศจากความกลัวหรือเปล่า?ครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2012
  15. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ที่บ้าน

    คือว่าที่บ้านซื้อไว้ไม่มีคนอยู่เป็นปีแล้ว ตอนซื้อเจ้าของเก่าเขามีศาลนอกบ้านคือศาลพระภูมิ เจ้าที่ และอีกหนึ่งศาลเหมือนศาลพระภูมิแต่ตั้งห่างจากศาลพระภูมิอยู่สักหน่อย ไม่รู้ว่าศาลอะไรเลยเอาออกจากบ้านไปไว้ที่อื่นแล้ว และในบ้านก็มีศาลจีนที่เขาวางที่พื้น เราไม่นับถือทางนี้เลยให้คนเอาออกไปแล้ว แล้วคนที่อยู่บ้านตรงข้ามเขาเห็นบ้านเราประตูเปิดเองในตอนกลางคืน ทั้งๆที่ล็อคกลอนไว้อย่างดี พอเช้าเขาก็แปลกใจเพราะสภาพประตูและบ้านไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่รู้ว่าพอบ้านไม่มีคนอยู่แล้วจะมีอย่างอื่นไปอยู่จริงๆหรือเปล่า มันเลยทำให้เรารู้สึกกลัวๆไม่กล้าจะไปอยู่เลย
     
  16. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    .....................................................อิอิ สยอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2012
  17. sgranger

    sgranger สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +9
    ผมเห็นด้วยกับพี่ อินทรบุตร นะครับผมไม่เถียงพี่ครับ ที่พี่พูดมามีเหตุผลทุกอย่าง อย่างว่าแหละ ผมอาจจะอคติ กับบุคคลนี้ก็เปนได้ แต่บุคคลท่านนี้ ก็คงยังไม่ได้เป็นที่พี่พูดสักอย่างนะครับในมุมมองของผม พระอาจารย์แถวบ้านผมนี่ เคยพูดกับผมไว้นะครับว่า ของดี เขามีไว้แจกไม่ได้มีไว้ขาย หรือตามกำลังศรัทธาของตัวเรา และยังเคยบอกไว้ตอนผมเอาตะกั่วไปให้ท่านจาร ว่า ท่านไม่ใช่คนวิเศษอะไร ไม่เห็นต้องมาให้ท่านจารเรย ผมยังไม่เห็นท่านต้องโม้เรยว่า วัตถุมงคลท่านดียังงั้นอย่างงี้เรยครับผม
    อีกอย่างครับพี่ วัตถุมงคลบางอย่างมันอยู่ใน เซเว่น ผมว่ามันไม่เหมาะสมมั้งครับ ที่ผมพูดมานี่คือมุมมองของผมครับ
     
  18. Akelaowoo

    Akelaowoo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    ผีมานอนด้วย

    ผมว่าเรื่องผีๆนี่ต้องลองหาประวัติที่พักดูก่อนครับว่าที่เราอยู่ก่อนหน้านี้มีคนตายหรือเปล่าครับถ้าตายโหงให้หาท้าวเวสสุวรรณ เจ้าคุณสนธิ์ วัดสุทัศน์อย่างเดียวมาบูชาครับ
     
  19. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เสียดายเป็นผีผู้ชาย ถ้าเป็นผีผู้หญิงเดี๋ยวผมจัดหนักให้ รับรองไม่กล้าโผ่ลมาอีกเลย 5555
     
  20. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    เห็นด้วยกับความเห็นคุณกึกก้องมากที่สุด ขอให้โชคดีคะ น่ากลัวมากเรื่องแบบนี้ และขอให้คุณสวมพระนอนตลอดของดิฉันห้อยพระอุปคุตคะ แต่ต้องปลุกพระและอาราธนาเวลาสวมทุกครั้งนะคะ
    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจให้มาก ๆนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...