รูปพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 2 พฤษภาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เรียนทุกท่าน
    พวกเราทุกคนยังมีบุญไม่มากพอ ที่จะได้เกิดมาในยุคที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่
    เราจึงไม่เคยเห็นว่าจริงๆพระองค์รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
    อย่างไรก็ตาม มีรูปบางรูปที่คนพยายามบอกว่า นี่คือรูปของพระพุทธเจ้า
    ซึ่งเท่าที่ผมได้รับมาจะมีอยู่ 2 รูป
    รูปแรกที่เป็นรูปขาวดำ ที่ระบุว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าตอนอายุ 41 พรรษา
    วาดโดยอัตรสาวกพระองค์หนึ่ง และถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่ลอนดอน
    และบอกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของชาวพุทธทั่วโลก คำถามคือ เป็นรูปพระองค์จริงหรือเปล่า

    [​IMG]

    รูปนี้หากเราพิจารณาโดยไม่ต้องมีความรู้อะไรมากก็จะเห็นว่า
    ในรูปนี้ใส่ตุ้มหู และมีหนวดเครา
    แค่นี้ก็คงตอบคำถามอะไรได้หลายอย่างมากแล้ว
    ว่าเป็นไปได้แค่ไหนที่พระพุทธเจ้าจะทำแบบนั้น

    อย่างที่สองก็คือ หากจะสรุปโดยคร่าวๆว่าพระพุทธเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร
    ก็ต้องตอบว่าพระพุทธเจ้าหน้าตาดี ดีมากพอที่จะทำให้คนลุ่มหลงได้
    เพราะในพระไตรปิกมีการกล่าวถึงผู้ที่ลุ่มหลงในความสง่างามของพระพุทธเจ้า
    และในพระไตรปิฎกก็มีการกล่าวเรื่องความสง่างาม ที่มีมากจนใครเห็นก็ศรัทธา
    ลองดูรูปนี้ก็คงได้คำตอบว่าดูดีหรือเปล่า

    อย่างที่สามก็คือ พระพุทธเจ้าจะมีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ(พระไตรปิฎกเล่มที่ 11 ข้อ130)
    ซึ่งจะมีดวงตาดำสนิท และมีดวงตาแจ่มใสดั่งลูกโคที่พึ่งคลอด
    (ดูในรูปนี้แล้วคงไม่น่าจะใกล้เคียง)
    และพระพุทธเจ้าเวลามอง จะมองตรง มองทั้งตัว จะไม่ใช้หางตามอง ดังในพระไตรปิฎกเล่มที่ 13 ข้อ 589 ได้กล่าวไว้ว่า

    "เมื่อทอดพระเนตร ทรงทอดพระเนตรด้วยพระกายทั้งหมด ไม่ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน ไม่ทรงทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ เสด็จดำเนินไม่ทรงเหลียวแล ทรงทอดพระเนตรประมาณชั่วแอก"
    สรุปว่ารูปนี้ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าจริงๆ เพราะแทบไม่มีอะไรสอดคล้องกับลักษณะของพระพุทธเจ้า ตามที่มีในพระไตรปิฎกเลย
    รูปที่สอง เป็นรูปสี และเป็นรูปยอดนิยม ที่มีคนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าจริงๆ
    หากดูในด้านความสง่างาม และภาพโดยรวม ก็ถือได้ว่ามีแนวโน้มจะเป็นไปได้

    [​IMG]

    แต่ว่าลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการนั้น ละเอียดมากจนเราไม่สามารถสรุปจากรูปลักษณ์ภายนอกได้
    เช่น ใน 1รูขุมขนจะมีขนเพียงเส้นเดียว ลายพื้นเท้าของพระองค์จะเป็นรูปกงจักร และมีลายดุจตาข่าย
    ผิวของพระองค์จะดีดั่งทอง และฝุ่นจะไม่ติดกาย มีฟัน 40 ซี่ที่เสมอเรียบไม่ห่าง ฯลฯ
    และที่สำคัญที่สุด ในพระไตรปิฎกจะมีคนจำนวนมาก ที่ได้ทราบเรื่องลักษณะมหาบุรุษจากคำภีร์ที่บันทึกเอาไว้ เมื่อมาพบพระพุทธเจ้า แล้วได้พยายามสำรวจทุกอย่าง อย่างละเอียด ก็สามารถสำรวจได้เพียง 30 ประการเท่านั้น เพราะมีอีก 2 อย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้(หากพระองค์ไม่ทำให้เห็น)
    นั่นคือ พระคุยหะ(อวัยวะในที่ลับ) จะอยู่ในฝัก และพระชิวหา(ลิ้น) จะอ่อนและยาวมากพอที่จะแลบออกมาแผ่ปิดใบหน้าได้
    ซึ่งผู้ที่มีบุญและได้ทราบลักษณะมหาบุรุษ แล้วยังสงสัยในอีก 2 ประการนี้ พระองค์ก็จะแสดงอิทธิฤทธิ์ ให้คนนั้นได้เห็นอีก 2 ประการนี้ จนเชื่อมั่นว่าพระองค์คือพระพุทธเจ้า แล้วก็บวชแล้วก็บรรลุอรหันต์
    กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปที่สองนี้ ก็ยังมีหลักฐานไม่มากพอที่จะสรุปว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่ดี
    จริงๆแล้ว หากเราใช้หลักกาลามสูตร ในการพิจารณาเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิต(หนังสือ ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้วหน้าที่ 11) ก็จะทำให้เราเป็นคนไม่พลาดพลั้งไปเชื่อในเรื่องที่ไม่จริง ไม่มีเหตุผล
    จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือ พระองค์ตรัสรู้อะไร
    เพราะสิ่งที่จำเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามากที่สุดก็คือ ธรรมะที่จะนำมาพัฒนาชีวิต จนมีชีวิตที่ดีขึ้น ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้บางคนที่ต้องการหลุดพ้นสามารถนิพพานได้
    ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวเอาไว้ว่า ผู้ที่เกาะชาวจีวรของพระองค์ แต่ไม่ปฏิบัติตามธรรม ก็ไม่ถือว่าใกล้ชิดพระองค์
    แต่ผู้ใดที่ปฏิบัติตามธรรม แม้จะอยู่ในป่าหรืออยู่ห่างไกล ก็ถือว่าอยู่ใกล้พระองค์
    หากวันนี้ใครที่ยังไม่มีศีล 5 การถือศีล 5 ให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้น
    หากใครยังไม่มีโอกาสถือศีลอุโบสถ การหาโอกาสทำให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้นไปอีก
    หากใครยังไม่มีโอกาสบวชสัก 1-3 เดือน การหาโอกาสทำให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้นไปอีก
    และเมื่อใดก็ตาม ที่เราได้นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้อย่างจริงจัง ก็จะเข้าใจเองว่าทำไมเรื่องที่ว่าพระองค์มีหน้าตาอย่างไรจึงไม่สำคัญ
    เพราะพระองค์ได้พูดว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"

    ด้วยความนับถือ

    ณัฐพบธรรม
    ผู้เขียนหนังสือ "ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้ว"
    (เมื่ออ่านจบแล้วจะอุทานเหมือนชื่อหนังสือ)

    ������ ������䫵� ���ҧ���� ���ҧ����䫵� ����䫵��������ٻ �����������ٻ �͡Ẻ���� �͡Ẻ����䫵� ���¹����䫵� ���ҧ��线�� ��线�� �������Ѻ���������٧�ش㹻��������

    ที่มา �ʹ���� > �ٻ��оط����� [Engine by iGetWeb.com]
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๓
    มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
    [๕๘๙] อุตตรมาณพตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กิตติศัพท์ของท่านพระโคดมพระองค์นั้น
    ขจรไปแล้วเป็นจริงอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น และท่านพระโคดมพระองค์นั้นเป็นเช่นนั้นจริง
    ไม่เป็นอย่างอื่น ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านพระโคดมพระองค์นั้น ทรงประกอบด้วยมหาปุริส
    ลักษณะ ๓๒ ประการ คือ ๑. ท่านพระโคดมพระองค์นั้นมีพระบาทประดิษฐ์ฐานอยู่ด้วยดี แม้
    ข้อนี้ก็เป็นมหาปุริสลักษณะแห่งมหาบุรุษ ของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ๒. มีลายจักร อันมี
    ซี่กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง เกิดภายใต้ฝ่าพระบาททั้งสอง
    ๓. ทรงมีพระส้นยาว ๔. ทรงมีพระองคุลียาว ๕. ทรงมีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม ๖. ทรง
    มีพระหัตถ์และฝ่าพระบาทเป็นลายตาข่าย ๗. ทรงมีพระบาทสูงนูน ๘. ทรงมีพระชงฆ์เรียวดัง
    แข้งเนื้อทราย ๙. ทรงประทับยืนตรง ไม่ค้อมลง ฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบคลำพระชานุมณฑล
    ทั้งสองได้ ๑๐. ทรงมีพระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก ๑๑. ทรงมีพระฉวีวรรณดังทองคำ ๑๒. ทรง
    มีพระฉวีละเอียดดังผิวทองคำ เพราะทรงมีพระฉวีละเอียดฝุ่นละอองไม่ติดพระกาย ๑๓. ทรงมี
    พระโลมาขุมละเส้น ๑๔. ทรงมีพระโลมาปรายงอนขึ้นเบื้องบนทุกเส้น สีเขียวดังดอกอัญชัน
    ขดเป็นมณฑลทักษิณาวัฏ ๑๕. ทรงมีพระกายตรงดังกายพรหม ๑๖. ทรงมีพระกายเต็มในที่ ๗
    แห่ง ๑๗. มีพระกายเต็มดังกึ่งกายเบื้องหน้าแห่งสีหะ ๑๘. ทรงมีพระปฤษฎางค์เต็ม ๑๙. ทรงมี
    ปริมณฑลดังต้นนิโครธ มีพระกายกับวาเท่ากัน ๒๐. ทรงมีพระศอกลมเสมอ ๒๑. ทรงมี
    เส้นประสาทสำหรับรับรสหมดจดดี ๒๒. ทรงมีพระหนุดังคางราชสีห์ ๒๓. ทรงมีพระทนต์
    ๔๐ ซี่ ๒๔. ทรงมีพระทนต์เสมอกัน ๒๕. ทรงมีพระทนต์ไม่ห่าง ๒๖. ทรงมีพระทาฐะอัน
    ขาวงาม ๒๗. ทรงมีพระชิวหาใหญ่ยาว ๒๘. ทรงมีพระสุรเสียงดังเสียงพรหม ๒๙. ทรงมี
    พระเนตรดำสนิท ๓๐. ทรงมีดวงพระเนตรดังตาโค ๓๑. ทรงมีพระอุณาโลมขาวละเอียดอ่อน
    ดังสำลี เกิดระหว่างพระขนง ๓๒. มีพระเศียรกลมเป็นปริมณฑลดังประดับด้วยกรอบพระพักตร์
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านพระโคดมพระองค์นั้นทรงประกอบด้วยมหาปริสลักษณะ ๓๒ ประการ
    นี้แล. และท่านพระโคดมพระองค์นั้น เมื่อจะเสด็จดำเนิน ทรงก้าวพระบาทเบื้องขวาก่อน ไม่
    ทรงยกพระบาทไกลนัก ไม่ทรงวางพระบาทใกล้นัก ไม่เสด็จดำเนินเร็วนัก ไม่เสด็จดำเนินช้านัก
    เสด็จดำเนินพระชานุไม่กระทบพระชานุ ข้อพระบาทไม่กระทบข้อพระบาท ไม่ทรงยกพระอุรุสุง
    ไม่ทรงทอดพระอุรุไปข้างหลัง ไม่ทรงกระแทกพระอุรุ ไม่ทรงส่ายพระอุรุ เมื่อเสด็จดำเนิน
    พระกายส่วนบนไม่หวั่นไหว ไม่เสด็จดำเนินด้วยกำลังพระกาย เมื่อทอดพระเนตร ทรงทอด
    พระเนตรด้วยพระกายทั้งหมด ไม่ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน ไม่ทรงทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ
    เสด็จดำเนินไม่ทรงเหลียวแล ทรงทอดพระเนตรประมาณชั่วแอก ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงมี
    พระญาณทัสสนะอันไม่มีอะไรกั้น. เมื่อเสด็จเข้าสู่ละแวกบ้าน ไม่ทรงยืดพระกาย ไม่ทรงย่อพระกาย
    ไม่ทรงห่อพระกาย ไม่ทรงส่ายพระกาย. เสด็จเข้าประทับนั่งอาสนะไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก ไม่ประทับ
    นั่งเท้าพระหัตถ์ ไม่ทรงพิงพระกายที่อาสนะ. เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงคะนองพระหัตถ์
    ไม่ทรงคะนองพระบาท ไม่ประทับนั่งชันพระชานุ ไม่ประทับนั่งซ้อนพระบาท ไม่ประทับนั่ง
    ยันพระหนุ. เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงครั่นคร้าม ไม่ทรงหวั่นไหว ไม่ทรงขลาด
    ไม่ทรงสะดุ้ง ทรงปราศจากโลมชาติชูชัน ทรงเวียนมาในวิเวก. เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน
    เมื่อทรงรับน้ำล้างบาตร ไม่ทรงชูบาตรขึ้นรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ
    ไม่ทรงแกว่งบาตรรับ ทรงรับน้ำล้างบาตรไม่น้อยนัก ไม่มากนัก. ไม่ทรงล้างบาตรดังขลุกๆ
    ไม่ทรงหมุนบาตรล้าง ไม่ทรงวางบาตรที่พื้น ทรงล้างบนพระหัตถ์ เมื่อทรงล้างพระหัตถ์แล้ว
    ก็เป็นอันทรงล้างบาตรแล้ว เมื่อทรงล้างบาตรแล้ว เป็นอันทรงล้างพระหัตถ์แล้ว. ทรงเทน้ำ
    ล้างบาตรไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก และทรงเทไม่ให้น้ำกระเซ็น. เมื่อทรงรับข้าวสุก ไม่ทรงชูบาตร
    ขึ้นรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ทรงแกว่งบาตรรับ ทรงรับข้าวสุก
    ไม่น้อยนัก ไม่มากนัก. ทรงรับกับข้าวเสวยอาหารพอประมาณกับข้าว ไม่ทรงน้อมคำข้าวให้เกิน
    กว่ากับ. ทรงเคี้ยวคำข้าวในพระโอฐสองสามครั้งแล้วทรงกลืน. เยื่อข้าวสุกยังไม่ระคนกันดี
    เล็กน้อย ย่อมไม่เข้าสู่พระกาย. ไม่มีเยื่อข้าวสุกสักนิดหน่อยเหลืออยู่ในพระโอฐ. ทรงน้อมคำข้า
    เข้าไปแต่กึ่งหนึ่ง. ทรงทราบรสได้อย่างดีเสวยอาหาร แต่ไม่ทรงทราบด้วยดีด้วยอำนาจความกำหนัด
    ในรส. เสวยอาหารประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ ไม่เสวยเพื่อเล่น ๑ ไม่เสวยเพื่อมัวเมา ๑
    ไม่เสวยเพื่อประดับ ๑ ไม่เสวยเพื่อตกแต่ง ๑ เสวยเพียงเพื่อดำรงพระกายนี้ไว้ ๑ เพื่อยังพระ
    ชนมชีพให้เป็นไป ๑ เพื่อป้องกันความลำบาก ๑ เพื่อทรงอนุเคราะห์พรหมจรรย์ ๑ ด้วยทรงพระ
    ดำริว่า เพียงเท่านี้ก็จักกำจัดเวทนาเก่าได้ จักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ร่างกายของเราจักเป็นไป
    สะดวก จักไม่มีโทษ และจักมีความอยู่สำราญ. เมื่อเสวยภัตตาหารเสร็จแล้ว เมื่อจะทรงรับน้ำ
    ล้างบาตร ไม่ทรงชูบาตรขึ้นรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ทรงแกว่ง
    บาตรรับ. ทรงรับน้ำล้างบาตรไม่น้อยนัก ไม่มากนัก. ไม่ทรงล้างบาตรดังขลุกๆ ไม่ทรงหมุน
    บาตรล้าง ไม่ทรงวางบาตรที่พื้น ทรงล้างบนพระหัตถ์. เมื่อทรงล้างพระหัตถ์แล้ว ก็เป็นอัน
    ทรงล้างบาตรแล้ว เมื่อทรงล้างบาตรแล้ว ก็เป็นอันล้างพระหัตถ์แล้ว. ทรงเทน้ำล้างบาตรไม่ไกล
    นัก ไม่ใกล้นัก และทรงเทไม่ให้น้ำกระเซ็น. เมื่อเสวยภัตตาหารเสร็จแล้ว ไม่ทรงวางบาตรที่พื้น
    ทรงวางในที่ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก จะไม่ทรงต้องการบาตรก็หามิได้ แต่ก็ไม่ตามรักษาบาตรจน
    เกินไป. เมื่อเสวยเสร็จแล้ว ประทับนิ่งเฉยอยู่ครู่หนึ่ง. แต่ไม่ทรงยังเวลาแห่งการอนุโมทนา
    ให้ล่วงไป. เสวยเสร็จแล้วก็ทรงอนุโมทนา ไม่ทรงติเตียนภัตนั้น ไม่ทรงหวังภัตอื่น. ทรงชี้แจง
    ให้บริษัทนั้นเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา. ครั้นแล้วทรงลุก
    จากอาสนะเสด็จไป. ไม่เสด็จเร็วนัก ไม่เสด็จช้านัก ไม่ผลุนผลันเสด็จไป. ไม่ทรงจีวรสูงเกินไป
    ไม่ทรงจีวรต่ำเกินไป ไม่ทรงจีวรแน่นติดพระกาย ไม่ทรงจีวรกระจุยกระจายจากพระกาย. ทรงจีวร
    ไม่ให้ลมพัดแหวกได้. ฝุ่นละอองไม่ติดพระกาย. เสด็จถึงพระอารามแล้วประทับนั่ง ครั้นประทับ
    นั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ถวายแล้ว จึงทรงล้างพระบาท. ไม่ทรงประกอบการประดับพระบาท. ทรง
    ล้างพระบาทแล้วประทับนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งพระกายตรง ดำรงพระสติไว้เบื้องพระพักตร์. ไม่ทรงดำริ
    เพื่อเบียดเบียนพระองค์เอง ไม่ทรงดำริเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทรงดำริเพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝ่าย
    ประทับนั่ง ทรงดำริแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่พระองค์ สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น สิ่งที่เป็น
    ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่โลกทั้งปวง. เมื่อประทับอยู่ในพระอาราม ทรง
    แสดงธรรมในบริษัท ไม่ทรงยอบริษัท ไม่ทรงรุกรานบริษัท ทรงชี้แจงให้บริษัทเห็นแจ้ง ให้
    สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมีกถา. ทรงมีพระสุรเสียงอันก้องเปล่งออกจากพระโอฐ
    ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สละสลวย ๑ รู้ได้ชัดเจน ๑ ไพเราะ ๑ ฟังง่าย ๑ กลมกล่อม ๑
    ไม่พร่า ๑ พระสุรเสียงลึก ๑ มีกังวาล ๑. บริษัทจะอย่างไร ก็ทรงให้เข้าใจด้วยพระสุรเสียงได้
    พระสุรเสียงมิได้ก้องออกนอกบริษัท. ชนทั้งหลายที่ท่านพระโคดมทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้
    สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมีกถาเมื่อลุกจากที่นั่งไป ยังเหลียวดูโดยไม่อยากจะละไป
    ต่างรำพึงว่า เราได้เห็นท่านพระโคดมพระองค์นั้นเสด็จดำเนิน ประทับยืน เสด็จเข้าละแวกบ้าน
    ประทับนั่งนิ่งในละแวกบ้าน กำลังเสวยภัตตาหารในละแวกบ้าน เสวยเสร็จแล้วประทับนั่งนิ่ง
    เสวยเสร็จแล้วทรงอนุโมทนา เมื่อเสด็จกลับมายังพระอาราม เมื่อเสด็จถึงพระอารามแล้วประทับ
    นั่งนิ่งอยู่ เมื่อประทับอยู่ในพระอาราม กำลังทรงแสดงธรรมในบริษัท ท่านพระโคดมพระองค์
    นั้นทรงพระคุณเช่นนี้ๆ และทรงพระคุณยิ่งกว่าที่กล่าวแล้วนั้น.
     
  3. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ไม่ใช่รูปพระพุทธองค์ 100% ครับ

    ต่อให้ยกพระธรรมใดมาอ้าง ยังไงก็ไม่ใช่ รูปพระพุทธองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2012
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    แต่ว่าลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการนั้น ละเอียดมากจนเราไม่สามารถสรุปจากรูปลักษณ์ภายนอกได้
    เช่น ใน 1รูขุมขนจะมีขนเพียงเส้นเดียว ลายพื้นเท้าของพระองค์จะเป็นรูปกงจักร และมีลายดุจตาข่าย
    ผิวของพระองค์จะดีดั่งทอง และฝุ่นจะไม่ติดกาย มีฟัน 40 ซี่ที่เสมอเรียบไม่ห่าง ฯลฯ
    และที่สำคัญที่สุด ในพระไตรปิฎกจะมีคนจำนวนมาก ที่ได้ทราบเรื่องลักษณะมหาบุรุษจากคำภีร์ที่บันทึกเอาไว้ เมื่อมาพบพระพุทธเจ้า แล้วได้พยายามสำรวจทุกอย่าง อย่างละเอียด ก็สามารถสำรวจได้เพียง 30 ประการเท่านั้น เพราะมีอีก 2 อย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้(หากพระองค์ไม่ทำให้เห็น)
    นั่นคือ พระคุยหะ(อวัยวะในที่ลับ) จะอยู่ในฝัก และพระชิวหา(ลิ้น) จะอ่อนและยาวมากพอที่จะแลบออกมาแผ่ปิดใบหน้าได้
    ซึ่งผู้ที่มีบุญและได้ทราบลักษณะมหาบุรุษ แล้วยังสงสัยในอีก 2 ประการนี้ พระองค์ก็จะแสดงอิทธิฤทธิ์ ให้คนนั้นได้เห็นอีก 2 ประการนี้ จนเชื่อมั่นว่าพระองค์คือพระพุทธเจ้า แล้วก็บวชแล้วก็บรรลุอรหันต์
    กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปที่สองนี้ ก็ยังมีหลักฐานไม่มากพอที่จะสรุปว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่ดี

    อ่านก่อนแล้วค่อยวิจารณ์ก็ได้ครับ ผมไม่ได้ยกพระธรรมมาอ้าง และผมก็ไม่ได้บอกว่ารูป ๒ รูปนี้เป็นรูปพระพุทธเจ้านะครับ
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ศึกษาฉบับเต็มได้ที่ พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๓ "พรหมายุสูตร" พระสูตรนี้เริ่มต้นด้วยคำว่า "ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้" พิจารณาได้ว่าไม่ใช่คำของพระพุทธเจ้าครับ
     
  6. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ต่อให้เกาะชายผ้าเหลืองอยู่ ถ้าไม่เห็นธรรม ก็ไม่เห็นพระพุทธองค์......รูปจะใช่ มิใช่ แล้วไง.
     
  7. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ผมว่า ไม่ใช่ทั้งสองรูปภาพ....พุทธเจ้าปริพนิพพานไปตั้ง2600ปี ไม่มีทาง...
    หรือมีพระสำเร็จอรหันต์ ย้อนญานอดีตได้วาด...ก็ไม่ใช่ เพราะถ้าสำเร็จจริงก็จะไม่วาด...เพราะถ้าวาดจะไม่สำเร็จ...
    ..อีกอย่าง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตนั้น...
    ...ผมวิเคราะห์จากข้อเขียนอาจารย์มหาบัว ว่า เวลาพระอาจารย์มั่น สำเร็จเป็นพระอรหันต์นั้น ทั้งสามโลกสะเทือนรับรู้กันหมด ต่างมาอนุโมทนา...
    ..รวมทั้ง"พระพุทธเจ้า"ก็มาในรูปลักษณ์สมมุติ ตอนเป็นมนุษย์"
    ...นี่จึงตีความได้ว่า องค์ใดสำเร็จอรหันต์ได้เจอพระพุทธเจ้าแน่นอนในร่างสมมุติ..
    ...เพราะผู้เห็นธรรม ต้องเป็นพระอริยะได้ถึงอรหันต์เท่านั้น จึงจะเห็นพระพุทธเจ้า...
    ...นี่สมัยนั้น ถ้าอยากรู้ เรียนถามพระอาจารย์มั่นฯก็จะรู้รูปร่างหน้าตาพุทธองค์ ถ้าท่านเมตตาบอกนะ...เฮ้อ...
     
  8. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    รูปแรกไม่หล่อเอาเสียเลย
    รูปที่สอง ก็ทำท่าแปลกๆ คิ้วก็ไม่โกน
     
  9. darkphantom

    darkphantom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +145
    รูปนี้เคนได้ยินว่าบางคนว่าเป็นเจงกีสข่าน บางคนว่าท่านตั๊กม๊อ ถ้าเป็นสองท่านนี้ผมว่าเข้าเค้ากว่านะ เพราะดูออกไปทางจีน
     
  10. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    [​IMG]
    เอารูปโจร รูปชาวบ้านที่ไหนมาอ้างเนี่ย ยังกับพวกชาวจีน ชาวมองโกล
    ถ้าบอกว่าเป็นรูปเจงกิสข่าน ยังพอน่าเชื่อ
     
  11. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    []...หลวงพ่อสด ท่านสอน ว่า...

    เพราะเราท่านทั้งหลาย...ทุกข์ทั่วหน้า
    อยากหาที่พึ่งกันนัก...ที่ว่าไม่รู้ที่พึ่งจริง อยู่ที่ไหน?
    ที่พึ่งจริงนี่แหละ...เป็นตัวสำคัญนัก
    เข้าใจว่า...เงินเป็นที่พึ่ง, ทองเป็นที่พึ่ง
    หาเงินหาทองไปแล้ว...ก็ตาย ไม่เห็นติดตัวไปสักนิดเดียว
    หาเงินหาทองได้แล้ว...ไม่ติดตัวไปเลย

    นี่เข้าใจว่า...เงินทองเป็นที่พึ่งแล้วนะ

    บางพวกคิดไปอีกว่า...เป็นตายก็ได้ภรรยาสักคนเถิด, จะได้พึ่งพาอาศัยกันและกัน
    เอ้า...พอได้ภรรยาแล้ว, ได้ลูกอีกคนเถิด จะได้พึ่งพาอาศัยลูกต่อไป

    ผู้หญิงก็เช่นกัน...ได้สามีสักคนเถิด, จะได้พึ่งสามีต่อไป
    พอได้สามีแล้ว...ได้ลูกสักคน, สองคนเถิด จะได้พึ่งลูกต่อไป

    แล้วลงท้ายเป็นอย่างไรบ้าง?
    ถามท่านยาย, ท่านตา ดูบ้างซิ
    ท่านก็รู้ว่า...เหลวทั้งนั้น

    ไม่ใช่ที่พึ่งจริงอะไรสักอย่าง, ที่พึ่งเหลวไหลทั้งนั้น
    เหตุนี้แหละ...ที่พึงแน่แท้แน่นอนทีเดียวนั้น...ที่พึ่งอื่นไม่ได้

    พึ่งอื่น, พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับสั่งเลย

    รับสั่งว่า...

    พึ่งตัวของตัวนี่แหละ ฯ
    -------------------------------------

    สัตว์โลกที่ติดอาลัย ก็เหมือนอย่างกับนกกระเรียน ติดเปือกตมอย่างนี้แหละ
    ถอนไม่ได้, ถอนก็ติดโน่นติดนี่, ติดทางนั้น ติดทางนี้
    ก่อนเราเกิด, เขาก็ติดกันอยู่อย่างนี้แหละ
    เมื่อเราเกิดมา ก็ติดอยู่อย่างนี้แหละ
    ติดอยู่เหมือนกันทั้งนั้น

    ก็เมื่อนี้ เป็นของเราเมื่อไรเล่า
    ตัวก็ไม่ใช่ของเรา, อ้ายลูกก็ไม่ใช่ของเรา,
    อ้ายผัวก็ไม่ใช่ของเรา, เมียก็ไม่ใช่ของเราเหมือนกัน
    อ้ายหลานว่านเครือ ก้ไม่ใช่ของเรา, เงินทองข้าวของ ก็ไม่ใช่ของเรา,ไม่ใช่ทั้งนั้น

    เขาสำหรับภพสามของเขา
    เราก็มาในภาพสาม ก็ใช้ของภพสามไป
    ร่างกายมนุษย์ ก็ใช้ของภพสามเขาฯ...

    สาธุ
     
  12. Dear_Jung

    Dear_Jung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +143
    ใส่ต่างหูหรอ น่าเชื่อมาก
     
  13. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711
    ใบหน้าท่านจริงๆ

    เชื่อว่า เหนือความคาดหมายใดๆ
     
  14. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    เอางี้ดีกว่า...ทำไปถึงมีคำว่า "พระสูตร" ของพระสาวกองค์นั้นองค์นี้ ??
     
  15. ลูกหลวงปู่

    ลูกหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +182
    เคยอ่่านเจอครั้งหนึ่งนะ ว่าเป็นรูปท่าน ตั๊กม้อ
     
  16. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ทำด้วยตัวเองให้ถึงจริงๆ จะพบท่านเองครับ ไม่เหมือนทั้งสองรูป รูปหลังคล้าย แต่ไม่ใช่ รูปแรกหลุดโลกไปเลย เข้าข่าย เชื่อเพราะเชื่อต่อๆกันมา บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ว่างดงามขนาดไหน ทำกันเอาเองเถอะ
     
  17. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดแล้ว "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
     
  18. ตายแน่!

    ตายแน่! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +509
    ไม่ใช่อย่างไม่ต้องสงสัย
     
  19. SunZa

    SunZa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมคิดว่าการที่พุทธองค์ ทรงระบุไว้นั้น ในความเป็นจริงจะเกิดขึ้นได้มันมีโอกาศน้อย^1000000000000000 หรือ ไม่มีเลยก็ได้(ในโลกนี้)
    เพราะ ถ้าพุทธองค์ไม่ระบุไว้นั้น คงมีคนที่จะมาแอบอ้างว่าตนเป็น พระพุทธเจ้า องค์ใหม่ และอาจเปลี่ยนแปลงคำสอนของพุทธองค์ ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมศรัทธาได้ไว้ขึ้นก็ได้ครับ
    อันนี้จากความคิดส่วนตัวนะครับ ^_^
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ผมเห็นด้วยครับ..พูดเรื่องรูปสุ่มเสี่ยงเปล่าๆ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...