จาริกแสวงบุญที่ ภูเขาควาย ครั้งแรกกับภาพถ้ำที่หลวงปู่มั่นเคยมานั่งภาวนา

มีรูปแปลกมาฝากตอนเด็กๆแเวลาที่เรางอแงแม่มักจะขุ่ว่าถ้าไม่หยุดร้องระวังงูเขียวจะมากินตับ เจ้างูเขียวตัวนี้ พยายยามจะรัดตุ๊กแก อยู่หน้ากุฏิแต่สุดท้าย ก็โดนตุ๊กแกเล่นงาน0osoucm[w,jmyo ครูบาบุญชุ่มเลยมอบรางวัลเป็นกระบี่ พิชิตมาร ตุ๊กแกตัวนี้มันไม่ค่อยกลัวคนครับ อาศัยอยู่บนหลังคากุฏิ

 

เจ้างูเขียวตัวเดิมครับ แต่วันนี้มันกะจะงับคางคกคงคิดว่าเป็นกบ โดย มีผู้ชมคอยลุ้น

อยู่ข้างๆ เจอคางคกปล่อยยางพิษ เล้ยหนีแทบไม่ทัน ดูดูไปก็น่าสงสารมันน่ะrabbit_run_away

 

อนุโมทนาในบุญด้วยครับ และขอขอบคุณสำหรับรูปและเรื่องราวที่หาอ่านยากยิ่ง

 

กราบอนุโมทนาบุญด้วยทุกอย่างครับผม
​

 

<!-- google_ad_section_end -->

กระทู้นี้ช่างให้ความสุขนัก
น้อมอนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้นะคะ และทุกๆท่านนะคะ

 

น้อมอนุโมทนายิ่งค่ะ สาธุๆๆ

 

ค่ะ ทางอีสานยังมีอยู่บ้าง
อย่างน้อยท่านผู้เฒ่าผู้แก่ตามหมู่บ้านในชนบทค่ะ

 

อ่านเรื่องครูบาโปรด แล้วน้ำตาไหล แค่อ่านบทความไม่กี่ประโยคเองนะเนี่ย ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดแรงๆๆ ได้ไง อยากจะใช้คำว่า "เท่ห์มากๆๆ" อ่านแล้วพอมีกำลังใจให้รับพระสงฆ์เข้ามาไว้ในใจบ้าง เพราะทุกวันนี้ส่วนตัวรับแค่พระพุทธ กับ พระธรรม

ที่ภูควายนี้ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์กันมานานแล้ว ถึงมีแรงมีเงินมีศรัทธาก็คงไปได้ยาก คงต้องบุญถึงจริงๆ

หาก จขกท หรือสมาชิกท่านอื่นจะไปกันอีก รบกวนแจ้งข่าวด้วยนะคะ อยากฝากเงินไปทำบุญด้วย

 

อนุโมทนาในบุญด้วยค่ะ
ขอบคุณที่นำภาพมาให้ได้ชมกัน เณรน้อยท่านน่ารักจริงๆ

 

สาธุ สาธุ ครับ อ่านแล้วเกิดปิติมากมาย ขอบคุณมากๆครับ วันหนึ่งจะไปตามรอยครับ

 

วัดประหลาดอีกวัดหนึ่งครับชือวัด พระบาทด่านเพย เราแวะไปร่วมทำบูญสมทบทุนสร้างเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกากับแม่ชี ต้องยอมรับว่าท่านเก่งจริงๆ ที่หาปัจจัยมาสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ได้ขนาดนี้ ที่วัดนี้จะมีคณะศัทธาเดินทางจากฝั่งไทยมาร่วมทำบุญกับท่านเป็นระยะระยะครับ ขออนุโมธนาด้วยครับ
ที่บอกว่าแปลกก็เพราะวัดนี้ไม่มีพระจำวัดอยู่เลยมีเพียงแม่ชีองค์เดียว ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีพระอยู่ แต่ ที่แปลกก็คือพระมักจะอยู่ไม่ได้บางองค์มาอยู่แค่คืนเดียวไม่รู้ว่าท่านเจออะไรวันรุ่งขึ้นเก็บข้าวของย้ายไปจำอยู่วัดอื่นเลย สาเหตุอาจจะมาจากภูมิที่นี่แรงหรืออาจจะ
เป็นเมืองบังบดหรือเมืองลับแลที่มีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่ ตามตำนานก็ไม่ทราบได้

เสียดายว่าเราไม่มีโอกาศได้นอนพักที่นี่








ผมสังเกตุหน้าพระพักต์ของพระพุทธรูป ไม่รู้จะเจตนาหรือบังเอิญ เหมือนหน้าผู้หญิงจริงๆ

 

อีกสถานที่ หนึ่ง ที่เราเดินทางไปกัน อยุ่ในกลุ่มภูที่สูงที่สุดอีกลูก ของภูเขาควาย การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้รถขึ้นไปและกลุ่มคณะของเราไปได้แค่ 3 คน คัดเอาที่หน้าตาลาวๆโหลๆหน่อยเพื่อไม่ให้ทหารที่ตั้งด่านเป็นระยะๆ สงสัย ครูบาเอกท่านสั่งพวกเรา3 หน่อ ห้ามปริปากเด็ดขาด มีอะไรให้ยิ้มไว้ ขืนพูดมาเขาจับได้ มีหวัง ได้ไปนั่งกินข้าวแดงที่คุกลาวกันหมดทั้งพระทั้งโยม ต้องยอมรับว่าที่นี่เขาเข้มงวดมากๆครับ ขนาดพระสงฆ์ลาวจะขึ้นไปยังหมู่บ้านบนภูยังถามหาใบอณุญาตและถามถึงเหตุผลที่จะขึ้นไปกล้องก็ต้องแอบซ่อนไว้ เพราะไม่ให้นำติดตัวไปถ่ายรูป สาเหตุที่เขาซักไซ้ไร่เรียงไม่ใช่อะไร เพราะ ครูบาบุญชุ่มท่านก็ร่วมเดินทางไปด้วยถึงแม้ท่านจะโอนสัญชาติเป็นชาวลาวแล้วก็ตามแต่หน้าตาท่าน โอนไม่ได้ เป็นว่าสังขารนี่มันเป็นตัวอุปาทานจริงเหมือนครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้ ระยะทางจากวัดพระบาทภูเขาควาย ลัดเลาะขึ้นไปตามทางลูกรังจนถึงหมู่บ้าน ราวๆซัก 20 กมทั้งชัน ทั้งโค้งต้องจอดเป็นระยะๆ กว่าจะถึงที่หมายทั้งโยม พระ แม่ชี หัวแดงไปตามๆกัน

ครึ่งทาง เลย พักถ่ายรูปกัน เพราะเอ็นดูรถ ในกลุ่มซ้ายสุด คือผช ผู้ใหญ่บ้าน เสื้อกั๊กดำคือผู้ใหญ่บ้านนายาง ครูบาเอกผู้ดูแลรักษาการวัดพระบาทภูเขาควาย-ครูบาบุญชุ่ม และแม่ชีอีก2 ท่าน แม่ชี รูป ผอมๆทางขวามือท่านชื่แม่ชีลัดดา คนนี้หลวงปู่คำตันบอกว่าเป็นลูกสาวท่านมาหลายภพแล้ว
แม่ชีลัดดา ท่านเคยเป็นอัมพาดทั้งตัว นานร่วม2 เดือนแต่ วันนี้ เดินขึ้นภูหน้าตาเฉย ทั้งผู้ใหญ่และครูบาเอก กลัวว่าท่านจะน็อกกลางทางขึ้นภู แทบแย่ แต่สุดท้ายเดินไม่ทันท่าน^ ^


ด่านทหารลาว ทางขึ้นหมู่บ้านสังเกตุไม้กั้นจะปิดไว้ตลอด ตรวจรถทุกคันที่ผ่านเข้าออก



เพียงครึ่งทางเองครับ สูงจริงๆ

 

หมู่บ้านแห่งนี้ชื่อ หมู่บ้าน วังเรือ เป็นหมู่บ้านชาวเขา เผ่าม้งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบใกล้ๆยอดภูเขาควายเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรครับ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีวัด ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงนับถือผีอยู่ และบางส่วนก็นับถือศาสนาคริสครับ

จุดมุ่งหมายของเราอยู่ที่ยอดสูงสุดของภู ลานสน ที่พระธุดงค์สมัยก่อนท่านมักจะมาปักกลด ที่ลานต้นสนบนยอดภูและลงมาบิณฑบาต ที่หมู่บ้านแห่งนี้





ลูกบ้านเดียว 8 คน กับหมูป่าคอกเดียว ^ ^ ชาวม้งนิยมมีลูกเยอะๆ เพราะจะได้ช่วยกันทำมาหากิน





ทางขึ้นยอดภูครับ

 

ระหว่างทางเราเจอเจ้าหมา 2 ตัว ตอนแรกผมก็สงสัยมันมาทำอะไรอยู่แถวนี้ ครูบาบอกว่ามันเป็นหมาเฝ้ายามชาวม้ง ทำไมเขาฝึกหมาได้ดีจัง สังเกตุที่เจ้าตัวสีน้ำตาลบนก้อนหินมีตะกล้าใส่ของป่าที่ชาวม้งวางไว้แล้วให้หมาเฝ้า ถ้าเราเข้าไปใกล้ๆมันจะเห่าส่วนเจ้าตัวสีดำที่อยู่ใกล้ๆจะคอยลาดตะเวนอยู่ด้านล่าง





ที่ลาวนี่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโขมย ใครโขมยของที่ลาวนี่แค่กำมือติดคุกหัวโตเลยครับกฎหมายเขาเอาจริงเอาจังมาก แพะที่เห็น ไม่มีคนคอยตามเลี้ยง ตอนเช้าเขาจะปล่อยออกจากคอกแล้วให้มันเดินหากินหญ้าเอาเอง ตกตอนเย็นมันก็จะเดินกลับบ้านเข้าคอกเองครับ มันจำทางและเวลากลับของมันเอง อยากให้บ้านเราเป็นอย่างนี้จัง



เด็กๆชาวม้ง อายุประมาณ 5-7 ขวบ เดินหาของป่า บนยอดภู

 

เดินหอบสังขารกันขึ้นมาจนถึงยอดภู เล่นเอาหยุดพักไปหลายรอบ ในที่สุดก็มาถึงจนได้ถึงจะเป็นหน้าร้อน แต่อากาศบนนี้โปร่ง และเย็นสบาย แต่เสียดายว่ามีควันไฟที่เกิดจากไฟใหม้ป่า ทำให้ที่นี่ดูแห้งแล้งยังใงชอบกล



ลานสน ที่พระธุดงค์ท่านมักจะมาปักกรด ดูในรูปอาจจะไม่ค่อยสวยแต่สถานที่จริงกว้างและเย็นสบายมากครับ

 

หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่า บนภูเขาควายเป็นเขตหวงห้าม แต่ทำไมที่นี่ชาว ม้งถึงสามารถเดินหาของป่าได้ ทุกพื้นที่บนยอดภู นั้นเพราะ ชาวม้งส่วนใหญ่ยังคงนับถือผี พูดง่ายๆก็คือ ชาวม้งกลัวผิดผี มากกว่ากลัวกฎหมายเสียอีก เพราะฉะนั้น ในถ้ำชาวม้งจะไม่ค่อยกล้าเข้าไปหยิบฉวยอะไรออกมา เพราะเข้าใจว่าเป็นของผีเป็นของต้องห้าม ไม่ควรนำเข้าในหมู่บ้านถ้าใครนำเข้ามาจะถูกลงโทษ แม้จะเป็นเขตป่าสงวน ทางรัฐไม่ค่อยกังวลเพราะชาวม้งจะตัดไม้เพียงแค่นำมาสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น ผิดกับชาวลาวลุ่ม หรือชาวลาวที่เป็นคนในเมือง จะตัดมาขายซะเป็นส่วนใหญ่

เพื่อยืนยันว่าตำนานที่เล่าๆสืบต่อกันมาว่าภูเขาควายนั้นมีอาถรรพ์ และ สิ่งเล้นลับจริง นี่เป็นโคลงกระดูกมนุษย์ ที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นของคนที่มาขุดคุ้ยหรือทำพิธีหาแร่ศักสิทธิ์ในถ้ำ และส่วนหนึ่งอาจจะเป็น ผู้ที่มีวิชาอาคมที่มาฝึกจิตแล้วเสียชีวิตที่นี่ ครับ



ที่อยู่ข้างในโพรงกระดูกมนุษย์ทั้งนั้นครับ

 

ที่นำมาเล่าให้เราทั้งหลายได้อ่านกันไม่ใช่ว่าจะให้เรากลัวกันจนไม่กล้าที่ จะไปปฎิบัติธรรมแต่ ตามที่สนทนากับครูบาหลายๆท่านที่เคยไปนั่งภาวนาภายในถ้ำต่างๆที่ภุเขาควาย ท่านบอกว่า จริงๆแล้วที่ภูเขาควายนั้น เป็นสถานที่ศูนย์รวมของภพภูมิต่างๆ ถ้าเจตนาเรามาดี เทวดาที่นี่ท่านก็คุ้มครองเรา แรกๆท่านอาจจะทดสอบเราบ้างแต่ถ้าเราตั้งมั่นในเจตนาที่เรามานั้นดีเทวดาท่าน ก็จะมาอนุโมธนาและคุ้มครองเรา ครับ ท่านบอกว่าทุกวันนี้ยังคงมีผู้ที่มีภูมิธรรมชั้นสูงบดบังกาย ปฏิบัติธรรมอยู่ภายในถ้ำภูเขาควายอยู่ บางท่านก็มาด้วยฤทธิ์ หรือญานทิพย์ เป็นช่วงๆเวลาที่ท่านต้องการเข้าญาณสมาบัติ เป็นเวลานานๆครับ

 

ท่านจขกท โชคดีและมีบุญที่ได้เดินทางไปกในสถานที่ต่างๆแบบนี้
อนุโมทนาสาธุกับการทำกุศลในทริปนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

 

สุดท้ายนี้ขอจบบทความไว้เพียงแค่นี้ ขอบุญกุศลทั้งหลายที่ทุกท่านร่วมอนุโมธนา
จงดลบันดาล ให้ท่านได้สมปรารถนาทุกประการทั้งทางโลกและทางธรม ถ้าท่านใดที่ต้องการทราบรายละเอียด ในการเดินทางหรือ ต้องการติดต่อหรือเบอร์โทร กับทางวัดพระบาทภูเขาควาย ยินดีให้คำแนะนำ ในการเดินทางไปพัก ที่วัดมีที่พักน้ำไฟสดวก แต่อาจจะไม่สบายเท่าไร ทั้งผู้ใหญ่บ้าน และ ชาวบ้านที่มาคอยดูแลวัด และท่านครูบาเอก ท่านใจดีมากครับ ขอบคุณครับ

 

โมทนาสาธุการด้วยครับ หากมีโอกาสคงขอคำแน่ะนำในการเดินทางบ้างนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ