สำนักสงฆ์สายไหมวนาราม เชิญร่วมบุญสร้างองค์ปฐมขนาดแปดศอก

ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ทรงกลดที่คุณแก้วบูรพาบอก เพราะขณะนั้นหลับตาอธิษฐานจิตอยู่ครับ

ร่วมกับญาติมิตรทำบุญสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ที่วัดสายไหมวนารามนี้อีก ๖,๑๐๐ บาท โดยก่อนหน้านี้เคยทำบุญไปแล้ว ๓,๙๐๐ บาท รวมยอดเงินทำบุญ ๑๐,๐๐๐ บาท ครับ

 

update ยอดโอนครับ

28/05/07------32,744------03514A ของคุณ kechay และคณะครับ

รวมยอด 68,612.87 บาทครับ

ยินดีที่ได้ร่วมบุญกันอีกครั้งครับคุณ kechay นับเป็นมหากุศลอย่างยิ่งครับ

สำหรับท่านที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ครับ เพราะยังต้องติดซุ้มเรือนแก้ว หลังจากที่รอให้ปูนแห้งเต็มที่(ปูนจืด) ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือน คงจะต้องรอให้หมดหน้าฝนไปก่อนจึงจะขัดผิวปูนและทาสีทองที่องค์ท่านได้ครับ

 

update ยอดโอนครับ

29/05/07------2,400------12143A
29/05/07------1,000------01649A
30/05/07--------500------01562A

รวมยอด 72,512.87 บาทครับ

 

ภาพบรรยากาศพิธีถวายอุนาโลมและพระเนตรวันที่ 31 พ.ค.50 ครับ

 

มีคนมาร่วมพิธีมากพอสมควรครับ

 

ขณะที่พระอาจารย์สวดมนต์อยู๋ ฝนได้ตกลงมาสักครู่ก็หยุดเหมือนเบื้องบนประทานพรและพรมน้ำมนต์ให้ครับ

 

ตอนนี้ช่างมาทำซุ้มเรือนแก้วแล้วครับ
ผมจะนำภาพมาให้ชมเป็นระยะครับ

 

วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม 8 ศอก 1000 บาทครับ

 

กราบโมทนาบุญกุศลกับคุณ Yellow ด้วยครับ ที่เข้ามาร่วมบุญอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้ เป็นการร่วมสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไปในอนาคตครับ อีก สองพันกว่าปีข้างหน้าพระศาสนายังต้องอยู่จนครบ 5000 ปีเป็นที่สุด

ตามรูปภาพของคุณแก้วบูรพานำมาลง ศรัทธามากมายมาจากไหนบ้างครับเนี่ย หรือว่าคนในพื้นที่แถวนั้นครับ นับเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งที่มีโอกาสมาร่วมสร้างองค์ปฐมกัน เห็นแล้วชื่นใจจริงๆครับ

กราบโมทนาในบุญกุศลกับทุกท่านด้วยตรับ

 

รูปที่คุณณรงค์เห็นนี้ คนมากันจากหลายที่ทั้งในจังหวัดสระแก้ว และข้างเคียงรวมทั้งจากกรุงเทพครับ
ตอนนี้ช่างทำซุ้มเรือนแก้วเสร็จไปกว่าครึ่งแล้วครับ แล้วผมจะนำภาพมาให้ชมครับ

 

ภาพซุ้มเรือนแก้วครับ ตอนนี้ช่างกำลังตกแต่งซุ้มเรือนแก้วครับ

 

อีกมุมหนึ่งครับ

 

update ยอดโอนครับ

30/05/07------1,000------00014A
30/05/07--------500------00014A
30/05/07------1,000------00014A
03/06/07------1,000------00002A
06/06/07--------300------00006A

รวมยอด 76,312.87 บาทครับ
<!-- / message -->






















<!-- / message -->

 

กราบโมทนาในบุบุญกุศลกับทุกท่านด้วยครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาโพสอะไรช่วยคุณ แก้วบูรพา ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโดนภาระทางโลกกระหน่ำอย่างหนัก ต้องทนกับสภาพที่ย่ำแย่อีกสักพัก นานๆจะเจอสักครั้ง โลกมันก็เป็นเช่นนี้<O</O
ทำให้นึกถึงคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม ที่ท่านเทศบนเทวะสภา เมื่อครั้งหลวงพ่อท่านขึ้นไปฟังแล้วนำมาสอนพวกเราต่อ ขออัญเชิญคำสอนของพระองค์ท่านมาลงให้อ่านกันอีกครั้งนะครับ ไหนๆเราก็ได้สร้างองค์ท่านในครั้งนี้แล้วครับ<O</O




คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
" ดูก่อนท่านทั้งหลายท่านที่มาประชุมทั้งหมดจะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดีขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติลืมความเป็นทิพย์เสียอย่าเพลิดเพลินเกินไปอย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลังจงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงานเราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน แต่ว่ามาเป็นเทวดามาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความไม่ต้องทำอะไรทั้งหมดร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้าและมีความปรารถนาสมหวังก็หมายความถ้าจะไปทางไหนก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใดความป่วยไม่มีความแก่ไม่มีร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมาจงอย่ามีความเข้าใจผิดว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญ วาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องจุติคือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลาย จงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดีพรหมทั้งหมดที่นั่ง อยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้าที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่าน ยังมีบาปติด ตัวอยู่และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆ ยังมีมากมาย " <O</O
(พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลายอาตมาก็ใช้กำลังใจ ดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ใน หนามากเป็นอันว่าทุกองค์ ต่างองค์ ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเอง ก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกันต่อไปองค์ สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า) <O</O
" ภิกขุเว..ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย(เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์)และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดจงอย่าลืมว่า ทุกท่านมีบาป ติดตัวมามากมายอาศัยบุญเล็กน้อย ก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้างมาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น นรก(ท่านชี้มือลงเห็นนรก ไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด)ท่านทั้งหลายจะต้อง พุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรม คือบาป ชำระหนี้บาปกว่าจะมาเกิดเป็นคน ก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดานางฟ้า หรือพรหมใหม่ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดีเป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพานเป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่านท่านทั้งหลายจงดูนั่นนิพพาน " <O</O
(ท่านยกมือชี้ขึ้นให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้ากับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือสีแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่นั่นมีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมดแล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า) <O</O
" ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหมเราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียวและการไปนิพพานนี่ท่านทั้งหลายต้องยึดอารมณ์พระนิพพานเป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดานางฟ้าเก่าๆ ก็ดีอาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมี ความเข้าใจแล้ว ก็แสดงว่า พรหม เทวดา นางฟ้าเก่าๆเป็นพระอริยเจ้ามาก ที่มีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆจะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความว่าจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อนอันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้ เพื่อพระนิพพาน นั่นคือจงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะ ตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลาย ควรจะเคารพไหมถ้าจิตใจของท่าน มีความศรัทธา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ก็เป็นอาการขั้นที่สอง ที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลายจงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม " <O</O
(พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่าเทวดาจะไปบวชที่ไหนองค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า) <O</O
" ฤาษี..เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดีชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้ เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง 227 เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตามก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วย ธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วย ความสุขเขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี " <O</O
(แล้วท่านก็กลับ หันหน้าไปหาเทวดา นางฟ้า กับพรหมว่า) <O</O" ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีลให้ตั้งเฉพาะศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227 ก็ได้ตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่า การเกิดเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดีมีสภาพไม่เที่ยงจะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้ายในเมื่อการจุติเกิดขึ้นอารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติเราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิด เป็นมนุษย์ ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์)มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่างๆ มนุษย์มีความหิว มีความกระหาย มีความอยากมีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้วจะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์ เราก็หมดสิทธิ์อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดีๆ สร้างไว้เป็นเป็นที่หวงแหนคนภายนอกเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่คนภายในแต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิมท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์เข้าเขตนั้นเลย ทั้งๆที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธินี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุดต้องเดินไปเดินมา ทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียวคือเงินถ้าไม่มีเงิน ก็ ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน " <O</O
(ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า) <O</O
" จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสียเลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยงไม่มีการทรงตัว มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วยในการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายในที่สุดและจงอย่าอยากเป็นเทวดาอยากเป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้ากับพรหม ก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกันเมื่อมีความเกิดขึ้นไนเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดาก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่าเราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์แล้วก็เราจะต้องจุติในวันข้างหน้าตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดานางฟ้าพรหมเก่าๆ มีความเข้าใจดีแล้วคำว่าเข้าใจ บรรดาท่านพุทธบริษัท หมายถึงว่า เขาปฏิบัติได้นี่คืออารมณ์พระโสดาบันกับอารมณ์พระอรหันต์ สำหรับเทวดา นางฟ้าและพรหมใหม่ๆจงตั้งใจไว้เสมอว่า จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไปอย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้นและบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวเรายังมีอยู่ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติความเป็นเทวดาหรือพรหมในภพนี้แล้วทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ จงดูภาพนรกว่าขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิด ดินแดนไหน ที่มีความสุข ไม่มีการงานเราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์และก็ดูเทวดา นางฟ้ากับพรหมมนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่น ทุกคนอยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดา เคยเป็นนางฟ้าเคยเป็นพรหม มาแล้วแต่ว่าท่านทั้งหลาย จงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพานจงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่าดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด... " <O</O
(เมื่อพระองค์ตรัสเพียงเท่านี้ พระองค์ก็จบ) <O</O

<!-- / message --><!-- sig -->

 

ตอนนี้องค์พระเสร็จแล้วครับ

 

เป็นรูปตัวคชสีห์ครับ คชสาร+ราชสีห์

 

ลวดลายบนซุ้มเรือนแก้วสวยงามมากครับ

 

อีกมุมหนึ่งครับ ตอนนี้ต้องรอให้ปูนแห้งสนิทจึงทาสีครับ ช่างบอกว่าจะให้ดีต้องประมาณหนึ่งปีครับ

 

​

กราบโมทนาในบุญกุศลกับคุณแก้วบูรพา
และทุกท่านที่ร่วมบุญกันมา
นี่เป็นความสำเร็จในระดับหนึ่งของงานบุญ ณ ที่แห่งนี้
ยังต้องมีสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ต่อไปครับ
ยังสามารถร่วมบุญกันไปได้อีกเรื่อยๆ
จนกว่าจะสมบูรณ์บริบูรณ์
กราบโมทนาอย่างยิ่งครับ
กระผมเองคงได้เข้ามาร่วมบุญอีกหลายวาระครับ​

 

ขอร่วมอนุโมทนาอย่างสูงด้วยครับ

พวกกระผม มี พญ.สรสิชา ชัยกิจยิ่งเจริญ นพ. ธนา กาญจนรุจวิวัฒน์ นพ.ศักดา เอกัคคตาจิต และคณะ ขอร่วมบำเพ็ญมหาบุญกุศลอันมหาเลิศยิ่งที่ได้ร่วมบูชาสร้างองค์สมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมครูบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอันมหาเลิศยิ่งยวดที่สุดนี้ และร่วมทำบุญทุกอย่างตามแต่ท่านเจ้าภาพจะเห็นสมควรครับ โดยขอร่วมปัจจัยบำเพ็ยมหาบุญกุศลอันมหาเลิศยิ่งครั้งนี้ 1,500บาทครับ ได้โอนปัจจัยวันที่10 กรกฎาคม 2550 17.39 น.
บัญชี พระวิชัย วิจาโร ธ.กสิกรไทย 164-2-21030-7
ขอร่วมอนุโมทนาอย่างสูงยิ่งครับ อนุโมทนา สาธุครับ