คุณคิดว่าวิทยาศาสตร์กับศาสนามีความสัมพันธ์กันหรือไม่?

<TABLE id=post407567 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>07-12-2006, 07:21 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_407567", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 11,947
พลังการให้คะแนน: 5138





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_407567 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** สิ่งสำคัญที่มนุษย์ควรรู้****

คือ "หลักสัจจะธรรม"...
ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

หมายถึง สิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว
สมัยพุทธกาลเรียกว่า "ตัวกระทำ"
เปรียบดังการบันทักภาพไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย ไม่สูญหาย จะติดตัวของเราไปตลอดกาล
และเป็นสิ่งที่จัดสรรชีวิตเรา....

การตั้งใจจริงในทำความดี
ตั้งใจลดนิสัยไม่ดีของตนเอง วันละอย่าง...สิ่งที่พอจะทำได้จริง
พระพุทธองค์จึงสั่งสอนให้นำ "สัจจะ" มานำทางชีวิตตัวเรา
ควบคุมสติอารมณ์ของตนเอง
ให้ทำใน "สัจจะ" ข้อที่ตั้งใจไว้ให้ได้...

การปฏิบัติของพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้าในสมัยพระพุทธองค์
จึงปฏิบัติตน ลดนิสัย ลดกิเลส ลดตัญหา ลดสันดานที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ด้วย "สัจจะ"

โดยปฏิบัติทุกวัน ทำให้ได้วันละข้อ วันละอย่าง
สลับสับเปลี่ยนไปทุกวัน....
เป็นในลักษณะ "สัจจะ ประจำวัน"....

หากท่าน เป็นผู้มีความสามารถทางจิต
ท่านสามารถกำหนดจิตย้อนกลับไปดูเหตุการณ์
สิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนและการปฏิบัติตน ของพระสาวกในสมัยพระพุทธองค์ได้
เพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงว่า
สิ่งที่กล่าวนี้เป็นความจริง
ไม่ใช่ความคิด ความเห็นจากผู้ใดผู้หนึ่ง....

ขอให้ท่านพบ "หลักสัจจะธรรม หลักโลกุตตระธรรม" ในโอกาสต่อไป
และพบว่า "สัจจะ คือ หนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง...

จะนับถือศาสนาใดๆ
ก็ขอให้เป็นมนุษย์ ผู้มีสัจจะ คือ ตั้งใจ แล้วทำได้จริง
ไม่ทรยศแม้แต่สัญญาใจกับตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87.61653/

 

เช้านี้ตื่นขึ้นมารู้สึกคิดถึงคุณหนุมานอย่างแรงเรยค่ะ.. ^_^
พร้อมทั้งมีความคิดแว๊ปเข้ามาว่า " จุดนัดพบ "
ไม่รู้หมายความว่าอย่างไรเช่นกันค่ะ

ตอนนี้อยู่จุดที่สูงที่สุดของอยุธยา.. ริมน้ำเจ้าพระยา
ท่านใดอยู่แถวนี้เดือดร้อนเรื่องน้ำท่วม
บริเวณบางปะอิน, บางไทร หรือปทุมธานี
ที่ทำงานเปิดอาคารใหม่ให้พักอาศัยได้
ติดต่อทาง PM ได้เลยค่ะ..({)

 

ตอนนี้อยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
พอดีได้รับ mail จากพี่นักเขียนเลยเอามาฝากค่ะ ^_^
..................................

เราทุกคนที่ปลอดภัย คือ
กำลังสำคัญที่จะช่วยเยียวยาทุกชีวิตที่กำลังยากลำบากให้พ้นทุกข์ได้ในที่สุด
หากเราอยู่ที่ใดและกำลังสุขสบายไร้กังวลจากภัยหรือปัญหาจากน้ำท่วม
ขอให้เราช่วยกันทำวันนี้ให้ดีที่สุดสำหรับทุกชีวิตที่กำลังสูญเสีย
หวาดหวั่น ท้อแท้และสิ้นหวัง
เพราะนี่คือโอกาสที่จะทำให้เราตระหนักได้อย่างหมดใจว่า
คุณค่าสูงสุดของความเป็นมนุษย์ และ
ความเป็นหนึ่งเดียวของจิตวิญญาณนั้นคืออะไร? และเป็นไปเพื่ออะไร?

ด้วยรักและปรารถนาดี
พี่นักเขียน
chearrchearrchearr
</pre>

 

เอามาฝากอีกนิดค่ะ..
...................
เมื่อพลังแห่งความรักและเมตตา แผ่ออกไปจากร่างใด
แม้ร่างนั้นจะเล็กและเปราะบางเพียงใดก็ตาม มันจะก่อให้เกิดความแกร่งที่
แผ่ซ่านออกไปปกป้องมวลมนุษย์รวดเร็วกว่าสายน้ำที่เชี่ยวกราก
ไม่ว่าสถานการณ์น้ำท่วมและสถานการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวพันจะเลวร้ายเพียงใดก็ตาม
หากเราไม่เพียงแต่ช่วยตนเองให้รอดพ้น. แต่เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผู้ที่ที่อ่อนแอกว่า เราจะได้รับพรอันประเสริฐที่ทำเราเกิดความรู้สึกเข้มแข็งอดทน
และรู้ชึ้งถึงสัมพันภาพอันลุ่มลึกของมวลมนุษย์
ที่มีความรักและความเมตตาเป็นแก่นแท้ตามธรรมชาติของจิตวิญญาณ
การเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นในยามยากและยามคับขัน จะทำให้เรามีสติพร้อม
เราจะไม่ตกอยู่ในอาการเอาตัวรอดโดย-ไม่คิดชีวิต
ในทางตรงกันข้าม มันจะทำให้เราสามารถเอาตนเองและผู้อื่น
ให้รอดพ้นได้ด้วย-การคิด ใช้ชีวิตอย่างสุขุม-และตระหนักในคุณค่าของทุกชีวิต-อย่างเสมอภาค
และเอาตนเองและผู้อื่นรอดพ้นได้ด้วยพลังแห่งความรักและเมตตา
ที่หลอมรวมจิตวิญญาณทั้งหลายให้เกิดความสามัคคีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ความเข้มแข็งและอดทนที่เกิดจากการเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นในยามคับขัน
จะทำให้เราค้นพบความแกร่งและศรัทธาในตนเองและมวลมนุษย์
และปกป้องคุ้มครองซึ่งกันและกันให้พ้นภัยทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอดพ้นจากภัยซ้ำสองที่คนจำนวนมากเกรงกลัว
ยิ่งไปกว่าภัยธรรมชาติอันได้แก่ภัยจากมนุษย์ผู้เห็นแก่ตนเองเพียงถ่ายเดียว

ขอให้ทุกท่าน ตั้งจิตมั่นเพื่อรับมือกับสถานการณ์และภัยพิบัติด้วยการเอาความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์เป็นที่ตั้ง.
และฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายไปได้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียว

ขอความกรุณาส่งข้อความนี้ต่อให้แก่ทุกท่าน-ที่ท่าน สามารถจะส่งต่อให้ได้

ด้วยความรักและปรารถนาดี
พี่นักเขียน (โนวา อนาลัย)

 

ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อน.. พวกเราชาวพลังจิตควรจะปรับสมดุลภายใน
ด้วยสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เย็นไว้ จะช่วยรักษาความเย็นภายในไว้ได้เป็นอย่างดี
อารมณ์ก็จะสดชื่น รักษาสุขภาพกายเนื้อไว้นะคะ จะได้ไม่ป่วยเนื่องจากภาวะความร้อนเกิน
ส่วนตัวแล้วดื่มน้ำใบย่านางผสมใบเตยทุกวัน.. ร่างกายก็สดชื่นขึ้นตามลำดับค่ะ^_^

..........................

วิธีทำน้ำใบย่านาง​

<CENTER>


ซื้อใบย่านางจากตลาด ที่บ้านไม่มีต้นย่านาง กิ่งก้านที่เหลือเลยลองเอาปักชำดูเผื่อปลูกติด
ใบย่านาง เด็ดเอาแต่ใบแช่น้ำล้างให้สะอาด




ตำๆๆ ใบย่านางให้ละเอียดหน่อยน้ำจะได้เขียว ๆ
(บางคนจะปั่นด้วยเครื่องปั่น หรือจะใช้มือขยี้ก็ได้)




ตักใส่ชามไว้ ใส่ใบโต ๆ หน่อย




กดน้ำอุ่นที่ยังร้อนนิด ๆ ใส่ลงไป เพื่อฆ่าเชื้อโรคหน่อย
แต่สารอาหารจะได้ยังเหลือ ถ้าใส่น้ำต้มร้อน ๆ เดี๋ยวพวกวิตามิน คลอโรฟินจะหาย




ใส่กระชอนหรือผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำ




กรอกเอาใส่ขวด ใส่ตู้เย็นเก็บไว้กินหลายวัน
เพราะถ้าเกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม
แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก

ดื่มแบบเย็นจะชื่นใจมาก รู้สึกสดชื่นทันที เพราะน้ำย่านางมีคลอโรฟิลเยอะมาก

ใส่น้ำผึ้ง ถ้าอยากเพิ่มรสชาติและเปลี่ยนกลิ่นจะหอมน้ำผึ้ง
หรือจะผสมน้ำอย่างอื่นแล้วแต่สะดวก

ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
หรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ






สรรพคุณน้ำใบย่านาง

หมอเขียว(ใจเพชร มีทรัพย์) นักวิชาการสาธารณสุข
ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ใช้ใบย่านางแก้ไขปัญหาสุขภาพ จนมีผลให้อาการเจ็บป่วยทุเลาเบาบางลง
- เนื้องอกในมดลูก มดลูกโต ตกเลือด ตกขาว ปวดตามร่ายกาย
- มะเร็งปอด
- มะเร็งตับ
- มะเร็งมดลูก
- โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เนื้องอกในเต้านม
- เบาหวานและความดันโลหิตสูง
- ขับสารพิษ
- ภูมิแพ้ ไอ จาม
- เริ่ม งูสวัด
- ตุ่มผื่นคันที่แขน
- อาการปวดแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะ
- นอนกรน ไตอักเสบ
- อาการปวดขาที่แขน
- เล็บมือผุ
- เก๊าต์

วิธีใช้

ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล
บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกิน ดังนี้

เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็กทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

โดยใช้ใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ(อุ่นน้ำจะได้สะอาด) หรือ ขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น
แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของย่านาง

ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
หรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม
แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก

บางคนดื่มน้ำย่านางแล้วรู้สึกแพ้ ผะอืดผอม เพราะฉะนั้น จึงควรกลับไปดูว่าปริมาณการดื่มและความเข้มข้นของสมุนไพรควรเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดและดื่มแบบพอดีกับที่ร่างกายเราต้องการ เพราะถ้าเรารู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมาเมื่อไหร่ แสดงว่าร่างกายบอกว่าพอแล้วนั่นเอง
Bloggang.com : ��������Ź�� : �Ըշ�..�������ҹҧ
</CENTER>

 

ธรรมชาติบำบัด

สำหรับผู้ป่วยลองศึกษาดูค่ะ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=BFTpAFGzUFU"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(1) 1.6.10 1/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=7bMX0WeE4kU&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(1) 1.6.10 2/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Vqji9oAAwAM&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(1) 1.6.10 3/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=yDi9c8g8Mbw&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(1) 1.6.10 4/4 - YouTube[/ame]

 

ธรรมชาติบำบัด ( ต่อค่ะ )

เป็นองค์ความรู้ที่คนรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้
ไม่แน่ต่อไปเราอาจจะเจอโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้
โดยเฉพาะไวรัสหรือแบคทีเรียต่างๆ นะคะ:boo:
...........................

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=siI3sPl4WuA"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(2) 8.6.10 1/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=WQjuh6wbiuI&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(2) 8.6.10 2/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=CTJBqGPI3CA&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(2) 8.6.10 3/4 - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=MDvpQoiPyOs&feature=related"]คนค้นฅน หมอศูนย์บาททุกโรค(2) 8.6.10 4/4 - YouTube[/ame]

 

ธรรมชาติบำบัด

ดี มากเลยครับ

อนุโมทนา สาธุ ครับ

ปล.ผมลองทำตามบางเรื่องดูแล้วครับ ว่าเป็นจริงตามนั้น ขอบคุณครับ
(ทดลองเกี่ยวกับการกินการดื่ม ครับ)

 

ยินดีค่ะ นี่ก็คิดจะหาเวลาไปลองเข้าคอร์สดูเหมือนกันค่ะ^_^
หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม ที่ร้านซีเอ็ดมีหนังสือจำหน่ายรู้สึกมีประมาณ 3 เล่ม
ราคาไม่แพงค่ะ 3 เล่มราคา 300.- บาท มีบัตรสมาชิกก็ 200.- กว่าบาท

ลองดูจากเวปแล้วรู้สึกเค้าจะมีเปิดสอนระดับปริญญาตรี, โท ด้วยค่ะ
ค่าเรียนปริญญาตรีเหมาจ่าย 3 ปี 81,000.- บาทเอง แต่คงไม่มีเวลาไปเรียนค่ะ อิอิ
http://blog.morkeaw.com/

 

ความสงบ 3 ระดับ

1. คนธรรมดาทั่วๆ ไป รู้จักเพียงความสงบกาย หรือเรียกว่า กายวิเวก สงบสงัดทางกาย ไม่มีอะไรกวน, การวิเวก ไม่มีอะไรมารบกวนกาย รบกวนให้รำคาญก็เรียกว่าความสงบ มักจะรู้ว่าสงบคืออย่างนี้ แล้วก็หนีออกมาอยู่ป่า หรือที่ไปอยู่คนเดียว ไม่มีใครมากวน

2. แต่นั้น ยังไม่ใช่ความสงบที่ถึงที่สุด ยังมีความรบกวนในทางจิต คือจิตยังมีความคิดนึก ที่เรียกว่า นิวรณ์ หรือกิเลสบางอย่างรบกวน รบกวนในจิตมันยิ่งกว่ารบกวนกาย ดูให้ดีจะต้องหาวิธีหยุดการรบกวนในทางจิต

3. ทีนี้ยังมีความรบกวนที่สูงไปกว่านั้นอีกชั้นหนึ่ง คือการรบกวนในทางสติปัญญา ถ้าเราโง่เราจะมีความสงบไม่ได้ เพราะว่าเราจะสงสัยอยู่เรื่อย ต่อเมื่อเรารู้ถึงที่สุด ไม่ต้องการจะรู้อะไรอีกต่อไป จนถึงกับว่าไม่ต้องการอะไรอีก ไม่ต้องการการเป็นอยู่ ไม่ต้องการการปรุงแต่งอีก นั่นแหล่ะจึงจะสงบถึงที่สุด นั่นคือ พระนิพพาน
พุทธทาส ภิกขุ<O</O

 

น่าสนใจจริงฯครับ ต้องศึกษา.