อยากรู้อดีตชาติ (หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

อนุโมทนา สาธุ
ใช่ครับ เห็นด้วย อยู่กับปัจจุบันถูกต้องที่สุดครับ

 

อนุโมทนาสาธุบุญกับหลวงปู่ทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธุและอนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่านทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธู

 

อนุโมทนาครับ ทำในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน มิเช่นนั้นจะมีปัจจุบันเพื่ออะไร

 

" อดีตก็ดีดไปแล้ว อนาคตก็คดไปคดมาไม่แน่นอน สู้ทำปัจจุบันให้ดีด้วยความไม่ประมาท จะไม่ดีกว่าหรือ "

กราบอนุโมทนา สาธุ ครับ

 

อนุโมทนาค่ะ...โดนใจมากค่ะ เพราะหากรู้แล้วทำให้
ย่ำต๊อกอยู่กับที่ "มานะ" รับประทาน ก็อย่าไปรู้เลยดีกว่า

 

สาธุ... การรู้อดีตชาติเป็นเสมือนมีเข็มทิศชีวิตให้เดินเเต่ถ้ายึดติด เปรียบเหมือนสัตว์ที่ติดเบ็ดนายพราน ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีค่ะ

 

หลวงปู่ว่าพูดออกไปก็เรียกว่าเหมือนพูดโกหก เพราะคนอื่นเขาไม่รู้กับเราด้วย
อดีตก็ดีดไปแล้วอนาคต ก็คดๆ งอๆ สู้ทำปัจจุบันให้ดี ดีกว่า อนุโมทนาบุญครับ

 

จริง แต่ไม่จริง​

ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา เมื่อปรากฏผลออกมาในแบบต่างๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดา เช่น เห็นนิมิตในรูปแบบที่ไม่ตรงกันบ้าง ปรากฏในอวัยวะร่างกายของตนเองบ้างส่วนมากกราบเรียนหลวงปู่เพื่อให้ช่วยแก้ไข หรือแนะอุบายปฏิบัติต่อไปอีก มีจำนวนมากที่ถามว่าภาวนาแล้วก็เห็นนรก สวรรค์ วิมาน เทวาด หรือไม่ก็เป็นองค์พุทธรูปปรากฏอยู่ในตัวเรา สิ่งที่เห็นเหล่านี้เป็นจริงหรือ

หลวงปู่บอกว่า

"ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง."

-------------------------------------------------------------------------------
แนะวิธีละนิมิตร

ถามหลวงปู่ต่อมาอีกว่า นิมิตทั้งหลายแหล่ หลวงปู่บอกว่ายังเป็นของภายนอกทั้งหมด จะเอามาทำอะไรยังไม่ได้ ถ้าติดอยู่ในนิมิตนั้นก็ยังอยู่แค่นั้น ไม่ก้าวต่อไปอีก จะเป็นด้วยเหตุที่กระผมอยู่ในนิมิตนี้มานานหรืออย่างไร จึงหลีกไม่พ้น นั่งภาวนาทีไร พอจิตจะรวมสงบก็เข้าถึงภาวะนั้นทันทีหลวงปู่โปรดได้แนะวิธีละนิมิตด้วยว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ผลฯ

หลวงปู่พูดว่า

"เออ นิมิตบางอย่างนั้นมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นมันก็เสียเวลาเปล่า วิธีละง่ายๆ ก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง"

------------------------------------------------------------------------------------------

เป็นของภายนอก

เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๔ หลวงปู่ดูลย์อยู่ในงานประจำปีวัดธรรมมงคล สุขุมวิท กรุงเทพฯ มีแม่ชีพราหมณ์หลายคนจากวิทยาลัยครูพากันเข้าไปถามทำนองรายงานผลของการปฏิบัติวิปัสสนาให้หลวงปู่ฟังว่า เขานั่งวิปัสสนาจิตสงบแล้ว เห็นองค์พระพุทธรูปอยู่ในหัวใจของเขา บางคนว่าได้เห็นสวรรค์เห็นวิมานของตัวเองบ้าง บางคนว่าเห็นพระจุฬามณีเจดีย์สถานบ้าง พร้อมทั้งภูมิใจว่าเขาวาสนาดี ทำวิปัสสนาสำเร็จฯ


หลวงปู่อธิบายว่า

"สิ่งที่ปรากฏเห็นทั้งหมดนั้น ยังเป็นของภายนอกทั้งสิ้น จะนำเอามาเป็นสาระที่พึ่งอะไรยังไม่ได้หรอก"



<HR color=#800000 width="60%">

ไม่ตามใจผู้ถาม

ที่อยู่เฝ้ารักษาพยาบาลหลวงปู่ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ในรอบดึกมีจำนวนหลายท่านด้วย
กัน เขาเหล่านั้นมีความสงสัยและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง โดยที่สังเกตเห็นว่า บางวันพอเวลาดึก
สงัด ตีหนึ่งผ่านไปแล้ว ได้ยินหลวงปู่อธิบายธรรมะ นานประมาณสิบกว่านาที แล้วสวดยถา
ให้พร ทำเหมือนหนึ่งมีผู้มารับฟังอยู่เฉพาะหน้าเป็นจำนวนมาก ครั้นจะถามประพฤติการที่
หลวงปู่ทำเช่นนั้น ก็ไม่กล้าถาม ต่อเมื่อเห็นหลวงปู่ทำเช่นนั้นหลายครั้ง ก็ทนสงสัยต่อไป
ไม่ได้ จึงพากันถามหลวงปู่ตามลักษณาการนั้น
หลวงปู่จึงบอกว่า
"ความสงสัยและคำถามเหล่านี้ มันไม่ใช่เป็นแนวทางปฏิบัติธรรม."




<HR color=#800000 width="60%">
หลวงปู่ฝากไว้ : หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

 

เห็นด้วยและขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดครับ

 

อดีต ผ่านไปแล้ว

อนาคต ยังไม่เกิด

ปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุด

สาธุ สาธุ ครับ

อยู่กับลม ไม่รู้ลม คือคนที่ตายจากความดี

 

"มาบัดนี้ หากแม้นหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ก็เชื่อว่าลูกศิษย์ที่เคยสงสัยในเรื่องเหล่า นี้ ก็คงหมดคำถาม มิใช่ไม่อยากรู้ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไมนั่นเอง ...รู้เพื่อจะลำพองใจในอดีตที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะได้เอาไปบอก (โกหก) ใคร ๆ หรือรู้เพื่อให้จิตเศร้าหมองที่เคยทำบาปกรรมไว้มาก

นี่แหละที่พระท่านสอนว่า อดีตก็ดีดไปแล้ว อนาคตก็คดไปคดมาไม่แน่นอน สู้ทำปัจจุบันให้ดีด้วยความไม่ประมาท จะไม่ดีกว่าหรือ

ความ รู้ความเห็นภายในเป็นเรื่องส่วนตัวที่คนอื่นมิได้รู้ไม่ได้เห็นด้วย หลวงปู่ว่าพูดออกไปก็เรียกว่าเหมือนพูดโกหก เพราะคนอื่นเขาไม่รู้กับเราด้วย "

โมทนาสาธุครับ เป็นบทความที่ดีมากช่วยเตือนสติไม่ให้หลงยึดติด

 

อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถไปแก้ไข หรือ เปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
ถ้าสิ่งที่เราเห็นเป็นสิ่งดี มันก็ทำให้ใจเป็นสุข แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดีล่ะ ทำก็จะทำให้ใจเป็นทุกข์
จมอยู่กับความทุกข์นั้น ปิดทางเข้าสู่มรรคผลเสียเปล่าๆ ดังนั้นจึงไม่ควรไปยึดติดอยู่กับอดีต แต่ให้ดูอดีตเป็นตัวอย่าง ให้นำมาพิจารณา ว่าทำดีแล้วส่งผลอย่างไร ทำชั่วแล้วส่งผลอย่างไร อนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และยังมาไม่ถึง ไม่ควรจะไปยึดติดคิดเป็นกังวล
พระอาจารย์สอนผมว่า "เธอจงอย่าไปยึดติดว่าในอดีตเธอเคยเป็นใคร และในอนาคตเธอจะเป็นใคร เธอจงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และชาตินี้เธอห้ามตกนรกเด็ดขาด"


เจริญในธรรมครับ

 

ไม่สนอดีต ไม่คิดอนาคต กำหนดปัจจุบัน ปัญหานั้น ๆ จะลดลง (ถึงไม่มี)
ท่านแนะนำให้ทำเหมือน คนไม่รู้จักกันเดินผ่านกัน ไม่รู้จัก ไม่ทักทาย ไม่คิดตามอดีต อนาคต คือมีหน้าที่เดินไปอย่างเดียวในขณะนั้น ก็ปลอดภัย จิต หรือเราก็เหมือนกัน นั่นแล รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น......ไม่สนใจในสิ่งนั้น ๆ ก็เบาสบาย....แถมมีกำลังเดินต่อไปได้สะดวก ไม่เสียเวลาคุย ให้เปลืองพลังงาน
เป็นการดี .....หรือถ้าจำเป็นต้องคุย สนทนา ก็คุยด้วยสติสัมปชัญญะ ก็จะปลอดภัย...

กราบขอบพระคุณหลวงปู่ และเจ้าของกระทู้เป็นอย่างยิ่ง ครับผม สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนา สาธุ
เห็นด้วยค่ะ อยู่กับปัจจุบันถูกต้องที่สุด<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

โมทนาบุญครับ วาจาพระแต่ละท่านนั้นประกอบไปด้วยเมตตาจิตและเหตุผลยิ่งใหญ่โดยแท้.

 

เคยบ้าอย่างนั้น ปัจจุบันเลิกบ้าแล้ว

 

อดีตที่ควรจำคือคำประกาศจากพระศาสดา อนาคตคือเรื่องสมมุติ อาจไม่เป็นจริงก็ได้ ปัจจุบันเท่านั้นที่ควรระลึกรู้อยู่เสมอ

 

อนุโมทนาสาธุบุญกับหลวงปู่ทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธุและอนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่านทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธุ

 

ก็ สายใครสายมันอะครับ
คนที่เขาปฎิบัติ สายวิชชา 3 อภิญญา6
มันก็จำเป็นต้องรู้
รู้เพื่ออะไร เพราะจะได้เห็นไงครับ ว่า ทุกชาติที่เกิดมาต้องตายต่อหน้าคนที่รัก
หรือไม่ก็ต้องเห็นคนที่รักตายต่อหน้า
ต้องนั่งดู คนที่รักตายต่อหน้า นับพันนับหมื่นครั้ง
ย่อมเห็นความทุกข์ ของวัฎฎะ อันหาประมาณมิได้
จิตย่อมคลายกำหนัด เมื่อคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น

ทางแต่ละคนไม่เหมือนกัน สุกขวิปัสกะ ที่ไม่เอาอะไรเลย
ไปแบบแห้งแล้ง ก็มีจริตแบบนั้น
แต่สาย เจโตวิมุุุตติ ปัญญาวิมุตติ อุคโตภาควิมุตติ
ท่านย่อมมีทางของท่าน จะเอาไปเหมารวมได้ไง
ถ้าจะบอกว่า การไปรู้อดีตชาติ ไม่ถูก
ก็เท่ากับ ปรามาส พระสมณโคดมตถาคต เพราะท่านก็ใช้วิชชา3
เพื่อบรรลุ อนุตรสัมโพธิญาณ
คิดอะไร พูดอะไร นึกให้ดี จะไปปรามาส ตถาคต โดยไม่รู้ตัว
สร้างมหากรรม โดยไม่รู้ตัว