ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  2. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER>
    หินเจ็ดชั้นในถ้ำพระนอน...

    ประวัติถ้ำหลวงเชียงดาว

    คนโบราณท่านเรียกกันว่า "ดอยเพียงดาว" เนื่องจากว่า เมื่อแหงนดูยอดของมันเห็นว่ามันสูงเสียดฟ้า เหมือนกับว่ามันสูงเทียมดาว คำว่า "เพียง" ก็เท่ากับคำว่าเสมอหรือเทียมเท่านั้นเอง สมัยต่อมาจึงเรียกเพี้ยนไปว่า "ดอยเชียงดาว"

    โดยรอบทุกด้านของถ้ำหลวงเชียงดาวจะมีถ้ำเล็กถ้ำใหญ่มากมายหลายสิบถ้ำ แต่ว่ามันอยู่นอกเขตของถ้ำหลวงเชียงดาวออกไป และก็เป็นถ้ำที่ไม่มีประวัติกล่าวถึงความสำคัญอันใดเลย

    ตามประวัติเดิมของถ้ำหลวงเชียงดาว ในสมัยแรกนั้นมีฤาษีรูปหนึ่งนามว่าพรหมฤาษี เป็นผู้วิเศษด้วยฌาณแก่กล้า ได้ประชุมเทวดา อินทร์ พรหม ยักษา อสูร และนาคราช ฯลฯ แล้วพากันเนรมิต สิ่งต่างๆขึ้นไว้หลายอย่าง เช่น

    ๑. พระพุทธรูปทองคำ
    ๒. พระเจดีย์ทองคำ
    ๓. ต้นโพธิ์ทองคำ
    ๔. ช้างวิเศษ
    ๕. ดาบวิเศษ
    ๖. ผ้าทิพย์
    ๗. อาหารทิพย์
    ๘. ม้าวิเศษ ฯลฯ

    สำหรับม้าวิเศษนั้น นัยว่าได้เอาไว้ที่ถ้ำแผง แต่ไม่ทราบว่าถ้ำใดแน่ เคยออกมา ๓ - ๔ ครั้งแล้ว

    สิ่งวิเศษเหล่านี้ นัยว่ามีไว้สำหรับพระเจ้าทรงธรรม(ธรรมมิกราช) อันจะลงมาปราบอธรรมในภายหน้า ฉะนั้นของวิเศษที่ถูกเก็บรักษาไว้ในถ้ำเชียงดาวจึงมีเพียงแค่ ๗ อย่าง


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    หินม่านไทรย้อยในถ้ำม้า...

    ถ้ำหลวงเชียงดาวนี้ ตำนานกล่าวไว้ว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาสิตให้เทวยักษ์ตนหนึ่งมีนามว่า "เจ้าหลวงคำแดง" กับบริวาร ๑๐,๐๐๐ มารักษาของวิเศษดังกล่าว นามเดิมของเจ้าหลวงคำแดงคือ "สุวรรณ คำแดง" ได้มาเฝ้ารักษาดอยหลวงเชียงดาวอยู่นานถึง ๖๐๐ ปีกว่าแล้ว เทวธิดาซึ่งเป็นชายาของเจ้าหลวงคำแดงมีนามว่าจอมเทวี เธอสถิตย์ อยู่ที่ดอยนางเฉียงเหนือของดอยหลวงเชียงดาวอันมีอาณาเขตติดต่อกัน ต่างฝ่ายก็รักษาศีล ๘ จึงแยกกันอยู่คนละแห่ง ไม่ได้อยู่ปกครองที่เดียวกัน

    จากเว็บ แดนนิพพาน.คอม
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาธุ สาธุ สาธุ!


    ถ้ำเชียงดาว จะเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน นอกจากเป็นสถานที่หลบภัยพิบัติที่สำคัญแล้ว ยังเป็นที่มาปรากฎตัวของ"ผู้ทรงธรรม" ซึ่งอาจจะหมายถึง พระยาธรรมิกราชโพธิสัตว์ที่พวกเรากำลังรอคอยกันอยู่ อย่างใจจดจ่อก็เป็นได้
     
  4. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    พระพุทธรูปที่อยู่บริเวณไม่ไกลจากทางออก ทุกคนที่เข้าถ้ำจะต้องมาไหว้จุดนี้ทุกคน เพราะเป็นทางที่จะแยกไปยังถ้ำย่อยต่างๆ เพื่อทำการขมา และแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในการที่จะเข้าไปขอดูและชมถ้ำ....

    ได้มีตำนานกล่าวไว้ว่า

    ถ้าใครอยากพบสิ่งวิเศษดังกล่าว ขอให้ได้ทราบข้อมูลปฏิบัติเสียก่อน ดังนี้
    หาก ฆราวาส หรือนักบวชผู้ใดปรารถนาจะเข้าไป ให้ชำระร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ จริงๆ

    เตรียมหาเทียนเงิน ๓๐๐ เล่ม เทียนดำ ๓๐๐ เล่ม ต้นดอก ๔ ต้น ช่อดำ ๘ ผืน ช่อแดง ๘ ผืน ช่อเหลือง ๘ ผืน ช่อขาว ๘ ผืน ประทีปพันดวงให้กระทำการสักการะบูชาที่หน้าถ้ำเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดินเข้าไปและให้ตั้งใจเข้าถ้ำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่าคิดเหลวไหลหรือกลัวตาย หรืออยากได้อะไรในถ้ำเป็นอันขาด ให้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปและพระธาตุเจดีย์อย่างแท้จริง มิฉะนั้นอาจมิได้ออกมาดูโลกภายนอกได้อีก

    ถ้าพลาดพลั้งลงไปก็คางเหลืองหรือเหม็นเน่าเต็มถ้ำกันอีก เช่นเด็กหนุ่ม ๒ คน เข้าไปแต่เพียงถ้ำม้าเมื่อนานปีล่วงมาแล้ว ก็ตายคาถ้ำคนหนึ่ง ตาฤาษีหม่องโส่งช่างปั้นพระดังกล่าวเข้าไปพบจึงพาคนที่รอดออกมาได้ เด็กหนุ่มทั้ง ๒ เดินหลงวนเวียนถึงกับต้องคลาน ๔ เท้า อดข้าวอดน้ำอยู่เกือบ ๔ อาทิตย์ แม้หมู่ญาติพี่น้องจะเข้าไปค้นหาสักเท่าใดก็ไม่พบ


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    หินรูปหัวของพญานาคที่โพล่หัวชูคอขึ้นมาจากพื้นดิน...
    พิธีการและระยะทางตามตำนานกล่าวไว้ว่าถ้าจะเข้าไปพบสิ่งของต่างๆ ตำนานท่านกล่าวไว้ดังนี้คือ

    เมื่อเดินเข้าไปประมาณ ๓๐๐ วาและมีทางแยกไปอีก ๙๐ วาจะพบแม่น้ำหลายแควๆ หนึ่งจะไหลมาทางใต้แท่นพระพุทธรูปทองคำเรียกว่า "แม่น้ำอโนตะนที" ในที่นั้นจะเป็นบ้านลับแล ๖ หลัง พรอ้มด้วยสวนผลหมากรากไม้ของชาวลับแลอย่างร่มเย็นเป็นสุข และจะพบเสื้อผ้าอันเป็นทิพย์ ถาพบแล้วเอามานุ่งห่มได้ ในตอนนั้นให้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียก่อน

    เมื่อแต่งตัวเป็นชาวลับแลแล้ว ให้เดินต่อไปอีกประมาณ ๗๐๐ วา ก็จะพบสระน้ำด้านหนึ่งกว้างใหญ่ด้านละ ๘๐ วา น้ำในสระใสสะอาดและเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ที่มุมสะทางทิศเหนือจะมีโพรงนาค กว้างแค่เพียงตัวคนเข้าไปได้พอดี ให้สักการะบูชาที่ปากปล่องนั้นด้วย แกงส้ม แกงหวาน ขนมนมเนย มะพร้าวอ่อน ๑ ผล เทียน ๔ เล่ม ดอกไม้ ๔ ดอก บูชาทั้ง ๔ ทิศ แล้วให้ลอดปล่องนั้นเข้าไปมีระยะประมาณ ๒ วา ก็จะพบบริเวณเมืองพญานาค แห่งตระกูลวิรูปักขะ อันสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทิพย์ ตลอดจนผ้าสบงจีวร นิมนต์ห่มผ้าประหลานนั้นเสียก่อน

    เมื่อพระคุณเจ้านุ่งห่มผ้าสงจีวรเหล่านั้นจะกลายเป็นนักบวชชาวลับแลทันทีสามารถเสพอาหารทิพย์ของชาวลับแลได้ แต่จะไม่สามารถกลับออกไปภายนอกได้อีก จะหลงลืมวัดวาอารามเก่า ซึ่งอู่ในโลกภายนอกทั้งหมดส่วนถ้าเป็นฆราวาสก็จะลืมทรัพย์สมบัติตลอดจนบุตรภรรยาญาติมิตรทั้งสิ้น(ให้ระวังข้อนี้ให้ดีด้วย) ​

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    หินดอกบัวบานภานในบริเวณถ้ำม้า.... ​

    ส่วนถ้าจะไปขอชมพระพุทธรูปทองคำเมื่อเดินเข้าไปต่ออีกก็จะพบพระพุทธรูปทองคำสถิตย์อยู่บนแท่นแก้ว ๗ ประการ อย่างสว่างไสว พร้อมด้วยบันไดเงิน บันไดทองและหาดทรายเงิน หาดทรายทอง เกลี่อนกลาดดาษดาไปทั้งหมด

    เมื่อพบแล้วให้บูชาด้วย แกงส้ม แกงหวาน ขนม นมเนย เทียน ๑๐๐ เล่ม ช่อแดง ๑๗ ผืน ช่อขาว ๑๗ ผืน เมื่อเข้าไปทางด้านหลังพระพุทธรูปนั้นก็จะพบแท่นสถิตย์ของฤาษีวิเศษ นั่งภาวนาตลอดกาล ให้บูชาด้วยดอกไม้ ๗ อย่าง

    ต่อจากนั้นให้เดินเข้าไปก็จะพบแท่นสถิตย์ของเจ้าหลวงคำแดง ให้บูชาด้วเทียน ๔ เล่ม ดอกไม้ ๔ ดอก น้ำนมวัว ๒ ถ้วย น้ำตาล ๙ ก้อน ต่อเทวยักษ์เจ้าหลวงคำแดง ผู้มีร่างกายแดงกล่ำสูง ๖ ศอก

    ถัดเข้าไปอีก ๓๐๐ วา จะพบแม่น้ำอันหนึ่งลึกเพียงอก จะพบโพรงช้างวิเศษ ให้บูชาด้วยหญ้า ๙ กำ อ้อย ๑๐ ท่อน ช้างนี้ไม่ใช่ช้างเผือกหรือช้างดำ แต่เป็นช้างทิพย์

    นอกจากนี้ ตำนานยังระบุไว้อีกว่าภายในถ้ำเชียงดาว มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและของพระสาวกบรรจุไว้เป็นอันมาก...
     
  5. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    <CENTER>[​IMG]
    หินรูปพญาไก่....

    ประวัติคนหายเข้าไปในถ้ำเชียงดาว </CENTER>
    เรื่องที่๑

    ประวัติที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องอิงนิยาย หากเป็นเรื่องจริงและน่าอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังหลายต่อหลายคน


    เรื่องมีอยู่ว่าคนที่หายเข้าไปในถ้ำไม่ใช่หลงถ้ำอย่างแท้จริงที่เข้าใจกันไม่ คือเมื่อประมาณ ๕๐ - ๖๐ ปีมาแล้ว มีชายชาวเขมรวัยกลางคนคนหนึ่ง มีนามว่าลุงเสด มาจากหลวงพระบางมาอาศัยเลี้ยงช้าง ที่เรียกกันว่าควาญช้าง ร่วมกับเพื่อน ๒ - ๓ คน อยู่ที่ป่าสบหนอง ตำบลเชียงดาว ห่างจากถ้ำเชียงดาวไปทางตะวันออกประมาณ ๗ ก.ม. (ปัจจุบันแถวนี้กลายเป็นหมู่บ้านไปหมดแล้ว)


    เวลาใกล้รุ่งของคืนวันหนึ่งลุงเสดหายจากที่พักไป เพื่อนลุงเสด ๒ - ๓คนได้ออกติดตามหา แต่ไม่พบตัว พบแต่รอยเท้าเข้ามาทางถ้ำเชียงดาว ช่วงนั้นฤดูฝนด้วย พวกเขาก็ได้พบรอยเท้าและขี้เถ้าจากถ่านคบเพลิง ที่ลุงเสดนำไปส่องทางในถ้ำ


    พวกเขาหมดหนทางที่จะตามเข้าไป เพราะฟืนไฟมิได้เตรียมเอามาจึงพากันทยอยกลับไปสู่ที่แคมป์พัก แล้วได้นำเรื่องไปเล่าให้เจ้านายฟัง คือเจ้าของช้าง แลัวพากันไปถามเจ้าทรง โดยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เจ้าทรงบ่งชี้ให้ว่า ในคืนเดือนเพ็ญของวันวิสาขะปีหน้า เขาจะออกมาหน้าประตูถ้ำ ถ้าผู้ใดไปรอจะได้พบเขา


    และเมื่อถึงวันกำหนดที่เจ้าทรงบอกไว้มิได้ผิด ลุงเสดโผล่หน้าออกมาที่หน้าประตูถ้ำ ทุกคนที่ไปคอยดูก็ได้เห็น คนๆหนึ่งในกลุ่มเขา เข้าไปจะไต่ถามด้วยความอยากจะชวนลุงเสดออกจากถ้ำกลับสู่บ้าน แต่ลุงเสดโบกมือและบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง "ไม่ออกไปไหนแล้ว" ว่าแล้วก็หันหลังให้ไปเลยไม่ยอมโผล่หน้าออกมาอีก และนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนได้พบกับลุงเสด

    ส่วนคนที่หลงเข้าไปได้ ๔ - ๕ วัน นั้นก็มีอยู่บ่อยครั้งซึ่งเคยเดือดร้อนไปถึงชาวบ้านเสียการงานเข้าไปเสาะหามาได้ บางรายยกมือไหว้ท่วมหัวกลัวชาวบ้านแช่งด่าว่าเข้าไปหาที่ตาย...



    <CENTER>[​IMG]
    เสาหลักกำหนดอาณาเขตทางเข้าเมืองลับแล... </CENTER>
    เรื่องที่ ๒
    ครั้งหลังจากที่ลุงเสดคนก่อนหายตัวไปไม่นานนักก็เกิดเร่องคนหายอีกครั้ง เป็นชายวัยกลางคนชื่อ"เส็ด" เป็นพรานล่าเนื้อ ชายคนนี้มีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่แม่ก๊ะ อำเภอเชียงดาว ได้หายไปในถ้ำทำนองเดียวกันอีก ๓ - ๔ เดือน ถึงแม้ลูกเมียจะช่วยกันค้นหาลูกเมียสักเท่าใดก็ไม่พบ จนถึงกับต้องไปหาหมอไสยศาสตร์ทำพิธีร้องเรียกให้กลับมา ​

    เมื่อเทพเจ้าภายในถ้ำเชียงดาวทราบว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้องและลูกเมียของชายผู้นี้ได้ทำพิธีเรียกร้องให้กลับบ้าน เทพเจ้าจึงปล่อยให้เขากลับบ้านแต่ว่ามีข้อแม้ว่าต้องทำงานหนึ่งให้ท่านก่อนจึงค่อยกลับบ้านได้ คือให้ไปเชิญเทพเจ้าทั้งหลายที่สถิตณะที่ดอยจอมหด ร่วมมากินเลี้ยงกับเทพเจ้าที่ดอยหลวงเชียงดาวและดอยนาง ​

    ขณะที่ลุงเส็ดกำลังเดินทางไปทำธุระให้กับเทพเจ้าที่ดอยจอมหดนั้น เมื่อถึงกลางทางตรงแม่น้ำปิงระหว่างท่าวังขอน พอดีลุงเส็ดได้เดินไปพบกับลุงสันผู้เป็นน้องชายโดยบังเอิญกับเพื่อนบ้านอีก ๒ - ๓ คน เมื่อลุงสันได้พบกับพี่ชายดังนั้น จึงพากันร้องทักและวิ่งไล่สกัดจับตัวลุงเส็ดไว้ไม่ให้เดินต่อไป​

    แต่ลุงเส็ดขอร้องและพูดกับน้องชายว่า "ปล่อยให้ข้าไปทำธุระให้กับเทพเจ้าของข้าให้เสร็จก่อน แล้วข้าจะกลับไปบ้าน" แต่ลุงสันผู้เป็นน้องชายกับเพื่อนบ้านไม่ยอม เกรงว่าจะเป็นดังเช่นลุงเสดคนก่อน จึงพากันจับตัวลุงเส็ดนำกลับบ้าน ​

    เมื่อไปถึงบ้านลุงเส็ดได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับเพื่อนบ้านและน้องชาวของตนฟังว่า "ขณะที่เดินทางไปถึงหน้าถ้ำ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าประตูถ้ำ มีความคิดอยากที่จะเข้าไปดูในถ้ำ แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะใช้เป็นแสงสว่างส่องเข้าไปได้ พลางนึกถึงอยู่เช่นนั้นขณะหนึ่ง พลันเท้าของเขาก็เดินย่างก้าวเข้าไปในถ้ำโดยทีไม่รู้ตัว ยิ่งเดินเข้าไปาทงก็ยิ่งสว่างเหมือนกันที่เราอยู่ข้างนอกที่มีแสงพระอาทิตย์ ยิ่งเดินยิ่งเพลิน และลืมไปหมดทุกอย่างแม้กระทั้งความหิว ตลอดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องและลูกเมีย"

    แล้วลุงเส็ดก็ได้เล่าต่อไปอีกว่าหลังจากหยุดพักเหนื่อยและดื่มน้ำเข้าไป ๑ ขัน เมื่อเดินเข้าไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายวังของพระเจ้าแผ่นดิน และมีเทพเจ้ามากมายได้พูดกับเขาว่า "ให้เจ้าอยู่กับเราที่นี่นะ เราจะให้ความสุขแก่เจ้าทุกอย่าง ตลอดจนการอยู่การกิน เราจะมิให้เจ้าต้องได้รับความเดือนร้อน"

    หลังจากที่ลุงเส็ดได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ พ่อแม่พี่น้อง ลูกเมีย และเพื่อนบ้านฟังแล้วไม่นานต่อมาเขาก็อพยพโยกย้ายครอบครัวพร้อมทั้งพ่อแม่พี่น้องของเขาไปอยู่ที่บ้านถ้ำ(หมู่บ้านใกล้บริเวณหน้าถ้ำเชียงดาวในปัจจุบัน) และสิ้นชีวิตในหมู่บ้านถ้ำนั่นเอง... ​


    <CENTER>[​IMG]
    เจดีย์ปริศนา ๔ หลังที่ปั้นขึ้นโดยชาวพม่า... </CENTER>
    เรื่องที่ ๓
    อนึ่งเรื่องของคนที่หายเข้าไปในถ้ำแห่งนี้มีอีกเรื่องหนึ่งที่พอจะนำมาเล่าให้ฟังกันได้ ​

    เมื่อปี ๒๕๑๕ มีชาวบ้านอำเภอแจ้ห่ม เป็นคนจังหวัดลำปางอายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ ชื่อลุงจ๋อม(ไม่ทราบนามสกุล) ได้มาเที่ยวชมถ้ำเชียงดาว และเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปที่บริเวณปล่องแจ้ง(ใกล้ประตูถ้ำ) โดยได้ซื้อดอกไม้ธูปเทียน ติดมือเข้าไปด้วย พรอ้มกับเทียนไขชนิดยาวหนึ่งห่อมี ๘ เล่ม และได้นำร่มไปฝากกับแม่ค้าดอกไม้ไว้ที่ศาลาหน้าถ้ำ ​

    เวลาบ่ายประมาณ ๑๖ นาฬิกาซึ่งขณะนั้นผู้คนที่มาเที่ยวได้ทยอยออกจากปากถ้ำกันเกือบหมดแล้วรวมทั้งลุงจ๋อมก็ได้เดินออกมาด้วย แล้วจึงได้เดินกลับเข้าถ้ำไปอีกแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลานาน​

    ใกล้มืดแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียนจึงได้พากันกลับเพราะคิดว่าลุงจ๋อมคงจะเข้าไปนั่งภาวนาในถ้ำอีกไม่นานคงจะออกมา ครั้นวันรุ่งขึ้นบรรดาแม่ค้าดอกไม้มาเปิดร้านขายของอีก ก็ยังพบห่อผ้าและร่มที่ลุงจ๋อมฝากไว้อยู่ที่เดิม จึงพากันเข้าใจว่าลุงจ๋อมต้องหลงถ้ำอย่างแน่นอน จึงพากันไปกราบเรียนหลวงพ่อทองดำ เจ้าอาวาสวัดเชียงดาว พร้อมกับเล่าเรื่องของลุงจ๋อมให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง ​

    และพร้อมกันนั้นท่านจึงให้คนไปตามผู้ใหญ่บ้านมา แล้วสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านจุดตะเกียงเจ้าพายุนำชาวบ้าน ๗ - ๘ คนเข้าถ้ำไปค้นหาคณะของผู้ใหญ่บ้านเข้าไปยังถ้ำๆ หนึ่งชื่อถ้ำม้า แล้วพากันแยกย้ายดูตามซอกถ้ำต่างๆตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ​

    ชาวบ้านจึงยังค้นหาต่อไปอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร(วัดจากปล่องแจ้งเข้ามาด้านใน) จึงพบตัว ลุงจ๋อมนอนหายใจแขม่วๆ ตรงซอกถ้ำแห่งหนึ่ง เสื้อผ้าที่สวมใสเปียกชุ่มไปหมด ร่างกายเย็นเฉียบ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันประคองตัวออกมา ​

    เมื่อพาตัวออกมาแล้วจึงพากันปฐมพยาบาลหาน้ำและอาหารมาให้ พอหายจากอาการอ่อนเพลียผู้ใหญ่บ้านจึงสอบถามถึงสาเหตุที่เข้าไปหลงอยู่ในถ้ำม้า ลุงจ๋อมให้เล่าให้ทุกคนฟังว่า ​

    "ลุงทราบข่าวจากอำเภอเชียงดาวว่ามีถ้ำเป็นถ้ำที่สวยงามมาก พร้อมกับมีของโบราณเก่าแก่มากมาย อยากจะเห็นและมานมัสการกราบไหว้บูชา จึงตัดสินใจบอกลูกหลานออกจากบ้าน ตีตั๋วรถไฟมาลงเชียงใหม่ แล้วต่อรถยนต์จากเชียงใหม่มาลงปากทางเข้าถ้ำ เวลาประมาณบ่าย ๒ โมง แวะซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่หน้าถ้ำ พร้อมกับฝากผ้าห่มและร่มที่จะนำไปเป็นของฝาก แล้วก็เข้าไปกราบไหว้พระที่ปล่องแจ้ง

    หลังจากเดินลงบันไดมา ลุงก็พบกับทางแยกที่จะเข้าไปในถ้ำที่หลง ซึ่งเวลานั้นลุงเหลือเทียนเพียง ๖ เล่ม คิดว่าจะจะเข้าไปได้และกลับออกไปได้ก่อนที่เทียนจะหมด เมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงเดินเข้าไป ยิ่งเดินก็ยิ่งมีทางเข้าไปเรื่อยๆ และเป็นทางที่ไปอย่างสะดวกสบายไม่ขรุขระ หรือลำบากดังเช่นขากลับ! ที่ลูกหลานเข้าไปนำตัวลุงออกมา

    ขณะที่เดินไปถึงที่แห่งหนึ่ง จำได้ว่าเป็นเสียงน้ำไหลอยู่ข้างล่าง และลุงคิดจะกลับ เหลือเทียนไขในมืออยู่แค่ ๒ เล่ม จึงเดินกลับออกมา เมื่อถึงกลางทางลุงเห็นมีสองทางข้างหน้า จึงทำให้ลุงสงสัยว่าทางไหนหนอที่จะเป็นทางออกไปข้างนอกได้จึงหวนกลับออกมาทางเดิม

    พอเดินมาถึงครึ่งทางเทียนไขก็ดับลง เมื่อเทียนไขดับหมดก็คลำทางหาทางออก พยายามเท่าไหร่ก็หาไม่พบทางที่จะออกมาได้ เพราะมันมืดไปหมด จนกระทั่งรู้สึกหิวและอ่อนเพลียมาก เมื่อกระหายน้ำลุงก็เอาลิ้นไปเลียกินน้ำตามที่มันหยดลงมาจากหินย้อย

    เมื่อหมดแรงลุงก็นอนอยู่ตรงนั้นและนอนรอความตายหรือเผื่อจะมีคนเดินเข้าไปทางนั้นบ้าง เพื่อจะได้นำลุงออกมา จนกระทั่งเผลอหลับไปด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง รู้สึกตัวอีกทีได้ยินเสียงลูกหลานพูดกัน พร้อมกับเห็นแสงสว่างของตะเกียงเจ้าพายุ ๓ - ๔ ดวงที่ลูกหลานทั้งหลายตามไปนำตัวลุงออกมาได้..สาธุ" แกพูดพร้อมกับยกมือไว้ท่วมหัว.. ​

    หลังจากแกเล่าจบแล้ว แกก็ขอตัวไปกราบนมัสการหลวงพ่อทองคำยังกุฏิของท่าน และหลวงพ่อท่านก็นำมาฝากกับเจ้าของรถยนต์ที่นำคณะทัศนาจรไปเที่ยวถ้ำ เพื่อให้ไปลงยังลานจอดรถในเมืองเชียงใหม่ให้แกได้กลับบ้าน....

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก เว็บ แดนนิพพาน.คอม

    อาจเป็นประโยชน์แก่คนที่คิดจะหลบภัยในถ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    รออ่านอยู่ครับ

    เพราะในทริปเชียงใหม่ ตัวผมเอง พระท่าน ได้สั่งว่า ต้องไปที่ถ้ำเชียงดาวแห่งนี้ให้ได้ แต่ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด

    ตอนนี้เลยพอจะเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้รำไร ๆแล้วครับ

    ขอข้อมูลเพิ่มเพื่อเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นด้วยครับผม
     
  7. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    กรณีศึกษา
    วิธีเข้าแดนลับแลของ หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี

    [​IMG]
    ถ้ำมืดชาวบังบด

    เมื่อหลายปีที่ผ่านมา หลวงปู่คำคะนิงได้ทราบจากคำเล่าลือของชาวบ้านและพระธุดงค์ว่า ณ ที่ถ้ำมืดใกล้กับภูปัง ฝั่งไทยเขตโขงเจียม อยู่เลยอำเภอบ้านด่านขึ้นไปทางเหนือนั้น เป็นถ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  8. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    มีอีหยังขอเบิ่งแหน่

    หลวงปู่คำคะนิงจึงกำหนดจิตอธิษฐานว่า "สาธุ นโม อันว่านมัสการแด่พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ อันเป็นสรณะที่พึ่งประเสริฐสูงสุด อาตมาภาพจักขออนุญาตเข้าไปในถ้ำสถานอันลึกลับแห่งนี้

    ขอปวงเทพเจ้าทั้งหลาย อันมีเจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าถ้ำ ตลอดจนยักษ์ คนธรรพ์ และพญานาคทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ ณ ถ้ำสถานแห่งนี้ จงได้รับทราบและเปิดทางสะดวกให้แก่อาตมาภาพด้วยเถิด

    อาตมาภาพอยากจะขอเข้าไปดูชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นวาสนาบุญหูบุญตาม ถ้าหากมีจริงก็ขอให้ได้ดูชมสมใจ มิได้มีเจตนาโลภโมโทสันอยากได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือทรัพย์สมบัติของพวกท่านแต่ประการใดเลย "

    เมื่ออธิษฐานจบแล้ว หลวงปู่คำคะนิงก็จุดเทียนเล่มใหญ่ที่เตรียมมาในย่ามหลายห่อ แล้วมุดคลานเข้าไปในรูดำมืดนั้น เข้าไปลึกประมาณสองร้อยวาก็ทะลุออก คูหาถ้ำข้างในเป็นถ้ำกว้างประมาณห้าวา เพดานสูง มีหินย้อยจากเพดานและผนังถ้ำสีขาวหม่น ๆ งดงาม บ้างเป็นพู่พวงห้อยลงมาคล้ายม่านหรือโคมระย้า พื้นถ้ำเป็นตระพักซ้อนขึ้นไปมีขั้นบันไดธรรมชาติ

    บนตระพักนั้นเป็นแอ่งน้ำใสแจ๋วปานกระจกมีหินรูปร่างคล้ายจระเข้แช่ขวางอยู่ในแอ่งน้ำ ถัดลึกเข้าไปมองเห็นปากอุโมงค์ดำมืดพอที่จะคลานมุดเข้าไปได้ก็ปรากฏว่าตรงกับนิมิตในสมาธิเป็นความจริงทุกประการ

    หลวงปู่คำคะนิงจึงเดินลุยลงไปในแอ่งน้ำนั้นซึ่งลึกแค่เอว พอไปถึงจระเข้หินจึงปีนป่ายขึ้นหลังมันเพื่อจะข้ามไป

    แต่เป็นที่น่าประหลาดว่าจระเข้หินนั้นเคลื่อนไหวได้ มันยกตัวลอยสูงขึ้นเหนือน้ำปิดทากอุโมงค์ไว้ เอ๊ะ...นี่มันยังไงกัน ? หลวงปู่คำคะนิงแปลกใจ จึงลองเอาเท้าแหย่เข้าไปใต้ท้องจระเข้หินดูทำท่าคล้ายจะมุดลอดใต้ท้องมันไป
    แปลกอีกแล้ว จระเข้หินก็จมตัวลงในน้ำไม่ยอมให้มุดลอดไปอีก นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว ต้องเป็นสิ่งลึกลับอาถรรพณ์คอยพิทักษ์รักษาปากถ้ำไว้เป็นแม่น มั่น

    ท่านจึงกำหนดจิตอธิษฐานขึ้นดัง ๆ ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  9. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    เมืองใต้พิภพ

    ไปเรื่อย ๆ 3 วัน 3 คืน ไม่ได้ฉันข้าวน้ำอะไรเลย แต่ไม่รู้สึกหิวโหยอ่อนเพลียแต่ประการใด กลับมีแต่ความรู้สึกอันสดชื่นเบิกบาน ร่างกายกระชุ่มกระชวยผาสุก อุโมงค์และคูหาถ้ำน้อยใหญ่ที่พญางูใหญ่นำเที่ยวดูชม ล้วนงามรุ่งเรืองตระการตา ทำให้เพลิดเพลินเจริญใจจนลืมเวล่ำเวลาที่ผ่านไปไม่รู้ตัว

    จนกระทั่งมาถึงแม่น้ำสายหนึ่งไหลเอื่อยอยู่ใต้พิภพ น้ำไม่ลึกมองเห็นกรวดทรายสีต่าง ๆ ระยิบระยับอยู่ใต้ขึ้นน้ำที่ใสกระจ่างปานกระจก พญางูใหญ่เลื้อยปราดลงไปในแม่น้ำแล้วหายวับไป. จะว่ามุดน้ำหนีไปก็ไม่ใช่เพราะจับตาดูอยู่ เป็นการหายไปเฉย ๆ คล้ายแสงไฟดับยังงั้นแหละ

    แต่พอหลวงปู่คำคะนิงขึ้นถึงฟากฝั่งตรงข้ามก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า มีรอยมนุษย์เพิ่งขึ้นจากน้ำไปใหม่ ๆ รอยนั้นเปียกน้ำอยู่ แต่ไม่เห็นตัวคน

    พลันหลวงปู่คำคะนิงก็ล่วงรู้ได้ด้วยญาณว่า แม่น้ำสายนี้ เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ขวางกั้นด่านชั้นในเข้าสู่เมืองพญานาคใต้พิภพ เมื่อพวกพญานาคหรืองูใหญ่เลื้อยลงสู่แม่น้ำนี้แล้ว จะกลายร่างจากงูใหญ่เป็นร่างมนุษย์ไปในบัดดล

    แน่แล้วพญางูผู้นำทาง จะต้องเป็นเจ้าของรอยเท้ามนุษย์เปียกน้ำ ท่านจึงออกเดินสะกดรอยนั้นไป แต่เพื่อป้องกันหลงทางในตอนขากลับ จึงได้เก็บเอาก้อนหินมาวางไว้เป็นเครื่องหมาย

    เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นคูหาถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล เพดานถ้ำอยู่สูงลิ่วเป็นรูปโค้งคล้ายท้องฟ้าจำลอง แสงสว่างรุ่งเรืองสดใสคล้ายอาบด้วยละอองสีทอง ทำให้จีวรย้อมฝาดของหลวงปู่กลายเป็นสีทองเข้ม ไหลออกไปสุดสายตาเป็นแสงสว่างสีชมพูอ่อน ๆ สลัวหมอกมัวมองไม่ทะลุ

    ภายในคูหาถ้ำแห่งนี้มีพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่สูงลิบลิ่ว เป็นทองคำทั้งแท่ง สุกปลั่งอร่ามพร่างพราย ชวนให้ตะลึงลาน รอบ ๆ องค์มหาเจดีย์ทองคำมีพระพุทธรูปทองคำตั้งเรียงรายไว้เป็นชั้น ๆ มากมายสุดคณานับ แต่ละชั้นทำด้วยหินผลึกสลักลายทองคำลวดลายละเอียดยิบ กระถางธูปและเชิงเทียนตั้งเรียงราย ตัว กระถางเป็นสีมรกตจางใสโตขนาดช่วงแขนโอบ

    ภายในกระถางบรรจุไว้ด้วยทรายทองคำเต็มสำหรับปักธูปซึ่งจุดส่งควันกรุ่น มีกลิ่นหอมตลบอบอวลชื่นใจ เชิงเทียนเป็นมณีแดง เทียนที่จุดมีทั้งเทียนขาว เหลือง แดง

    ถัดออกไปเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบพระมหาเจตีย์ กำแพงแก้วฝังไว้ด้วยเพชรเม็ดใหญ่ ๆ ตามลวดลายกนกส่องแสงวุบวับเป็นประกายดุจดวงดาวนับหมื่นนับแสนดวงมาประดับไว้ ณ ที่นั้น

    นอกกำแพงแก้วออกไปเป็นมหาวิหารคด และพระอุโบสถสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวประดับลวดลายด้วยเส้นลายทองคำฝังแก้วเจ็ดประการงามรุ่งเรืองวิจิตรพิสดารน่ามหัศจรรย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  10. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    ดาบสฤๅษี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  11. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    กฎลึกลับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2007
  12. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    สงสัยว่า ผ้าทิพย์ตามตำนานถ้ำเชียงดาว จะมีคุณสมบัติในการต้านทานพิษพระยานาค คล้ายธาตุชนิดหนึ่งบนดาวจามร(ตามหนังสือจุไรท่องเที่ยวดวงดาว)ที่ต่อต้านพิษกัมมันตรังสีได้ หากว่าเข้าไปถึงบ้านลับแลแล้ว ถ้าจะอาศัยอยู่ในที่นั้น หากไม่เปลี่ยนไปสวมใส่ผ้าทิพย์ คงจะต้านทานพิษพระยานาคไม่ไหวกระมัง.
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอคั่นรายการ เป็นฟอร์เวิดด์เมล์จากเปี๊ยกเกียร์ครับผมเพื่อนๆ ที่รัก มีคนแถวบ้านเขาเล่าว่า มีท่านผู้หนึ่งที่ปฏิบัติธรรมนั่งวิปัสสนา เขาทำนายว่าจะมีน้ำป่าไหลมาพัดชาวบ้านตายที่ตรัง และมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 13 เมษา ที่น้ำตกสายรุ้ง และเขายังได้ทำนายอีกว่า จะมีซึนามิที่อ่าวไทยเดือน กรกฏาคม - สิงหาคม ตั้งแต่สมุทรสาคร ลงมาถึงปัตตานี เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่น้ำตกสายรุ้งมันก็เกิดขึ้นแล้ว ขอให้เพื่อนๆ ที่มีคนรู้จัก ญาติ คนรัก อยู่ริมทะเล ทำงานใกล้ทะเล เช่น หัวหิน ชะอำ สมุย หรือวางแผนไปเที่ยวทะเลในช่วงกค.-สิงหา ระวังตัวด้วย อย่าชะล่าใจ เพราะระบบสัญญาณเตือนภัย ในแถบอ่าวไทยยังไม่สมบูรณ์และไม่เคยมีการซ้อม หนีภัยซึนามิ เขากลัวกันเฉพาะทางอันดามัน ช่วงต้นเมษา มีแผ่นดินไหวที่ทะเลญี่ปุ่น 6 ริกเตอร์ แต่ลึก 130 กม. ซึ่งลึกมาก และมีการไหวต่อเนื่องตลอด บอกข่าวนี้ต่อๆ กันไป ไม่ใช่ให้กลัว แต่ให้ระวังตัว ไม่ประมาท รักนะจึงบอกต่อ
     
  14. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    เอามาจาอีเมลที่ส่งต่อๆกันมาไม่รู้ใครส่งมา
    ไม่รู้แหล่งที่มา

    เพื่อนๆ ที่รัก

    มีคนแถวบ้านเขาเล่าว่า มีท่านผู้หนึ่งที่ปฏิบัติธรรมนั<WBR>่งวิปัสสนา เขาทำนายว่าจะมีน้ำป่าไหลมาพ<WBR>ัดชาวบ้านตายที่ตรัง และมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่<SCRIPT><!--D(["mb","\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\> \u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>13\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>\u003cspan\>\u003c/span\>เมษา ที่น้ำตกสายรุ้ง\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>และเขายังได้ทำนายอีกว่า จะมีซึนามิที่อ่าวไทยเดือน กรกฏาคม - สิงหาคม ตั้งแต่สมุทรสาคร \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\n\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>\nลงมาถึงปัตตานี เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่น้ำตกสายรุ้งม\u003cWBR\>ันก็เกิดขึ้นแล้ว \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>ขอให้เพื่อนๆ ที่มีคนรู้จัก ญาติ คนรัก อยู่ริมทะเล\n\u003c/span\> \u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>",1]);//--></SCRIPT> 13 เมษา ที่น้ำตกสายรุ้ง และเขายังได้ทำนายอีกว่า จะมีซึนามิที่อ่าวไทยเดือน กรกฏาคม - สิงหาคม ตั้งแต่สมุทรสาคร ลงมาถึงปัตตานี เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่น้ำตกสายรุ้งม<WBR>ันก็เกิดขึ้นแล้ว ขอให้เพื่อนๆ ที่มีคนรู้จัก ญาติ คนรัก อยู่ริมทะเล <SCRIPT><!--D(["mb","\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>ทำงานใกล้ทะเล เช่น หัวหิน ชะอำ สมุย\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\> \u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>\nหรือวางแผนไปเที่ยวทะเลในช่วงกค\u003cWBR\>.-สิงหา\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan\>\u003c/span\> \u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\n\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>ระวังตัวด้วย อย่าชะล่าใจ เพราะระบบสัญญาณเตือนภัย\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>ในแถบอ่าวไทยยังไม่สมบูรณ์และไม\u003cWBR\>่เคยมีการซ้อม \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>\nหนีภัยซึนามิ เขากลัวกันเฉพาะทางอันดามัน\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\> \u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\n\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>ช่วงต้นเมษา มีแผ่นดินไหวที่ทะเลญี่ปุ่น",1]);//--></SCRIPT>ทำงานใกล้ทะเล เช่น หัวหิน ชะอำ สมุย หรือวางแผนไปเที่ยวทะเลในช่วงกค<WBR>.-สิงหา ระวังตัวด้วย อย่าชะล่าใจ เพราะระบบสัญญาณเตือนภัย ในแถบอ่าวไทยยังไม่สมบูรณ์และไม<WBR>่เคยมีการซ้อม หนีภัยซึนามิ เขากลัวกันเฉพาะทางอันดามัน ช่วงต้นเมษา มีแผ่นดินไหวที่ทะเลญี่ปุ่น<SCRIPT><!--D(["mb","\u003c/span\>\u003c/font\>\n\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n6\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\> \u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>\n\u003cspan\>\u003c/span\>ริกเตอร์\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>แต่ลึก\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\> \u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>130\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>กม. ซึ่งลึกมาก และมีการไหวต่อเนื่องตลอด\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\n\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>บอกข่าวนี้ต่อๆ กันไป ไม่ใช่ให้กลัว แต่ให้ระวังตัว ไม่ประมาท \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cfont size\u003d\"4\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-size:13.5pt\"\>",1]);//--></SCRIPT> 6 ริกเตอร์ แต่ลึก 130 กม. ซึ่งลึกมาก และมีการไหวต่อเนื่องตลอด บอกข่าวนี้ต่อๆ กันไป ไม่ใช่ให้กลัว แต่ให้ระวังตัว ไม่ประมาท <SCRIPT><!--D(["mb","\n\u003c/span\>\u003c/font\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"Cordia New\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\u003cbr\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic\"\>\n\u003cbr\>\u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cb\>\u003ci\>\u003cfont face\u003d\"FreesiaUPC\" color\u003d\"red\" size\u003d\"6\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-weight:bold;font-size:24pt;color:red;font-style:italic;font-family:FreesiaUPC\"\>รักนะจึงบอกต่อ\u003c/span\>\u003c/font\>\n\u003c/i\>\u003c/b\>\u003cfont size\u003d\"4\"\>\u003cspan lang\u003d\"TH\" style\u003d\"font-size:13.5pt\"\> \u003c/span\>\u003c/font\>\u003c/p\>\u003cspan\>\u003c/span\>\u003c/div\>\u003c/div\>\u003c/td\>\u003c/tr\>\u003c/tbody\>\u003c/table\>\u003c/div\>\u003c/div\>\n",0]);D(["ce"]);//--></SCRIPT>

    รักนะจึงบอกต่อ
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [​IMG] สาธุ ขอภาวนาอย่าได้เกิดเหตุร้าย ใดๆ ในผืนแผ่นดินสยามประเทศนี้อีกเลย มาช่วยกันสวดภาวนามากๆ นะครับ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีข่าวจาก Falkman ด่วนครับ

    <DIR>พายุฤดูร้อนที่เป็นพายุหมุนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตร พัดผ่านพื้นที่หมู่ที่ 4 7 และ 2 ตำบลวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้บ้านพังทันที 2 หลัง และเกิดความเสียหายอีกประมาณ 10 หลัง นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย โดยขณะนี้หน่วยกู้ภัยของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสถานภัยเขต 4 ได้เดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว
    </DIR>
     
  17. AJ-Recca

    AJ-Recca เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +518
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>"ลางร้ายดวงเมือง" เมื่อ...ฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ</TD></TR><TR><TD vAlign=top>8 พฤษภาคม 2550 21:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]



    เดือนพฤษภาคมนี้ โหรการเมือง และโหรสำนักต่างๆ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ออกมาทำนายดวงเมืองในห้วงเดือนพฤษภาคมว่า จะเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ซึ่งถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง และเป็นจุดด่างดำของประวัติศาสตร์การเมืองไทย[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการทำนายดวงเมืองต่างๆ นานานั้น[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ เมษายน ตรงกับขึ้น ๑๐ ค่ำ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เดือน ๖ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เกิดเหตุการณ์ช่อฟ้าวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ต้องอสุนีบาต หรือฟ้าผ่า หักโค่นลงมา[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ในมุมของนักวิทยาศาสตร์อาจจะมองว่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่ในมุมมองของโหราศาสตร์[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]กลับมีมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ ฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย บุคคลในสถาบันศาสนา ซึ่งเป็นหลักของชาติจะมีอันเป็นไป[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โดยแต่ละคนมีมุมมองที่น่าสนใจดังนี้[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โหรลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "โหรฟันธง"[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]บอกว่า เหตุฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ นักโหราศาสตร์ถือว่าเป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โดยเฉพาะจะเกิดภัยกับพระพุทธศาสนา จะมีการสูญเสียพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]หรือพระสงฆ์ที่มีผู้นับถือมากๆ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ขณะเดียวกันก็จะเกิดความขัดแย้งของคนในชาติอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]หากศึกษาประวัติศาสตร์ เคยเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ๒ ครั้ง คือ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ครั้งที่ ๑ใน พ.ศ. ๒๒๔๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปของวิหารพระมงคลบพิตร[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ต้องอสุนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เหตุการณ์นั้นเกิดก่อนที่จะเสียกรุงครั้งที่ ๒ ส่วนครั้งที่ ๒[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ในจดหมายเหตุความทรงจำของ กรมหลวงนรินทรเทวี ที่จดไว้ว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] "[/FONT]ณ วันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีระกา เอกศก (จ.ศ. ๑๑๕๑) เพลาบ่าย ๓ โมง ๖[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]บาท อสุนีบาตพาดสายตกติดหน้าบันมุขเด็จเบื้องทิศอุดร ไหม้ตลอดทรงบนปราสาท[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ปลายหักฟัดฟาดลงพระปรางค์ซ้ายเป็น ๒ ซ้ำลงซุ้มพระทวาร แต่จำเพาะไหม้[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]พระโองการตรัสว่า เราได้ยกพระไตรปิฎก[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เทวดาให้โอกาสแก่เราต่อเสียเมืองจึงจะเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน ๗ ปี ๗[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์ เมืองจะถาวรลำดับกษัตริย์ถึง ๑๕๐ ปี"[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]คำพยากรณ์นี้ปรากฏผลถูกต้องสมจริงเป็นที่ประจักษ์ทุกประการ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เมื่อคณะราษฎร์ทำการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จ ในวันที่[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]๒๔ มิถุนายน[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]๒๔๗๕ เป็นช่วงเวลาที่ รัชกาลที่ ๗ เสวยราชย์เข้าปีที่ ๗[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ในปีที่อายุเมืองครบ ๑๕๐ ปีพอดี[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]สำหรับประโยคที่นักโหราศาสตร์นำมาตีความนั้น โหรลักษณ์ บอกด้วยว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] "[/FONT]ต่อเสียเมืองจึงจะเสียปราสาท" โดยตีความว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]รัชกาลที่ ๑ พระองค์ไม่ได้นิ่งนอนพระราชหฤทัย มีการแก้เคล็ด โดยเร่งบำรุงพระศาสนา[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โดยการสร้างและบูรณะวัดรอบเมือง และเมื่อเกิดสงครามเก้าทัพพระองค์ก็ทรงมีชัย[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] "[/FONT]ในอดีต พระมหากษัตริย์เป็นผู้แก้เคล็ด[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]แต่ในปัจจุบันการเมืองการปกครองเปลี่ยนไป ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองสูงสุดในขณะนี้[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]คือ นายกรัฐมนตรี สิ่งหนึ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ต้องบำรุงพระศาสนา[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]จัดอบรมปฏิบัติธรรมรอบเมือง ทำบุญสืบชะตาเมือง" โหรลักษณ์ กล่าวแนะนำ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ในขณะที่ พระครูภาวนาวรานุศาสก์ หรือ หลวงพ่อสิงห์ เจ้าคณะตำบลบางม่วง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]และเจ้าอาวาสวัดสัจจธรรมาราม (วัดไผ่เหลือง) ที่ว่า ฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ถือว่าเป็นเหตุผิดปกติวิสัย เพราะปกติแล้ว ตามโบสถ์วิหารของวัดต่างๆ จะมีสายล่อฟ้า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]อยู่สูงกว่าช่อฟ้าใบระกา เพื่อป้องกันฟ้าผ่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โอกาสที่จะเกิดฟ้าผ่าเกือบจะเท่ากับศูนย์ ฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ครั้งนี้ตามตำราโหราศาสตร์เชื่อว่า จะมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมือง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โดยเฉพาะประเด็นการสูญเสียบุคคลสำคัญในสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะวงการคณะสงฆ์[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ถึงกับต้องสูญเสียพระผู้ใหญ่[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือ ชื่อของ วัดกัลยาณมิตร[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ถือว่าเป็นชื่อแห่งความสามัคคีของหมู่มิตรที่ดี และฟ้ามาผ่าช่อฟ้า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่สูงสุด ถือว่าเป็นลางร้ายซ้อนลางร้าย จึงมีการทำนาย ๒ ประเด็น[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]คือ ๑.จะมีความแตกแยกเกิดขึ้นในหมู่มิตร และ ๒.จะมีการสูญเสียของที่อยู่สูงสุด[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ทั้งนี้หากไม่เร่งรีบแก้เคล็ด อาจจะเกิดเหตุการณ์ร้ายตามคำทำนายได้[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] "[/FONT]ถ้าฟ้าผ่าวัดอื่นอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ฟ้าผ่าพระอารามหลวง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]วัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]บุคคลที่รับผิดชอบจะมองข้ามว่า เรื่องฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เป็นเหตุธรรมชาติไม่ได้" หลวงพ่อสิงห์ กล่าว[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ด้าน[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]นายกิจจา ทวีกุลกิจ หรือ "หมอนิด" โหรการเมืองชื่อดัง กล่าวเสริมว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เป็นการบ่งบอกว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]น่าจะมีเหตุสำคัญถึงกับต้องสูญเสียพระผู้ใหญ่ในวงการสงฆ์ที่ทุกคนเคารพ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง อันเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั้งประเทศ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ถ้าไม่สูญเสียอาจจะต้องเจ็บป่วยหนัก ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรคิดว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติปกติธรรมดา เหตุฟ้าผ่าวัดโบราณ คู่บ้านคู่เมือง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ไม่ใช่เรื่องปกติ ที่สำคัญคือ ทั้งชื่อของวัดที่เป็นมงคล[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]รวมทั้งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหลวง ถือว่าเป็นเหตุอาเพศ[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ทั้งนี้ "หมอนิด" เสนอแนะว่า ให้พระชั้นผู้ใหญ่ ๔ รูป ประกอบพิธีสวดถอน[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]จากนั้นให้สวดมนต์ในบท พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ต่อด้วยพระคาถาพาหุง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ปิดท้ายด้วยการสวดชยันโต ทั้งนี้จะแทรกด้วยบทอื่นๆ ด้วยก็ดี เช่น[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]บทที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าชนะมาร อย่างไรก็ตาม[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]หากผู้รู้มีวิธีแก้เคล็ดเกี่ยวเหตุอาเพศดังกล่าว ก็ถือว่า เป็นเรื่องที่ดี[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]จะได้ช่วยบรรเทาเหตุร้าย ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้กลับกลายเป็นเบา[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]นอกจากนี้แล้ว[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]พระครูสุนทรสิทธิการ (สุคนธ์ สุคนฺธธโร) หรือ พระมหาสุคนธ์[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]การตีความเรื่องฟ้าผ่าช่อฟ้าวัดกัลยาฯ ตีความได้หลายมุม[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]โดยส่วนหนึ่งจะไปสอดคล้องกับคำพยากรณ์ที่ว่า "ปี ๒๕๕๐[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]จะมีการสูญเสียพระผู้ใหญ่ในวงการสงฆ์"[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]ทั้งนี้ตามตำราโหราศาสตร์[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]เมื่อดาวพฤหัสเป็นมรณะกับดวงเมือง ในขณะที่ดาวเสาร์ทับกับดาวจันทร์[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT]จะมีการพยากรณ์ว่า นักบวชและพระผู้ใหญ่จะมรณะเป็นใบไม้ร่วง[FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]0 [/FONT]เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ประเสริฐ เทพศรี [FONT=Tahoma, MS Sans Serif,Verdana]0 [/FONT]
     
  18. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เมื่อสามดวงดาวเรียงตัวในระนาบเดียว อันหมายถึง โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์


    ส่งผล เกิดแรงดึงดูดมหาศาลต่อรอยเลื่อนมีพลังแห่งพื้นพิภพ เป็นเหตุแผ่นดินไหว ก่อนเกิดน้ำทะเลหนุนเป็นปัจจัยเสริม
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    ซึนามิ เกิดฝั่งอ่าวไทยได้นะครับ เพราะเมื่อสี่ห้าเดือนก่อน กรมประชาสัมพันธ์ออกข่าวไปทั่วประเทศเวลาประมาณ 15.00 น. ว่า ให้ระวังสึนามิฝั่งอ่าวไทยด้วย เนื่องจากหมู่เกาะทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์มีภูเขาไฟอาจระเบิดอยู่ 3-4 ลูก อยู่ใต้ทะเล เมื่อแผ่นโลกเกิดการเคลื่อนตัว มันจะเป็นแนวคลื่นขนาดใหญ่ วิ่งพัด เข้าสู่อ่าวไทย แม้ว่าอ่าวไทยพื้นใต้ทะเลจะเป็นดินทรายเลน ไม่มีรอยแยก แต่กระแสน้ำมันพัดพาได้ครับ และหากคลื่นพัดมาฝั่งอ่าวไทยเมื่อหมู่เกาะตอนใต้ของฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว..จะมีคลื่นขนาดความสูงโดยประมาณ 15 เมตร พัดสู่ชายฝั่ง จะทำใหเกิดความเสียหายมากกว่าฝั่งอันดามันเนื่องจากฝั่งอ่าวไทยส่วนใหญ่แผ่นดินติดชายทะเลเป็นที่ราบ แนวคลื่นจะเข้าไปยังฝั่งได้ลึกกว่าฝั่งอันดามันที่มีแต่ภูเขาสูงจำนวนมาก รู้แล้วบอกให้ระวัง ไม่ต้องตกใจ โปรดสังเกตุดู โซมาเลีย ก็ไม่ได้อยู่แนวแผ่นดินไหวรอยแยกใหญ่ ๆ แต่ก็โดนคลื่นสึนามิเพราะว่า คลื่นมันวิ่งบนผิวน้ำ ข้ามทวีปได้ครับ

    จากคุณพูอ่ะ
    ที่มา http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9490000157701

    ส่วนภัยที่น่าสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่

    ๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีก เป็นล้านคน

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้ว ขอบเขตเท่านั้น คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง ที่เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรือง ถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้นได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการ ต่อการตัดสินใจ เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ ท่านเหล่านั้นปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง ส่วนลัทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ อ้างถึงพระศรีอาริยเมตไตรยเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะถึงทางตันที่ไม่สามารถแก้ไขให้พ้นทุกข์ไปได้ ทุกคนก็จะหันมาฝึกมโนมยิทธิสายวัดท่าซุงจนหมดสิ้น เพราะเห็น เข้าใจ ในเหตุ และผล ตลอดสายตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ส่วนการวางแนวทาง ในการปฏิบัตินั้นต้องอาศัยศิษย์วัดท่าซุงในประเทศไทยเป็นหลักในการเผยแพร่ส่วนความเพ้อฝันของบางคนที่ว่าจะเป็นคนมีเชื้อสายชาวต่างประเทศที่เป็นคนยุโรปนั้นอย่าได้หวังว่าจะมีปัญญาได้ถึงขนาดนั้น เพราะขาดการฝึกปรือ
    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แหล่งที่มาhttp://www.konmeungbua.com/webboard/...n.asp?GID=4858
     
  20. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    ทำไมต้องมาเกิดพร้อมกันในพ.ศ. 2550
     

แชร์หน้านี้

Loading...