ยำ...ปลาวาฬ...ที่ภูเก็ต...เป็นกรรมของเจ้าที่เจ้าทาง

เมื่อวาน2กพ.55ช่อง3 สรยุทธฯสัญจรไปภูเก็ต สัมภาษณ์คุณปลาวาฬ(ชื่อเล่น)และเพื่อนอีกสองคน ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาในพับภูเก็ต...
...ฟังว่า แกพาเพื่อนๆทั้งไทยและเทศไปเที่ยวตอนตี3ราวๆนี้...
...แล้วเกิดอะไรไม่ทราบ...พี่แกเล่าว่า...แกออกไปเต้นคนเดียวข้างๆลำโพง...พอดีเกิดมีแก้วหล่นแตก...แกก็หวังดี...กลัวคนเหยียบ...จึงใจดีช่วยเอาเท้าไปกวาดๆซ่อนไว้...ก็พอดีมีคนไม่ทราบจำนวน...มากดคอแก..มารุมยำแก...
ชุลมุลชุลเก...ไปสักพัก...แกโดนทั้งมีดแทง...ขวานจาม...ขวดทุบฯลฯ...
...แต่ด้วยชะตายังไม่ถึงฆาต...แกรอดออกไปได้...อย่างชนิดเจียนอยู่เจียนตายเลยทีเดียว....
...ฟังแล้วจึงรีบวินิจฉัยทันทีว่า....
...ตะแกฟังว่า...เป็นลูกคนรวย.ของภูเก็ต...พ่อแม่เป็นคนดีมีฐานะ....แต่แกทำไมดันไปเที่ยวและพาเพื่อนๆไปที่โลว์คอส...อย่างนั้น....ทำไม
...ประเด็นต่อไป...เราไม่รู้สาเหตุว่า...ตะแกตอนออกไปเต้นคนเดียวนั้น...พลพรรคที่กำลังเมากันได้ที่ของฝ่ายเจ้าถิ่น...เกิดหมั่นไส้ขึ้นมาหรือไร.อาจเป็นตอนใช้เท้ากวาดแก้วด้วยก็เป็นได้..ก็ไม่แน่...
....ประเด็นอีกอย่างคือ ด้วยฤทธิ์เมา...และไม่รู้จักคุณปลาวาฬ...ว่าเป็นคนดี มีฐานะ เป็นสุจริตชนพลเมืองดี...จึงพากันรุมยำ...ฟังว่าเป็นสิบๆคนขึ้นไปโน่น.
...โดยล่าสุดต่อมา แกก็เข้า ร.พ.รักษาตัว เดชะบุญการถูกแทงและขวานจามก็แคล้วคลาดจุดตายไปชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด...ไม่ทราบว่ามีพระดี...หรือ บุญแกดี..ยังไม่ถึงฆาตก็เป็นไปได้....ทีนี้ ตะแกคงเข็ดไปอีกนานเลยทีเดียว...
...เรื่องนี้ไปคล้ายวัตรปฏิบัติของอริยะสงฆ์ ที่ท่านจะไม่ไปในที่ อโคจรต่างๆ...
...กรณีคุณปลาวาฬนี้...แม้มนุษย์มีความเท่าเทียมกันก็จริง...แต่เราก็ต้องพิจารณาถึงสภาพสังคมสภาพเศรษฐกิจต่างๆ ที่เป็นปัจจัยบีบบังคับพฤติกรรมมนุษย์ให้อาจชั่วร้ายได้...พูดตรงๆก็คือ ณ สถานที่อย่างนั้น ทั้งคน ณ ที่นั้นด้วย ...อาจถูกครอบงำด้วยกิเลศราคะ โลภะ โทสะ โมหะต่างๆ อยู่ทุกอณูไปมันก็ไม่เหมาะที่จะไปเที่ยว ณ ที่แบบนั้น...
...อีกอย่าง...ในวิธีคิด...ในการบริหารความเสี่ยงของตัวเองหรือครอบครัว...
...เช่นเราอยากลงเรือเที่ยวชมสองฝั่ง...แต่เราว่ายน้ำไม่เป็น...และเรือไม่มีชูชีพ...ดังนี้ เราก็ควรงดเว้น หลีกเลี่ยง..ความเสี่ยงเสีย...
...เช่นเราอยากไปฉลองปีใหม่...ในพับ...เราก็อาจต้องมีจิตระวังภัยสักนิด...เช่น..ดูทำเลที่ตั้ง ดูทางหนีไฟ...ดูบรรยากาศ...ยิ่งถ้ารู้ด้วยว่ามันเถื่อนทั้งดุ้น...ก็ไม่ควรเข้าไป...เป็นต้น...
...และมีอีกหลายร้อยหลายพันเรื่อง ที่คนบาดเจ็บมาเล่าได้...แต่ส่วนใหญ่คนตาย จะไม่สามารถมาเล่าได้ว่า...ทำไมเขาและเธอถึงตาย ก่อนวัย.ก่อนหมดอายุขัย...
.....นี่ก็เพราะคนเราส่วนใหญ่ไม่มีความตระหนักถึงภัยอันตราย...อันเกิดจากความเจริญทางโลกวัตถุได้...
...อย่างเช่นกรณีวันปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้น...จะเห็นได้ว่ามีคนตายเป็นจำนวนมาก ราวๆเฉลี่ย300คนขึ้นไปในแต่ละเทศกาลด้วยอุบัติเหตุทางรถ...
...นี่เป็นกรณีดังคำกล่าวที่ว่า "เราพัฒนาไม่ทันเทคโนโลยี่..."
...เฉกเช่นรถต่างๆ เป็นเทคโนโลยี่ปัจจุบัน..แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้จักวิธีใช้มัน...อย่างไรให้ปลอดภัย....
...เช่น ถ้าจะใช้เทคโนโลยี่รถยนต์...ก็ต้องรู้ว่า ข้อจำกัดอยู่ที่ผู้ใช้ ต้องไม่เสพแอลกอฮอล หรือ สารมอมเมาประสาท"อย่างเด็ดขาด" ถ้ารู้ทันเทคโนโลยี่ และ ปฏิบัติได้...ก็แสดงว่า เราพัฒนาทันความเจริญชนิดนั้นๆแล้ว....
...กรรมชนิดส่งผลให้ผู้มาเกิดมีไอคิวต่ำ หรือ เป็นบัวใต้น้ำนั้น...ก็สามารถส่งผลให้ทุกรูปทุกนาม ไม่ว่ายากดีมีจน ประสบเคราะห์กรรมได้โดยง่าย...
...ดังนั้น...ในการอยู่ในโลกวัตถุนิยมสมัยนี้..."สติ"จะจำเป็นที่สุด "ฉลาด แต่ต้องมีเฉลียว"...."ป้องกันไว้ก่อน...ตัดไฟแต่ต้นลม."..จึงน่าจะจำเป็นสำหรับดำรงชีวิตในแต่ละวันแต่ละปี....
...ท้ายสุดฟังว่า" เจ้าที่"ที่รุมยำก็ต้องถูกจับ..เจ้าที่ที่เป็นตำรวจก็เก้าอี้ร้อน....
..กรรมของการเที่ยวที่อโคจรเยี่ยงนี้ แทบทุกฝ่ายรับกรรมหมด ต่างที่หนักเบาเท่านั้น...เอวัง.

 

อืม เจ้าที่ ที่นี่ นี่แรง จริง ๆ

 

เมื่อก่อนผมเที่ยวเเบบนี้บ่อย เห็นมีเรื่องกันบ่อย
เลิกเที่ยวกลางคืนมา 5 ปีเเล้ว กลัวลูกหลง
กรรมใคร กรรมมัน ครับ ที่อโคจรไม่ควรไป

ข่าวช่อง3 ไม่นานมานี้ก็เช่นกัน ที่ขับรถไล่ยิงกัน เด็กอายุ 18-20 เอง
ก็ไปเที่ยวกลางคืนกัน ตามประสาวัยรุ่น โทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเองครับ

 

เจ้าที่แรง...(อ๊า)จ้องแย่งซีน...(อ๊า)เท้าและteen...(อ๊า)ขวานจามบั้บ...(อ๊าก)ดุค่าดุ เรียกพวกรุมฟัด ก็เลยโดนจับยัดซังเต....