ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ประชาชน...เริ่มชิน คุ้นเคยกับ กรรม...จึงระมัดระวังตัวน้อยลง
อันตราย...จะปรากฏเป็นระยะ....เตือนไปเรื่อย ๆ
จนกว่า...ประชาชนคนไทย จะมี "สัจจะ"

แต่...เวลาคงมีจำกัดเช่นกัน !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ทักษิณ ร้องไห้ และอยากกลับบ้านกลัวครอบครัวถูกรังแก !!

​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

 

ทุกอย่าง...ประดังเข้ามา !!!!!!!

 

กลียุค ​

7 ปี
(ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล)

​

" ปรปักษ์พระคริสต์จะฉีกสัญญา แล้วเข้าไปนั่งในพระวิหาร และประกาศตัวเองเป็นพระเจ้า "

--------------------------------------------------------------------------------------------------------​

พระคัมภีร์ทำนายไว้ว่า ในอนาตคโลกจะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกขเวทนายากลำบาก ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ช่วงระยะเวลา 7 ปี ที่เรียกว่า "กลียุค 7 ปี"

ในครั้งนั้น มีคาเอล เทพผู้พิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีความยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะรับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อไว้ในหนังสือ และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายขายหน้านิรันดร์ (ดาเนียล 12:1-2)

พระคัมภีร์กล่าวว่า ในช่วงนี้ปรปักษ์พระคริสต์จะปรากฎโฉม ชาวโลกจำนวนมากจะมองดูผู้นำคนใหม่อย่างมีความหวัง เขาอาจจะมีส่วนในการนำชาติอิสราเอล และอาหรับเข้าหากัน และอนุญาติให้ยิวสร้างวิหารขึ้นใหม่ จะมีการตกลงสันติภาพกับอิสราแอล ต่อจากนั้นสามปีครึ่ง ปรปักษ์พระคริสต์จะฉีกสัญญานั้น แล้วเข้าไปนั่งในพระวิหาร และประกาศตัวเองเป็นพระเจ้า

ใน 7 ปี แห่งกลียุคนี้ จะเป็นเหตุการณ์โหดร้ายทารุณสยดสยอง พรั่นพรึงอย่างน่ากลัวที่สุด จะไม่มีช่วงใดเลยในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ที่จะน่ากลัวและสยองขวัญเท่ากลียุค 7 ปี พระเยซูตรัสว่า จงอธิษฐานขอ เพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาว หรือวันสะบาโต ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ยากใหญ่ยิ่ง ย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาจนทุกวันนี้และเบื้องหน้า จะไม่มีอีกต่อไป... ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า (มัทธิว 24:20-22)

จะเกิดอะไรขึ้นแก่มนุษย์โลกในระหว่างกลียุค 7 ปี พระวิวรณ์กล่าวถึง ตราเจ็ดดวง แตรทั้งเจ็ด ขันทั้งเจ็ด ทั้งหมดนี้หมายถึงหายนะภัยทั้งหลายดังต่อไปนี้

ความหมายของตราทั้ง 7 (วิวรณ์บทที่ 6-8)

ตราที่ 1 วิวรณ์ 6:1 หมายถึงปรปักษ์พระคริสต์ ซึ่งจะบรรดาลสิ่งสารพัดเลวร้ายให้เกิดขึ้น
ตราที่ 2 วิวรณ์ 6:3 สันติภาพสูญหายไปจากโลก เกิดสงคราม การรบราฆ่าฟันแผ่ขยายไปทั่วทั้งโลก
ตราที่ 3 วิวรณ์ 6:5 ความอดอยากมีอยู่ทั่วไป
ตราที่ 4 วิวรณ์ 6:7 มนุษย์ชาติตาย 1ใน4 ด้วยคมดาบ โรคระบาด
ตราที่ 5 วิวรณ์ 6:9 ผู้ที่มีความเชื่อในพระคริสต์ จะถูกสังหารผลาญชีวิต แต่ในที่สุดจะได้ชีวิต
ตราที่ 6 วิวรณ์ 6:12 เกิดแผ่นดินไหว ดวงอาทิตย์อับแสง พระจันทร์สีเลือด ดาวตกลงบนแผ่นดิน บางคนเชื่อว่าเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เนื่องจากการยิงระเบิดนิวเคลียร์เข้าหากัน
ตราที่ 7 วิวรณ์ 8:1 ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์นานครึ่งชั่งโมง ตราดวงนี้จะขยายให้เห็นแตรอีก 7 อันข้างหน้า

ความหมายของแตรทั้ง 7 (วิวรณ์บทที่ 8-11)

แตรที่ 1 ลูกเห็บและไฟตก เกิดความเสียหายมากมาย ต้นไม้ 1ใน3 ของโลกไหม้ หญ้าเขียวสดไหม้
หมดสิ้น
แตรที่ 2 ทะเลถูกทำลายลง 1ใน3 ของสัตว์น้ำตาย เรือสินค้าทั่วโลกถูกทำลาย 1 ใน 3
แตรที่ 3 คนจำนวนมากตายเนื่องจากน้ำมีสารพิษเจือปน
แตรที่ 4 ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ถูกทำลาย 1 ใน 3 เป็นเหตุให้อุณภูมิผันแปรอย่างหนัก
แตรที่ 5 ซาตานซึ่งจะใช้อำนาจของมันทรมานคนที่ไม่มีเครื่องหมายของพระเจ้า หรือคนที่ไม่ได้รับความรอด
แตรที่ 6 มนุษย์ชาติ 1ใน3 จะต้องตายลงอีก ในจำนวนนั้นเป็นทหารถึง 200 ล้านคน
แตรที่ 7 ราชอาณาจักรในโลกนี้จะกลับเป็นอาณาจักรของพระเยซูคริสต์ แล้วพระองค์จะครอบครองเป็นนิจนิรันดร์

ในระหว่างนี้ ปรปักษ์พระคริสต์จะก้าวขึ้นมาแสดงตัวมีบทบาทสำคัญยิ่ง มนุษย์ชาติต่างเกรงกลัวฤทธิ์เดชานุภาพของมัน และยอมตัวเป็นบริวาร เป็นทาสรับใช้ มนุษย์ที่เหลือต่างปล่อยตัวมัวเมาในกามกิเลสตัณหา และความชั่วร้าย สุดที่จะพรรณนา จนกระทั่งทูตสวรรค์ต้องนำขันแห่งพระพิโรธ 7 ใบ เทบนโลก

ความหมายของขันทั้งเจ็ด มีดังนี้ (วิวรณ์บทที่ 16)

ขันที่ 1 เกิดโรคระบาด เป็นแผลร้ายที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่ามะเร็ง แผลหนองทั่วไป
ขันที่ 2 สิ่งมีชีวิตในทะเลตายหมด เพราะน้ำทะเลเน่าเหม็นเหมือนเลือดของคนตาย
ขันที่ 3 น้ำจืดกลายเป็นเลือด และมนุษย์ต้องดื่มเลือดแทนน้ำ
ขันที่ 4 ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์แผดเผาแผ่นดินโลกจนแห้งกรอบ มนุษย์กลับยิ่งแช่งด่าพระเจ้า
ขันที่ 5 มนุษย์ได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัส ขนาดต้องกัดลิ้นตัวเอง เพราะบาดแผลร้ายทั่วตัว แต่พวกเขาก็ยังไม่สำนึกผิด
ขันที่ 6 การเตรียมตัวของซาตานมารร้าย เพื่อทำสงครามโลกครั้งสุดท้าย คือสงครามอาร์มาเกดโดน มันจะเข้าหาผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อบังคับแกมขอร้องให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตร
ขันที่ 7 เกิดวิบัตินานาชนิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยประสบ ลูกเห็บก้อนใหญ่ขนาดก้อนละ 50 กิโลกรัม คนจำนวนมากจะตาย ทรัพย์สินเสียหาย เหลือคณา เกาะทั้งเกาะจะจมหาย.​

--------------------------------------------------------------------------
ที่มา http://www.baanjomyut.com/library/7year.html

 

_________________

หลุมยุบ (sinkhole)
หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ ดูเหมือนบ้านเราจะมีข่าวเกี่ยวกับธรณีวิทยาตามมาเป็นระยะ โดยปรากฏการณ์ที่สำคัญและน่ารู้ไว้ก็คือ หลุมยุบ ซึ่งจากสถิติของกรมทรัพยากรธรณีพบว่า ภายในเวลาราว 1 เดือนหลังธรณีพิบัติภัยครั้งนั้น ก็ได้เกิดหลุมยุบอย่างน้อย 16 แห่ง ทางแถบภาคใต้ในจังหวัดตรัง สตูล กระบี่ พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

หลุมยุบ (sinkhole) เป็นหลุมหรือแอ่งบนพื้นดิน มักจะมีลักษณะค่อนข้างกลม และมีขนาด (เส้นผ่านศูนย์กลาง) ได้ตั้งแต่ไม่กี่เมตร ไปจนถึงราว 200 เมตรกว่าๆ หลุมไซส์เล็กอาจลึกแค่เพียงไม่กี่เมตร ส่วนหลุมไซส์ใหญ่อาจลึกนับสิบเมตร อย่างเช่น หลุมยุบขนาดยักษ์ที่เคยเกิดที่วินเทอร์ พาร์ค รัฐฟลอริดา ในอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม พ.ศ.2524 นั้น มีขนาดถึง 100 เมตร และลึกถึง 35 เมตร ทำบ้านพังไปทั้งหลัง สระว่ายน้ำหนึ่งสระ และรถยับเยินไปหลายคัน

นักธรณีวิทยาบอกว่า หลุมยุบเกิดได้ 3 แบบ ใหญ่ๆ แบบแรกเกิดในพื้นที่ซึ่งใต้ผิวดินเป็นหินที่น้ำสามารถชะละลายได้ เช่น หินเกลือ หินยิปซัม และหินปูน ในกรณีของหลุมยุบในหินปูนซึ่งพบค่อนข้างบ่อยนั้น น้ำบาดาลเป็นตัวการหมายเลขหนึ่ง โดยมีกลไกซับซ้อนเล็กน้อย นั่นคือ น้ำบาดาลจะละลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปก่อน เกิดเป็นกรดคาร์บอนิก (carbonic acid) อ่อนๆ จากนั้นกรดคาร์บอนิกนี้จะทำปฏิกิริยากับแคลไซต์ (สารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนต) ในหินปูน จนได้แคลเซียมคาร์บอเนต (calcium carbonate) ซึ่งละลายในน้ำได้

เมื่อหินปูนใต้ผิวดินถูกชะละลายไปมากเข้าจนถึงจุดหนึ่งก็จะรับน้ำหนักดินที่อยู่ด้านบนไม่ไหว และทรุดตัวพังลงมาเป็นหลุมยุบ เนื่องจากหลุมยุบแบบนี้เกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงมักจะค่อนข้างตื้น และลาดเอียงไม่มากนัก

ส่วนหลุมยุบแบบที่สองนั้นดุดันและรุนแรงกว่า เพราะเกิดจาก "เพดาน" หรือส่วนบนของโพรงหรือถ้ำใต้ดินถล่มลงมา หลุมยุบแบบนี้เริ่มจากการที่เพดานของโพรงถ้ำแตกร้าว (เช่น โดนแผ่นดินไหวเขย่า) โดยต่อมาเมื่อแรงดันของน้ำหรืออากาศที่อยู่ข้างในโพรงหรือถ้ำใต้ดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้เพดานแตกหักและยุบตัวลง ทั้งนี้ก่อนยุบตัวมักจะเกิดเสียงดัง (เนื่องจากเพดานแตกร้าว) หรือบางแห่งอาจมีน้ำทะลักพุ่งขึ้นมาก่อนที่จะยุบตัวลงไป หลุมยุบแบบโพรงถล่มมักจะลึกและมีขอบสูงชันกว่าหลุมยุบแบบแรก เนื่องจากหลุมยุบแบบโพรงถล่มนี้ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นในพื้นที่ไหนที่กะว่าจะสร้างบ้านแปลงเมือง ก็จำเป็นต้องสำรวจว่าบริเวณใต้ดินมีโพรงถ้ำเป็นภัยแฝงเร้นอยู่หรือไม่

ส่วนหลุมยุบแบบสุดท้ายอาจจะเกิดในบริเวณที่มีการทำเกลือโดยวิธีการสูบน้ำเกลือขึ้นมาจากใต้ดิน โพรงเกลือใต้ดินเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมยุบบนผิวดิน ในบ้านเราพบหลุมยุบแบบนี้ทางภาคอีสาน เช่น ขอนแก่นและนครราชสีมา

ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติม ลองแวะไปที่เวบของกรมทรัพยากรธรณีที่ http://www.dmr.go.th แล้วคลิกเข้าไปอ่านเรื่องหลุมยุบ หรือจะโทรสอบถามผ่านฮอตไลน์สายด่วนเบอร์ (02) 202-3939 และ (02) 202-3842

​

 

ใครที่สงสัยว่าบ้านตัวเองอยู่ในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบก็เข้ามาเช็คดูที่นี่ได้นะครับ
http://www.dmr.go.th/geohazard/sinkhole/list1.htm

1 กระบี่
2 กาญจนบุรี
3 กำแพงเพชร
4 ขอนแก่น
5 จันทบุรี
6 ฉะเชิงเทรา
7 ชลบุรี
8 ชัยนาท
9 ชัยภูมิ
10 ชุมพร
11 เชียงราย
12 เชียงใหม่
13 ตรัง
14 ตาก
15 นครราชสีมา
16 นครศรีธรรมราช
17 นครสวรรค์
18 นราธิวาส
19 น่าน
20 ประจวบคีรีขันธ์
21 ปราจีนบุรี
22 ปัตตานี
23 พะเยา
24 พังงา
25 พัทลุง
26 พิษณุโลก
27 เพชรบุรี
28 เพชรบูรณ์
29 แพร่
30 แม่ฮ่องสอน
31 ยะลา
32 ระนอง
33 ระยอง
34 ราชบุรี
35 ลพบุรี
36 ลำปาง
37 ลำพูน
38 เลย
39 สงขลา
40 สตูล
41 สระแก้ว
42 สระบุรี
43 สุโขทัย
44 สุพรรณบุรี
45 สุราษฏร์ธานี
46 หนองบัวลำภู
47 อุดรธานี
48 อุตรดิตถ์
49 อุทัยธานี

 

เมื่อวานนี้ได้ไปกราบพระอาจารย์ประจักษ์

ท่านได้เตือนพวกเราว่าปีนี้น้ำจะท่วมมากยิ่งกว่าทุกปี

ให้เริ่มเตรียม น้ำดื่ม อาหาร เทียน เสื้อผ้า จุดหนีน้ำ กันเอาไว้ด้วยครับ

เมื่อดูไปแล้วก็คงจะไม่ผิดครับ เพราะพายุฝนขนาดนี้ ปริมาณฝนขนาดนี้ ระดับน้ำทะเลที่ยิ่งหนุนสูงขึ้นเรื่อยๆ การเตรียมพร้อมไว้ คือความตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทครับผม

การป้องกันดีกว่าการประสพภัยโดยไม่มีการเตรียมการณ์ใดๆครับ

 

ดูรูปหลุมยุบ หรือรูปธรณีสูบแล้ว

ยิ่งรู้สึกว่า โลกนี้ไม่เที่ยงหนอ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา

เมื่อมนุษย์เราทำชั่ว ก่อกรรมทำเข็ญ ไม่เกรงกลัวละอายต่อบาป พระธรณีก็ไม่อาจทานทนไว้ได้จึงเกิดปรากฏการณ์แห่งภัยพิบัติทั้งปวงบังเกิดขึ้น

หลังวันพระหน้านี้ จะมีการถอนกำลังคุ้มครอง รวมออกไปจากผู้สร้างบาปอกุศลและไม่กลับตัวกลับใจทั้งหลาย (หมดทางเยียวยา เบื้องบนท่านให้ตัดหางปล่อยวัด) จิตของผู้ทรงศีลทรงฌาน ที่ส่งบารมีธรรมมาช่วยคุ้มครอง ท่านจะเคลื่อนจิตเข้าสู่ อุเบกขาญาณในเมตตาพรหมวิหารสี่ คงอยู่แต่กำลังคุ้มครองท่านผู้มีศีลธรรมในใจ มีความดีงามของจิตใจ ที่สมควรอยู่เพื่อการสืบต่อพระศาสนาเท่านั้น ส่วนที่เหลือ กฏแห่งกรรมจะเป็นฝ่ายทำหน้าที่ ของท่าน

อุเบกขาความวางเฉย เมื่ออยู่ในฐานะที่ช่วยเหลือไม่ได้ เพราะต้องเคารพในกฏแห่งกรรม

คนดี ย่อมไปที่สุคติ
คนชั่ว ย่อมไปยัง ทุคติ อันมีนรกเป็นต้น

ท่านที่ยังมีความเข้าใจว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป
และ
สวรรค์อยู่ใน อก นรก อยู่ในใจ

ก็จะได้ทราบความจริงว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนเรื่องกฏแห่งกรม และผลของกรรมนั้น ว่าน่ากลัวเพียงไร ทำไมท่านจึงสอนให้คนไปนิพพาน ก็จะได้เข้าใจเมื่อสายเสียแล้ว

ผมเสียใจด้วยครับ เวลา ที่บอก ที่เตือน ที่ส่งสัญญาน จากหลายแห่ง หลายที่ ทั่วโลก และจากในทุกศาสนา ต่างช่วยกันเต็มที่แล้วครับ เป็นเวลา หลายร้อยปี ด้วยซ้ำ ที่บอกมาแบบใกล้ๆ ก็ยังเป็นปีๆ

ผู้สร้างกุศลก็เก็บเกี่ยวผลบุญ ผู้กระทำชั่วก็เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรมชั่วของตน ฉะนั้น

 

11 กันยายน พ.ศ.2544

​

เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ.2544 หรือ 9/11 เป็นเหตุการณ์
วินาศกรรมของการปล้นเครื่องบินในสหรัฐอเมริกา โดยเครื่องบินพาณิชย์
ได้ชนเข้ากับตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และ เพนตากอน

พระคัมภีร์ไบเบิ้ลทำนายไว้ว่า ในอนาตคโลกจะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกขเวทนายากลำบาก ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ช่วงระยะเวลา 7 ปี ที่เรียกว่า "กลียุค 7 ปี"

ถ้าวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เป็นวันเริ่มต้นของ "กลียุค 7 ปี" ตามคำทำนาย วันสิ้นสุดก็จะเป็นวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551 นับจากวันนี้เวลาที่เหลืออีก 1 ปี 4 เดือน จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสพึงกลัวเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่จะบังเกิดขึ้น ทั้งจากสงครามและภัยธรรมชาติ

 

อันนี้เห็นมีพูดถึงเกี่ยวกับภัยพิบัติเหมือนกัน

เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ซิสเตอร์โฟสตินา ซึ่งตอนนี้เป็นนักบุญไปแล้ว พระเยซูคริสต์ได้มาเผยแสดงต่อซิสเตอร์โฟสตินา ปี 1928 พระเยซูเจ้าเริ่มเผยแสดงพระองค์ต่อท่าน ปี 1930 ซิสเตอร์โฟสตินา ได้รับสารแห่งพระเมตตาจากพระเยซูเจ้า และเริ่มเขียนบันทึกยาวกว่า 600 หน้า เกี่ยวกับการเผยแสดงต่างๆ ที่ได้รับเกี่ยวกับพระเมตตาของพระเป็นเจ้า

***อันนี้เป็นสรุปความสั้นๆบางตอนของสารต่างๆ ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงมอบให้แก่นักบุญซิสเตอร์โฟสตินา


วันที่ 25 มีนาคม 1936 (2479) ระหว่างการรำพึงตอนเช้า การปรากฏของพระเป็นเจ้าโอบล้อมดิฉันไว้เป็นพิเศษ ขณะที่ดิฉันเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์อันหาขอบเขตมิได้ และในเวลาเดียวกันก็เห็นการถ่อมพระองค์ลงมาท่ามกลางสิ่งสร้างของพระองค์ แล้วนั้นดิฉันเห็นพระแม่ของพระเจ้า พระนางบอกกับดิฉันว่า "โอ้ ช่างเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้ามากเพียงใดหนอ สำหรับดวงวิญญาณซึ่งดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ตามความดลใจพระหรรษทานของพระองค์! แม่ให้พระผู้ช่วยให้รอดแก่โลกมนุษย์ สำหรับเธอ เธอจะต้องบอกแก่โลกเรื่องพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเตรียมโลกมนุษย์ให้พร้อม สำหรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ผู้ซึ่งจะเสด็จมาในฐานะผู้พิพากษา มิใช่มาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด โอ้ วันนั้นช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร! วันที่กำหนดไว้เป็นวันแห่งความยุติธรรม วันแห่งพระพิโรธของพระเป็นเจ้า บรรดาเทวดาสั่นสะท้านต่อหน้าวันนั้น จงบอกวิญญาณทั้งหลายเกี่ยวกับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ ในขณะที่ยังมีเวลาเหลืออยู่สำหรับวอนขอพระเมตตาของพระองค์ หากเธอไม่พูดอะไรในขณะนี้ เมื่อวันนั้นมาถึง เธอจะต้องรับผิดชอบสำหรับวิญญาณมากมาย อย่ากลัวเลย ขอให้เธอซื่อสัตย์จนวาระสุดท้าย แม่จะเป็นกำลังใจให้เธอ"

พระเยซูเจ้ามองมายังดิฉันและตรัสว่า "วิญญาณมากมายสูญเสียไปถึงแม้ว่าเราทนมหาทรมานอันขมขื่นเพื่อเขา เรากำลังจะให้ความหวังสุดท้ายสำหรับความรอดแก่วิญญาณเหล่านั้น นั่นคือ วันฉลองพระเมตตาของเรา ถ้าพวกเขาไม่นมัสการพระเมตตาของเรา พวกเขาจะพินาศไปชั่วนิรันดร์ ผู้บันทึกแห่งพระเมตตาของเราจงเขียนและ บอกวิญญาณทั้งหลายเกี่ยวกับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเรานี้ เพราะวันที่น่ากลัว วันแห่งพระยุติธรรมใกล้เข้ามาแล้ว"

"จงเขียนสิ่งนี้ ก่อนที่เราจะมาในฐานะผู้พิพากษาทรงยุติธรรม เรากำลังเสด็จมาในฐานะกษัตริย์แห่งความเมตตา ก่อนที่วันแห่งพระยุติธรรมจะมาถึงจะมีเครื่องหมายในท้องฟ้าแก่ผู้คนดังนี้"

"แสงสว่างในท้องฟ้าทั้งหมดจะดับลง และความมืดจะปกคลุมทั่วโลกหลังจากนั้นจะเห็นเครื่องหมายกางเขนบนท้องฟ้า และจากบาดแผลที่พระหัตถ์และพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดที่ถูกตรึงไม้กางเขนจะส่องแสงสว่าง ซึ่งจะทำให้แผ่นดินโลกสว่างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่นานก่อนวันสุดท้าย"


http://www.mariarosa.org/prametta1.html
http://my.dek-d.com/amour1987/story/view.php?id=285637

 

นี่เป็นสารของแม่พระในปี 2005 มีพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 3
http://www.ourladyoflightpublications.com/prophecy-and-politics/detail.cfm?id=60

 

หนีนรก​

​

จงเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือเลยในโลกนี้ เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้น
แปรปรวน เสื่อมไป สลายไป ทุกอย่างไม่มีอะไรควรยึดถือทั้งสิ้น
(พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)​

หนังสือหนีนรก ของหลวงพ่อฤาษีฯ อ่านได้ที่นี่ครับ
http://www.geocities.com/puttakun/neenarok/neenarok1.html​

เวลาแห่งการชดใช้กรรมในนรกนั้นยาวนานมาก นับเป็นล้านๆ ปีมนุษย์ สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่ความตาย ไม่ใช่ภัยพิบัติ แต่เป็นความทรมาน ที่ต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรกนี้ต่างหาก เมื่อหมดเวลาที่จะกลับตัว กลับใจแล้ว ก็ต้องหาหนทางหนีนรกไปให้ได้เท่านั้น จีงจะมีโอกาสได้มาสร้างความดีกันใหม่ในชาติหน้าครับ

(คำเตือนนี้สำหรับคนธรรมดา ๆ ที่ยังมีทั้งความดีและความชั่วปะปนกันนะครับ)

 

เวลาแห่งการชดใช้กรรมในนรกนั้นยาวนานมาก นับเป็นล้านๆ ปีมนุษย์ สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่ความตาย ไม่ใช่ภัยพิบัติ แต่เป็นความทรมาน ที่ต้องไปชดใช้หนี้กรรมในนรกนี้ต่างหาก เมื่อหมดเวลาที่จะกลับตัว กลับใจแล้ว ก็ต้องหาหนทางหนีนรกไปให้ได้เท่านั้น จีงจะมีโอกาสได้มาสร้างความดีกันใหม่ในชาติหน้าครับ

(คำเตือนนี้สำหรับคนธรรมดา ๆ ที่ยังมีทั้งความดีและความชั่วปะปนกันนะครับ)<!-- / message --><!-- edit note -->
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เกษม : วันนี้ เมื่อ 08:55 AM.


น้ำใจของพี่เกษมนั้นเปี่ยมไปด้วยความเมตตาจริงๆครับ ยังช่วยยังหวังดี ช่วยชี้แนะทางรอดให้แม้แต่ ในก๊อกสุดท้ายก็ตาม ขอกราบโมทนาบุญด้วยอย่างสูงครับผม
<!-- / edit note -->

 

พี่เกษมวิเคราะห์อันนี้ได้น่าคิดมาก.. เหมือนบอกใบ้ช่วงเวลาคร่าวๆเอาไว้เลย..
ติดตามดูไว้ให้ดีครับ..แม้จะระบุเวลาชัดเจนไม่ได้ แต่ก็เห็นอยู่ว่าเรากำลังตกอยู่ในช่วงเวลานั้นแล้ว

 

‘บุช’วีโตตามคาดสกัดขีดเส้นถอนทหาร
ลงนามทันทีที่มาถึง จรดปากกาไม่ลังเล ยังไม่รู้ชะตาร่างกม.


วอชิงตัน (เอพี) — บุช ใช้สิทธิ์วีโตร่างงบประมาณอิรัก ดับความฝันขีดเส้นตายถอนทหารออกจากอิรัก


เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐ ใช้สิทธิ์วีโตตามความคาดหมาย ใส่เบรกร่างงบประมาณอิรักฉบับใหม่ที่เสนอขึ้นโดยสภาคองเกรสแล้ว ดับฝันเดโมแครต กำหนดวันสหรัฐถอนกำลังออกจากอิรัก

รายงานระบุว่า ถือเป็นการใช้สิทธิ์ วีโตเป็นครั้งที่ 2 ของบุช นับตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อปี 2543 ซึ่งใน ครั้งนี้บุชได้ใช้สิทธิ์นี้ในทันทีเมื่อเจ้าตัว เดินทางกลับไปยังทำเนียบขาว หลังใช้เวลาระยะหนึ่งที่ฐานทัพอากาศแมคดิล ในรัฐฟลอริดา

ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยมีรายงานว่า บรรดาพลพรรคสมาชิกคองเกรสจาก เดโมแครตได้พยายามร้องให้บุชลงนามผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ในที่สุดก็ ไม่สำเร็จ

“ประธานาธิบดีได้นำกำลังทหารของเราไปอยู่ใจกลางสงครามกลางเมือง ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธี” แฮรี เรด ผู้นำเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสภา กล่าว

ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ในภายหลังจากที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกวีโตยับยั้งไปแล้วนั้น เหล่าแกนนำของเดโมแครตจะจัดการอย่างไรต่อไป

นอกจากนั้นรายงานระบุว่า การใช้สิทธิ์วีโตครั้งนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับเมื่อ 4 ปีก่อนที่บุชได้ประกาศ “ภารกิจลุล่วง” บนเรือบรรทุกเครื่องบิน ประกาศว่าสหรัฐประสบผลสำเร็จกับภารกิจในอิรัก และว่า ปฏิบัติการรบในอิรักได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ดี แม้จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ ในอิรักก็ยังคงนองเลือดอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง

“ร่างกฎหมายนี้เคารพในความปรารถนาดีของชาวสหรัฐทุกคนที่ต้องการให้สงครามอิรักจบลง” แนนซี เปโลซี กล่าว

รายงานแจ้งด้วยว่า บุชได้ลงนามวีโตด้วยปากกาที่ได้รับเป็นของขวัญจากบิดาของ ดัสติน เดอร์กา ทหารสหรัฐที่เสีย ชีวิตลงในอิรักเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2548 โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บิดาของ เดอร์กาได้ติดต่อมายังทำเนียบขาว ขอให้บุชใช้ปากกาด้ามนั้น และบุชก็ใช้จริงๆ
ขณะที่ทางด้านนอกของทำเนียบขาว ในขณะที่บุชลงนามวีโตนั้น ได้มีกลุ่ม ชาวสหรัฐจำนวนหนึ่งได้เดินขบวนต่อต้านสงครามอิรักต่างตะโกนแสดงความไม่ พอใจต่อบุชว่า “อีกกี่ชีวิตต้องจบลงอีก อีกกี่ชีวิตต้องดับลงอีก?”

www.posttoday.com

 

เดือนกย 2551 เวลาช่วงสุดท้ายสำหรับการอยู่ในตำแหน่งของบุชพอดีเลยคับ

 

สารคดีถังความคิด (The Next megaquark) ช่อง 9

วันนี้ได้ดูสารคดีเรื่องแผ่นดินไหว เห็นภาพการจำลองลำดับเหตุการณ์แผ่นดินไหว..กลไกรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ความพร้อมรับมือและระบบการเตือนภัยศูนย์ใหญ่ที่อเมริกา..

เขาแจ้งว่าควรต้องเตรียมพร้อมและซ้อมรับมือทันทีตั้งแต่เดี๋ยวนี้ สำหรับแผ่นดินไหวระดับ 7 -9 ริกเตอร์ อาจยังพอจะมีโอกาสช่วยเหลือผู้คนได้ทัน..รอยเลื่อนบางจุดใกล้เมืองหลวงมาก เช่นที่ซีแอทเทิ้ล จะเสียหายหนักที่สุดเพราะมีเวลาไม่ถึง 2 นาทีที่จะหนีคลื่นยักษ์..บางแห่งมีเวลาเป็นชั่วโมงที่จะหนีขึ้นที่สูงได้ทัน หลังจากการเตือนภัย..

แรงสั่นสะเทือนจะมาถึงก่อนและกระจายไปเป็นรัศมีกว้าง..เป็นสัญญาณเตือนที่รับรู้ได้ จากนั้นเขาจะกระจายข่าวออกไปตามศูนย์ต่างๆทั่วโลก..(เพื่อแจ้งประชาขนในพื้นที่เสี่ยงภัยอีกต่อนึง )

การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารในเบื้องต้น

ตึกที่สร้างจากอิฐ ใช้ก้อนอิฐและเชื่อมด้วยปูนซีเมนต์ ที่ไม่ได้เสริมโครงสร้างรับแรงไว้อันตรายที่สุด..จะพังถล่มภายใน 1-2 นาที..ตืกสูงเหล่านี้มึจำนวนมากถึง 70 % ตามเมืองใหญ่ๆ

ตึกระฟ้าสูงๆ ส่วนใหญ่อาจรับแรงสั่นสะเทือนได้ไม่เกิน 2 นาที จะสังเกตุเห็นตึกโยกเยกไปมา แผ่นกระจกร่วงตกลงมา โครงสร้างเหล็กจะเริ่มเสียหาย และถ้ายังไม่หยุดสั่นสะเทือน จะถล่มลงมาได้ทันที (เพราะปัจจุบันยังไม่มีสถิติจากการทดสอบจริงๆ ของตึกที่ออกแบบรองรับแผ่นดินไหวเหล่านี้เลย..( เรียกว่าอันตรายถ้าไหวต่อเนื่องเกิน 3 นาทีไปแล้ว )

บ้านที่อยู่บนเขา ตามที่ลาดชันหรือส่วนยื่นออกมาจากเขา มีโอกาสพังลงมาได้ง่ายมาก

บ้านสองชั้น มักไม่ค่อยเสียหายนักจากเหตุแผ่นดินไหวเท่าไหร่..เพราะจุดโมเมนตัมอยู่ต่ำ..แต่ก็ไม่อาจทนต่อคลื่นยักษ์ได้ ถ้าโครงสร้างไม่แข็งแรงพอ..

แรงมุดตัวของเปลือกโลก..แต่ละแผ่น คล้ายๆกับเอาหินสองก้อนมาเคลื่อนทับกัน..ถ้าผิวราบเรียบจะไม่ส่งผล ถ้ามีผิวที่สูงต่ำต่างกันก็จะเกิดแรงยกตัว ดันเปลือกโลกด้านบนขึ้นไป (อาจสูง 2-3 เมตร) จะเกิดแรงเสียดทานและส่งแรงสั่นสะเทือนระเบิดออกใต้เปลือกโลก

คลื่นแผ่นดินไหวจะมาถึงชายฝั่งก่อน...สามารถรับรู้ได้ทันที หากมีคลื่นสึนามิเกิดขึ้น..คลื่นจะยกตัวขึ้นที่ความเร็วราวๆเครื่องบินเจ็ต (600 ไมล์/ ชม) พอถึงชายฝั่งจะช้าลง และค่อยๆก่อตัวขยายสูงขึ้น..

เห็นลำดับภาพชัดเจนมาก เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ..

 

<CENTER>[SIZE=+2]George W. Bush: Antichrist?[/SIZE] [SIZE=+2][/SIZE]

"... and the Beast's name will be three 6's. Wisdom is needed here..."
Book of Revelation Chapter 13, Para 18.

</CENTER>In the thirteenth chapter of the Apocalypse it is written, "This calls for wisdom. Let him who has understanding reckon the number of the beast: it represents a human name. And the number in question is 666. With intelligence, illumined by the light of the divine Wisdom, one can succeed in deciphering from the number, 666, the name of a man and this name, indicated by such a number is that of the Antichrist."

<CENTER>G-E-O-R-G-E W-A-L-K-E-R
B-U-S-H-J-R
BUSH JR 666

(The original German spelling of "B U S H" is really "B U S C H E".)

G-E-O-R-G-E
W-A-L-K-E-R
B-U-S-C-H-E
666

</CENTER>"Calculate now its number, 666, to understand how it indicates the name of a man. The number, 333, indicates the divinity. Lucifer rebels against God through pride, because he wants to put himself above God. He who wants to put himself above God bears the sign 666, and consequently this number indicates the name of Lucifer, Satan, that is to say, of him who sets himself against Christ, the Antichrist."
The devil said "I will give you all the nations of the world to rule over if I can have your soul." "WOE, to anyone who WORSHIPS or FOLLOWS the Antichrist for they shall burn in the fires of hell of all of eternity!"
"Who can compare with the beast or fight against it?". "The beast was given a mouth uttering boasts and blasphemies, and it was given authority to act for forty-two months."

ที่มา http://www.konformist.com/2000/bushjr666.htm

หมายเหตุ

ถ้าประธานาธิปดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เป็น แอนตี้ไคร้ส์ตามคำทำนายในคัมภีร์ไบเบิ้ลจริง ก็หมายความว่า สงครามนิวเคลียร์จะต้องเกิดขึ้นในยุคที่เขายังครองอำนาจอยู่ อย่างแน่นอน

 

ขณะนี้ได้มีการวางระเบิดที่ตู้โทรศัพท์ บริเวณถนน ราชวิถีครับ

ขอให้ระมัดระวังตัวกันด้วยครับทุกๆท่าน