พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ฝากต่อเถอะครับ อย่าเพิ่งถอน...รออ่านอยู่ครับ

 

มาต่อให้อ่านกันแล้วค่ะ

 

2. สถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ
ตลอดจนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ๆ ทางศาสนา
ถ้าอ่านจากพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าแล้ว
พระองค์ท่านเสด็จออกโปรดสัตว์ไปทั่วทุกพื้นที่
โดยเฉพาะในแถบสุวรรณภูมิ พระองค์ได้เหยียบ
รอยพระบาท รวมทั้งพระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ
ของท่าน ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ อันเนื่องมาด้วยบารมี
ของพระพุทธองค์

 

อย่าพึ่งตำหนิผู้เขียนเลยว่า ทำไมไม่ขึ้นหัวข้อนี้
เป็นข้อแรก เนื่องจากในกรณีเกิดสงครามนิวเคลียร์
สถานที่ส่วนใหญ่จะอยู่กลางแจ้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบ
ต่อร่างกายในเรื่องของสารกัมตภาพรังสี ถึงแม้จะมี
บารมีของพระพุทธองค์ ก็ควรหลบอยู่ในที่กำบัง
ไว้ก่อนจะดีกว่า ดังนั้นถ้าเข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำที่มี
บารมีของพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
ก็จะช่วยปกป้องทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์และ
ความเชื่อความศรัทธาทางศาสนา

 

ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล ณ เวลาใกล้รุ่งวันหนึ่ง
พระพุทธองค์ได้ทรงแผ่ข่ายพระญาณ เพื่อตรวจดูสัตว์โลก
ผู้ควรแก่การบรรลุธรรม ก็ทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณ
[FONT=&quot](พระญาณหยั่งรู้ความเป็นไปในอนาคตตามความเป็นจริง)
ว่าในดินแดนสุวรรณภูมิ[FONT=&quot] ([/FONT]คือดินแดนที่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
ของประเทศไทยในปัจจุบัน)[/FONT]

 

จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนา อย่างมั่นคงต่อไป
ในอนาคต สมควรที่พระองค์จะเสด็จไปประดิษฐาน
พระศาสนาไว้ เมื่อทรงมีพระดำรินั้นแล้วจึงได้เสด็จมาสู่
สุวรรณภูมิ โดยพุทธนิมิต มีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ
(ตามเสด็จ) พระองค์ได้เสด็จจาริกมาตามคามนิคมชนบทต่าง ๆ
จนถึง ถ้ำตับเต่า ถ้ำเชียงดาว พระนอนขอนม่วง พระบาทยั้งหวีด
และพระธาตุทุ่งตุม ตามลำดับ ได้ทรงเหยียบรอยพระบาท
และประทาน พระเกศาธาตุ ประดิษฐานไว้ในที่นั้น ๆ

 

จากเนื้อหาจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปทั่ว
บางตำบลมีทั้งรอยพระบาท พระเกศาธาตุและพระธาตุ
อยู่ในหลาย ๆ วัด ในตำบลเดียวกันก็มีอยู่มากมาย
ยกตัวอย่างตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
ที่เป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุอยู่รอบทิศของ
ตำบลนี้ โดยมีถึง 8 วัดด้วยกัน ยังไม่รวมวัดนอกรอบ
อีกต่างหาก ผู้เขียนอยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตนะค่ะ
ว่าเพราะอะไร

 

1. ลักษณะภูมิประเทศของอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
เป็นที่ราบล้อมรอบด้วยภูเขา เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่
แอ่งกระทะ โดยมีแม่น้ำแม่แจ่มไหลผ่าน ยังไม่รวมถึง
ห้วย ฝาย น้ำเหมือง ในพื้นที่อีกมากมายเช่นกัน

 

2. ลักษณะพื้นที่แบบนี้มีความเสี่ยงภัยต่อภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นอย่างยิ่ง

ในกรณีเกิดแผ่นดินไหว ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินสไลด์
ภูเขาถล่ม

ในกรณีเกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก
ก็จะท่วมพื้นที่แบบไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากเป็นพื้นที่
แอ่งกระทะ การระบายน้ำก็เป็นไปได้ยาก เพราะ
น้ำท่วมขัง และอำเภอนี้มีแม่น้ำ ทางน้ำไหลผ่าน
ยามน้ำหลาก สะพานมักจะขาดอยู่เสมอ ทำให้เป็น
พื้นที่ติดเกาะ รวมทั้งหนทางไปมายากลำบาก
ถ้ายามเกิดภัยพิบัติจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
และยิ่งถ้าระบบการสื่อสารโทรคมนาคมถูกตัดขาด
ไปด้วยแล้ว ยิ่งลำบากเลยทีเดียว

 

ด้วยลักษณะพื้นที่แบบนี้ จากญาณหยั่งรู้ของ
พระองค์ท่าน จึงได้ประทานพระเกศาธาตุ และ
คนเก่าคนแก่สมัยก่อน ก็ทราบเรื่องนี้ดี จึงวางระบบ
ผังเมือง โดยใช้บารมีของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง
สร้างวัดทุกรอบทิศ ในตำบลช่างเคิ่ง เพื่อป้องกัน
ภัยพิบัติในอนาคตข้างหน้า และยังไม่รวมสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในตำบล ในอำเภอนี้
อีกเช่นเดียวกัน นี่คือความชาญฉลาดและ
[FONT=&quot]ความเมตตาของพระพุทธองค์ รวมทั้งกุศโลบาย
ของคนไทยสมัยก่อนพร้อมกันไปด้วย [/FONT]

 

ทำไมพระองค์จึงได้เลือกแผ่นดินไทยไว้ให้เป็นที่
สถิตสถาพรของบวรพระพุทธศาสนา เนื่องจาก
คนไทยมีจิตเดียวกับพระองค์ท่าน คือ มีความเมตตา
เป็นพื้นฐานและเป็นที่ตั้งประจำใจ ถ้าจะมองให้เห็น
ภาพชัด ๆ ก็ให้ดูภาพจากคราวน้ำท่วมกรุงเทพฯ คราวนี้
ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ร่วมแรงร่วมใจกันในการสู้ภัย
น้ำท่วม บางคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว บ้านช่อง
ไม่มีจะอยู่ ต้องอาศัยปลูกเพิงเป็นที่พักอาศัยบนต้นไม้
แต่ก็ยังสามารถยิ้มได้ สู้ได้ ไม่ท้อ และยังมีน้ำใจ[FONT=&quot]เผื่อแผ่
ให้กับผู้ที่ประสบภัยคนอื่น ๆ อีกเช่นกัน
[/FONT]

 

ซึ่งทำให้ผู้เขียนได้มองเห็นเลยว่า จริง ๆ แล้ว
พื้นฐานส่วนลึกของคนไทยทุกคน ยังมีความเมตตา
เป็นที่ตั้งอยู่เสมอ ถึงแม้โลกปัจจุบันนี้ ทำให้ความรู้สึก
ดี ๆ ตรงนี้ถูกบดบังไป แต่เมื่อถึงความทุกข์ยากอยู่
ตรงหน้า สามัญสำนึกตรงนี้ก็ผุดขึ้นมาเองตาม
กมลสันดาน จึงเห็นได้เลยว่า คนไทยส่วนใหญ่นั้น
รักประเทศไทย รักคนไทยด้วยกันมากแค่ไหน
ผิดกับภาพวันที่ก่อสงครามกลางเมืองที่ราชประสงค์
ลิบลับ (ขอแทรกการเมืองนิดหน่อยนะค่ะ)
ทำให้ผู้เขียนได้รู้เลยว่า เหตุการณ์ ณ วันนั้น ไม่ใช่
เป็นความต้องการของคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศ
มีเพียงแค่คนบางกลุ่มเท่านั้นเอง

 

ผู้เขียนขอยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง คือ สมัยสงคราม
โลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นบุกประเทศอื่น ๆ ใน
ทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน, เกาหลี,
สิงคโปร์, มาเลเซีย พม่า เป็นต้น ซึ่งความโหดร้าย
ทารุณ ของประเทศญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครานั้น
ก่อให้เกิดความเจ็บแค้นกับประเทศต่าง ๆ เหล่านี้
เป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจีนและคนเกาหลี
เจ็บแค้นประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมาอยู่ใน
ประเทศไทยความโหดร้ายทารุณ ดังที่ทำกับ
ประเทศอื่น ๆ นั้น กับประเทศไทยมีอยู่น้อยมาก

(ขออนุญาตกล่าวพาดพิงถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมหามิตรของประเทศไทย
ผู้เขียนมิได้เจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแต่อย่างใด เพียงแต่
อธิบายไปตามเนื้อหาของประวัติศาสตร์เท่านั้น)

 

ณ วันนี้ คนที่คิดร้ายกับประเทศไทย ไม่ใช่ทำร้าย
คนไทย ที่เป็นพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น ยังเป็นการทำลาย
พระพุทธศาสนาอีกเช่นเดียวกัน ผู้เขียนจึงอยากให้
คนไทยทุก ๆ คน ตระหนักถึงความจริงตรงนี้ และ
ช่วยกันปกป้องผืนแผ่นดินไทย ดังเช่นบรรพบุรุษไทย
ที่ร่วมมือร่วมใจปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานสืบต่อไป
ในอนาคตข้างหน้า

 

และอีกเหตุผลหนึ่ง ขอยกตัวอย่างอำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ มีสถานที่สำคัญที่บรรจุพระธาตุ
และพระบรมสารีริกธาตุอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งใน
อำเภอเมืองก็จริง แต่โดยลักษณะของภูมิประเทศ
ที่ติดกับแม่น้ำปิง มักจะมีน้ำป่าไหลหลากและ
เอ่อท่วมล้นเข้าไปยังอำเภอเมืองทุกปี ไมเว้น
แม้แต่วัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ โดยเฉพาะน้ำท่วม
มีหรือที่วัดต่าง ๆ เหล่านี้จะรอดพ้นไปด้วย ดังนั้น
การยึดสถานที่ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ ต้องพิจารณา
ด้วยเหตุและผล ตลอดจนปัจจัยภายนอกรอบด้านด้วยเช่นกัน

 

ภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ใช่มีแต่เพียงแค่สงครามนิวเคลียร์เท่านั้น
แต่หมายรวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน
ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดคงทนถาวร
แม้กระทั่งศาสนาของพระตถาคตเอง


ยกตัวอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวจังหวัดเชียงราย

หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่พม่า ซึ่ง
แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ถึงหลายจังหวัดในประเทศไทย
และส่งผลให้เกิดความเสียหาย ต่อโบราณสถาน
4 แห่งใน จ.เชียงราย คือ

 

1.[FONT=&quot]พระธาตุเจดีย์หลวง เสียหายหนัก บริเวณยอดฉัตร
[FONT=&quot]ประมาณ [/FONT]3 [FONT=&quot]เมตร หักโค่นหล่นลง[/FONT]
2. [FONT=&quot]พระธาตุจอมกิตติ ยอดฉัตรงอ [/FONT]30-40 [FONT=&quot]องศาฯ[/FONT]
3. [FONT=&quot]วิหารวัดพระธาตุภูเข้า[/FONT]
4.[FONT=&quot]พระโมฬี ยอดหักงอ[/FONT]

[FONT=&quot]จากข่าวข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นว่าความไม่เที่ยงแท้นั่นเอง[/FONT]
[FONT=&quot]ขนาดพระธาตุเจดีย์ ยังหัก ยังพัง ยังโค่นลงได้[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อเกิดแผ่นดินไหว[/FONT][/FONT]

 

จากข้อสังเกตของจังหวัดเชียงใหม่นั้น จะเห็นได้ว่า
พระพุทธองค์ท่านได้จาริกไปทุกอำเภอ และเกือบ
ทุกตำบลในจังหวัดเชียงใหม่ แผ่เมตตาบารมีปกคลุม
ไปทั่วทั้งพื้นที่ อันเป็นความเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ
และแผ่นดินนี้ ให้ได้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
แต่เราจะอาศัยเพียงบุญบารมีของพระองค์ท่าน
อย่างเดียวก็หาได้ไม่ ท่านทราบหรือไม่ว่า [FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]รอยพระบาทและพระธาตุเจดีย์นั้น เป็นที่เคารพ
นับถือจากบรรพบุรุษมาช้านาน โดยเฉพาะคน
สมัยก่อน มีจิตใจที่บริสุทธิ์และตั้งมั่นอยู่ในศีล
ในธรรม มากกว่าคนปัจจุบันนี้ และชอบทำบุญ
ทำทานอยู่เสมอ [/FONT]

 

สมัยก่อนวัดคือศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนนั้น ๆ
เวลามีกิจกรรมหรืองานบุญใด ๆ ก็มักจะอาศัยวัดเป็น
ศูนย์กลางทั้งสิ้น ซึ่งมักจะพากันไปกราบไหว้บูชา
กันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ายามดีหรือยามร้าย ก็มักจะ
ขอบารมีพระพุทธองค์เป็นที่ตั้ง การที่เราตั้งจิต
อธิฐานระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยก็ดี ระลึกถึง
พระสงฆ์องค์เจ้าก็ดี นั่นก็คือพลังบารมีของเราทุกคน
ที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเวลา
เราทำบุญมักจะน้อมนำบารมีของพระพุทธเจ้า หรือ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งคุณบิดรมารดา ครูบาอาจารย์
ทำให้เป็นพลังจิต มุ่งไปสู่สิ่งที่เรากราบไหว้บูชานั้น ๆ
ดังเช่นที่เราไปกราบไว้พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุเจดีย์ เป็นต้น[FONT=&quot]
[/FONT]

 

และที่เห็นเด่นชัดที่สุด คือ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวัด
ที่เราได้ไปสักการบูชา โดยเฉพาะพระประธานในโบสถ์
ที่ทุกคนต่างไปกราบไหว้นั้น ยกตัวอย่างพระแก้วมรกต
ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนไทย ที่ทุกคนต้องไป
กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคล รวมทั้งเป็นประธานใน
พิธีสำคัญ ๆ ทางศาสนา และพระมหากษัตริย์มาแต่
ครั้นโบราณ ดังนั้นพลังของพระแก้วมรกต ไม่ได้เกิด
จากการเป็นสมมุตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพียงอย่างเดียว แต่เป็นพลังจิตของทุก ๆ คนที่มีมาแต่
อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมกระแสพลังสู่องค์พระแก้วมรกต
ด้วยเช่นเดียวกัน