พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย truethailove, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    หากแต่ไม่จุติใหม่เป็นเทวดาผู้มีฤทธิ์อยู่ในภายถ้ำ
    และปกปักรักษาถ้ำหลวงเชียงดาว ต่อมาชาวบ้าน
    ได้ สร้างศาลถวายท่านและตั้งชื่อว่า
    “ศาลพ่อหลวงคำแดง”
    ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ในคืนที่มีนิมิตหมายอันดี
    อีกทั้งบนท้องฟ้าก็ ไร้เมฆ หมอก จะปรากฏลูกกลมๆ
    มีแสงสว่างคล้ายพระธาตุลอย ออกมาจากหลัง
    ดอยเชียงดาวแล้ว เคลื่อนไปทางทิศตะวันออก
    เป็นเวลา 5 นาที ก็จะได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงของ
    ปืนใหญ่พร้อมกับแสงสว่างนั้นก็หายไปด้วย ชาวบ้าน
    มักจะเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของ เจ้าหลวงคำแดง
    ไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองพะเยา

     
  2. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    นอกจากนี้ยังมีตำนานเรื่องเล่ากันต่อๆ มาอีกว่ามีฤาษี
    ชื่อว่า
    “พรหมฤาษี”เป็นผู้วิเศษด้วยฌานอันแก่กล้า
    ได้เรียกประชุมเทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ อสูร
    นาคราช เป็นต้น เพื่อมาเนรมิตสิ่งวิเศษต่างๆ เช่น
    พระพุทธรูปทองคำ ต้นโพธิ์ทองคำ ช้างวิเศษ หรือ
    ช้างเอราวัณ ดาบวิเศษหรือดาบศรีกัญชัย อาหารทิพย์
    ม้าวิเศษ เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่ส่วนลึก
    ภายในถ้ำและได้รับ การดูแลรักษาเป็นอย่างดีจาก
    เทวดาผู้มีฤทธิ์ชื่อว่า “เจ้าหลวงคำแดง” ครั้งหนึ่งมี
    ชาวบ้าน 2 คนได้เข้าไปในถ้ำเพื่อ ค้นหาของวิเศษ
    และต้องการนำออกมาจากถ้ำด้วย แต่แล้วก็มีอันเป็นไป

     
  3. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    คือทั้ง 2 คนหาทางออกมาจากถ้ำไม่ได้ แม้ญาติพี่น้อง
    จะเข้าไปตามหาก็ ไม่พบ ภายหลังมีชาวบ้านเข้าไปพบ
    โดยบังเอิญ ปรากฏว่าคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนอีก
    คนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ จึงนำมารักษาตัวที่บ้าน แต่เพียง
    ไม่ถึงอาทิตย์ก็เสียชีวิตหลังจากนั้นก็มีเรื่องราวของคน
    ที่เข้าไปใน ถ้ำแล้วหลงทางกลับออกมาไม่ได้ จนต้อง
    เสียชีวิตอยู่ในถ้ำ เพราะมีจิตอกุศลคิดอยากได้ของ
    วิเศษนั้นมาเป็นสมบัติส่วนตัว ดังนั้นเรื่องราวในตำนาน
    จึงกลายเป็นความเชื่อ ความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์
    ของถ้ำหลวงเชียงดาวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


     
  4. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    การเดินทางไปถ้ำเชียงดาว

    1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
    ถ้ำเชียงดาวจะอยู่ในเขตอําเภอเชียงดาว ห่างจาก
    ตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ
    77 กิโลเมตร การเดินทาง
    จากเชียงใหม่ไปยังอําเภอเชียงดาว ระยะทาง 72
    กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปจนถึงถ้ำอีก 5 กิโลเมตร
    ถนนเป็นถนนราดยางอย่างดี จนถึงบริเวณถ้ำเชียงดาว
    เมื่อไปถึงหน้าถ้ำจะเห็นบริเวณกว้างขวางสําหรับ
    จอดรถ มีศาลานั่งพักหลังใหญ่

    2.โดยรถสาธารณะ
    จากกรงุเทพ นั่งรถสายกรุงเทพ-เชียงดาว (ท่าตอน)
    ไปลงอำเภอเชียงดาว จากนั้นนั่งรถโดยสารต่อไปยังถ้ำเชียงดาว


    http://www.moohin.com/trips/chiangmai/thumlungchiangdao/
    http://www.gotoknow.org/blogs/posts/267512
    http://bangkrod.blogspot.com/2011/07/blog-post_30.html
    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-wan/lp-wan-hist-012.htm
    http://dannipparn.com/thread-596-1-1.html
     
  5. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านศึกษาเกี่ยวกับเรื่องถ้ำเชียงดาว
    ไว้ให้มาก ๆ เพราะถ้ำแห่งนี้จะสามารถรองรับผู้คนใน
    เรื่องของภัยพิบัติได้เป็นล้าน ๆ คน เพราะความยาวและ
    ความลึกของถ้ำมีมากกว่าที่แจ้งในบทความที่คัดลอกมา
    ไว้เยอะกว่านั้น ถ้ำเชียงดาวมีทางออกอยู่หลายทาง
    ถ้ามีเวลาให้ศึกษาเส้นทาง และข้อควรปฏิบัติตนเมื่ออยู่
    ภายในถ้ำ เพราะถ้ำแห่งนี้มีความศัึกดิ์สิทธิ์ และเป็นที่พึ่ง
    ของท่านได้ในภายหน้า
     
  6. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    จุดที่ควรเฝ้าระวัง

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot]บ่อน้ำร้อนโป่งอาง [FONT=&quot]ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว[/FONT] [FONT=&quot]จ.เชียงใหม่[/FONT][/FONT]

    ตั้งอยู่ที่บ้านโล๊ะป่าหาญ ใน เขตอุทยานแห่งชาติผาแดง
    เป็นบ่อน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ
    มีจำนวน
    2 บ่อ มีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร
    มีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ บ่อน้ำร้อนบ่อแรกมีอุณหภูมิ
    ความร้อนอยู่ที่ 58 องศาเซลเซียส บ่อน้ำร้อนที่ 2
    มีอุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 51 องซาเซลเซียส จาก
    คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน คำว่า "โป่ง"
    หมายความว่า เป็นแหล่งแร่ธาตุทำให้สัตว์ป่าต่าง ๆ
    เข้ามากินในบริเวณนี้เป็นจำนวนมากเป็นประจำ
    ส่วนคำว่า "อาง" ภาษาไทยใหญ่ หมายถึงคำว่า
    "ยันต์" เนื่องจากเคยมีผู้พบเห็นกวางทอง ชาวบ้าน
    เชื่อกันว่าเป็นกวางศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาปรากฏตัว จึงได้
    มีการล่ากวางทองเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถจับ
    กวางทองได้ จึงได้ทำการสลักคาถา (ลงยันต์) ซึ่งเป็น
    ยันต์ราศรี คือการสลักยันต์เพื่อปล่อยวาง โดยจะไม่ทำ
    การล่ากวางทองตัวนี้อีกต่อไป ยันต์มีสภาพเป็น
    ตัวอักขระโบราณ และรูปสัตว์ต่าง เป็นตัวอักขระ
    สีน้ำตาลแดง ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า
    "โปงอาง" นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


    การเดินทาง
    จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง
    ถึง กิโลเมตรที่ 79 เข้าทางแยกซ้ายไปตามทางหลวง
    หมายเลข 1178 ประมาณ 22 กิโลเมตร ถึงบ้านโล๊ะป่าหาญ
    เลี้ยวซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงบ่อน้ำร้อนโป่งอางอยู่ทางด้านซ้ายมือ



    http://travel.thaiza.com
    http://www.annaontour.com/province/chaengmai/bonamronpongang.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bopongang1.jpg
      bopongang1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      148
    • bopongang2.jpg
      bopongang2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50 KB
      เปิดดู:
      71
  7. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    อำเภอพร้าว

    อยู่ห่างจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ประมาณ 115 กิโลเมตร
    เนื่องจากอำเภอพร้าวเคยเป็นเมืองลูกหลวงของเมือง
    เชียงใหม่ ดังนั้นจึงพบ
    ประตูเมือง แจ่งเมือง ที่มีชื่อ
    ตรงกันกับแจ่งเมือง
    ประตูเมืองของเมืองเชียงใหม่
    และยังพบร่องรอยของคูคันดินล้อมรอบเมืองรูปสี่เหลี่ยม
    ผืนผ้า มีวัดร้างใน
    เขตอำเภอพร้าวร่วม70 วัด ทั้งที่ยัง
    ปรากฏหลักฐานที่เป็นเจดีย์และหลักฐานในเอกสาร
    โบราณซึ่งปรากฏแหล่ง
    ที่ตั้งชัดเจน

    อำเภอพร้าวมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอและจังหวัด
    ใกล้เคียงดังนี้

    อำเภอพร้าวแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 ตำบล 108 หมู่บ้าน
     
  8. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    เส้นทางการเดินทางจากเชียงใหม่ – อำเภอพร้าว
    1. ไปตามทางหลวงหมายเลข 1001 เชียงใหม่ - พร้าว
    ระยะทางประมาณ 94 กม.
    2. ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่ - ฝาง
    ระยะทางประมาณ 83 กม. แยกขวาไป ตามทางหลวง
    หมายเลข 1150 3. ไปตามทางหลวงหมายเลข 118
    เชียงใหม่ - เชียงรายระยะทางประมาณ 93 กม.
    แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1150
     
  9. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]วัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล
    [FONT=&quot]บ.หลวง ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่[/FONT]

    ประดิษฐานพระมหาธาตุเจดีย์นครคีรีนพบุรีบ้านหลวง
    ศรีดอนไชย (พระธาตุดอยเวียง) โบราณสถานเก่าแก่
    ของอำเภอพร้าวอายุกว่า ๗๐๐ ปี เป็น
    พระมหาธาตุ
    เจดีย์โบราณ ที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอพร้าว สัญลักษณ์
    หลักแดนเขตเมืองพร้าว ที่พักทัพตั้งทัพของกษัตริย์
    ล้านนาในอดีต สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่ และสำคัญยิ่ง
    แห่งหนึ่งของอำเภอพร้าว
    [/FONT]

    [FONT=&quot]การเดินทางไปวัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล[FONT=&quot]สามารถ
    เดินทางไปตามเส้นทางถนนเชียงใหม่-พร้าว ทางหลวง
    หมายเลข ๑๐๐๑[/FONT][FONT=&quot]ถนนทางเข้าวัดอยู่ตรงกิโลเมตรที่ ๖๑[/FONT][FONT=&quot]
    จากถนนทางเข้าวัดจนถึงวัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคลประมาณ ๓ กิโลเมตร [/FONT]
    [/FONT]
     
  10. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ประวัติกล่าวโดยย่อสามารถแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ ได้ดังนี้

    ยุคที่ ๑ อ้างในตำนานพระเจ้าเลียบโลก เมื่อครั้งพระพุทธเจ้า
    เดินทางมายังดินแดนสุวรรณภูมิเขตล้านนาไทย พระพุทธองค์
    ทรงเสด็จมายังม่อนดอยเวียง (ปัจจุบันคือวัดพระธาตุดอย
    เวียงชัยมงคล) พร้อมพระอานนท์เถระ เมื่อชาวบ้านทราบข่าว
    จึงได้พากันมาทำบุญใส่บาตรฟังธรรมอุปัฏฐากดูแลพระ พุทธเจ้า
    พร้อมด้วยพระอานนท์ทุกวัน ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จ
    เดินทางออกจากเขตแดนเมืองพร้าว พระพุทธเจ้าทรงมอบ
    เส้นพระเกศาให้กับชาวบ้านไว้กราบไหว้สักการระบูชา

    พร้อมกับได้พุทธทำนายไว้ว่าต่อไปสถานที่แห่งนี้จะเจริญ
    รุ่งเรืองเป็นที่ตั้ง มั่นแห่งพุทธศาสนาในอนาคตกาลข้างหน้า
    จากนั้นชาวบ้านจึงสร้างพระธาตุเจดีย์บรรจุเพื่อรักษาพระเกศา
    ของพระพุทธเจ้า ไว้ ณ ที่แห่งนี้สืบมา เรียกว่าพระธาตุดอย
    เวียงชัยมงคล หรือพระมหาธาตุเจ้าปารมีสิบเก้ายอด
     
  11. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุดอยนะโม (น้ำมัว)
    ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    สถานที่ที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่นั้น คือที่ปักกลด
    ธุดงค์กัมมัฏฐานของท่านพระอาจารย์มั่น ขณะที่ท่าน
    มาพักบำเพ็ญสมณธรรมที่ดอยนะโม ซึ่งต่อมามี
    หลวงปู่แหวน
    หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่พร
    ได้มาพักอยู่วัดพระธาตุดอยนะโมนี้ด้วย
     
  12. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุกาหลง (พระเกศาธาตุ)
    บ.สบปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    พระบรมธาตุเจดีย์
    วัดพระธาตุกาหลง อายุ ๖๐๐ กว่าปี
    ประดิษฐานบนดอยเล็กๆ ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่

    ประวัติวัดพระธาตุกาหลง

    ตำนานพระเจ้าเลียบโลก
    กล่าวว่า...เมื่อพระองค์เสด็จ
    มาถึงบ้านสบปั๋ง เจ้าน้อยจันต๊ะ
    ได้อาราธนานิมนต์นั่ง
    บนหลังช้าง
    บรรดาชาวประชามีจิตศรัทธาได้นำเอา
    มะพร้าวมาถวายพระองค์ ครั้นเสวยเสร็จแล้ว
    ได้โยน
    กะลามะพร้าว หรือชาวล้านนาเรียกว่า
    กะหล้งขึ้น
    บนเขาลูกหนึ่งทางทิศตะวันออก ต่อมาจึงมีชื่อว่า
    "ดอยกะหลัง"
    พร้อมทั้งทรงประทานเกศาธาตุไว้บรรจุ
    ต่อมามีผู้สร้างเจดีย์ครอบไว้บนนั้นเรียกว่า
    พระธาตุดอยกะหล้ง

    ตำนานอีกแห่งหนึ่ง
    ว่าเมื่อสรงน้ำพระธาตุ มักจะมี
    การทำบุญด้วยข้าวก้อนใหญ่ให้แก่นกกา
    ซึ่งในขณะนั้น
    มีกาเป็นจำนวนมากอาศัยอยู่ แต่กาลงมาจิกกินข้าว
    ไม่ได้
    มีแต่ว่าบินวนเวียนไปมาเหมือนหลงทิศ ต่อมา
    ชื่อพระธาตุดอยกะหล้ง
    จึงเรียกเพี้ยนมาเป็น
    "พระธาตุดอยกาหลง" จนกระทั่งทุกวันนี้ ส่วนเมืองนี้
    ก็ชื่อว่า เวียงพร้าว เพราะเหตุที่พระพุทธเจ้าเสวยผล
    "มะพร้าว" ณ
    สถานที่นี้นั่นเอง
     
  13. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระเจ้าล้านทอง

    ระยะทางห่างจากอำเภอประมาณ 3 กม.ตั้งอยู่บ้าน
    หนองปลามัน ม.1 ต.น้ำแพร่ พระเจ้าล้านทอง เรียกอีก
    ชื่อหนึ่งว่า "พระเจ้าหลวง " เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่
    สร้างมานานสมัยเวียงพร้าว-วังหิน เป็นพระพุทธรูป
    ปางมารวิชัย เนื้อทองสำริด ขนาดหน้าตัก 180
    เซนติเมตร สูงรวมทั้งฐาน 274เซนติเมตร

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->ประวัติความเป็นมา โดยอาศัยหลักฐานหนังสือตำนาน
    เวียงพร้าว-วังหิน ของนายปวงคำ ตุ้ยเขียว หน้า
    10
    กล่าวไว้ว่า "พระเจ้า ล้านทองเวียงพร้าว เป็นฝีมือ
    การสร้างแบบสุโขทัย สร้างเมื่อจุลศักราช 888 และ
    เป็นพระพุทธรูป ที่ซึ่ง นับว่ามีความสำคัญทางจิตใจ
    อย่างมาก ต่อคนเมืองพร้าวและทุกวันขึ้น 15 ค่ำ
    เดือน 9 เหนือของทุกปีทาง วัดจะจัดให้มีการสรงน้ำพระขึ้น
    และตามหนังสือ คนดีเมืองเหนือ ของ
    คุณสงวนโชติสุขรัตน์ หน้า 98 กล่าวไว้ว่า "พ่อท้าว
    เกษกุมารได้ครอง เมืองเชียงใหม่ สืบมาในปี พ.ศ.2068
    ทรงมีพระนาม ในการขึ้นครองราชย์ว่า พระเมืองเกษเกล้า
    พระองค์ ได้ไปสร้างพระพุทธรูปไว้ที่เมืองพร้าว
    องค์หนึ่ง ซึ่งหล่อด้วยทองปัญจะโลหะ เมื่อปี
    พ.ศ. 2069 เรียกว่า พระเจ้าล้านทอง และยังมีอยู่จนถึงทุกวัน
    นี้"
     
  14. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุใจกลางเมือง (พระธาตุสะดือเมือง)
    ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่


    เดิมวัดนี้สร้างขึ้นในสมัย พระเจ้ากือนาธรรมิกราช
    เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ แล้วได้ทรงประทานนามว่า
    “วัดสะดือเมือง” อันหมายถึงจุดศูนย์กลางของ
    เวียงพร้าววังหิน แล้วก็มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด
    จนกระทั่งถึงพุทธศักราช ๒๑๐๑ ล้านนาไทยตกเป็น
    เมืองขึ้นของพม่า วัดพระธาตุสะดือเมืองก็ถูกปล่อยให้
    เป็นวัดร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นับเป็นเวลานานร่วม ๓๗๑ ปีทีเดียว

    จนกระทั่งวันสำคัญมาถึง คือวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๒
    คณะสงฆ์และข้าราชการตลอดถึงพ่อค้าประชาชนทั้งหลาย
    ได้ทราบว่า ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
    ได้ธุดงค์มาโปรดญาติโยมที่วัดถ้ำเชียงดาว ทั้งหมด
    จึงได้ไปอาราธนานิมนต์ท่านมาโปรดเมตตาญาติโยม
    ในเวียงพร้าว และขอให้ท่านช่วยบูรณะวัดสันทรายด้วย
    ท่านครูบารับนิมนต์ แล้วได้เดินทางย้อนไปทาง
    อำเภอแม่แตง โดยเข้าทางบ้านช่อแล
     
  15. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ท่านได้เดินทางเข้ามาถึงวัดสันทราย อ.พร้าว ในเวลา ๕ โมงเย็น
    วันที่ ๒๖ ต.ค. ๒๔๗๒ รุ่งเช้าวันที่ ๒๗ มีญาติโยมนับหมื่น
    มาทำบุญใส่บาตร หลังจากท่านให้ศีลให้พรเสร็จแล้ว ผู้นำ
    หมู่บ้านได้อาราธนาท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยให้ช่วยปฏิสังขรณ์วัดนี้
    แต่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยได้กล่าวต่อบรรดาคณะศรัทธาทั้งหลายที่มานั้นว่า

    “วัดที่อาตมาจะสร้างนั้น ไม่ใช่วัดสันทราย เมื่อคืนนี้มีรุกขเทวดา
    มาอาราธนาให้สร้างวัดที่สำคัญยิ่งมาแต่อดีต อยู่ห่างจาก
    วัดนี้ไปทางทิศตะวันออก...”

    หลังจากฉันภัตตาหารเช้าแล้ว ท่านได้นำญาติโยมทั้งหมด
    เดินทางไปเสาะหาวัดร้างแห่งหนึ่ง พบซากอิฐที่ปรักหักพัง
    ทับถมกันอยู่ จึงให้ทุกคนช่วยกันขุดรื้อหาร่องรอย จึงได้พบ
    ศิลาจารึกเป็นแผ่นหินสีดำ ซึ่งจารึกด้วยอักษรล้านนา มีข้อความสั้นๆ ว่า...

    “....วันพฤหัสบดี เดือน 6 ขึ้น 7 ค่ำ ปีชวด พุทธศักราช 1928
    กือนาธรรมิกราช วัดนี้ชื่อว่า “สะดือเมือง”


    พร้อมกันนี้ก็พบวัตถุสิ่งของมีค่ามากมาย อาทิเช่น ผอบบรรจุ
    พระบรมสารีริกธาตุ เทียนเงินเทียนทอง ระฆังทองผสมเงิน
    ท่านครูบาเจ้า ก็ให้นำมาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุที่สร้างขึ้นมา
    พร้อมกับตั้งชื่อให้ใหม่ว่า วัดพระธาตุใจกลางเมือง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
     
  16. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    วัดพระธาตุนางแล


    วัดพระธาตุดอยนางแล หรือพระธาตุดอยกิ่วแล หรืออีกชื่อหนึ่งว่า
    พระธาตุดอยนกแล ปัจจุบันตั้งอยู่บนเขาเตี้ย ๆ ระหว่าง
    อาณาเขตของหมู่ที่ 4 บ้านท่ามะเกี๋ยงและหมู่ที่ 5 บ้านสันปง
    ตำบลสันทราย ปัจจุบันเป็นสำนักปฏิบัติธรรมอยู่ในความดูแล
    ของพระครูปัญญาธีรยุต รองเจ้าคณะอำเภอพร้าว

    ราวๆต้นฤดูฝนของทุกปีนั้นจะมีการจัดสรงน้ำพระธาตุ( ขึ้นธาตุ )ทุกปี
    เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

    http://www.pasasiam.com/home/index.php/history/history-prao/160-2008-09-06-07-58-44
     
  17. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    พระธาตุจอมหิน ( พระเกศาธาตุ )
    บ.ทุ่งห้า ต.ป่าตุ้ม อ.พร้าว (ยังไม่มีข้อมูล)

    พระธาตุจอมหด ( ม่อนหินไหล )
    ( พระเกศาธาตุอยู่บนยอดเขาสูง )
    อ.พร้าว(ยังไม่มีข้อมูล)

    พระธาตุยองผา ( ผายอง )
    สำนักสงฆ์เจดีย์แม่เบี้ย บ.ป่าฮิน ต.บ้านโป่ง อ.พร้าว(ยังไม่มีข้อมูล)

    พระธาตุขุนโก๋น
    บ.ตีนธาตุ ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว(ยังไม่มีข้อมูล)

    พระธาตุทะบุญทา ( ธาตุหิน )
    อ่างเก็บน้ำแม่โก๋น ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว(ยังไม่มีข้อมูล)<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  18. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ดอยแม่ปั๋ง (วัดหลวงปู่แหวน) ระยะทางห่างจากอำเภอ
    17 กม. ตั้งอยู่บ้านแม่ปั๋ง ม.5 ต.แม่ปั๋งอำเภอพร้าว
    ห่างจากตัวเมืองตามเส้นทางสายเชียงใหม่ – แม่โจ้ - พร้าว
    (ทางหลวงหมายเลข 1001) เป็นระยะทางประมาณ
    75 กิโลเมตร วัดดอยแม่ปั๋ง เป็นวัดที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    เคยจำพรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 จนถึงมรณภาพใน
    ปี พ.ศ. 2528 ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ วิหารไม้
    กุฏิหลวงปู่แหวน กุฏิไม้ที่เรียกว่า โรงย่างกิเลส หรือ
    โรงไฟ และวิหารที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่แหวน
    เท่าองค์จริง และวัดนี้แหละที่เป็นที่โด่งดังในอดีต
    วัดที่ทำให้เมืองพร้าวกลายเป็นเมืองที่ผู้คนรู้จัก
    เพราะเป็นวัดที่หลวงปู่แหวน เคยจำพรรษาอยู่จนกระทั่ง
    หลวงปู่แหวนมรณภาพ
     
  19. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย

    หลวง ปู่แหวน สุจิณฺโณ เดิมชื่อ ญาณ หรือ ยาน รามศิริ
    เกิดวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2430 วันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ ปีกุน
    ณ บ้านนาโป่งบ้างก็ว่า บ้านหนองบอน ตำบลหนองใน
    (ปัจจุบันเป็น ตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย

    ท่านเกิดในตระกูลช่างตีเหล็ก เป็นบุตรคนที่ 2 (คนสุดท้อง)
    ของ นายใส หรือ สาย กับ นางแก้ว รามศิริ มีพี่สาวร่วม
    ท้องเดียวกัน 1 คน เมื่อหลวงปู่อายุประมาณ 5 ขวบ พอจำความ
    ได้บ้างว่า ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิต ได้เรียกไปสั่งเสียว่า
    "ลูกเอ๋ย แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ จะเป็นกี่ล้าน
    กี่โกฏก็ตาม แม่ก็ไม่ยินดี และแม่จะยินดีมาก ถ้าลูกจะบวชให้
    แม่จนตายในผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีเมียนะลูกนะ"

    http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=1018.0
     
  20. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    จุดที่ควรเฝ้าระวัง

    น้ำพุร้อนหนองครก

    ที่ตั้ง
    บ้านหนองครก ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

    ลักษณะธรณีวิทยา
    หินทราย หินออร์โทควอร์ตไซต์ หินทรายอาร์โคส หินดินดาน
    และหินชนวน อายุคาร์บอนิเฟอรัส

    ลักษณะทางกายภาพ
    น้ำพุร้อนมากกว่า 5 บ่อ เกิดบนที่ราบติดเชิงเขา ตามรอยเลื่อน
    ด้านเหนือบริเวณขอบแอ่งพร้าว พบแร่ซัลไฟด์อยู่ติดตาม
    สาหร่ายในบ่อน้ำร้อน

    ลักษณะทางเคมี
    พบก๊าซผุดขึ้นมากับน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก มีกลิ่นกำมะถันบ้าง
    ไม่รุนแรง พบแร่แปรสภาพพวก คาร์บอเนต และซัลไฟด์


     

แชร์หน้านี้

Loading...