ท่านพุทธทาสเป็นพระอริยะเจ้ารึเปล่าครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 29 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iivv

    iivv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +201
    สุดยอดเลยครับสมกับชื่ิอท่านจริงๆ
     
  2. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ท่าน จะไปหรือยัง

    ท่านจะไปหรือยังนั้น คง ไม่มีใครไปเห็นได้ เพราะคนที่ไปเห็นได้นั้น ก็ คงกลับมาบอกไม่ได้เช่นกัน


    เเต่ ในความหมายของ บทความนั้น

    ถ้าท่านยังไม่เ้ข้าใจวาทะธรรมของท่านพุทธทาสนี้ ท่านก็ยังไม่สามารถบรรลุนิพพานได้
    ขอให้ท่านใช้ปัญญาพิจารณาดูดีๆครับ ด้วยความหวังดี


    เขาหมายถึงว่า ถ้ายังไม่เข้าใจในธรรมพื้นฐาน ที่ท่านพุธทาส ได้เเสดงไว้ ก็ ยังไปนิพานไม่ได้หลอกจ๊ะ

    เป็นวลี เปรียญเปย กึ่งอ้างอิง จาก บทธรรมของท่าน

    ไม่ใช้ว่า ไม่ทําตามท่านเเล้วจะไม่ได้นิพานจ๊ะ


    หาประโยช ในบทความนั้นๆ ให้ตรงกับ ปัญญา ที่ควรเข้าไปรู้
    อย่าไปจับเอา ตามความเข้าใจส่วนตน เพราะในความเข้าใจส่วนตนนั้น มัน
    ปนไปด้วย ความไม่รู้


    เจริญในปัญญาจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  3. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    [​IMG]

    (งั้นก็เข้าสู่ขบวนการยุติธรรมเลยก็แล้วกัน)

    ตามที่พยาน โจทย์ และจำเลยยื่นหลักฐานมา

    ในฐานะ ผู้พิพาษเก่า

    มีความเห็น ไปทิศทางเดียวกับคุณหมอกฤช ฟันธง รึ คอนเฟิร์มอะไรนี่แหละ

    และขอพิจรณาคดีเลยก็แล้วกัน

    เพราะจากประจักษ์พยาน และหลักฐานที่เป็นลายลักอักษรณ์

    เต็มอยุ่ทุกร้านท่ีขายหนังสือ ซึ่งหาดู หาซื้อได้ ดาษดื่นเต็มประเทศไทย

    หลักฐานชี้ชัด หลักฐานแน่นมาก ผู้ต้องหายากที่ยากทีจะหลุดพ้นจากความผิดนี้ได้

    กระผมผู้พิพากษา ขอตัดสินคดีความนี้ว่า จำเลยมีความผิดจริง

    จึงตัดสินไห้เอาจำเลยไปคังคุก เป็นเวลา หลายล้านปี (นรก)

    พิจรณาคดีความเส็จสิ้นแล้ว

    เลิกศาล!!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  4. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    เมื่อเอ่ยถึงท่านพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี หลายๆ คนต้องรู้จัก เพราะท่านเป็นพระที่สอนการปฏิบัติธรรมแบบทางตรงไม่อ้อมค้อม จนบางครั้งมีผู้สงสัยว่า ไม่เห็นท่านเอ่ยถึงนรก สวรรค์ ชาตินี้ ชาติหน้า

    ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ของท่านหลายๆ คน เลยตัดสินว่าที่ท่านไม่พูดนั้นแสดงว่า ไม่มีจริงเพราะท่านสอนแบบประโยชน์ในปัจจุบันจริงๆโดยเขาอ้างว่าตามพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าสอนพุทธธรรมกำมือเดียวแต่ใบไม้ที่นอกกำมือมีอีกมาก จะปฏิเสธไปเลยทีเดียวไม่ได้ตามการวิเคราะห์ของผู้เขียนผู้ที่เข้ามาสนใจในการปฏิบัติธรรม มีหลายจำพวก แยกได้คือ

    ๑.มาด้วยศรัทธา
    ๒.มาด้วยความทุกข์
    ๓.มาเพื่อสร้างปัญญา

    พวกที่ศรัทธานั้นมีหลายประเภทบางคนมาด้วยสนใจในอิทธิฤทธิ์ พวกพระเครื่อง ฯลฯโดยเริ่มจากวัตถุมงคลเป็นตัวชักนำพวกที่มาด้วยความทุกข์ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลยเข้ามาหาศาสนาพวกที่ศรัทธาแท้ๆ นั้น เสมือนพวกเรียนอุดมศึกษา ระดับมหาวิทยาลัยท่านพุทธทาส ท่านจะสอนเน้นนักศึกษาระดับนี้เป็นการสอนแบบเซน (สูญญตวาทะ)

    บางครั้งการสอนเรื่องจิตว่างของท่านซึ่งใช้คำว่า "จงทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง"เป็นการทำงานเพื่องานทำบุญโดยไม่หวังอะไรซึ่งระดับจิตต้องพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งเคยมีวิวาทะระหว่างท่านคึกฤทธิ์กับท่านพุทธทาสในเรื่องนี้มีหนังสือตีพิมพ์ออกมาเป็นการพูดกันคนละมุม

    เมื่อมีเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จึงเกิดข้อสงสัยในพวกปฏิบัติธรรมว่าท่านพุทธทาส อาจเป็นพระประเภทสุขวิปัสสโกทำให้ไม่รู้เรื่องสวรรค์ นรกแต่ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าได้แบบปัญญาล้วนๆ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้

    ผู้ที่ปฏิบัติสายอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระและสายมโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและสายวัดปากน้ำ เกิดความคลางแคลงใจอย่างมากแต่ก็มีพระในสายนี้ออกมารับรองเช่น พระอาจารย์ชา สุภัทโท จ.อุบลราชธานีท่านจะรับรองการเทศน์ของท่านพุทธทาสเป็นอย่างมากหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งอยู่จังหวัดลำปางพูดถึงท่านพุทธทาสให้ลูกศิษย์ฟังว่าท่านเป็นพระอนาคามี เป็นต้น

    เมื่อมีคณะศิษย์ของหลวงปู่ดู่ได้เดินทางไปนมัสการท่านพุทธทาสโดยนำสังฆทานพร้อมพระพุทธรูปที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่เพื่อนำไปถวาย พร้อมคำถามที่จะกราบเรียนถึงเรื่องลึกลับต่างๆ ว่าจะมีจริงหรือเป็นตามคำเล่าลือหรือไม่ว่าท่านไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้

    ผู้คนไปนมัสการท่านมาก เป็นปกติของพระผู้ใหญ่คณะที่ไปจัดแจงนำสังฆทานเข้าไปถวายเมื่อเห็นว่าปลอดคน ท่านพุทธทาสรับสังฆทานเสร็จเรียบร้อยท่านถามว่า "พระนำมาจากไหน" เมื่อได้รับคำตอบจากคณะศิษย์ ท่านพูดขึ้นมาว่า "เรื่องนี้ต้องคุยกันนาน ไว้ตอนกลางคืนมาคุยกันใหม่" สรุปว่ายังไม่รู้คำตอบที่แท้จริงเพราะภายในวัดสวนโมกข์ไม่ค่อยมีการสร้างพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆ

    ตกกลางคืนตามที่ท่านนัดหมายเมื่อคณะศิษย์ของหลวงปู่เข้าไปกราบท่านท่านจึงพูดขึ้นว่า

    "เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าจะปฏิเสธเรื่องของพระพุทธเจ้าไม่ได้นรก สวรรค์นั้น ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริงชาตินี้ ชาติหน้า แม้แต่ยุคพระศรีอาริย์ก็มีจริงแต่เราเล็งเห็นความหยาบของจิตในมนุษย์เหล่านี้เราเลยไม่สอน สอนแต่บรมธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

    คณะที่ไปกราบรับฟังและพร้อมกับขอขมาโทษในองค์ท่านเพราะทุกคนไม่คิดจะได้ฟังประโยคเหล่านี้ ทำให้หมดสงสัย

    ซึ่งตรงกับที่หลวงปู่ดู่เคยพูดไว้เมื่อมีลูกศิษย์ของท่านกล่าวเชิงวิจารณ์ท่านพุทธทาสโดยท่านเตือนว่า

    "อย่าไปประมาทท่าน ท่านก็มีดีของท่าน เราไม่รู้จริง เดี๋ยวเป็นบาปนะแก"

    ที่มา : ร่มเงาพุทธฉัตร
    ผู้เขียน : อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
     
  5. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    จริงๆแม้จะน้อยหายาก แต่คำสอนท่านพุทธทาสเคยอ่านเจอ ท่านมีกล่าวถึงที่ท่านสัมผัสภูมิเปรตด้วยเรื่องของเรื่องคือ ท่านไปวัดแห่งหนึ่งไปกราบพระที่เป็นกัลยาณมิตร พอตกเย็นๆท่านนั่งสบายๆชมวิวทิวทัศน์จิตทำสมาธิท่านก็ได้ยินเสียงโหยหวนท่านจึงพิจารณาตามดู ท่านก็เล่าว่าเป็นเสียงเปรตที่เป็นทายกของวัดตอนยังมีชีวิตอยู่แต่ยักยอกเงินวัดไปทำให้ต้องมาเป็นเปรต

    แม้ว่าจะมีบันทึกเรื่องราวแบบนี้ของท่านพุทธทาสอยู่น้อยนิดแต่ก็น่าจะแสดงถึงภูมิจิตและสิ่งที่ท่านรู้ได้ส่วนหนึง

    คนเข้าใจผิดเรื่องท่านพุทธทาสภิกขุกันมานานแล้วเนื่องจากส่วนหนึงเข้าใจไปว่าท่านปฎิเสธเรื่องนรก-สวรรค์และสอนบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคนบางคนตีความธรรมะของท่านด้วยความเข้าใจส่วนตัวและตัดเอาแค่บางประโยคจากหนังสือธรรมะท่านที่มีเป็นจำนวนมากมาขยายความทำให้เข้าใจไปว่าท่านบิดเบือน

    ไม่อยากอธิบายยืดยาวนักเอาเป็นว่าน้อยคนนักที่จะรู้ถึงเหตุการ์ณหนึงซึ่งผมเคยได้ยินมาจากศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีคนเก่าๆว่ามีครั้งหนึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านให้ศิษย์พานั่งรถไปหาท่านพุทธทาส เข้าใจว่าที่สวนโมกข์ น้อยคนนักที่จะรู้เพราะเป็นการพบกันส่วนตัวพอท่านเจอกันต่างองค์ก็ไหว้ซึ่งกันและกัน และสนทนาธรรมกันอีกกว่า2 ชั่วโมง พอตอนลูกศิษย์พาหลวงปู่ฤาษีขับรถกลับท่านพูดให้ลูกศิษย์ ในรถได้ยินกันชัดแจ๋วว่า "เออ อย่างนี้สิถึงจะคุยถูกคอ"

    ธรรมะท่านพุทธทาสท่านลึกซึ้งและเน้นที่ปัจจุบันมากและอีกประการเหตุที่ท่านสอนลักษณะนั้นเพราะท่านมีวาระที่ต้องการให้ศาสนาพุทธเผยแพร่หลักธรรมเป็นสากลแก่นานาชาติเห็นได้จากที่หนังสือท่านได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆอีกทั้งที่ท่านได้รับการยกย่องจาก unesco


    มีหลายคนที่ปฎิบัติตามแนวคำสอนของท่านและเป็นคนดีในสังคมมีมากมายนั้นเป็นเพราะเขาเหล่านั้นเลือกเอาสิ่งที่ดีโดยไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ดีที่พิสูจน์ไม่ได้ ธรรมะของท่านพุทธทาสนั้นเป็นเสมือนมะม่วงที่มีแต่เม็ด ไม่มีเนื้อหวานๆให้ลิ้มรสแต่จะเข้าถึงความขมที่เม็ดเลย

    ของจริงนิ่งเป็นใบ้ อนุโมทนา สาธุด้วยครับ ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ประเสริฐโดยแท้ หลายท่านพบกระทู้นี้แล้วเป็นนิมิตรหมายที่ดี ถ้าท่านเคย ปรามาส ท่านพุทธทาสเอาไว้ ขอให้นึกย้อนกลับไป ดูดีๆ ข้อความ ที่เราไม่รู้จริงแล้ว พูดออกไป เวลานี้ หลวงปู่ท่านเมตตา มายืนยันให้แล้ว ว่า ท่านไม่ได้เป็นอย่างที่ บัณฑิตในโลกทั้งหลาย เคยพูดจา จาบจ้วง ล่วงเกิน ท่าน ก็ขอ ขมาท่าน

    โยโทโส โมหะจิตเต .... ขอขมาขอให้ท่าน อโหสิกรรม ให้สิ้นเวรสิ้นกรรมในกระทู้นี้ครับ

    ลงทุนน้อยๆ ได้ อกุศลกรรมมากๆ ก็คือกรรมทางวาจา พูด จาบจ้วง ล่วงเกิน ปรามาส พระรัตนตรัย พระผู้ประพฤติดีทั้งหลาย คนเรานั้นไม่ทำชั่ว 24 ชม. ไม่ได้เป็นซาตานมาเกิด หลวงปู่ท่านสอนเสมอ คนดีเค้าไม่ตีใคร ขอให้เก็บไปคิด และหมั่นปฏิบัติดีกันมาก พบท่านไหนดี ก็อนุโมทนากับท่านครับ ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ
    <O:p</O:p
    http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,146.0.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2012
  6. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    สาธุ สาธุ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย เคยแต่อ่านคำสอนของท่านก็เห็นว่าถูกต้องและเข้าใจง่ายดีครับ
     
  7. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    บทขอขมาพระรัตนตรัย

    โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต
    มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    การกระทำอันหลงผิดอันใด
    ซึ่งกระทำล่วงเกินแล้วในคุณพระพุทธเจ้า
    ข้าพเจ้าขอกล่าวคำขอขมา
    เพื่อการบาปกรรมทั้งหลายทั้งปวงจงสูญสิ้นไป

    โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต
    มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    การกระทำอันหลงผิดอันใด
    ซึ่งกระทำล่วงเกินแล้วในคุณพระธรรมเจ้า
    ข้าพเจ้าขอกล่าวคำขอขมา
    เพื่อการบาปกรรมทั้งหลายทั้งปวงจงสูญสิ้นไป

    โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต
    มะยา ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    การกระทำอันหลงผิดอันใด
    ซึ่งกระทำล่วงเกินแล้วในคุณพระสงฆ์เจ้า
    ข้าพเจ้าขอกล่าวคำขอขมา
    เพื่อการบาปกรรมทั้งหลายทั้งปวงจงสูญสิ้นไป
     
  8. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452

    อืม แสดงว่าเป็นความคิดของบุคคลอื่น ไม่ไช่เจ้าตัว

    และก็ไม่เป็นสาธารณะ ก้คือบางคนเคยได้อ่าน แต่ส่วนไม่เคย



    ถูกบ้าง
    อ้างอิง:

    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: 1px inset; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: 1px inset; BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial">พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อ พิจารณาสืบต่อไป ย่อมพิจารณาลึกลงไปอีกว่า อุปธิ นี้เล่า มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด? มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด? มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด? และมีอะไรเป็นแดนเกิด? เมื่ออะไรมีอยู่ อุปธิก็มีอยู่ เมื่อ อะไรไม่มี อุปธิก็ไม่มี?ดังนี้.....................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น เมื่อ พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ชัดได้อย่างนี้ว่า อุปธิ มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด มีตัณหาเป็นเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด และมีตัณหาเป็นแดนเกิด เมื่อตัณหามีอยู่ อุปธิก็มีอยู่ เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิก็ไม่มี ดังนี้แล.........................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)</TD></TR></TBODY></TABLE>


    แต่พอเผลอๆก็ไม่ถูกบ้าง

    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้ etc...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด....เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น ....เชื่อไม่ได้

    หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ส่วนอันนี้ เจ้าตัว แต่งเอง เขียนเอง และก็เป็นสาธรณะชน

    ไปดูที่เซเว่นก็เจอ

    รายซง รายเซ็นอยู่ครบ

    พิมจากต้นฉบับ ขายตามร้านหนังสือ ซุปเปอร์สโตร์ ทั่วประเทศไทย

    มาจากต้นฉบับเดียวกัน

    กี่แสนเล่น ก็เนื้อความหมายเดียวกัน

    ฟันธงคราบ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2012
  9. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปราบจราจล [​IMG]
    คัดจาก หนังสือ พุทธสาสนา ปีที่ ๖๗ เล่ม พุทธศํกราช ๒๕๔๒



    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้ etc...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด....เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น ....เชื่อไม่ได้

    หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    นี่ก็ล่อซะเต็มปาก เต็มคำว่าเจ้าของศาสนาโกหก

    แค่พูดคำว่า เจ้าของศาสนา หรือพระพุทธเจ้าโกหกตามพุทธทาส

    ผมยังรู้สึกว่ามันจุกอยู่ที่คอ พูดไม่ได้อ่ะ

    ถ้าไห้นึกถึงธรรมะที่พระองค์ เอามาสอน

    สัจจะธรรม พอได้ฟัง ได้ยิน แล้วคิดตาม พิจรณาตาม


    รู้สึกว่า น้อมใจกราบพระองค์ที่พระบาท เช้า กลางวัน เย็น

    มันยังไม่อิ่มในหัวใจเลย!!!



    ฟันธงคราบ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2012
  10. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    บอกเลยว่าอยากตรวจมากว่าท่านอยู่ที่ไหน แต่ถ้าทำก็เท่ากับว่าปรามาสท่าน

    รู้แค่ว่า ไม่ใช่นรกแน่นอน
     
  11. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สมัยก่อนนะครับ หลวงพ่อฤษีท่านมีชีวิตอยุ่

    ยังไม่ละสังขาร พลตท สมศักดิ์ สืบสงวน

    ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ

    กราบถามหลวงพ่อว่า ทา่นพุทธทาสสอนแบบนี้

    จะไมาตกนรกหรือครับ

    หลวงพ่อยกมือโบกไปมาแบบห้ามว่า

    แล้วบอกในเชิงว่า เขายังไม่สิ้นอายุขัย

    อย่าพึ่งไปด่วนสรุป เขาอาจจะขึ้น หรือลงก็ได้

    ขึ้นอยู่กับวาระจิตก่อนตาย

    แต่ปัจจุบัน นายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน

    เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมได้ฟงัธรรมท่าน

    ท่านจะมีความเข้าใจในอารมณ์พระอนาคามีมรรค

    อย่างดียิ่ง ปัจจุบันนี้ท่านอาจจะก้าวไปอีกระดับ

    ก็เป็นไปได้

    ท่านไม่หายสวงสัย หลังจากพุทธทาสตายแล้ว

    ท่านก็ไปดูด้วยตัวของท่า่นเอง

    สรุปก็คือพุทธทาส ที่บอกเสมอว่า

    ฉายาของตัวเองก็คือ ขอยอมเป็นทาสพระพุทธเจ้า

    ตอนนี้ ท่านผู้นั้น อยุ่ที่ โลกันต์นรก ก็คือนรกขุมพิเศษ

    เหตุก็เพราะว่า บิดเบือน ตู่คำสอนของพระพุทธเจ้า

    และตัวพุทธทาสมีอิธิพลต่อบรรดาสาวกยิ่ง

    เป็นเหตุทำไห้คนหมู่มาก ห่างไกลจากพระนิพพาน

    โทษฐานอันนี้จึงทำไห้พุทธทาส ลงนรกขุมพิเศษ

    (พุทธทาสปฏิเสธโลกหน้า ปฎิสธการตายแล้วเกิด

    เห็นเรื่องการตายจากคนแล้วไปเิกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    เป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น สอนไห้สนใจแต่ความว่าง

    และพุทธทาสมีความเชื่อว่า พระนิพพานนั้นสูญ

    เพราะเหตุนี้ พุทธทาสก็เลยสูญจากความดี)

    มีคนส่งมาให้ผมอ่านครับ ผมก็ไม่รู้จริงหรือเปล่า อย่าเชื่อตามที่กันมา ผมก็อยากให้ท่านพิจารณา แต่ท่านก็สอนให้คนปลงขันธ์ห้าเหมือนกัน ท่านพุทธทาส ผมก็ไม่รู้อะไรมาก ถ้าอยากเห็นว่าท่านอยู่ที่ไหน ฝึกสมาธิอยู่ป่าว คืดว่าทำอยู่นะ

    ทำจิตไห้สะอาดถึงที่สุด

    แล้วขอดูภาพนะ ลองดู ทำใจไห้เป็นกลาง

    ไม่อคติทั้งรักและเกียจ

    ลองดูนะ

    หรือไม่ก็ฝึกกสินไฟ หรือกสินแสง แล้วขอเห็น ก็ได้พอเป็นตาทิพย์
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .............. เอาง่ายง่ายอย่าฟุ้งซ่านนะ...พระพุทธศาสนาสอนอริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค.....เราเป็นผู้ ภาวนา...หามรรคให้เจอแล้วปฎิบัติตามเถอะ..ด้วยความหวังดี........
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐมีสี่อย่างเหล่านี้ สี่อย่างเหล่าใหนเล่า สี่อย่างคือ ความจริงอันประเสริฐคือความทุกข์ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไม่เหลือของทุกข์ และ ความจริงอันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือ ของทุกข์ นี้แล ความจริงอันประเสริฐ สี่อย่าง ภิกษุทั้งหลายเพราะได้ตรัสรู้ตามเป็นจริงซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ ตถาคต จึงมีนามอันบัณฑิตกล่าวว่า" อรหันตสัมมาสัมพุทธะ".......... ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ ตามจริง ว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป้นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้เถิด-มหาวาร.สํ.191/543/1703.({).............. หัวใจของพระพุทธศาสนา
     
  14. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พี่พูดถูกผมจะมาสนใจ ทําไมหว่า หาทางตรัสรู้อริยสัจ4 ดีกว่าศาสนาพุทธคือตรัสรู้อริยสัจ4 นิพพาน ผมหาทางนิพพานดีกว่า
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ......... พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาสัมพุธเจ้าองค์ใดใด ได้ตรัสรู้ตาม เป็นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวฝ่ายอดีต ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้ตามความเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ภิกษุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดใด จักได้ตรัสรู้ตามความเป็นจริง ต่อกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักได้ตรัสรู้ตามความเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ภิกษุทั้งหลาย แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้ตามความเป็นจริงอยู่ ในกาลปัจจุบันนี้ ก็ได้ตรัสรู้อยู่ ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างนั้นเหล่าใหนเล่า? สี่อย่าง คือ ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข์ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุให้เกิดทุกข์ ความจริงอันประเสริฐคือความดับทุกขื และความจริงอันประเสริฐคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ......ภิกษุทั้งหลายเพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ ตามจริง ว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้เถิด-มหาวาร.สํ.19/543/1704({)..............................พระสูตรนี้ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าตรัสรู้ซึ่งอริยสัจสี่ ทุกพระองค์............
     
  16. banana603

    banana603 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +17

    ทำไมไม่พิจารณาให้ลึกหละ ใจความจริงๆแล้ว ก็คือว่า
    คนเขียน จะสื่อว่า ให้เราพิจารณา ทั้งหมดที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้ มิใช่ให้เชื่อ ๆๆๆ อย่างเดียว จำๆ แล้วไม่พิจารณาให้เห็นเอง มันจะได้อะไรขึ้นมา มันก็แค่รู้อยู่เปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็เพราะเชื่อ ๆๆ นี่แหละ

    ขึ้นชื่อว่า พุทธทาส นี่ก็คือ สานต่อเจตนารมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยอมให้ผู้อื่นมองตนในทางผิด ก็เช่น เราต้องพิสูจน์ว่า พระพุทธองค์นั้น ตรัสไว้จริงอย่างว่าไง แต่จำพวกที่สักแต่จำ ไม่เคยเห็นเอง เออ ออ ไปตามตัวหนังสือที่อ่าน ไม่เข้าใจตามความรู้สึกจริงๆ มันก็ได้แค่นั้น อยู่อย่างนั้น

    ปล. ผมไม่รุ้จักท่านพุทธทาส แต่พอจะเคยอ่านบางสิ่งมานิดหน่อยแล้ว ...
     
  17. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    อ้างอิง:

    หนังสือ ธรรมานุกรมธร ถูกบ้าง


    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: 1px inset; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: 1px inset; BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial">พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อ พิจารณาสืบต่อไป ย่อมพิจารณาลึกลงไปอีกว่า อุปธิ นี้เล่า มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด? มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด? มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด? และมีอะไรเป็นแดนเกิด? เมื่ออะไรมีอยู่ อุปธิก็มีอยู่ เมื่อ อะไรไม่มี อุปธิก็ไม่มี?ดังนี้.....................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น เมื่อ พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ชัดได้อย่างนี้ว่า อุปธิ มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด มีตัณหาเป็นเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด และมีตัณหาเป็นแดนเกิด เมื่อตัณหามีอยู่ อุปธิก็มีอยู่ เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิก็ไม่มี ดังนี้แล.........................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)</TD></TR></TBODY></TABLE>



    แต่พอเผลอๆก็ไม่ถูกบ้าง
    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้ etc...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด....เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น ....เชื่อไม่ได้

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    แบบนี้ไช่ไหมครับ ถึงจะได้ชื่อว่า พุทธทาส สานต่อเจตนารมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    อ้อการสานเจตนรมณ์เค้าทำกับแบบบนี้รึครับ

    แถวบ้านผมเขาเรียกว่าหักหน้าครับ

    ถ้าจะไห้ตรงก็ลบหลู่ทานเลยล่ะ

    (เพราะพุทธเจ้าถือว่า เป็นยิง่กว่าปูชนีย์บุคคล

    เป็นจอมอรหันต์ เป็นศาสาดาผู้ก่อตั้งพระศาสนา)
    ({)ฟันธงคราบ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มกราคม 2012
  18. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ยังมีต่ออีก คงจะยาวละทีนี้ สายสุขวิปัสโก สอนแต่ธรรมล้วนๆ ปฏิเสธสิ่งเหนือธรรมชาติ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น ส่วนอีกสามสายคือ วิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณ สอนเรื่องโอปาปติกะ แล้วจะลงกันยังไงดีล่ะทีนี้ เฉพาะที่คุยๆกันอยู่นี่ ก็มีไม่กี่คนหรอกที่เคยเห็นเทวดา เคยเห็นโอปาปติกะ เคยเห็นผี
     
  19. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ถ้ามีพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ กําเนิดในโลกนี้ ลองถามดูครับ ผมคิดว่าพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ มีฤทธิเดช สอนคนให้ได้ไปเป็นพระอริย มากกว่าพระอรหันต์สายอื่นๆยกเว้น พระองค์นั้นจะฉลาดแตกฉานจริงๆ เพราะ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ย่อให้สั้นลงเข้าใจง่าย ตีความหมาย ให้ยาวได้เข้าใจทุกภาษาได้ พอเข้าใจทุกภาษาก็สอนคนได้ภาษาต่างๆ แต่คงยาก เพราะเท่าที่ผมรู้จักตั้งแต่เกิดมาก็คงเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    ถ้าท่านพุทธทาสเขียนแบบนั้นจริงๆ ท่านก็ไม่มีฤทธิเลยกล่าวเช่นนั้นอะมั้งครับ ถ้าคําสอนของพระพุทธเจ้าเชื่อไม่ได้ ถ้าเชื่อตัวเอง สมมุติ คนชั่วมาอ่านคํานี้มาศึกษาธรรม ที่พุทธทาสสอน แล้วมาติดใจตนว่า ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะ

    ก่อน ท่านนี่ ท่านไหน ถ้าคิดแบบพระพุทธเจ้า เป็นอจินไตยคิดไม่ได้ ถ้าคิดแบบท่านพุทธทาส ถ้ากล่าวเช่นนั้นจริงผมขอไม่คิดแบบท่านดีกว่า ต่อเลยแล้วถ้าคนชั่วมา ติดใจตรงว่า คําสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้นเชื่อไม่ได้ ถ้าเช่นั้นคนชั่ว คนโงที่มีอวิชชา เลยก็ไปาสรณะที่อื่นที่บําเพ็ญเพียร ศาสนาพุทธก็แตกสลาย เพราะคํากล่าวอันนั้น พระพุทธองค์ก็กล่าวว่า อย่าเชื่อที่ตามๆกันมา อย่าเชื่อแม้แต่เป็นศาสดาของตน ต้องใช้ปัญญา ให้มีเหตุมีผลก่อน

    ยิ่งแบบผมแล้วด้วย โง่แสนจะโง่แล้วเลวแสนจะเลว ราคะโทสะโมหะ กิเลศท่วมหัว ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า อริยสัจสี่ก็ไม่ต้องเชื่อ ไปงมงายเรื่องพระเจ้าสร้างมาตลอดแบบนี้อะเหรอ ? หรือว่าเจตนาของท่านพุทธทาส จะให้คิดเองอย่าเชื่อใครง่ายๆแบบนี้ แต่ไม่น่าจะไปบอกว่า คําสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เชื่อไม่ได้
    ผมลองใช้ปัญญามีเหตุมีผลไป ผมขอไม่เชื่อท่านพุทธทาสดีกว่า :p ไปเชื่อนักบวชที่ที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ไม่หมกมุ่นในกามคุณ ไม่ทําชั่ว ดีกว่า ไม่หลงใน อุปทาน โมหะ ราคะ โทสะ ดับหมดสิ้นซึ่งกิเลศภพหน้าจะไม่มีอีกต่อไป ดีกว่านักบวช แบบนี้ เท่าที่ผมเคยอ่านมาก็พระอรหันต์:D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  20. คนมีกำกึด

    คนมีกำกึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +278
    ท่านพุทธทาสนี่เราจะถือคำพูดของท่านแบบไม่ไตร่ตรองเลยไม่ได้นะครับ เราต้องมองไปถึงเจตนาในการสอนของท่าน อย่างที่ทราบกันว่า ท่านเป็นนักปราชญ์ คำหนึ่งคำของท่านอาจไม่ได้มีความหมายอย่างที่เราเข้าใจ เช่น สูญ นี่ไม่ใช่ สูญสลาย นะครับ แต่มันก็คือ สูญ ไม่รู้สิบอกไม่ถูก ท่านต้องมองหลายๆ Concept หรือไปอ่านศูนยตา ของท่านนาคารชุนก็ได้ ศูนย์ แบบ ไม่ ศูนย์(สูญ ไม่ สูญ) ก็เพราะว่า ไม่รู้ว่าจะเอาคำไหนมาใช้ ท่านเคยได้ยินไหม มีก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่ ทั้งสองอย่างก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งสองอย่างก็ไม่ใช่ อ่านแล้วงงไหมว่าคืออะไร ก็เพราะไม่รู้จะบอกยังไง ต้องสัมผัสเอง อย่าง สีแดง คุณ เห็นสีแดง คุณรู้จักสีแดง คุณไปอธิบาย สีแดง ให้กับคนที่ไม่เคยเห็นสีแดงให้เขานึกภาพสีแดงให้ได้สิครับ เขาเรียกว่า ภาษานั้นอธิบายได้ไม่หมด ได้ไม่ดี นี่แหละ ปัญหา อยู่ที่ ภาษา เราเข้าใจภาษาของท่านพุทธทาสถูกจริงหรือ แม้ข้าพเจ้ายังไม่ทราบเลยว่าจะเข้าใจถูกไหม หรือทีนี้จะยกพุทธพจน์บ้าง ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต" (ที.สี.14/90) ท่านเข้าใจว่าอย่างไร จะมีไหม สูญไหม ภาษาก็ใช้ได้เพียงพอประมาณ เช่น การจะอธิบาย สีแดง ที่ข้าพเจ้าบอกนั่นแหละ

    ปกติแล้วท่านพุทธทาส ท่านไม่ปรามาสใคร ไม่เคยกล่าวถึงผู้อื่น มีคนไปกราบท่านถามถึงเรื่องเกี่ยวกับท่านโพธิรักษ์ สันติอโศก ท่านก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่เคยปฏิบัติ ปกติท่านเป็นอย่างนี้ ท่านพุทธทาสท่านเคยพูดว่า ควรเผาพระไตรปิฎกเสีย เลือกเอาบางส่วน ท่านบอกให้เลือกบางส่วน มีความหมายว่า ท่านไม่เชื่อจริงหรือ เหลวไหลในคำพูดของท่าน จะหมายถึง บุคคลเหลวไหล หรือธรรมนั้นเหลวไหล และคำว่าเหลวไหล จะแปลว่า เหลวไหล จริงหรือ หรือแปลว่า ไร้สาระ และคำว่า ไร้สาระ มันแปลว่า ไม่ดี จริงหรือ หรือมันแปลว่า ไม่มีประโยชน์(ก็ชาวพุทธมุ่งหวังไปนิพพานก็เอาเฉพาะธรรมที่จะไปนิพพาน ธรรมไหนจะไปนิพพานก็สอน ธรรมไหนไม่ใช่ก็ไม่ต้องยึด นี่ท่านสอนเรื่องยึดนี่) เหมือนกับท่านเดินทางไกลมาก จุดที่ท่านไปนั้นไกลมาก แต่ว่ามีผู้สอนการเดินทางแก่ท่าน แน่นอนในการเดินทางของท่านย่อมมีข้างทางที่สวยงาม ครูผู้สอนหลายๆท่านก็สอน เพราะมันมีแน่ แต่ท่านพุทธทาส ท่านเพียงสอนว่า อย่ามอง แล้วไปถึงจุดนั้นเสีย

    เรื่องโอปาติกะ ที่ยกๆกันมา แน่ใจหรือ ว่า โกหกของท่าน คือ การหลอกลวง ท่านไม่ได้บอกนะ(จากที่ยกมา) ท่านมีคำว่า เอออวย โกหกนั้นคือการ เอออวย เอออวย มีความหมายว่า หลอกลวง หรือ? ท่านหมายถึงว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าต้องการให้ไปยึดถือ แต่ก็ทรงสอน ทรงบอก เพราะ "สิ่งนั้นมันมี" คิดแบบพระพุทธเจ้า คือ ที่บอกนั่นแหละว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดเป็นใจความสำคัญแห่งพุทธศาสนา นี่มันเป็นอย่างนี้ ตีความทื่อๆไม่ได้นะ ท่านเป็นนักปราชญ์ นักพูดที่ดี เร้าอารมณ์คนได้ ไม่ได้บอกว่า ไม่มี แต่บอกว่า ไม่ให้ยึด

    ผมไม่ได้ปกป้องท่านพุทธทาสหรอกนะครับ เพราะท่านพุทธทาสท่านไม่ให้ยึดตัวกู ของกู เมื่อตัวท่านเป็นอนัตตา ผมจะปกป้องใคร?? แต่อยากแสดงความคิดเห็นหน่อย เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมเกือบไปนับถือมหายาน ตามสมาชิกเว็บนี้ เพราะอะไรไม่ขุดคุ้ยเรื่องนานมาแล้ว แน่นอนสาเหตุก็เพราะเห็นขัดแย้งกับท่านพุทธทาส ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น สุดท้ายเรื่องก็จบแบบดีทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราก็ขอขมาท่านพุทธทาสในเว็บบอร์ด จากนั้นผมก็ไม่สนใจธรรมของท่านพุทธทาสอีกเลย จนปีที่แล้ว เมื่อผมกลับมาอ่านงานของท่านใหม่ ผมจึงรู้ว่า คำพูดของท่านอ่านโดยไม่ไตร่ตรอง เราโกธรแน่นอน และงานของท่านทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้ดีจริงๆ มีประโยชน์ต่อผมมาก เพราะมันถูกจริตของผม

    ส่วนเรื่องท่านไปอยู่ไหน ข้าพเจ้าตอบได้เลยว่า อยู่ในหนังสือ

    แล้วเรื่องที่ท่านอยู่ขั้นไหน ท่านอยู่ขั้นสูง เพราะหนังสือของท่านเรียงอยู่ที่ห้องข้าพเจ้าอยู่สู๊ง สูง ^^
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...