ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    ขออนุญาตขยายให้อ่านง่ายขึ้นครับ

    เห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่อยากให้เราท่านทั้งหลาย
    ตกเป็นเครื่องมือของใคร ไม่ใช่ไม่รักชาติ บ้านเมือง
    แต่บางอย่างมันก็ใหญ่เกินตัวเรา
    แค่เป็นคนดี เป็นประชาชนที่ดี ไม่เบียดเบียนใคร
    ก็ถือว่ารักชาติบ้านเมืองมากแล้วครับ
     
  2. TREETORN

    TREETORN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +199
    :cool:เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียงครับ
     
  3. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    29 ธค. 54

    แปลไทยให้ชัด

    น้ำหลากมาถึงนครสวรรค์ให้รีบขึ้นที่สูงจะมีเวลาพอ

    องค์อินทร์๙๗
    ทำการแทน
     
  4. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    เข้าใจแล้วครับ

    ขอบพระคุณที่ชี้แนะ:cool::cool:
     
  5. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    บ้านผมน้ำจะท่วมไหมครับ มันมาน่ากลัวจัง ผมดูแล้วไม่น่าจะรอด ต้องย้ายของขึ้นที่สูงไหม ผมเห็นบ้านอื่นเขาก่ออิฐบล็อคปิดประตูบ้านสูงเท่าหน้าอก พ่อบอกว่าไม่เป็นไร แค่ปิ่มๆเท่านั้น ไม่เป็นไร ปีหน้าจะหนักนะลูก ที่พ่อให้สวดมนต์ สวดบ้างไหมลูก สวดทุกวันเลยครับ เอ๋อดีแล้ว พ่อเมตตานะลูกนะ พ่อมองดูมนุษย์อยู่ นะลูกนะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ครับ จากวันนั้นถึงวันนี้ น้องน้ำมาจริงครับ แล้วผ่านไปจริงครับ ตามนั้น
    ตอนนี้พ่อบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงที่นี่นะลูก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พ่อบอกลูกศิษย์หลายคนแล้วไม่ต้องมาหาพ่อ ให้ทยอยกันกลับไปที่บ้านนอก ให้ไปทำสวน ทำไร่ ทำนานะลูก ไปปลูกข้าว ปลูกอะไรต่างๆที่กินได้ ที่ใช้สอยได้นะลูกนะ เมื่อถึงเวลามันจะมีประโยชน์ ปลูกให้เต็มที่นะลูกนะ มันจะหนักขึ้นทุกวันนะ บ้านเมืองจะถอยลง ถอยลงทุกวันนะลูกนะ บางอย่างบางเรื่องพ่อพูดไม่ได้นะลูกนะ บางคนหนีจากกรุงเทพ หนีจากน้ำท่วมไป สุดท้ายก็ไปเจอหนักกว่า ที่เขาพากันไปขึ้นเหนือนึกว่าจะปลอดภัย มนุษย์ไม่เข้าใจสร้างกรรมดีจนพาตัวเองไปติดกับดักมากมาย นะลูกนะ ส่วนที่ของลูกนั้นปีหน้า 2555 ให้เริ่มขึ้นไปทำได้แล้วนะลูก ให้ทยอยทำ ทยอยปลูกนะลูก ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะมีคนไปช่วยเอง ส่วนเรื่องที่ลูกขอ ตรงนี้ให้ไปขอหลวงพ่อโอภาสี นะเข้าใจไหมลูก น้ำที่มามากนั้นให้พิจารณานะลูก มนุษย์ทำกันเองทั้งนั้น ไปปิดกั้นทางน้ำ ที่เห็นว่ามันหนัก มนุษย์ก็ไปซ้ำเติมกันเองทั้งนั้นนะลูก ให้รู้จักพิจารณานะลูกนะ ปีหน้า 2555 เป็นต้นไป พ่อจะเก็บกลับนะลูก หมดเวลาที่จะให้โอกาสแล้วนะลูก คนจะตายหมู่กันละมากๆนะลูกนะ เขาไม่เชื่อแถมเขายังดูถูกอีกนะลูกนะ พ่อรู้ พ่อเห็น มนุษย์ไม่รู้จักเคารพ ไม่รู้จักบูชา ถือดี อวดดี อวดเก่ง (หัวเราะเสียงดังมากๆ) ลูกไปทำตามที่พ่อบอกเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว เหลือเวลาอีกไม่มาก น้ำเค็มจะเข้ามาจนอยู่กันไม่ได้ เข้าใจไหมลูก ให้ไปเตรียมตัวก่อน เหลือเวลาอีก111.5 พอดิบพอดีนะลูก ไม่ขาดไม่เกิน (ตรงนี้ผมไม่อยากบอกตรงๆ แต่ขอบอกใบ้ให้เป็นปริศนาธรรมแล้วกัน) ให้ไปพิจาณากันเอาเองนะครับ
    วันไหว้ครูเมื่อ 10-12-54 ที่ผ่านมา เรื่องปลาบู่ ที่ยังไม่เป็นข่าวดังในเวลานั้น แล้วเรื่องที่เขื่อนจะแตกละครับที่ ปลาบู่บอก วันเวลา ต่างๆมาให้ บ้านผมต้องย้ายหนีหรือเปล่าครับหรือต้องหลบออกจากพื้นที่ไหม พ่อบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ให้อยู่ที่เดิม ปีหน้าทั้งปีไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนทั้งนั้น ให้สวดมนต์ ขันธ์ปริตร ไว้ เพิ่มไปอีกบทหนึ่ง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ให้เชื่อพ่อ พ่อดูอยู่ ส่วนที่จะเกิดจริงไม่จริงนั้นพ่อไม่พูด ไม่ยอมบอกอะไรเลย เงียบอย่างเดียว พ่อบอกว่าให้ไปทำตามที่พ่อบอก ที่พ่อได้สั่งไว้นะลูกนะมันจะช่วยครอบครัวไว้ได้ เรื่องไฟ เรื่องดาวเคราะห์ ยังไม่ต้องกังวล ให้ระวังเรื่องน้ำอย่างเดียวพอ เข้าใจไหมลูก อันนี้ไล่มาจนถึงปัจจุบันแบบด่วนแล้วนะครับ ปีหน้าผมอาจจะไม่ว่างครับ เลยมาบอกเรื่องราวแบบย่อๆไว้ก่อนครับ ที่ผมออกมาเปิดเผยข้อมูลก็เนื่องจากเห็นความจริงใจของคุณ เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ ตลอดจนทีมงาน ทางผมจะเป็นกำลังใจให้อีกใจหนึ่งนะครับ สำหรับข้อมูลดีๆที่ให้มา ส่วนเรื่องอนาคตนั้นจะค่อยๆทยอยเอามาลงให้ ในมุมปัญญาอันน้อยนิดที่ตกตะกอนของผม อาจจะพิจารณาผิดทางก็ได้ จึงรบกวนผู้รู้หลายๆท่านช่วยชี้แนะผู้น้อยด้วยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  6. zagio

    zagio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +184
    เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ. ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุมีผล
    อย่างมหาอุทกภัยรอบนี้. มีสาเหตุจากความวุ่นวายในประเทศตั้งแต่ปี 2549
    พระแม่คงคา ได้ช่วยพัดพลังไม่ดีออกไปบางส่วน. ดังนั้นภัยพิบัติจึงลดความรุนแรงไปได้มาก

    ส่วนภัยพิบัติต่อไปถ้าจะเกิดขึ้น. ต้องมีเหตุผล. เช่น เกิดม็อบกันมากมาย. ทะเลาะกันรุนแรง
    ใช้อาวุธประหัตประหารกัน ศาสนาพุทธถูกรุกและล้ำ คนชั่วครองประเทศ

    สำคัญอย่าไปมีส่วนร่วมก็เป็นเรื่องดี พยายามหลีกเลี่ยง
     
  7. JINKLE

    JINKLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,226
    บ้านคุณแก้มแดงอยู่ที่ไหนคะ
     
  8. อาแป๊ะ

    อาแป๊ะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +107
    ท่าน k 97
    บ้านผมอย่นครสวรรค์พอดีจะดูอย่างไรที่ใดจึงจะหนีทันครับ ขอบคุณ
     
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    29 ธ.ค. 54

    ความจริงผมได้เขียนไว้ชัดเจนแล้ว เพียงแต่ท่านผู้อ่านๆแล้วไม่เข้าใจหรือเพราะตื่นเต้นเกินไปเลยจับใจความไม่ได้ ขอให้มีสติและอย่าตกใจเกินกว่าเหตุแล้วกลับไปอ่านบทความของผมใหม่ก็จะได้คำตอบ

    เคอิสรา
     
  10. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    ขอลงซ้ำให้อ่านอีกครั้ง

    เคอิสรา
     
  11. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    บทนี้ได้ชี้แนะการเตรียมตัว พื้นที่ๆจะไป
    เคอิสรา
     
  12. คนดี14

    คนดี14 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +0
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หวั่นสองชาติเมืองแขกถล่มระเบิดปรมาณู
    เกิดเป็น "ฤดูหนาวนิวเคลียร์"

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัยถึงผลเสียหายพบว่าอาจจะก่อให้เกิดภูเขามลพิษซึ่งเป็นเศษซากและ ควันจำนวนมหาศาลขึ้น ในบรรยากาศ บดบังแดดไปชั่วนาตาปีหลายสิบปีและเกิดเป็น "ฤดูหนาวนิวเคลียร์"...

    รายงานการศึกษาร่วมของคณะกรรมการการลดอาวุธและการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์เปิดเผยให้ทราบว่า หากอินเดียกับปากีสถาน ใช้ระเบิดปรมาณูเข้าถล่มกัน มันอาจจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ "สภาพลมฟ้าอากาศเย็นยะเยือก" ซึ่งจะยังความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับเกษตรกรรมทั่วโลก

    แค่เพียงสงครามปรมาณูในภูมิภาคอย่างจำกัด อย่างเช่น ศึกระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ต่างฝ่ายต่างใช้ระเบิดปรมาณูขนาดแรงต่ำ ถล่มเมืองใหญ่ๆของกันและกันสัก 50 ลูก จะทำให้พ่นห่าขี้เขม่าขึ้นฟ้าขึ้นไปค้างอยู่บนชั้นบรรยากาศสูงจากโลกระหว่าง 15-50 กม. อยู่เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดสภาพลมฟ้าอากาศเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับการเกษตรทั่วโลก

    รายงานได้เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์ได้เคยทำการวิจัยถึงผลเสียหายของสงครามนิวเคลียร์ ที่มีกับสภาพลมฟ้าอากาศและพบว่าอาจจะก่อให้เกิดภูเขามลพิษซึ่งเป็นเศษซากและควันจำนวนมหาศาลขึ้น ในบรรยากาศ บดบังแดดไปชั่วนาตาปีหลายสิบปีและเกิดเป็น "ฤดูหนาวนิวเคลียร์" ขึ้นในที่สุด

    ปรากฏการณ์เนื่องจากนิเวศวิทยาแปรปรวนอย่างหนักเช่นนั้น จะทำให้พืชและสัตว์ล้มตายลงเป็นอันมาก นำไปสู่ทุพภิกขภัย พลอยทำให้ชุมชนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงล่มสลายไปด้วย.

    ไทยรัฐออนไลน์ 12 กุมภาพันธ์ 2553, 10:00 น.

    ที่มา http://www.thairath.co.th

    "ฤดูหนาวนิวเคลียร์"

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูน ทุกท่าน อากาศช่วงนี้แปรปรวนอยู่พอสมควรนะคะ เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน ไม่รู้ว่าตกลงจะเข้าหน้าหนาวเมื่อไหร่กันแน่ เรียกได้ว่า อากาศแปรปรวนกันไปทั้งโลกทีเดียวค่ะ จนผู้เชี่ยวชาญบางท่านออกมาบอกว่า อีกไม่นานต่อจากนี้ เราอาจจะได้เห็น "หิมะ" ตกในประเทศไทยก็เป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้น ก็เตรียมตัว "หนาว" กันได้เลย ทั้งหนาวกายและหนาวใจ เพราะหากเกิดขึ้นจริง แสดงว่า "โลก" ของเรากำลังย่ำแย่แล้วล่ะค่ะ



    แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลย คือความหนาวอีกประเภทหนึ่ง ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "หนาวนิวเคลียร์" อันว่า หนาวนิวเคลียร์นี้เป็นอย่างไร จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกันเดี๋ยวนี้แหละค่ะ

    คำว่าหนาวนิวเคลียร์นี้ เป็นคำศัพท์กลางเก่ากลางใหม่ ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์เริ่มพูดกันมาราวๆ 30 ปีแล้ว หลังจากได้เห็นผลกระทบที่ชัดเจนจากระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกที่สหรัฐอเมริกาถล่มเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้น ก็เกิดสงครามเย็น ที่ประเทศมหาอำนาจพากันสะสมอาวุธปรมาณู ทำให้เกิดการวิตกกังวลกันว่าหากเกิดสงครามครั้งใหม่ แล้วใช้นิวเคลียร์ถล่มกันแบบเต็มที่จริงๆ โลกเราอาจจะเข้าไปสู่จุดที่ใกล้คำว่าอวสาน

    มีการวิเคราะห์กันในช่วงแรกๆว่า หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ขึ้น ผลของระเบิดจะก่อให้เกิดควัน เขม่า ฝุ่น และกัมมันตภาพรังสี ที่ฟุ้งขึ้นไปสู่บรรยากาศชั้นสูงของโลก ก่อให้เกิดการบดบังแสงอาทิตย์ แหล่งพลังงานสำคัญของโลก จนปิดกั้นไม่ให้รังสีสุริยาผ่านสิ่งสกปรกเหล่านี้เข้ามาได้ ดังนั้นความอบอุ่นที่เคยมีก็จะหายไป เหลือไว้เพียงความเย็นยะเยือกของโลกที่ปราศจากแสงสุรีย์ กลายเป็นโลกแห่งความหนาว ที่ถูกเรียกขานกันว่า "หนาวนิวเคลียร์"

    หนาวนิวเคลียร์นั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความหนาวแต่เพียงอย่างเดียว แต่การที่ไม่มีแสงอาทิตย์ ยังส่งผลต่อเนื่องให้ไม่สามารถเพาะปลูก นั่นหมายถึงการไร้ซึ่งพืชอาหาร ในขณะที่กัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างจากระเบิดนิวเคลียร์ ก็จะส่งผลกระทบกับสุขภาพมนุษย์ ที่ทั้งหนาวและทั้งไม่มีจะกินอยู่แล้ว ให้ป่วยหนักกันมากขึ้น หนาวนิวเคลียร์จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสรรพสิ่งต่างๆบนโลก

    เมื่อ 3 ปีก่อน บรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลกได้รวมตัวกันในการประชุมสหภาพนักธรณีฟิสิกส์ และได้มีการเปิดเผยผลการวิจัยที่ชัดเจนขึ้นว่า ไม่ต้องก้าวไปถึงสงครามระดับสงครามโลกหรอก แค่สงครามในภูมิภาคระหว่าง 2-3 ประเทศ ก็อาจจะก่อให้เกิดหนาวนิวเคลียร์ไปทั่วโลกแล้ว

    ผลการวิจัยแจ้งชัดว่า หากมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดประมาณ 50 เท่าของระเบิดลูกแรกที่ฮิโรชิมา ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น "ทันที" คือ ผู้คนล้มตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วง ประมาณ 3-17 ล้านคนแล้ว แต่ว่าสงครามจะอุบัติขึ้นตรงไหน หลังจากนั้น ฝุ่น เขม่า จำนวน 5 ล้านตันจะพุ่งขึ้นไปถึงความสูงประมาณ 50 ไมล์ เลยชั้นบรรยากาศสตาร์โตสเฟียร์ไปอีก เป็นการปิดกั้นแสงสว่างและความอบอุ่น

    และอย่าหวังเลยว่า ฝุ่นผงนี้จะถูกน้ำฝนชะล้างให้หายไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะ ณ ชั้นบรรยากาศที่สูงขนาดนั้น ไม่มีการก่อกำเนิดฝน ดังนั้น ฝุ่นจะคงอยู่นานนับปี หรืออาจจะนับทศวรรษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่า ใน 3 ปีแรกของสถานการณ์หนาวนิวเคลียร์นี้ อุณหภูมิโดยรวมของโลกจะลดลงประมาณ 2 องศาฟาเรนไฮต์ และลดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อีกนับสิบปี และไม่ต้องพูดถึงพืชพรรณธัญญาหาร เพราะไม่มีอะไรงอกงามได้แน่ เมื่อปราศจากความเมตตาของพระสุริยา ถือเป็นหายนะยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่น้ำมือของคนเราจะก่อให้เกิดขึ้นได้

    นอกจากนี้ จากการวิจัยเพิ่มเมื่อปีที่แล้ว ก็มีการประเมินว่า นอกจากการปิดกั้นความอบอุ่นแล้ว ฝุ่นที่จะฟุ้งขึ้นไปอยู่ "ข้างบนโน้น" ยังจะไปเจอแก๊ส เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทำให้ชั้นโอโซนที่เราหวงกันหนักหนา กลายเป็นรูโหว่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆกลายเป็นว่า ในขณะที่ฝุ่นผงปิดกั้นแสง แต่กลับจะมีการเปิดช่องให้รังสีแสงอัลตราไวโอเลตเข้มข้นที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หลุดรอดเข้ามา "ฆ่า" คนที่เหลือรอดมาได้ต่อไปอีก

    บางคนอาจจะบอกว่า โอ๊ย...ตอนนี้ไม่ต้องวิตกกังวลกับหนาวนิวเคลียร์แล้ว เพราะภาวะสงครามเย็นของบรรดามหาอำนาจไม่มีอีกแล้ว แต่คงต้องบอกว่า อย่าเพิ่งชะล่าใจไป แม้สงครามใหญ่ๆจะไม่เกิด แต่สงครามเล็กๆก็ส่งผลที่น่ากลัวเหมือนกัน เช่น ตอนที่อิรักบุกคูเวตเมื่อปี ค.ศ.1990 และเผาบ่อน้ำมันของคูเวตไปประมาณ 700 บ่อ แม้จะไม่ใช่เป็นการถล่มกันด้วยระเบิดนิวเคลียร์อย่างที่มีการกลัวกัน แต่ควันจากการเผาบ่อน้ำมัน ก็ทำให้เกิดสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการ "ซ้อมย่อย" ของฤดูหนาวนิวเคลียร์เหมือนกัน

    เพราะตอนนั้น บรรยากาศของคูเวตถูกปกคลุมไปด้วยควัน กลางวันพลันมืดมิด และบริเวณอ่าวเปอร์เซียก็ได้รับผลกระทบในวงกว้าง ทำให้อุณหภูมิลดลงประมาณ 4-6 องศาเซลเซียสไประยะหนึ่ง นับเป็นการซ้อมย่อยที่เห็นภาพได้ชัดเจนทีเดียวว่า หากเกิดสงครามใหญ่ และเกิดควัน หรือฝุ่นที่มากกว่านี้ หนาวนิวเคลียร์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

    อกจากภาวะหนาวนิวเคลียร์จะเกิดจากสงคราม หรือระเบิดนิวเคลียร์ตรงตามชื่อของมันแล้ว สถานการณ์แบบเดียวกับหนาวนิวเคลียร์ ยังอาจจะเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นอีก เช่น การพุ่งชนของอุกกาบาต หรือดาวเคราะห์น้อย ที่จะส่งผลให้เกิดฝุ่นฟุ้งขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศเหมือนกัน และโลกเราก็เคยมี "ประสบการณ์" มาแล้ว จากกรณีที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องกันแล้วว่า เกิดขึ้นเพราะอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนโลกอย่างจัง และเกิดฝุ่นจำนวนมหาศาลปกคลุมโลกให้มืดมิดไปนานปี

    นอกจากสิ่งที่จะมาเยือนจากนอกโลกแล้ว ภาวะในโลกเองก็อาจจะก่อให้เกิดหนาวนิวเคลียร์ได้เหมือนกัน นั่นคือ หากเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ และพ่นฝุ่นผงออกมาจำนวนมาก เถ้าถ่านภูเขาไฟและกรดกำมะถันจากใต้พื้นโลก ก็จะไปปิดกั้นแสงแดดเหมือนกัน ก่อให้เกิดภาวะหนาวนิวเคลียร์ได้อีกเหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกกรณีที่โลกเราเคยมีประสบการณ์ซ้อมย่อยในเรื่องนี้เมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่การากาตั้วใน ค.ศ.1883 ซึ่งตอนนั้น บรรยากาศมืดมิดไปนาน และเกิดภาวะหนาวผิดปกติไปราวๆ 4 ปี

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือในปี ค.ศ.1783 ซึ่งตอนนั้น แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในสหรัฐอเมริกาก็เกิดเย็นผิดปกติ จนเบนจามิน แฟลงคลิน นักวิทยาศาสตร์นามอุโฆษได้ออกมาอธิบายเรื่องนี้ว่าน่าจะเกิดจากฝุ่นภูเขาไฟลาคิ ที่ระเบิดในไอซ์แลนด์ เกิดทั้งฝุ่นและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จำนวนมากขึ้นไปปกคลุมน่านฟ้า ซึ่งตอนนั้น พืชพรรณต่างๆพากันล้มตาย เช่นเดียวกับปศุสัตว์จำนวนมาก ก่อให้เกิดความอดอยากครั้งใหญ่ในไอซ์แลนด์ ประชากรมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศล้มตายลง ในขณะที่ซีกโลกด้านบน เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ มีอุณหภูมิลดลงอย่างเห็นได้ชัดในรอบ 1 ปี

    หรือที่ใกล้เข้ามาอีก ก็ในปี ค.ศ.1991 เมื่อภูเขาไฟพินาตูโบในฟิลิปปินส์เกิดพิโรธ พ่นฝุ่นออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้อุณหภูมิทั่วโลกก็ลดลงราวๆ 2-3 ปี รวมๆแล้ว มีเหตุผลหลายเรื่องที่อาจจะทำให้เกิดสถานการณ์หนาวนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ และหากเกิดขึ้นจริง ชีวิตมนุษย์ก็จะเป็น "ตัวประกัน" สำคัญของฤดูหนาวที่ยาวนานนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า หากวาระสุดท้ายของโลกจะมาถึงจริงๆก็น่าจะเกิดเพราะเจ้าหนาวนิวเคลียร์นี่เองแหละ

    แล้วจะว่าไป ระยะหลังนี้ อาจจะเป็นเพราะความเป็นห่วงโลกอันเป็นที่รักของเรา ทำให้มีคนออกมาพูดหรือทำนายถึงจุดจบของโลกกันบ่อยๆนัยว่าเป็นการเตือนเพื่อให้ช่วยป้องกันไว้รวมถึงนวนิยายเรื่องหนึ่ง จากปลายปากกาของคอร์แม็ค แม็คคาร์ธี คือ เรื่อง "The Road" ซึ่งบรรยายถึงโลกอันมืดหม่น กับมนุษย์จำนวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ หลังจากประชากรส่วนใหญ่ล้มตาย

    ซึ่งแม้ในนวนิยายจะไม่ได้บอกสาเหตุที่แน่ชัดในการล่มสลายของโลก แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่า เกิดภาวะหนาวนิวเคลียร์ขึ้น ทำให้คนที่เหลืออยู่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และต้องใช้ความรักเป็นเครื่องเยียวยาให้อยู่รอดต่อไปได้ และนวนิยายเรื่องเอกนี้ก็ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ สาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ.2007 ในขณะที่ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวูดก็ไม่รอช้า รีบขอซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นหนังจอเงินทันที

    เป็นอีกหนึ่งในตัวอย่างอันดีที่จะทำให้เราๆท่านๆ ได้คิดพิจารณาว่า หนาวนิวเคลียร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ฤดูหนาวอันยะเยือกไปทั้งกายและใจนี้ อาจจะพอหาทางป้องกันได้ ด้วยความร่วมมือจากพลโลกทุกคน ให้สามัคคีและรักษาสิ่งแวดล้อม ก่อนที่ฤดูหนาวอันยาวนานจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัว.

    ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2552




     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "เตาผิงมือถือ"ตัวอย่างอุปกรณ์สร้างความอบอุ่นในฤดูหนาวนิวเคลียร์?

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ความหนาวเย็นเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ เมื่อโรงเรียนไม่มีระบบปรับอุณหภูมิในห้องให้อบอุ่น บรรดานักเรียนจึงต้องนำประดิษฐกรรม “เตาผิงมือถือ” มาช่วยสร้างความอบอุ่น

    เสียงเตือนจากพยากรณ์อากาศต้นปีกระต่าย บอกให้รู้ว่าความหนาวเหน็บเยี่ยมกรายแผ่นดินจีนแล้ว แม้บางพื้นที่จะเริงรื่นกับประติมากรรมน้ำแข็งอันตระการตา แต่ทว่าบางแห่งมีผู้คน ได้รับทุกข์ทรมานจากภัยหนาวอย่างสาหัส

    แถบชานเมืองชาผิง ในเขตอำเภอปกครองตนเอง ซินห่วงต้ง มณฑลหูหนาน เป็นอีกพื้นที่ที่ความหนาวเย็น เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ เมื่อโรงเรียนไม่มีระบบปรับอุณหภูมิในห้องให้อบอุ่น บรรดานักเรียนจึงต้องนำประดิษฐกรรม “เตาผิงมือถือ” มาช่วยสร้างความอบอุ่น

    “เตาผิงมือถือ” ประยุกต์จากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น อาทิ ถังน้ำอลูมีเนียม อ่างล้างหน้าโลหะ ฯ โดยสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก นักเรียนจะวางไว้ใต้เก้าอี้ เพื่อให้ความอบอุ่นในเวลาเรียน และอยู่ใกล้ ๆ เวลารับประทานอาหาร “เตาผิงมือถือ” ไล่ความเหน็บหนาวได้เป็นอย่างดี

    เวลาเรียน เด็กนักเรียนวางเตาผิงใต้เก้าอี้ ช่วยให้อุ่นจากล่างขึ้นบน เรียนหนังสือได้สบาย ๆ เย็นกลับบ้าน ก็หิ้ว “เตาผิงมือถือ” กลับไปใช้ต่อที่บ้านได้

    ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การเดินทางข้ามกาลเวลา

    [​IMG]

    ตอนที่ 13: การท่องกาลเวลา

    การท่องกาลเวลาได้เคยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งแบบเดินทางไปสู่อนาคตและแบบย้อนกลับไปสู่อดีต แม้ว่าบางคน จะเพียงแค่ผ่านเข้าไปในมายาการของกาลเวลาอื่นเพียงชั่วคราวด้วยความบังเอิญเท่านั้นก็ตาม มีน้อยคนมากที่เดินทางข้ามกาลเวลาไปแบบถาวร

    พลเรือเอก Byrd ก็เคยมองเห็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในยุคสมัยอื่นมาแล้วชั่วแว๊บหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังบินผ่านบริเวณขั้วโลก ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ว่า มีเครื่องบินหลายลำบินหายไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั้น มันไม่ใช่การข้ามผ่านกาลเวลาแบบถาวรแต่อย่างใด และแม้ว่าจะมีการบิดเบี้ยวของกาลเวลาเกิดขึ้นจริงๆ แต่เครื่องบินเหล่านั้น ก็ไม่ได้หายไปเต็มตัวในกาลเวลาอื่นแต่อย่างใด

    มันเป็นเพราะการทำงานผิดปกติของเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้การนำวิถีผิดพลาดไป และเป็นเพราะวิทยุใช้การไม่ได้ ดังนั้นการหายสาบสูญไปของพวกมัน จึงเกิดจากการตกลงไปในทะเลเท่านั้นเอง รัฐบาลของพวกคุณบางประเทศกำลังร่วมมือกับองค์กรลับบางองค์กร เพื่อทำโครงการลับเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ และพวกเขาก็ได้พัฒนาวิธีการ และเครื่องมือสำหรับท่องกาลเวลาแบบหยาบๆขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว

    แต่ว่าวิธีการและเครื่องมือเหล่านี้ ยังไม่สามารถควบคุมได้ดีเท่าที่ควร และความตึงเครียดที่เกิดขึ้น จากการ Tempornaut ของมนุษย์ ก็ค่อนข้างสูง นั่นคือมันทำให้ร่างกายของมนุษย์แก่ขึ้นไปอีก 7 – 10 ปี ต่อการเดินทางข้ามกาลเวลาเพียง 1 ครั้ง ปัจจุบันนี้พวกเขาจึงสามารถเดินทางไปในอนาคตได้เพียงแค่ไม่เกิน 20 ปีเท่านั้นเอง และพวกเขายังไม่สามารถเดินทางย้อนกลับไปยังอดีตได้

    สักวันหนึ่ง เมื่อใดที่พวกเขาเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกว่า คือเปลี่ยนจากสนามพลังแม่เหล็ก มาเป็นสนามพลังคริสตัลไลน์ไบโอพลาสมิกแทน (Crystalline Bioplasmic Field) เทคโนโลยีของพวกเขาก็จะก้าวไกลไปได้มากกว่านี้ แล้วเมื่อนั้น การเดินทางท่องกาลเวลา ก็จะสามารถเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจได้ ไม่ใช่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญแบบทุกวันนี้

    การท่องกาลเวลาที่เหมาะสม จะเกิดขึ้นในเมอคาน่า (Mer-Ka-Na) (อันนี้ก็เป็นอะไรที่เกี่ยวกับจิตด้วยนะครับ ถ้าเราเรียกว่า “จิต” เฉยๆ ก็พอจะทำให้อ่านรู้เรื่องเหมือนกันนะ – ผู้แปล) ผ่านทางจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ของ Bioplasmic field โดยใช้เครื่องมือที่เป็นผลึกคริสตัล ช่วยในการกำหนดเป้าหมายของกาลเวลาที่จะไป และมันก็จะต้องอาศัยพลังจิตของผู้เดินทางเองด้วย ในการควบคุมมัน

    พวกคุณหลายคน ก็เคยเดินทางข้ามกาลเวลามาแล้วบ่อยๆ ผ่านทางความฝัน ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้ได้ดีก็คือ การพัฒนาความมีสติสัมปชัญญะ จริงๆแล้ว มันมีกฎทางฟิสิกส์อยู่หลายข้อที่เกี่ยวข้องกับการท่องกาลเวลาและอวกาศ ซึ่งในที่สุดแล้วมนุษย์ก็จะค้นพบกฎเหล่านี้เอง และเมื่อถึงวันนั้น มนุษย์ก็จะมีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นขอบเขตที่แบ่งกั้นระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอยู่อย่างหนาแน่นนี้มากขึ้น

    และพวกคุณจะรู้ว่ามันเป็นเพียงมายาการที่ถูกสร้างขึ้นมา จากข้อจำกัดในการับรู้ด้านมิติของพวกคุณเองเท่านั้น เพราะว่าพวกคุณกำลังเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกทางกายภาพแห่งความเป็นทวิภาวะนั่นเอง จริงๆแล้วมันเป็นแค่เลนส์ๆเดียวที่ฉายภาพมายาแห่งกาลเวลาแบบเป็นเส้นตรงขึ้นมา และนี่เองคือต้นตอของสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มีความเชื่อว่าเมื่อชั่วขณะหนึ่งได้เกิดขึ้นและได้ผ่านไปแล้ว มันจะผ่านไปตลอดกาล แล้วจากนั้นชั่วขณะถัดไปก็จะผ่านเข้ามา แล้วมันก็จะผ่านเลยไป และหายสาบสูญไปกับความลึกลับของอดีตเฉกเช่นกัน

    พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่-เป็นอยู่ในโลกทั้งมวลนี้ (Omni-Earth) จริงๆแล้ว รวมถึงที่มีอยู่-เป็นอยู่ในอนันตจักรวาลนี้ด้วยซ้ำไป พวกมันมีอยู่-เป็นอยู่พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน อดีต,ปัจจุบัน และอนาคต จะปรากฏแก่ผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 เท่านั้น และโปรแกรมต่างๆ ที่ทำหน้าที่แบ่งแยก “ไฟล์กาลเวลา” ยุคต่างๆ ที่อยู่ภายในโลกทั้งมวลนี้ออกจากกัน เราก็สามารถเข้าไปดูมันได้ด้วย

    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน Archangel Metatron (มนุษย์ต่างดาว) วันที่: 18 ตุลาคม 2010 ผู้รับการสื่อสาร: นาย Tyberonn เรื่อง: จิตสำนึกแห่งควอนตัม – ธรรมชาติของการเวลา (Quantum Consciousness: The Nature of Time) แปลและเรียบเรียงโดยคุณ Chayutt

    ที่มา: ข้อความจากต่างมิติ - การท่องกาลเวลา, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต และธรรมชาติของกาลเวลา

    หมายเหตุ

    ผมนำข้อมูลเรื่องการเดินทางข้ามกาลเวลานี้มีโพสต์อีกครั้ง เพื่อยืนยันคำพูดของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ในงานสัมมนาที่ผ่านมานี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    17 กรกฏาคม พ.ศ.2555
    ไฟจะไหม้หลายแห่งในประเทศไทย

    [​IMG]

    GoonS สมาชิก

    จะมีใครสนใจมั้ยน้าหุๆ วันนี้ขอโม้ให้เต็มที่หน่อยละกัน เมื่อคืนอาจารย์ผมพูดเพิ่มขึ้นมาอีก 17 กรกฎาคม 2555 ที่เคยพูดว่าคนไทยทั้งประเทศจะต้องร้องไห้ เพิ่มขึ้นมาอีกคือตอนนั้น(17กค.55)ไฟจะไหม้เป็นหย่อมๆ เเต่ละพื้นที่ของประเทศ เด็กวัยรุ่นช่วงประมาณ15-20 กว่าๆ อยู่ดีๆก็จะเพี้ยนจะบ้าขึ้นมา อยู่ดีๆอยากจะเผาบ้านเผาเมือง อยากยิงใครก็ยิง พอตำรวจจับก็บอกว่าอยากยิง

    สาเหตุไม่มี เเค่อยาก เเล้วจะมีเด็กพวกนี้อยู่หลายเเสนด้วย อาจารบอกว่านรกส่งมา ให้มาปั่นป่วนประเทศไทย เด็กวัยรุ่นพวกนี้ตายไปก็ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะอายุไข 36-38 ปี เกิดมาเพื่อปั่นป่วนประเทศไทยโดยเฉพาะ ประเทศไทยจะต้องเจอเรื่องเเบบนี้อยู่ 5 ปี คำทำนายจาก...นักพลังจิตอันดับ1ของเมืองไทย...อันดับ 8 ของโลก ไม่เปิดเผยชื่อหุๆ เเต่ไม่ตอเเหลเเน่ครับ เเต่เป็นสายโลกียนะ เเล้วก็มารอลุ้นกันอีกปีกว่าๆกันเอง ไม่นานเกินรอ

    เห็นพูดเรื่องอภิญญาก็ขอเเจมด้วยคน ถึงจะช้าไปหน่อย ขอเล่าถึงอาจารย์ของผมหน่อยนะครับ ตอนนี้อาจารท่านสอนอภิญญาอยู่ เคยสอน ซีโล่เอ็น อะไรไม่รู้ อยู่อริสโซน่า 10 กว่าปี เคยสอนลูกศิษย์มาหลายรุ่นทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งช่วยเหลือคน ดูหมอหาตัง หมอฮวงจุ้ย หรือด้านลบที่เป็นพระก็..ผู้หญิงจับศึก ทั้งมั่วผู้หญิงเเล้วลบความจำ ทั้งการพนัน อภิญญามีหมดเเล้วเเต่อยากจะใช้ เเต่ค่อยไปรับกรรมเอาทีหลัง

    มีคนเคยถามว่าที่ทำชั่วเเล้วอภิญญาไม่เสื่อมหรอ อาจารย์ท่านก็บอกว่ามันฝึกของมันทุกวัน มันเลยไม่เสื่อม


    05-03-2011, 03:18 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88.3906/page-1179

    หมายเหตุ

    ภาพที่เห็นในนิมิตนั้นจะปรากฏเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับระดับสมาธิและความสะอาดบริสุทธิ์ของดวงจิตผู้เห็นนิมิตนั้นๆ เป็นหลักสำคัญ ผมจึงอยากให้ผู้อ่านทุกๆท่านโปรดใช้วิจารณญานในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้วยนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อและอย่างเพิ่งด่วนปฏิเสธ ต้องใช้สติปัญญาของท่านวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ประกอบกันไปด้วย ว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด ท่านจึงจะสามารถปรับตัวรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องครับ (เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ เสพยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี กันมาก โอกาสที่จะเป็นไปตามคำทำนายจึงมีสูงครับ - เกษม-)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 57034.jpg
      57034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.8 KB
      เปิดดู:
      3,162
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  17. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    เหมือนมีแผนยึดประเทศเลย ไม่มีทางหรอก แม้จะเตรียมการไว้ดีขนาดไหนสุดท้ายธรรมชาิติก็ลงโทษ ถ้าเกิดขึ้นจริง
     
  18. ARUNN

    ARUNN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +297
    ข้อความที่ว่า

    เด็กวัยรุ่นช่วงประมาณ15-20 กว่าๆ อยู่ดีๆก็จะเพี้ยนจะบ้าขึ้นมา อยู่ดีๆอยากจะเผาบ้านเผาเมือง อยากยิงใครก็ยิง พอตำรวจจับก็บอกว่าอยากยิง

    สาเหตุไม่มี เเค่อยาก เเล้วจะมีเด็กพวกนี้อยู่หลายเเสนด้วย อาจารบอกว่านรกส่งมา ให้มาปั่นป่วนประเทศไทย เด็กวัยรุ่นพวกนี้ตายไปก็ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะอายุไข 36-38 ปี เกิดมาเพื่อปั่นป่วนประเทศไทยโดยเฉพาะ ประเทศไทยจะต้องเจอเรื่องเเบบนี้อยู่ 5 ปี


    เห็นภาพเลย พวกที่อ้างว่าเป็นเด็กเยาวชนแต่ลงข่าวบ่อยๆ นิสัยแย่ ก่อคดีก็เยอะ ทั้งวิ่งราว แว๊นส์ ข่มขืน ติดยา ไปไหนคนเค้าก็สาบแช่งว่าพวกนรกส่งมาเกิด ไม่นึกว่านรกจะส่งมาเกิดจริงๆ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ต่อไปชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย !!!

    [​IMG]
    ภาพการเกิดจลาจลในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

    ฤษีแปลงสาร สมาชิก


    ชุมชนเมืองจะอยู่อาศัยไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คนจนในเมืองกลายเป็นอาชญากรรม คนรวยมีเงินมากมายแต่ไร้ค่า ไม่มีใครยอมขายอาหารให้ ต้องหลบซ่อนตัวในที่พัก ปกป้องทรัพย์สินของตน ชุมชนชนบท ไม่มีข้าวกินเพราะขายข้าวไปหมดแล้ว ได้เงินมาก็ใช้หมดแล้ว ลงทุนเพาะปลูกไปแล้ว ยังไม่ได้ดอกผล อาหารจะรวมกันที่โรงสี และศูนย์อาหารในเมือง การกระจายอาหารที่ไม่ดี ทำให้คนจนก่ออาชญากรรม คนรวยถูกฆ่าง่ายๆ คนดีไม่มีข้าวกิน แม้นแต่น้ำก็ขาดแคลน

    กลยุทธ์การกัน, แก้ และก้าว ในคราวเดียว

    (ก่อนเกิดกันได้, หากเกิดเหตุแก้ได้, ไม่เกิดก็ก้าวหน้าได้)

    ประกาศโครงการ "ชุมชนพอเพียงเพื่ออนาคต" โดยรณรงค์ว่า จะให้ชนบทเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าชุมชนโดยตรง ตามโครงการพัฒนาชุมชน เป็นการปิดข่าวสงคราม คนไม่แตกตื่น และการทำแบบนี้คือการเตรียมตัวรับสถานการณ์อย่างแนบเนียน ชุมชนชนบทจะมีเต้นท์สำรอง, น้ำสำรอง, อาหารสำรอง, ที่พักเครื่องกันหนาวสำรอง โดยบอกว่าเตรียมไว้เพื่อรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งจะทำเงินให้ประเทศ แต่แท้จริงแล้ว เตรียมไว้ช่วยคนเมือง ที่จะหนีภัยสงคราม และซึนามิที่ท่วมเกือบครึ่งประเทศมา เมื่อคนจากเมืองไร้บ้านมาสามารถเปิดบ้านต้อนรับได้ทันที

    เตรียมสังคมเมตตาธรรม โดยการรณรงค์การต้อนรับประทับใจ โดยการให้ไปฝึกความเมตตา, พรหมวิหารสี่ โดยมีศูนย์กลางการฝึกที่วัด มีบุคลากรอาสาสมัครไปสอนงาน เช่น การเตรียมตัวป้องกันและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับภัย สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น ฝึกซ้อมแบบนี้สามารถช่วยคนที่ตกยากมาได้ทันที แต่บอกว่าเป็นการฝึกการบริการที่ดี เพื่อเตรียมเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เราจะปิดไม่ให้เขารู้ตัวว่าเป็นการเตรียมตัวช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเมื่อยามสงครามและน้ำภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ฟื้นฟูวัฒนธรรมความเมตตาอารีที่ถูกขายไปนาน ให้กลับมาสู่แดนดินไทย

    เตรียมศูนย์กลางชุมชน ได้แก่ ศูนย์กลางเสบียง ซึ่งมียุ้งฉางกลาง เก็บเมล็ดพันธุ์พืช ต่างๆ ทั้งที่กินได้ทันที เช่น พวกถั่ว พวกที่ต้องนำไปเพาะแต่โตเร็ว เช่น ผัก และเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้สามารถช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้านได้ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กลางปฐมพยาบาล และศูนย์เก็บสมุนไพรประจำตำบล ที่สามารถรองรับการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ทั้งยังเตรียมบุคคลากรไว้ให้พร้อมด้วย ส่วนศูนย์กลางการสื่อสารนั้นก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อประกาศข่าวต่างๆ ให้ความรู้ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ประชาชนจะรู้ได้ว่าควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางข่าวสารนี้ ควรคำนึงถึงเวลาขาดไฟฟ้าด้วย

    เตรียมแหล่งน้ำจำนวนมาก ควรพิจารณาแหล่งน้ำสำรองจากใต้ดิน บ่อน้ำบาดาลควรมีจำนวนมาก เพราะจะปลอดภัยจากฝุ่นกำมันตรังสีและอาวุธเชื้อโรคที่อาจแพร่มาทางแม่น้ำโขง ดังนี้ จึงควรรณรงค์ให้แต่ละหย่อมมีบ่อน้ำบาดาลใช้ร่วมกัน กระจายอย่างทั่วถึง น้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตอีสาน หากน้ำทะเลท่วมหนุน น้ำใต้ดินมีเกลือมาก จะขุดกินน้ำบาดาลไม่ได้ แม่น้ำโขงก็มีอาวุธเชื้อโรคแพร่ระบาด แต่เราต้องไม่บอกประชาชนตรงๆ บอกว่าฟื้นฟูวัฒนธรรม บอกว่ารสนิยมฝรั่งเขาชอบมาดูแบบนี้ เป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศอื่นไม่มี เราจะทำให้เป็นจุดขาย และใช้กินได้ทันทีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งหรือหน้าในก็ตาม โดยเราจะสอนการกรองน้ำ, ต้มน้ำ และช่วยกันทำเครื่องกรองแจกให้ทั่ว

    การลงทุนสร้างที่พักอาศัยใหม่จะใช้เวลานาน และไม่ทันการณ์ ต้องใช้ชุมชนเดิมเป็นรากฐาน โดยต้องอาศัยอาสาสมัครทำงานนี้ ให้ครอบคลุมทั่วไทย กระจายทั้งด้านยุทโธปกรณ์, บุคลากร ฯลฯ ซึ่งต้องลาออกจากงานมาทำงานรับใช้ชาติเต็มตัว งานนี้จึงจะสำเร็จได้ หาไม่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดลงมือช่วยเหลือ สังคมไทยถูกทอดทิ้ง คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตายไม่รู้ตัว คนที่รู้มากเห็นแก่ตัวก็ถูกอาชญากรปล้นฆ่าตาย บ้านเมืองไหน ไม่เตรียมสังคมพุทธไว้ บ้านเมืองนั้นเป็นอันต้องล่มสลายสิ้นชาติ

    กลยุทธนี้เดินหมากเกมเดียว ใช้ได้ทั้ง กัน, แก้ และก้าว รับศึกได้ทุกแบบ ทุกทิศ ทุกสถานการณ์ มีสมดุลในตัว เติบโตได้ ยืดหยุ่นได้ พลิกแพลงต่อได้ และเหมาะสมสอดคล้องกับรากฐานความเป็นไทย ทุกประการ ซึ่งหากไม่เกิดอะไรขึ้น ชุมชนไทยจะเข้มแข็งเป็นชุมชนพึ่งพาตนเองได้ทันที พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ในอนาคตอย่างพอเพียงอีกด้วย วัฒนธรรมก็ถูกฟื้นฟู ความสามัคคีของคนในชาติก็กลับคืนมา แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา จะเป็นแหล่งพึ่งพาอาศัยและอยู่ร่วมกันได้ยามวิกฤติ

    ฤษีแปลงสาร
    02-01-2007, 02:10 PM

    ภัยใดไม่เท่าภัยจากมนุษย์ด้วยกัน
    ขาดน้ำและอาหารอยู่ได้หลายวัน
    ขาดอากาศหายใจอยู่ได้ไม่เกินสี่นาที
    แต่มนุษย์ด้วยกันนี้ฆ่ากันได้ในพริบตาเดียว

    ขอให้คนดีช่วยเหลือกัน เราเสียสละส่วนตน สองสามปี
    สร้างชาติใหม่ ไทยพุทธจะครองโลก
    สามัคคี, เมตตาธรรม, ขันติ, อุเบกขา และปัญญา
    จะทำให้รอดพ้นภัยพิบัติสู่ยุค "ศรีวิไล" แฮ...

    ที่มา http://palungjit.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2011
  20. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    ข้าพเจ้าไม่สะดวกที่จะบอกที่อยู่ เกรงว่าจะเป็นดาบสองคม ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อย ความรู้น้อย ที่เข้ามาในกระทู้นี้ก็เพื่อแจ้งข่าวพอที่จะเป็นประโยชน์เพื่อการแบ่งปันกัน หาใช่เข้ามาเอยชื่อเอยนาม โอ้อวด หรือเข้ามาชักชวน หรือนำพา หรือเพื่อมีผลประโยชน์แอบแฝงใดๆไม่ครับ ดังนั้นข้าพเจ้าตระหนักและระมัดระวังในการเขียนข้อความที่จะไปพาดพิงผู้หนึ่งผู้ใด ที่เข้ามาในกระทู้นี้ข้าพเจ้ามองว่ามีประโยชน์ มีผู้รู้หลายท่าน เห็นควรที่จะนำข้อมูลดีๆเหล่านี้ไปพิจารณาให้รู้เท่าทันกับเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อจะได้ใช้วางแผนอนาคต จะไปหวังพึ่งคนอื่นนั้นก็เกรงใจ คนอื่นๆเขาก็มีปัญหาเหมือนกันครับ เราต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อมันเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมาจริงๆ เราจะแก้อย่างไร คือใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท อีกเรื่องหนึ่งข้าพเจ้าพึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้าเป็นหลักใหญ่ที่มั่นคงและบริสุทธิ์ ส่วนพระสงฆ์ที่ข้าพเจ้านับถือนั้น คือหลวงพ่อโอภาสี(หลวงพ่อหน้าปาน หรือพระเทพโลกอุดรองค์ที่๕) ซึ่งข้าพเจ้ามีความผูกพัน เคารพนับถืออย่างบอกไม่ถูก ข้าพเจ้ารอดชีวิตมาได้ก็เพราะหลวงพ่อโอภาสี หลายต่อหลายครั้ง ผมเชื่อมั่นว่า ทุกคนคงต้องมีพระคู่บุญคู่บารมีประจำตัวอยู่แล้ว(นี่เป็นหลักทางใจ) เมื่อใจผมมั่นคงผมก็เร่งสร้างบุญบารมีกับท่าน ฝากบุญที่เราทำไว้กับท่าน ฝากไว้ให้เป็นกองบุญมากๆเวลาผมมีปัญหาจะได้ไม่ไปเบียดเบียนขอยืมบารมีท่านมากเกินไป ตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ผมก็เหมือนท่านทั้งหลายย่อมมีครูบาอาจารย์ไว้เป็นที่ปรึกษาเหมือนกัน เพื่อมองในอีกมิติหนึ่ง ที่ละเอียดกว่าตาหยาบที่คนเดินดินอย่างผู้น้อยจะทราบได้ ท่านก็สอน ท่านก็เตือน ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ท่านก็สอนเรื่องการทำทาน สวดมนต์ ถือศีล ภาวนา ท่านก็สอนให้ยึดหลักพระรัตนตรัยให้มันคงก่อน ให้ตั้งหลักให้ได้ก่อน ให้ถือศีลตามหลักของพระพุทธเจ้าคือศีล๕ วันพระให้ถือศีล๘ เรื่องการสวดมนต์จะสวดมนต์อย่างไรให้ถูกต้อง บทไหนก่อน บทไหนหลัง เรื่องอดีตชาติท่านไม่บอก ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ท่านให้สนในเรื่องปัจจุบัน ให้ทำความดี ให้รู้จักบุญคุณแผ่นดิน บุญคุณบิดามารดา ถ้าทำตัวแบบนี้ชีวิตจะไม่เจริญ ถ้าทำตัวแบบนั้นจะตกต่ำ ท่านสอนให้พิจารณา ท่านสอนให้นอบน้อมต่อพระรัตนตรัย ท่านสอนมาทางสัมมาทิฏฐิ เรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของท่านๆก็จะไม่ไปก้าวก่าย ทุกคนมีหน้าที่ตามระดับตามชั้นตามอำนาจอยู่แล้ว ท่านก็บอกให้พิจารณาให้ถ่องแท้ให้เข้าใจ พระมีหน้าที่ของพระที่จะต้องเทสน์ต้องสอนไปในแนวทางไหนถึงจะถูกต้องเหมาะสม พ่อแม่มีหน้าที่อย่างไร ตำรวจมีหน้าที่อย่างไร ทหารมีหน้าที่อย่างไร เทพมีหน้าที่อย่างไร พรหมมีหน้าที่อย่างไร เทวดามีหน้าที่อย่างไร ท่านก็ให้พิจารณาให้ถ่องแท้ก่อน ทุกอย่างมีขั้นมีตอนของมันในตัวอยู่แล้ว ท่านบอกท่านสอนให้พิจารณาแยกแยะให้เข้าใจอย่าสับสนที่กล่าวมาต้องขอเกริ่นให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายก่อนนะครับ จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...