เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 17 เมษายน 2011.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ขอให้ ลูกชาย อ.แก้วสว่างหายป่วย ถาวรด้วยนะครับ
     
  2. cerebellum

    cerebellum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +546
    กราบ กราบ กราบพ่อทิมครับ
    สวัสดีพี่ๆทุกคุนครับ
     
  3. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    อยู่คนเดียวแสนสบายแต่ไม่สนุก

    อยู่สองครองทุกข์แสนสนุกแต่ไม่สบาย

    โบราณว่าใว้ จริงหรือเปล่าครับ เสี่ยต๋อย

    เป็นยังงัยบ้างครับคุณrungaran ฝึกเก้าอิ ไปถึงใหนแล้วครับ

    โมกขอาจารย์แต่หนหลังสอนกันมา ว่า พลังจิตที่เราเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน

    นั้นไม่ถึง30% ขาดหายไปถึง70% ท่านว่ามันหลับใหลอยู่ เวทย์ มนตรา คาถา

    คือกุญแจที่จะไปปลุกเอามาใช้ จึงใด้ชื่อว่าไสยศาตร์ ไสย หรือไศวะแปลว่าหลับ

    บางท่านแปลว่าเลิศ ผมว่าถูกทั้งหมดครับ ใครปลุกเอาพลังจิตรที่หลบหลับอยู่มา

    ใช้ใด้ คงเข้าถึงไสยศาตร์ แลเป็นผู้มีพลังเลิศล้ำกว่าความสามารถเกินมนุษย์เดิน

    ดินครับ
     
  4. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351

    สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่กระทู้แห่งนี้ครับ
     
  5. tiger-k007

    tiger-k007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,204
    ค่าพลัง:
    +1,597
    หวัดดีศิษย์หลวงปู่ทิม ทุกท่านครับ ไปไหนมาไหน ก็หวังพึ่งบุญบารมี หลวงปู่ทิม ทุกท่านทุกคนครับ และหวัดดี อ.แก้วสว่าง ครับ ที่ให้ความรู้เรื่องหลวงปู่ มาโดยตลอด ครับ...................
     
  6. sukitti

    sukitti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +201
    สวัสดีคับ รบกวน2องค์คับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_0573.JPG
      SAM_0573.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      57
    • SAM_0574.JPG
      SAM_0574.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      50
    • SAM_0571.JPG
      SAM_0571.JPG
      ขนาดไฟล์:
      491 KB
      เปิดดู:
      50
    • SAM_0572.JPG
      SAM_0572.JPG
      ขนาดไฟล์:
      363.3 KB
      เปิดดู:
      47
    • SAM_0575.JPG
      SAM_0575.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      51
    • SAM_0576.JPG
      SAM_0576.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      47
    • SAM_0577.JPG
      SAM_0577.JPG
      ขนาดไฟล์:
      664.6 KB
      เปิดดู:
      74
    • SAM_0579.JPG
      SAM_0579.JPG
      ขนาดไฟล์:
      658.9 KB
      เปิดดู:
      56
    • SAM_0580.JPG
      SAM_0580.JPG
      ขนาดไฟล์:
      653.9 KB
      เปิดดู:
      46
  7. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    รูปล๊อคเก็ตแบบเต็มๆ อีกครั้งนึงครับ
    ในส่วนของรายละเอียด น่าจะประมาณวันจันทรนี้ครับ
    ที่แน่ๆ มีเกศา และผงต่างๆ ของท่านบรรจุลงแน่นอนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • locket.jpg
      locket.jpg
      ขนาดไฟล์:
      304.9 KB
      เปิดดู:
      57
  8. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    สวัสดี วันเสาร์สายๆ ครับ.....บรรยากาศเหมาะแก่การเดินทางจริงๆ
    แต่มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำ สรุปว่า นอนอยู่บ้านดีกว่า 55

    ช่วงนี้สถานการณ๋ก็บรรเทาลงบ้าง แต่ในบางพื้นที่ก็ยังไม่ดีขึ้น
    ก็ขอเอาใจช่วยทุกๆ ท่านนะครับ...
     
  9. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    ขอรายงานครับ พอภาวนา คาถานี้ได้สักพัก จิตจะตีกลับมาภาวนาแบบ
    เก่าของเราที่ชินอยู่แล้ว ตลอดครับ ผลออกมาคือ กระผมไม่เอาใหนเลยครับ
    ไปไม่รอดครับ อายจังเลยครับ :'(
     
  10. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
     
  11. cerebellum

    cerebellum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +546

    ครับพี่โต้ง ยินดีที่ได้ที่ได้รู้จักนะครับ
     
  12. cerebellum

    cerebellum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +546
    กราบ กราบ กราบ พ่อทิมครับ
    สวัสดีอาโมทย์ พี่โต้ง และพี่ๆทุกคนครับ
     
  13. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    สร้างให้บูชาหรอครับ น๊าต๋อย ทำจำนวนเยอะไหมครับ
     
  14. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับวันนี้กระทู้เงียบจังเลย ขอให้บารมีหลวงปู่คุ้มครองทุกท่านครับ
     
  15. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ดีครับยามเย็นวันจันทร์ทำงานครับ
     
  16. buakaew2007

    buakaew2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,410
    ค่าพลัง:
    +6,222
    กราบหลวงปู่

    วันนี้เงียบๆคงเหนื่อยกันนะครับ
     
  17. buakaew2007

    buakaew2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,410
    ค่าพลัง:
    +6,222
    กราบหลวงปู่

    วันนี้เงียบๆคงเหนื่อยกันนะครับ
     
  18. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [FONT=&quot]การที่กล่าวกันถึงหมู่บ้านละหารไร่ในยุคสมัยก่อนนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่เป็นป่าดงดิบหรือป่ารกชักการออกล่าสัตว์ป่านั้นก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ที่ชาวบ้านในยุคก่อนนั้นจะนิยมล่าสัตว์กันเพื่อนำมาขายหาเลี้ยงชีพหรือนำมาบริโภคเพื่อปากท้องกัน หลวงปู่ทิมท่านเคยเล่าว่าในยุคสมัยก่อนนั้นชาวบ้านละหารไร่นอกจากจะทำนาข้าวแล้วยังประกอบอาชีพล่าสัตว์ป่ากัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่สัตว์ที่ล่ามาได้นั้นก็เพื่อที่จะนำมาประกอบหาเลี้ยงชีพในครอบครัว ซึ่งอาชีพการล่าสัตว์ป่านั้นถือว่าเป็นอาชีพที่มีการเสี่ยงภัยมากซึ่งจะต้องมีประสบการณ์มากพอสมควรถึงจะสามารถล่าสัตว์ป่าได้ ซึ่งสัตว์ป่านั้นสมัยนั้นในแถบหมู่บ้านละหารไร่มีทั้งเสือ เก้ง กวาง หมูป่าและสัตว์ต่างๆอีกมากมาย หลวงปู่ทิมท่านเคยได้เล่าให้ลูกศิษย์ในยุคเก่าฟังว่าหลังจากที่ท่านได้ปลดจากพลลูกหมู่ จากนั้นท่านก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานพอเวลาว่างก็จะออกไปล่าสัตว์ตามประสาวัยหนุ่มแต่ก็เพื่อดำรงหาเลี้ยงชีพเพื่อครอบครัว ซึ่งการล่าสัตว์ป่าในสมัยนั้นก็ต้องผจญภัยจากสัตว์ร้ายที่มีกันต่างๆมากมาย ซึ่งผมจะเล่าเรื่องราวต่อไปนี้ก็คือสัตว์เลื้อยคลานที่หลายคนกลัวกันมากก็คือ งู ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นงูเห่า งูกะปะ งูจงอางหรืองูเขียวหางไหม้หรือจะเป็นงูชนิดใดก็แล้วแต่ โดยเฉพาะงูที่มีพิษนั้นเมื่อโดนกัดไปแล้วถ้าแก้ไม่ทันก็ตายสถานเดียว ซึ่งตามตำนานประวัติเรื่องราวในหมู่บ้านละหารไร่นั้นนับตั้งแต่ยุคของหลวงพ่อสังข์เฒ่าซึ่งท่านถือกำเนิดเป็นหมอแผนโบราณที่ชาวบ้านละหารไร่และแถบใกล้เคียงนั้นที่ชาวบ้านต่างก็ให้ความนับถือกันซึ่งเมื่อมีการเจ็บป่วยขึ้นต่างก็มาหาหลวงพ่อสังข์เฒ่าเพื่อทำการรักษา ให้หายกันไป ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ชาวบ้านที่ไปถากถางป่าแล้วไปโดนงูเงี้ยวเขี้ยวขอฉกกัดเข้า ซึ่งการรักษาคนที่โดนงูกัดนั้นซึ่งในยุคสมัยก่อนนั้นคงไม่มีเซรุ่มในการแก้พิษงูนั้นได้ คงจะต้องรักษากันตามแผนโบราณกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอที่ทำการรักษานั้นถือว่าสำคัญมากเลยทีเดียว ซึ่งหลวงพ่อสังข์เฒ่านั้นท่านน่าจะเชี่ยวชาญในเรื่องของการรักษาคนที่โดนงูกัดซึ่งโดยตามคำเล่าลือที่เล่าต่อกันมาซึ่งหลวงปู่สังข์เฒ่าท่านเก่งถึงขนาดสัตว์ร้ายต่างๆอาทิเช่น เสือเมื่อได้สบตาหรือเผชิญหน้ากันกับหลวงปู่สังข์เฒ่าเป็นอันต้องเดินหลีกหนีไปทันทีหรือแม้กระทั่งงูจงอางที่ร่ำลือกันว่ามีพิษอันร้ายแรงยังต้องยอมสยบแก่อำนาจจิตของหลวงปู่สังข์เฒ่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot] ในยุคสมัยก่อนนั้นในหมู่บ้านละหารไร่เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วซึ่งน่าเกินจะกว่า [/FONT]140 [FONT=&quot]ปีขึ้นไปเห็นจะได้หรือประมาณกาลได้ ตามตำนานคำเล่าลือของผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่า ปู่ลอย ซึ่งท่านน่าจะเป็นชาวบ้านเก่าแก่ในหมู่บ้านละหารไร่ ซึ่งท่านเป็นหมอแผนโบราณที่มีชื่อเสียงในการรักษาคนที่โดนงูกัด ซึ่งตามตำนานท่านเล่าเรียนหรือเป็นลูกศิษย์ใครมานั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงแต่ท่านน่าจะเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สังข์เฒ่าหรืออาจจะเป็นในยุคของหลวงพ่อแดงเจ้าอาวาสองค์ต่อมา ซึ่งการสืบทราบประวัติและการค้นคว้านั้นคงเป็นไปได้ยากเพราะกาลเวลานั้นผ่านมานานมาก ซึ่งพอในยุคต่อมาฆราวาสที่มีชื่อเสียงที่มากในหมู่บ้านละหารไร่ก็คือ ปู่เคี่ยม ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อมาคงไม่มีใครรู้จักได้ ซึ่งถ้าท่านอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็คงมีอายุไม่ต่ำกว่า[/FONT]120[FONT=&quot]ปีเห็นจะได้ ปู่เคี่ยมท่านเป็นชาวบ้านละหารไร่ ซึ่งตามประวัติที่พอจะสืบทราบได้นั้นท่านเป็นลูกศิษย์ของปู่ลอย ท่านได้ร่ำเรียนวิชาหมองูมากับปู่ลอย ซึ่งปู่เคี่ยมนั้นท่านสามารถร่ำเรียนมาจนชำนาญในการรักษาคนที่โดนงูกัด ซึ่งก็ทำให้ปู่เคี่ยมท่านมีชื่อเสียงมากในการรักษาคนที่โดนงูกัดในยุคนั้น ซึ่งพอในยุคต่อมาหลวงปู่ทิมท่านเคยเล่าให้นายสายซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่าท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาหมองูซึ่งเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งของวิชาการรักษาของแพทย์แผนโบราณท่าน่าจะถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณเก่าแก่ไว้ ซึ่งเราจะประมาณกาลได้ว่าหลวงปู่ท่านคงได้เรียนและได้อ่านพบในตำราเก่าแก่ที่ตกทอดมาจากวัดและหลวงปู่ท่านก็สนใจที่อยากจะเรียนรู้ให้แจ้งได้ และจากนั้นหลวงปู่ท่านก็คงได้ไปเพียรหาอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับวิชาการที่ได้ศึกษาอยู่และหลวงปู่ท่านก็ได้ไปศึกษาร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ผู้เรืองวิชาและเชี่ยวชาญในเรื่องหมองูคนหนึ่งแต่ท่านก็ไม่ได้กล่าวถึงชื่ออาจารย์ที่ท่านได้ไปเรียน ซึ่งกล่าวกันว่าในสมัยก่อนนั้นหลวงปู่ทิมภายหลังจากที่ท่านได้เรียนวิชานี้จบมาใหม่ๆ เมื่อได้กลับมาวัดละหารไร่หลังจากที่ท่านเรียนวิชาจบหลวงปู่ท่านจะรักษาคนที่โดนงูกัดเองและท่านก็สามารถรักษาจนท่านเก่งและเชี่ยวชาญมากในการรักษาซึ่งหลวงปู่ท่านก็รักษาคนที่โดนงูกัดมาหลายปี [/FONT]

    [FONT=&quot] ซึ่งพอในยุคต่อมา ลุงสดหรือหมอสด อัมฤทธิ์ ซึ่งท่านก็ถือกำเนิดในหมู่บ้านละหารไร่และเป็นลูกของปู่เคี่ยมหรือแขวงเคี่ยม ( ซึ่งปู่เคี่ยมต่อมาท่านได้มีตำแหน่งเป็นแขวงในเขตตำบลตาสิทธิ์ในยุคนั้นซึ่งในยุคต่อมาก็จะเรียกว่ากำนันแต่ในสมัยก่อนจะเรียกแขวงกัน ) ลุงสดนั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาหมองูต่อจากปู่เคี่ยมซึ่งปู่เคี่ยมตอนนั้นท่านก็แก่ชรามากซึ่งลุงสดท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาหมองูต่อจากปู่เคี่ยมซึ่งลุงสดท่านก็ได้เรียนวิชาหมองูยังไม่ทันไรปู่เคียมท่านก็ได้เริ่มป่วยและได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาและก่อนที่จะเสียชีวิตปู่เคี่ยมท่านก็ได้ให้ลุงสดไปหาหลวงพ่อทิมวัดไร่เพื่อศึกษาวิชาเพิ่มเติมและหลังจากนั้นลุงสดท่านก็ได้มาร่ำเรียนวิชาหมองูเพิ่มเติมกับหลวงพ่อทิมวัดไร่ตามคำสั่งเสียของปู่เคี่ยม ซึ่งลุงสดท่านเคยเล่าว่าพอเดินมาถึงวัดละหารไร่ เมื่อได้มาพบหลวงพ่อๆท่านก็รู้ได้ทันทีซึ่งยังไม่ทันที่ลุงสดจะเอ่ยกล่าวเลย หลวงพ่อทิมท่านก็ได้กล่าวกับลุงสดว่ามาเรียนวิชาหมองูเพิ่มเติมรึ [/FONT]! [FONT=&quot]ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับลุงสด ซึ่งก็ไม่ทราบว่าหลวงพ่อท่านรู้ได้อย่างไร จากนั้นหลวงพ่อทิมท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาหมองูเพิ่มเติมให้กับลุงสด ซึ่งลุงสดท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาหมองูจนจบสิ้นได้ ซึ่งหลังจากที่เรียนวิชาหมองูจบ หลวงพ่อทิมเหมือนท่านจะรู้กาลล่วงหน้าจึงได้แนะนำให้ลุงสดเรียนวิชาต่อกระดูกด้วย ซึ่งก็เป็นวิชาอย่างหนึ่งที่ต้องใช้อาคมอย่างเคร่งครัดเหมือนกันซึ่งลุงสดท่านก็ได้ร่ำเรียนวิชานี้ไปโดยไม่กล้าที่จะปฏิเสธหลวงพ่อได้และจากนั้นลุงสดท่านก็ได้ร่ำเรียนวิชาต่อกระดูกจากหลวงพ่อทิมไปจนจบ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แปลกพอลุงสดท่านเรียนวิชาต่อกระดูกจบก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อพี่ชายของท่านได้ขึ้นไปตัดต้นไม้แล้วพลาดตกลงมาแขนหัก ลุงสดซึ่งเพิ่งกำลังเรียนมาจบมาดๆก็ต้องรักษาพี่ชายของท่านเป็นคนแรกและรักษาจนหายได้ซึ่งต่อจากนั้นมาก็มีชาวบ้านมาให้ลุงสดนั้นรักษาซึ่งก็มีทั้งแขนหักขาหักลุงสดท่านก็รักษาจนหายหมดซึ่งก็มีกันมามากมาย ซึ่งก็เป็นไปตามคำกล่าวของหลวงพ่อทิมที่ท่านสามารถรู้กาลล่วงหน้าได้ซึ่งในสมัยก่อนนั้นหมอต่อกระดูกนั้นหายากมาก ซึ่งมันอาจจะมีหมอที่รักษาได้แต่ก็คงจะห่างไกลมากซึ่งตามชนบทนั้นการเดินทางก็สุดแสนจะลำบากหลวงปู่ทิมท่านสามารถมองถึงเหตุการณ์อันยาวไกลได้จึงได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้กับลูกศิษย์ของท่าน และกล่าวกันว่าในยุคสมัยของหลวงปู่ทิมนั้นเมื่อมีคนโดนงูกัดมาหาหลวงปู่ทิมที่วัดหลวงปู่ท่านก็จะให้ลุงสดนั้นรักษาแทน หรือมีชาวบ้านแขนซ้นแขนหักหรือขาหัก หลวงปู่ท่านจะให้ไปหาลุงสดนั้นทันทีซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันมากในยุคนั้น ซึ่งพอในกาลยุคต่อมาการที่จะกล่าวถึงวิชาหมองูนั้นเป็นวิชาที่เรียนกันยากมากถ้าใจไม่แข็งกล้าพอมีสิทธิ์ที่คนโดนกัดจะถึงแก่ความตายได้ถ้าแก้ไม่ทัน จึงหาคนที่เรียนละสืบทอดวิชานี้ได้ยากมากเพราะต้องเสี่ยงมากกับพิษงูที่ใครๆหลายคนต่างก็กลัวกันนักกลัวกันหนา นายสาย แก้วสว่างซึ่งถือเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทิมในยุคต่อมาท่านเล่าว่าในหมู่บ้านละหารไร่ในยุคสมัยก่อนนั้นงูต่างๆนั้นมีเยอะมากเพราะเป็นป่าดงดิบหรือป่าที่รกชัฏ ซึ่งในสมัยก่อนโรงพยาบาลนั้นอยู่ห่างไกลมาก ถ้าคนโดนงูกัดเข้าไปแล้วเมื่อรักษาไม่ทันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่รอดได้ กอปรกับช่วงเวลานั้นก็มีชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็มาหากันมากมาย การที่จะให้หลวงปู่ท่านสงเคราะห์หรือรักษากันในทุกๆโรคคงจะไม่ทันท่วงที ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านก็จะใช้ให้ลูกศิษย์แต่ละคนที่ได้ร่ำเรียนหรือได้รับการถ่ายทอดจากท่านไปได้นำวิชาการต่างๆที่ได้รับการถ่ายทอดไปได้รักษาคนที่เจ็บป่วยหรือให้การสงเคราะห์กันไปในแต่ละอย่างหรือแต่ละโรคกันไปซึ่งก็มีลูกศิษย์ในยุคแรกๆหลายคนด้วยกันที่ได้ร่ำเรียนวิชากันไป แต่ที่ผมจะกล่าวถึงนี้ก็คือวิชาหมองูซึ่งนอกจากลุงสดแล้วก็ไม่ทราบประวัติว่าจะมีคนใดที่ได้ร่ำเรียนวิชาดังกล่าวไป [/FONT]

    [FONT=&quot] แต่ต่อมาหลวงปู่ทิมท่านได้เห็นว่านายสาย แก้วสว่าง ซึ่งพื้นเพเดิมบ้านท่านจะอยู่บริเวณทุ่งยายคงซึ่งเป็นทุ่งนาที่อยู่ติดกับวัดละหารไร่ซึ่งปัจจุบันจะอยู่บริเวณหลังโรงเรียนวัดละหารไร่และนายสายก็ได้ไปมาหาสู่ที่วัดเป็นประจำและเป็นคนที่ใฝ่เรียนวิชาอาคมต่างๆและเป็นคนที่จิตใจกล้าและเรียนรู้ได้เร็ว หลวงปู่ท่านจึงได้ให้นายสายเรียนวิชาหมองู แต่วิชานี้ต้องเรียนสองคนหรือเรียนเป็นคู่จึงจะสามารถเรียนได้ นายสายท่านก็ได้รับปากหลวงปู่เพื่อขอเรียนวิชาหมองูนี้ทันทีแต่อุปสรรคอยู่ที่ว่าไม่มีใครที่จะกล้าเรียนด้วยเพราะมันเสี่ยงมากกับพิษภัยของงู หลวงปู่ทิมท่านกล่าวว่าวิชานี้จำเป็นต้องเรียนเป็นคู่เพราะต้องมีการเรียนแก้กันคืออีกคนโดนและอีกคนจะต้องทำน้ำมนต์แก้กัน ซึ่งวิชานี้จะต้องโดนงูมากัดหรือมาลองของเป็นประจำหรือบ่อยครั้งและจะต้องทำน้ำมนต์รักษาเองในทุกครั้งซึ่งก็เคยมีหลายคนอยากจะเรียนวิชาหมองูนี้กับหลวงปู่แต่พอได้ยินได้ฟังเรื่องราวกลับเป็นต้องถอยหลังกลับทันที แต่นายสายก็ไม่ย่อท้อที่จะร่ำเรียนวิชาหมองูนี้ให้ได้จึงได้เพียรพยายามหากันอยู่พักใหญ่จนมาได้คู่เรียนวิชาคือนายช้อย หรือหมอช้อย ซึ่งเป็นคนทางหมู่บ้านแม่น้ำคู้ซึ่งอยู่ทางเหนือของหมู่บ้านละหารไร่ออกไป จากนั้นนายสายและนายช้อยจึงได้มาเรียนและได้รับการถ่ายทอดวิชาหมองูกับหลวงปู่ทิมจนจบได้ซึ่งกว่าจะเรียนจบได้ก็โดนงูมาทดสอบหลายครั้งหลายครามาก ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้วก็จะต้องมีงู มาลองฉกลองกัดหรืออาจจะรียกว่าลองของอยู่เสมอและเมื่อโดนกัดแล้วจะต้องทำน้ำมนต์แก้รักษาเองทุกครั้งซึ่งวิชาดังกล่าวนี้มันอาจจะเป็นการทดสอบอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของผู้มีวิชาที่ได้เรียนมาก็ว่าได้ นายสายเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งขณะที่กำลังล้างหน้าที่บริเวณข้างบ้านซึ่งอยู่ดีๆก็มีงูตัวขนาดเขื่องๆเลื้อยมาข้างตุ่มน้ำแล้วเข้ามาฉกที่มือของนายสายอย่างจัง จากนั้นก็เลื้อยหายไปโดยยังไม่ทันรู้ว่าเป็นงูอะไรและไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไงจากไหนเลย แต่นายสายท่านก็ไม่ได้ตกใจอะไรจากนั้นก็ได้ไปหยิบเอาขันน้ำมาทำน้ำมนต์รักษาทันที และจากนั้นสักพักก็อาการที่โดนงูกัดนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งได้ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้วิชาหมองูที่นายสายและลุงช้อยที่ได้มาเรียนกับหลวงปู่ทิมนั้นก็ได้รับการสืบทอดวิชาต่อมาและต่างก็ได้รักษาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กันต่อไป ซึ่งต่อมาภายหลังในหมู่บ้านละหารไร่ลุงสดซึ่งท่านก็เริ่มแก่ชรามากประกอบกับวิชาหมองูนี้ครูแรงมากและต้องใช้จิตสมาธิสูงในการรักษาแต่ละครั้งซึ่งถ้าทำอะไรผิดพลาดไปบางทีอาถรรพ์ของวิชามันอาจจะเข้าถึงตัวผู้รักษาได้ซึ่งภายหลังลุงสดท่านก็จะไม่ค่อยรับการรักษา ดังนั้นเมื่อมีคนโดนงูกัดหลวงปู่ทิมท่านจะให้ไปหานายสายรักษาทันที หรือถ้าอยู่ในเขตหมู่บ้านแม่น้ำคู้หรือบริเวณใกล้เคียงก็จะให้ไปหาหมอช้อยรักษากัน ซึ่งทำให้นายสายนั้นเริ่มมีชื่อเสียงกันในหมู่บ้านละหารไร่และแถบบริเวณใกล้เคียง ซึ่งต่างคนที่โดนงูกัดก็จะไปหานายสายรักษากันซึ่งโดยส่วนใหญ่จะหายกันแต่จะขึ้นอยู่กับพิษอันร้ายแรงของงูนั้นด้วย ผมเคยเห็นคนที่โดนงูกัดแล้วให้นายสายรักษาซึ่งท่านจะใช้น้ำมนต์พ่นไปที่พิษของบาดแผล แล้วใช้ยาสมุนไพรตำแล้วพอกไปที่โดนกัดพอเริ่มหายปวดจากนั้นก็ทำน้ำมนต์ ให้อาบ ซึ่งมันก็หายได้อย่างชะงักซึ่งเราจะเห็นว่าคาถาอาคมต่างๆนั้นมีความสำคัญมากในการรักษาโดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจจิตสมาธินั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง นายสายเล่าว่าวิชาหมองูนั้นอาถรรพ์ของครูแรงมากซึ่งคาถาในการรักษานั้นมีเพียงไม่กี่บท แต่การที่จะทำให้ถูกต้องตามวิธีการนั้นสำคัญมากถ้าอำนาจจิตในการรักษาไม่แรงมากพอ จึงหาคนที่จะสืบทอดวิชาหมองูนี้ได้ยากมาก จึง ทำให้วิชาหมองูนี้เป็นวิชาที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในยุคสมัยก่อนนั้น [/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ในหมู่บ้านละหารไร่นั้นก็มีงูมากมายชุกชุมซึ่งก็มีคนที่โดนกัดมามากมาย ซึ่งต่างก็มาหานายสายมารักษากัน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ร่ำลือกันมาก ใน หมู่บ้านละหารไร่ ซึ่งผมจะมีประสบการณ์เรื่องเล่าให้ฟัง ซึ่งเล่ากันว่า มีคนทางอีสานได้มาทำสวนยางซึ่งอยู่ทางหมู่บ้านคลองกรำซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ออกไปทางเหนือของหมู่บ้านละหารไร่ไปและได้เล่าว่า ขณะนั้นเองก็เป็นช่วงเวลารุ่งสางหรือตอนเช้ามืด ในขณะที่กำลังตัดยางอยู่และระหว่างที่เดินอยู่นั้นเผอิญเท้าก็ได้ไปเหยียบงูเต็มๆซึ่งภายหลังก็ทราบว่าเป็นงูกะปะบุกซึ่งเป็นงูมีพิษที่ร้ายแรงซึ่งหลังจากที่ได้เดินไปเหยียบงูและก็ทันทีทันใดนั้นงูกะปะก็ได้พุ่งฉกกัดเข้าไปที่โคนขาอย่างจัง จากนั้นก็ได้ล้มลง และก็ได้ร้องครวญครางเรียกคนแต่ก็ด้วยพิษอันร้ายแรงมันอาจจะทำให้พิษนั้นเข้าสู่กระแสเลือดทำให้มีอาการค่อยๆเซื่องซึมลงซึ่งทำให้มีอาการหัวใจค่อยๆเต้นอย่างช้าๆ ซึ่งกว่าจะมีคนมาเห็นด้วยการทิ้งระยะเวลานานก็รุ่งเช้าพอดี และพิษของงูนั้นร้ายแรงอาจทำให้ทนพิษบาดแผลไม่ไหวหมดลมพอดี จากนั้นญาติพี่น้องชาวบ้านต่างก็ได้มาพบเห็นซึ่งก็ได้ลงความเห็นว่าตายแล้วและจากนั้นก็ได้ช่วยกันหามศพออกมาจากสวนยาง ซึ่งในสมัยก่อนถนนหนทางยังไม่มีทางเดินยังเป็นทางเกวียนที่ใช้สำหรับสัญจรไปมาและจุดมุ่งหมายก็จะนำศพไปฝังที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ และจากนั้นก็ได้ช่วยกันนำศพหามเดินไปเรื่อยๆตามทางซึ่งระหว่างทางที่หามศพเดินกันอยู่นั้นก็ได้ผ่านไปถึงหน้าบ้านนายสาย ซึ่งตรงจังหวะที่นายสายอยู่หน้าบ้านพอดี และนายสายก็ได้ถามว่าเป็นอะไรตายซึ่งญาติๆที่มาด้วยก็บอกว่าโดนงูกัดตาย และจากนั้นนายสายก็ได้ไปดูที่ศพ และก็ได้ถามญาติว่าตายมากี่ชั่วโมงแล้ว ซึ่งญาติก็ได้ตอบว่าเพิ่งจะตายมาเมื่อประมาณ[/FONT] 2[FONT=&quot]-[/FONT]3[FONT=&quot] ชั่วโมงมานี้เอง จากนั้นนายสายก็ได้มองและได้พิจารณาไปที่ศพสักพักก็รู้ขึ้นมาได้และจากนั้น นายสายก็ได้ให้ญาตินำศพนั้นวางไว้ที่เตียงแคร่ไม้ไว้ ต่อจากนั้นนายสายก็ได้ถอนเส้นผมคนตายมาเส้นหนึ่ง จากนั้นก็เอารากผมมาแตะที่แขนตัวเองดูและเซลของรากผมก็ยังมีความหนืดติดกับผิวหนังอยู่ ซึ่งแสดงว่าเซลของรากผมยังไม่หมดอายุ และจากนั้นนายสายก็ได้บอกกับญาติคนตายว่าศพนั้นยังไม่ตายยังมีโอกาสรอดได้ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับญาติคนตายที่นายสายได้กล่าวเช่นนั้น จากนั้นเองนายสายก็ได้ใช้ให้คนไปหยิบขันแล้วตักน้ำมาขันหนึ่ง จากนั้นนายสายท่านก็ได้ทำพิธีอัญเชิญบอกกล่าวครูบาอาจารย์จากนั้นท่านก็ได้ทำน้ำมนต์ในการรักษาพอทำน้ำมนต์เสร็จ จากนั้นนายสายท่านก็ได้พ่นน้ำมนต์ไปที่หัวถึงสามครั้งแล้วพ่นไล่เรื่อยๆลงไปจนถึงบาดแผลที่โดนงูกัดโดยพ่นไปหลายครั้ง และสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อคนที่ตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาเมื่อแขนขาและมือก็ค่อยๆเริ่มขยับขึ้น จากนั้นญาติๆก็ค่อยๆช่วยกันประคองตัวผู้ป่วยขึ้น จากนั้นนายสายท่านก็ได้ทำน้ำมนต์อีกที่นี้ก็ให้ผู้ป่วยกินน้ำมนต์เข้าไปซึ่งญาติๆก็ช่วยกันเอาน้ำมนต์ค่อยๆกรอกปากผู้ป่วย จนผู้ป่วยก็เริ่มมีความรู้สึกอาการดีขึ้น ต่อจากนั้นนายสายก็ได้ทำน้ำมนต์ในตุ่มน้ำโดยให้ผู้ป่วยอาบน้ำมนต์จนหมดตุ่ม ซึ่งก็ทำให้ผู้ป่วยนั้นมีอาการดีขึ้นมาก ซึ่งหลังจากที่ผู้ป่วยอาการดีขึ้นจากนั้นนายสายก็ได้นำสมุนไพรที่มีอยู่มาพอกปิดที่บาดแผลไว้ ซึ่งผู้ป่วยก็เริ่มมีอาการดีขึ้นตามลำดับและสามารถรักษาจนหายไปในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่นับว่ามันแปลกและอัศจรรย์ที่คนตายไปแล้วแต่สามารถกลับรักษาจนฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งต่อมานายสายท่านก็ได้ให้คนที่หายจากการป่วยนั้นให้มาส่งขวัญข้าวด้วยเพื่อเป็นการรำลึกถึงหรือตอบแทนครูบาอาจารย์ซึ่งนายสายท่านจะไม่รับค่ารักษาโดยเด็ดขาด แต่การส่งขวัญข้าวนั้นนายสายท่านเล่าว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งการรักษาหมองูนั้นอาถรรพ์ครูนั้นแรงมากซึ่งถ้ารักษาหายดีแล้วแต่ถ้าผู้ที่รักษาหายไม่ส่งขวัญข้าวจะทำให้ผู้รักษานั้นโดนแรงอาถรรพ์ของครูได้ ฉะนั้นการส่งขวัญข้าวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากซึ่งการส่งขวัญข้าวนี้เท่าที่พบเห็นก็จะมีข้าวสาร ดอกไม้ธูปเทียนหรือบางทีก็มีหมากพลูด้วย ส่วนสตางค์ก็แล้วแต่จะกำหนดว่ากี่สตางค์ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าวิชาอาคมต่างๆนั้นโดยเฉพาะวิชาหมองูนั้นซึ่งก็มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลที่ครูบาอาจารย์ท่านได้กำหนดไว้และการที่จะได้นำวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาและได้นำมาใช้ในการรักษานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายที่จะสามารถดำเนินการได้ถ้าอาคมของผู้รักษานั้นไม่แกร่งกล้าพอ[/FONT]

    [FONT=&quot] ซึ่งตามประวัติหลวงปู่ทิมท่านร่ำเรียนกับใครก็ไม่ได้กล่าวถึงแต่น่าจะเรียนจากฆราวาสหรือหมอแผนโบราณที่เชียวชาญในเรื่องหมองู ซึ่งตามคำบอกเล่าของลูกศิษย์ในยุคเก่าเล่าว่าหลวงปู่ทิมเมื่อท่านเห็นว่าอาจารย์คนไหนที่เก่งและเห็นประจักษ์ตาจริงหลวงปู่ท่านจะขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์เรียนวิชาทันที ซึ่งวิชาหมองูนี้หลวงปู่ท่านก็คงได้เล็งเห็นว่าเป็นวิชาที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่จะสามารถช่วยเหลือผู้คนในยามที่ต้องการให้ความช่วยเหลือได้ ท่านจึงได้ร่ำเรียนวิชานี้มาจนจบได้ ซึ่งทำให้หมู่บ้านละหารไร่ในยุคสมัยที่หลวงปู่ทิมท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดซึ่งในยุคแรกๆคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆก็จะมาให้หลวงปู่ท่านสงเคราะห์ ซึ่งต่อมาหลวงปู่ทิมท่านจะให้ลูกศิษย์ของท่านในยุคแรกๆนั้นได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆต่อจากท่านซึ่งโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นวิชาแพทย์แผนโบราณซึ่งโดยเจตนาแล้วหลวงปู่ท่านคงมีเจตนาเพื่อให้วิชาที่ท่านได้เรียนมาให้มีลูกศิษย์ได้สืบทอดวิชาการต่างๆกันต่อไปและเพื่อแบ่งเบาภาระกิจของท่านซึ่งในยุคนั้นหลวงปู่ท่านยังต้องร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆอยู่เสมอซึ่งวิชาอาคมนั้นมีมากมายหลายอย่างที่เรียนรู้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้นได้และหลวงปู่ท่านยังจำต้องเรียนรู้อยู่เสมอเพื่อวิชาอาคมต่างๆนั้นจะได้มีการเรียนรู้และสืบทอดกันต่อไปเพื่อไม่ให้วิชาอาคมต่างๆนั้นมีการสูญสิ้นได้ซึ่งมันอาจจะเป็นไปโดยเจตนารมณ์ของหลวงปู่ที่ท่านคงได้ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรก และโดยเจตนารมณ์ของหลวงปู่แล้วท่านจะถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณนี้ให้กับลูกศิษย์ของท่านซึ่งแต่ละคนก็จะเก่งและชำนาญไปคนละอย่างกันซึ่งก็มีลูกศิษย์ของท่านหลายคนที่ได้ร่ำเรียนกันไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะมีชื่อเสียงกันมากในหมู่บ้านละหารไร่และแถบใกล้เคียง ซึ่งเอาไว้ผมจะค่อยๆเล่าเรื่องราวกันต่อๆไป และเรื่องราวของวิชาหมองูนี้เป็นวิชาที่จะอาจจะสืบทอดกันได้ยากเพราะหาคนที่จะร่ำเรียนต่อซึ่งในยุคสมัยนี้ด้วยแล้วคงไม่มีใครเรียนกันแน่ประกอบกับในยุคปัจจุบันนี้ความเจริญเข้าไปถึงการแพทย์ก็ทันสมัย ซึ่งถ้าใครโดนงูกัดก็ไปต้องพากันไปโรงพยาบาลกันอย่างเดียว ซึ่งต้องไปฉีดเซรุ่มชนิดของงูนั้น ซึ่งปัจจุบันทั้ง ลุงสด นายสายและหมอช้อยต่างก็ได้เสียชีวิตกันไปหลายปีแล้ว วิชาหมองูที่ท่านได้เรียนมากับหลวงปู่ทิมนั้นก็ไม่มีใครที่จะสามารถได้สืบทอดวิชาต่อกันได้เลย จึงทำให้ในหมู่บ้านละหารไร่นั้นในปัจจุบันวิชานี้ก็ได้สูญสิ้นกันไป ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าวิชาอาคมต่างๆที่ใช้ในการรักษาโรคนั้นในยุคสมัยก่อนนั้นเขาทำกันได้จริงซึ่งเขาก็เรียนกันอย่างจริงจังและลึกซึ้งได้ ซึ่งถ้าไม่มั่นใจหรือชำนาญในการรักษาก็จะมีสิทธิ์ที่จะเป็นอันตรายได้ แต่การรักษาในยุคสมัยก่อนนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องใช้วิชาอาคมที่สามารถรักษาโรคต่างๆนั้นจนหายเป็นปกติได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก และวิถีความเป็นอยู่ของคนในยุคสมัยก่อนซึ่งก็อยู่กันอย่างชนบทกันมาก ซึ่งก็มีอันตรายกันต่างๆมากมาย ซึ่งเราจะเห็นว่าการรักษาตามแผนโบราณหรือการใช้อาคมตามพิธีการต่างๆในการรักษานั้นย่อมมีอิทธิพลกันมาก แต่ถ้าเทียบกับยุคสมัยนี้การรักษาตามแผนโบราณมันอาจจะไม่ค่อยสู่นิยมกันแพร่หลายซึ่งด้วยความเจริญของการแพทย์และการรักษาตามแผนปัจจุบันซึ่งมันก็ไม่ยุ่งยากในการรักษามาก แต่การรักษาตามแผนโบราณก็ยังอาจมีอยู่ให้เห็นกัน ซึ่งก็ยังมีคนได้สืบทอดวิชาอาคมต่างๆกันมาแต่ก็คงเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และวิชาอาคมต่างๆนั้นก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอเมื่อได้รับการเพียรพยายามฝึกฝนและศึกษาเรียนรู้จนเข้าใจกันมาอย่างจริงจัง..........<o></o>[/FONT]
     
  19. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    สวัสดีและยินดีต้อนรับคุณcerebellumครับ กราบหลวงพ่อทิมเมื่อจิตที่นิ่งเข้าถึงท่านและหลวงปู่ท่านก็เข้ามาในจิตของเราเมื่อจิตนั้นได้มีการนับถือและศรัทธากันโดยบริสุทธิ์จากใจโดยแท้จริง
     
  20. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,856
    มาติดตามประวัติหลวงปู่ครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...