น้ำพระทัยพระเจ้าอยู่หัว โดยพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย พชร (พสภัธ), 18 กันยายน 2011.

  1. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    [​IMG]

    จาก หนังสือ พระเมตตา เล่มที่ ๑


    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย พระราชปรารภตอนนี้เป็นตอนที่ ๕ ของหนังสือ
    หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพรจากพระสงฆ์แล้ว
    ตอนนี้ก็เป็นตอนที่อาตมาจะต้องถวายของที่ระลึกแด่พระองค์
    ความจริงพระสุปฏิปันโนทุก ๆ ท่าน ต่างท่านต่างก็ถวายของที่ระลึกแด่พระองค์ทุก ๆ องค์ผ่านมาแล้ว
    ในขณะที่พระองค์ทรงประเคนไตรตอนของอาตมา นี่เป็นตอนสุดท้าย หมายกำหนดการเขากำหนดไว้อย่างนั้น<O:p</O:p
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์
    ทรงรับพรจากพระสงฆ์แล้ว พล.ร.อ.จิตต์ สังขดุลย์ ปลัดกระทรวงกลาโหมก็ให้สัญญาณกับอาตมาตามที่นัดหมายกันไว้
    อาตมาก็ไปยืนที่พรมตรงของถวาย แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนินมาประทับยืนอยู่ข้างหน้า
    ที่อาตมายืนอยู่ ในตอนแรกอาตมาเห็นของเขาจัดวางไว้ ใส่พาน มีกล่องยาว ๆ ๒ กล่อง
    กล่องชุดนี้อาตมาไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจัดอะไรไว้ให้ ทั้งนี้ เพราะว่าคณะศิษยานุศิษย์มีคุณเฉิดศรี สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา
    ภรรยาเจ้ากรมสื่อสาร ทอ.กับ พล.อ.ต. ม.ร.ว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสาร ทอ. ผู้เป็นสามี พร้อมไปด้วย
    คุณหญิง สุวรรณาภา สังขดุลย์ ภรรยาท่าน พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ แล้วก็บรรดาคณะศิษย์ร่วมกันทั้งหมด
    จัดของถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาเป็นคนจัดกัน อาตมาเป็นคนถวาย แล้วกาลเวลาก็รีบด่วน
    อาตมาเลยไม่ทราบว่าของในนั้นเป็นอะไรบ้าง บังเอิญก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาถึง
    อาตมาเดินไปหยิบของอีกพานหนึ่งซึ่งเป็นกล่องสี่เหลี่ยม สงสัยว่าในนี้มีอะไร ก็เปิดขึ้นมาดูก่อน
    ก็ปรากฏว่าของสิ่งนั้นถือว่าเป็นหัวใจของอาตมาเลยทีเดียว อาตมาไม่บอกว่า ของสิ่งนี้เป็นอะไร
    เพราะถือว่าของสิ่งนั้นเป็นความสำคัญของอาตมาที่มีความคิดอยู่ในใจ เพราะว่าเป็นของสมัย.......โน่น......สุโขทัย
    ใช้คำว่า “โน่น” เพราะนึกไม่ออก ว่าจะพูดว่าอะไรดี เป็นของสำคัญตั้งแต่สมัยสุโขทัยกู้ชาติ
    แต่ว่าสมบัติอันนี้ตกมาเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    แล้วก็ตกทอดมาถึงอาตมาอีกวาระหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อปานมรณะไปแล้ว อาตมารู้ว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร
    แล้วของอีกสิ่งนั่นก็คือ พระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ คือ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
    ท่าน พล.อ.ต. ม.ร.ว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสาร ทอ. ไปพบเขาตั้งขายไว้ เขาทาเป็นสีดำ จึงได้นำมาปิดทองคำ
    แล้วก็ทำมณฑป เพื่อถวายเป็นที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    <O:p</O:p
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาประทับยืนอยู่ต่อหน้าอาตมา อาตมาจึงได้หยิบพานลูกแรก
    ซึ่งมีกล่องยาวคู่หนึ่งถวายแด่พระองค์ พระองค์ก็ทรงรับแล้ว พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ก็รับไป มอบให้แก่เจ้าหน้าที่
    อาตมามองดูของที่ยังมีอยู่อีกพานหนึ่ง มีกล่องสี่เหลี่ยมคู่ ก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาไม่ได้แจ้งไว้ก่อนว่าจะถวายใคร
    คิดว่าของสิ่งนี้เป็นของสั้นกว่า สี่เหลี่ยมอันแรก เป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าคู่ พานที่ ๒ นี่เป็นกล่องคู่เหมือนกัน
    แต่ว่าเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส คิดว่าเขาจะมีไว้ถวายสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
    สงสัยจึงได้หันไปถาม พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ ซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ว่า พานนี้ถวายด้วยหรือเปล่า
    ท่าน พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ตอบว่า ถวายด้วย ถวายทั้งหมด อาตมาจึงได้เดินไปหยิบพานชุดนั้น
    ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงรับแล้ว พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์
    ก็รับจากพระหัตถ์ของพระองค์ เมื่อรับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปหา พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ ตรัสว่า “เอามานี่” แล้วพระองค์ก็ทรงรับจากมือ
    ของ พล.ร.อ. จิตต์ สังขดุลย์ เอามาวางไว้เอง แล้วอีกชิ้นหนึ่งนั่นก็คือ
    พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ พร้อมด้วยมณฑป อันนี้อาตมายกไม่ขึ้น
    จึงได้เอามือเข้าไปแตะ แล้วถวายพระพรว่า ของชิ้นนี้ก็ถวายพระองค์ด้วย พระองค์ก็ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมาแตะ
    เป็นการแสดงอาการรับ ท่านพุทธบริษัท ตอนนี้ ท่านจะเห็นว่าพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัวเป็นประการใด
    จะเห็นได้ตั้งแต่วาระแรก ตั้งแต่การรับสั่งสนทนาซึ่งกันและกัน พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ
    เฉลียวฉลาดเป็นกรณีพิเศษ อาตมาจะพูดอะไรออกไปก็ตามที ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรู้ทัน
    แล้วนำหน้าอยู่เสมอ
    <O:p</O:p
    นี่ จุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาขอแจ้งแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทว่าอาตมากลัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ที่กลัวนี้ ก็ได้บอกมาแล้วตั้งแต่ตอนต้นว่ากลัวดี กลัวความดีของพระองค์ แล้วกลัวที่อาตมาดีไม่พอ
    ไม่คู่ควรที่จะเข้าไปนั่งสนทนากับพระองค์ด้วย แล้วก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยืนใกล้บุคคลผู้มีบารมีสูง
    นี่ไม่ใช่อาตมายกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความจริงตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยพบกันใกล้ ๆ
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แล้วพระองค์ก็ไม่เคยพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์อะไรให้ แต่ที่พูดนี่ไม่ใช่จะทวงยศ
    และถ้าจะพระราชทานให้ก็เห็นจะไม่รับ เพราะว่ารับไม่ไหว พัดยศมันหนัก เวลานี้ร่างกายก็แก่เต็มทีแล้ว
    ใกล้ ใกล้จะเข้าโลงผีมาแล้ว เตรียมต่อโลงไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ปีนั้นก็ตั้งท่าตั้งทางคิดว่าจะเดินเข้าโลงผี
    มันนอนสบายดี เพราะว่าป่วยหนัก อาการป่วยหนักปีนั้นเครียดมาก จึงได้เขียนหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเข้าไว้
    แต่ความจริงประวัติหลวงพ่อปานก็ต้องเนื่องด้วยอาตมา เพราะอาตมาจะพูดเฉพาะที่อาตมาสัมผัสมาเท่านั้น
    มันกลายเป็นเขียนประวัติตัวเองไปด้วย มีคนเขาท้วงกันมาหลายคนว่า คิดว่าเป็นประวัติหลวงพ่อปาน
    ดันเป็นประวัติเจ้าเบื๊อกนี่เข้าให้ ก็ช่างประไร ถ้าไม่อยู่ด้วยกันไม่รู้กันเองแล้ว จะพูดกันได้ยังไง
    อ้าว นี่จะพูดกันตอนไหนล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัท พูดกันเรื่องกลัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    แล้วพัดยศมันหนัก นี่ความแก่เฒ่าชรามันเข้ามาถึงมากแล้ว แม้แต่จีวรยังแบกไม่ไหว

    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย บางคราวที่มาพบอาตมา เวลาร้อนจัด ๆ ก็มีแต่อังสะตัวเดียวรับแขก
    อย่างนี้เป็นเหตุให้บรรดาท่านทั้งหลายเอาไปกล่าวขวัญกันว่าอาตมาไม่สำรวม อาตมาก็ยอมรับ
    จะสำรวมไปทำไม ในเมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บังคับไว้
    อาตมาจะทำอะไรต่อเมื่อพระพุทธเจ้าบังคับไว้เท่านั้น การอยู่ในบ้าน ถ้าอาการป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้น
    แล้วความร้อนมันแผดเผาทำร่างกายให้เกิดความลำบาก เมื่อร่างกายลำบาก จิตมันก็อยู่ที่กาย
    จิตมันก็ลำบากด้วย เมื่อเวลาที่ท่านพุทธบริษัทมาคุยด้วย ในขณะที่จิตใจมันลำบาก
    การพูดอะไรก็พูดไปด้วยความลำบาก มีความอึดอัด จัดเป็นอัตตกิลมถานุโยค
    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าการปฏิบัติตนให้เป็นไปตามมัชฌิมาปฏิปทา เดิมตามสายกลาง
    ทำกันแค่พอสบาย ๆ ทีนี้เมื่อร่างกายก็ดี จิตใจก็ดี มันถูกบีบบังคับด้วยความร้อน
    ความป่วยไข้ไม่สบายปรากฏ เราจะฝ่าฝืนคำสั่งขององค์สมเด็จพระบรมสุคต เพื่อประโยชน์อะไร
    เมื่อใครชอบใจก็มา ไม่ชอบใจก็อย่ามา มันก็หมดเรื่องกันไป อยากนินทาก็นินทาไป
    ไม่เมื่อยปากก็ช่างเขา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอาตมาไม่ได้เดือดร้อนนี่ นินทา ปะสังสา
    เป็นโลกธรรมดา นี่ใกล้ ๆ กับกุฏิ เขานั่งด่านั่งว่าอยู่เป็นปกติ รอบตัว ทั้ง ๆ ที่มาสร้างให้ดินแดนนี้
    หมดประมาณเกินกว่า ๑๐ ล้านบาท จำนวนนะ ไม่ใช่ประมาณ แล้วก็ทำความเจริญให้เกิดขึ้นกับขอบเขตจังหวัดนี้
    ไม่ได้ทำแต่วัดนี้ บ่อแถวบ้านไร่ก็ไปทำให้เกินกว่า ๒๐ บ่อ ตามโครงการที่มีไว้ แล้วทำไปแล้วก็มากหลายบ่อ
    สิบบ่อกว่า แล้วเขาจะยังนั่งด่าก็ตามใจซี คนที่อยากด่าก็ด่าไป คนที่อยากชมก็ชมไป ด่าเท่าไร ถ้าอาตมาไม่เลว
    มันก็ไม่เป็นไปตามนั้น ใครชมเท่าไร ถ้าอาตมาดีไม่พอ มันก็ไม่ดีไปตามนั้น ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร
    คือว่าประโยชน์ไม่มีสำหรับอาตมา แต่ว่าประโยชน์อาจจะมีสำหรับคนด่า คนนินทา คนสรรเสริญ
    ก็เป็นเรื่องของท่าน อาตมาพอใจทั้งสองประการ ใครเขาด่าก็พอใจ ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรท่านตรัสว่า
    นัตถิ โลเก อนินทิโต ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าคนไม่ถูกนินทาเลย ไม่มีในโลก นี่ชอบใจ ถ้าถูกด่าแล้วชอบใจว่า
    พระพุทธเจ้าพูดจริงเชื่อได้ มีคนสรรเสริญก็เหมือนกัน ฟังคนสรรเสริญแล้วก็ชอบใจ ไม่ใช่ชอบใจคนสรรเสริญ
    ชอบใจพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นินทาและสรรเสริญเป็นโลกธรรมดา คือเป็นธรรมดาของคนที่เกิดมาในโลก
    จะต้องเป็นอย่างนั้น

    แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถก็เหมือนกัน
    พระบาทท้าวเธอทั้งสองพระองค์ทรงมีความลำบากเพราะบรรดาประชาราษฎร์ด้วยประการทั้งปวง
    นี่ท่านจะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จไปไหน
    ก็มีแต่ความเหนื่อยยาก สมเด็จพระราชชนนีก็เหมือนกัน พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอก็เหมือนกัน
    เป็นผู้ให้ด้วยประการทั้งปวง แต่ยังมีคนด่า แต่เขาด่านี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านจะทรงทราบ
    หรือไม่ทราบ อาตมาก็ไม่รู้ แต่อาตมาทราบเพราะได้ยินเขาด่าให้ฟัง อาตมาเป็นคนชอบฟัง
    ฟังแล้วก็ยิ้มนึกสรรเสริญในใจว่า เออคนประเภทนี้เขาดีจริง เขามีความกล้าด่าคนดี ถ้าจะพูดไปเดี๋ยวไม่จบ

    มาตอนนี้ ก็ตอนที่ถวายพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑
    ตอนนี้พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถามว่า ในพระบรมรูปนี้มีดวงเมืองด้วยใช่ไหม
    อาตมาก็ถวายพระพรว่ามี พระองค์ตรัสถามว่ามีไว้เพื่ออะไร อาตมาถวายพระพรตอบ
    แต่ตอนนี้ตอบว่ายังไงไม่บอก บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่ไม่บอกในหนังสือนี่แล้วอย่ามาถามที่วัดนะ
    ไม่บอกอีก นอกจากดวงเมืองก็มีสิ่งอื่นอีก ได้ถวายพระพรตอบพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่ามีไว้เพื่ออะไร
    อาตมาก็ถวายพระพรตอบอีกเหมือนกัน แต่รายละเอียดยังไง อาตมาไม่บอกอีก ถือเป็นความลับ
    แต่ว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า นตฺถิ โลเก รโหนาม ความลับไม่มีในโลก
    ในเมื่อความลับมันไม่มีในโลก อาตมาจะปิดไปแค่ไหนมันก็ปิดไม่อยู่ ในเมื่อปิดไม่อยู่ก็ช่างประไร
    เวลานี้ปิดไว้ก่อน ปิดไว้ยันตาย แต่ถ้าเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้จะแพร่งพรายไปจากคนอื่น ก็เป็นเรื่องของบุคคลอื่น
    อาตมาไม่เกี่ยว เพราะงานนี้ไม่ได้ทำคนเดียว ทำด้วยกันหลายคน ถามว่าจะปกปิดไว้ทำไม
    ก็ตอบได้อย่างเดียวว่าขี้เกียจบอก สบายดี ถ้าไปพูดอย่างอื่นจะซักกันอยู่นั่นแหละ มันไม่เป็นเรื่อง
    มาตอนนี้ ถ้าอาตมาจำไม่ผิด (มันไม่แน่นัก การจำนี่ เพราะว่าตอนนั้น ระวังพระสุรเสียงของพระองค์มากเกินไป)
    ถ้าจำไม่ผิดพระองค์คงจะตรัสถามว่า การกระทำอะไรทั้งหมด เนื่องด้วยพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ นี่
    แล้วก็คงจะตรัสถามอย่างนี้นะว่า ท่านว่ากันอย่างไรบ้าง เรื่องบ้านเมือง ถ้าอาตมาจำไม่ผิด ถ้าผิดก็ต้องขออภัยด้วย
    ก็บอกแล้วนี่ว่าต้องระวังพระสุรเสียงมากกว่าความจำ ในเมื่อพระองค์รับสั่งถามว่า ท่านว่ากันว่าอย่างไรบ้างเกี่ยวกับบ้านเมือง
    นี่ ดูเถอะ บรรดาท่านพุทธบริษัท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงปรารภเรื่องของพระองค์ แต่ทรงปรารภเรื่องของบ้านเมืองเป็นสำคัญ
    และการปรารภบ้านเมืองนี่ ก็เพราะว่าห่วงพสกนิกรของพระองค์ เกรงว่าบรรดาประชากรทั้งหลายจะมีความลำบาก
    เวลานี้ ภัยรอบบ้านรอบเมืองเราเข้ามาแล้ว ทั้งในบ้านในเมืองเราเต็มไปด้วยภัยอันตราย ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    จะเอาความสุขส่วนพระองค์ มันก็เป็นของไม่ยาก พระองค์ก็สละราชสมบัติไปอยู่เสียที่สวิตเซอร์แลนด์ ก็สบาย
    แต่นี่น้ำพระทัยของพระองค์ไม่ใช่อย่างนั้น พระองค์ทรงเป็นพ่อบ้านพ่อเมือง ไม่ใช่เจ้าบ้านเจ้าเมือง นี่ฟังกันให้ดี
    ถ้าเราอยากเป็นกบเลือกนายละก็ บรรดาท่านพุทธบริษัท คนทั้งหลายที่เขาตั้งลัทธิประเพณีระบบอะไรกันขึ้นมานั่น
    ดูกันก็แล้วกันว่า เราจะหาเจ้าบ้านเจ้าเมือง หรือว่าพ่อบ้านพ่อเมืองกันดีแน่ ถ้าเจ้าบ้านเจ้าเมือง เขาก็มีแต่การบังคับขู่เข็ญ

    ดูตัวอย่างประเทศเขมร ประเทศลาว ต้องกินข้าวครอบครัวหนึ่งวันละกระป๋องนมเดียว กินอิ่มไหม<O:p</O:p
    อาตมาไปชายแดนทางด้านอรัญประเทศและชายแดนจันทบุรี ทางตราด ชาวเขมรคุยให้ฟัง น่าอนาถใจ
    บรรดาท่านพุทธบริษัท แล้ววันหนึ่งเขาบังคับให้กินข้าว ๒ ครั้ง ทำงานกันตลอดวัน สำหรับพระเจ้า เขาไม่บังคับขู่เข็ญ
    แต่ว่าชาวบ้านไม่มีจะใส่บาตรให้ เวลานี้เรามีความเป็นอยู่อย่างเป็นไทย ๆ แล้วมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพ่อเมือง
    ไม่ใช่เจ้าเมือง พ่อก็คือมีความรักลูก มีความห่วงใยลูกยิ่งกว่าตัวของพ่อเอง พ่อมีความรักเราฉันใด
    น้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระราชชนนี
    บรรดาท่านพุทธบริษัทดูกันเอาเองก็แล้วกัน เวลานี้ทรงสละทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ดินถึงห้าหมื่นไร่เศษ
    เพื่อบรรดาประชากร การทำตัวอย่างที่ดีแบบนี้ เป็นเหตุให้บรรดาประชาชนผู้มีความดีสละตาม หนังสือพิมพ์เขาลงว่า
    มีคุณหญิงบุญเลื่อน เป็นต้น โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วมีใครอีกบ้าง อาตมาไม่ทราบ
    ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ทราบว่ามีอีกหลายคน การกระทำแบบนี้ท่านสาธุชนเห็นดีด้วยไหม
    ดีกว่าที่เขาจะมาแย่งเอาผืนที่ดินของเราไป แล้วรายได้ทั้งหมดตกอยู่กับรัฐบาล แล้วพวกท่านเอง
    กินข้าวครอบครัวละ ๑ กระป๋องนมต่อวัน แต่ต้องทำงานตลอดวัน ผัวและเมียจะพบกันได้ปีละสองครั้ง ดีไหม
    ทรัพย์สินทั้งหลายที่ทำได้อยู่กับรัฐทั้งหมด เอ๊ะ ความจริงนี่ก็เข้ากับกระแสพระธรรมเทศนาของสมเด็จบรมสุคต
    ที่ทรงแก้ฝันพระเจ้าปเสนทิโกศล เรื่องนี้ทิ้งไว้ก่อนดีกว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เราจะพูดกันเรื่องพระราชดำรัส
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มันก็อดมีเปรียบไม่ได้เป็นธรรมดา แต่อาตมาจะไม่ปิดว่า
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเรื่องบ้านเรื่องเมืองอย่างไรบ้าง
    คำว่า “ท่านว่ากันอย่างไรบ้าง? “ นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมามีความเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ไม่ได้ตรัสถามว่า อาตมาว่าอย่างไร คำว่า “ท่าน” นี่ต้องหมายถึงคนอื่น ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    มีพระราชดำรัสถามมาอย่างนั้น อาตมาก็ต้องตอบว่า “ท่านว่าอย่างนี้” (ไม่ใช่อาตมาว่า) ตอบว่ายังไง?
    อาตมาถวายพระพรตอบว่า ท่านว่าอย่างนี้ คือว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป บ้านเมืองจะเข้าถึงยุคเข็ญ
    ซึ่งเป็นเขตจำเป็นที่จะต้องมี เพราะเป็นกฎเกณฑ์ของประชากร แต่ทว่าบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสใคร
    ต่อเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ความยุคเข็ญทั้งหลายจะเพลาตัวลง เวลานั้นจะกล่าวว่าหมด มันก็ยังไม่หมด
    เพราะถึงแม้ว่าเราจะปราบเสี้ยน หนามศัตรูเรียบร้อยแล้วก็ตามที แต่ทว่าการจัดสรรความเป็นอยู่นี้มันยังไม่เป็นปกติ
    เราต้องนับกันเอาว่าปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ปีนั้นจะเริ่มเข้าเขตดี จะอยู่ในเกณฑ์ของความสงบ
    (แต่คำว่า “สงบ” ในที่นี้จะต้องขอขยายว่า สงบอย่างโลก ๆ นี่อาตมาพูดกับพุทธบริษัท)

    อาตมาได้ถวายพระพรตอบสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยาวอย่างนี้ เพราะทราบดีว่าพระปรีชาสามารถ
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความเข้าพระทัยในถ้อยคำที่อาตมาทูลตอบได้อย่างดี
    แต่ที่ต้องขยายความนี้ก็เพื่อ บรรดาท่านพุทธบริษัท เขียนหนังสือไปแล้ว บางทีก็ต้องขยายความไปจนมาก
    แต่ยังอดมีคนมาถามไม่ได้ บางทีเขียนไว้ตรง ๆ ไอ้สิ่งที่เขามาถาม ก็ถามตามที่เขียนไว้แล้วนั่นแหละ
    มันลืมอ่าน บางคนอ่านแล้วไม่จำ กลับมาถามอีก มันสนุกดีเหมือนกันนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท
    ทีหลังท่านมีหนังสืออ่านละก็จำกันไว้เสียบ้าง ความจำควรจะฝึกเอาไว้ เจ็บแล้วจำ จนเจียม ทำจริง นิ่งดี
    นี่เป็นพุทธภาษิต เอ๊ย ไม่ใช่ เป็นภาษิตโบราณ เจ็บจำ จนเจียม ทำจริง นิ่งดี เราฝึกความจำเข้าไว้
    อะไรที่ใครเขาทำให้เราเจ็บเราก็จำเข้าไว้ แล้วจงระวังอย่าให้เขาทำแก่เราอีก ไม่ใช่จำแล้วจองล้างจองพลาญ
    คือเขาจะทำแก่เราได้นั้น เราต้องเปิดช่องโหว่ให้เขา

    นี่สมัยหนึ่งไทยเราเคยเป็นทาสของพม่า เวลานั้นความเป็นทาส บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายยังไม่พบคำว่าเป็นทาส
    มันความทุกข์ยากลำบากเพียงใด ถ้ามองอะไรยังไม่เห็นไม่รู้ ดูตัวอย่างเขมรกับลาวในเวลานี้ก็แล้วกัน เขมรกับลาว
    ยังถือว่าเป็นอิสระ แต่สภาวะมันตกอยู่ในความเป็นทาส สมบัติเป็นของเจ้านายทั้งหมด แรงงานทั้งหมดเป็นของเจ้านายทั้งหมด
    ไม่ใช่ของเราแล้วเวลานี้ ก็มีคนเขาจะยัดเยียดความเป็นทาสให้เรา เขาจะเป็นจ้าวเป็นนาย เราจะต้องการเจ้านายหรือว่าเราต้องการพ่อ
    คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพ่อเมือง


    นี่พูดกันต่อไปถึงเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสถาม อาตมาก็ถวายพระพรตอบพระองค์ว่า
    ท่านกล่าวกันว่าปี พ.ศ. ๒๕๒๐ บ้านเมืองของเราจะตกอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เวลานี้บ้านเมืองของเราตกอยู่ในยุคเข็ญย่อมมี
    แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดูเหมือนว่าจะตรัสถามต่อไป หรือยังไงไม่ทราบ จำไม่ถนัด อาตมาจำได้ว่า
    นับตั้งแต่แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เราจะมองเห็นกันยาก แต่เราจะถือว่าเวลาที่อรุณฉายแสงขึ้นมาใหม่ ๆ
    จะมีความสว่างจ้าตามความปรารถนาของเรานั้นก็หาไม่ พอแสงสว่างค่อย ๆ ฉายขึ้นมาฉันใด
    แต่ความพอใจของเราไม่ถึงที่สุด เราก็ยังมองไม่เห็นคุณของแสงสว่าง ต่อเมื่อพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นเต็มดวง
    ฉายแสงรัศมีเต็มอัตรา แสงสว่างปรากฏต่อหน้าเราเต็มที่ฉันใด เรามีความพอใจฉันใด
    แม้แต่ความสงบเรียบร้อยของประเทศไทย ความรุ่งเรืองของประเทศไทยก็เป็นอย่างนั้น
    หมายความว่าปี พ.ศ. ๒๕๒๐ จะตกอยู่ในความสงบ ถ้าอยากจะถามว่าอาตมาทราบเรื่องนี้มาจากใคร
    ใช้ญาณพิเศษหรือเปล่า ก็ต้องขอตอบว่า เปล่า อาตมาไม่มีญาณพิเศษอะไร ก็ลิงถุงนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
    ไม่ใช่คนจะมีญาณมีฌานที่ไหนมาใช้กับเขา อาตมาก็ถือเสียงมาจากเสียงสุโขทัย เพราะเสียงสุโขทัยนี่
    พูดอะไรไว้ไม่เคยผิด เพราะอะไร เพราะว่าสมัย.... แหม อย่าทวนไปเลย ไม่ดีหรอก
    ก่อนที่บ้านเมืองจะเกิดอาการวิปริต เมื่อ สองสาม พ.ศ. ที่แล้วมา เสียงสุโขทัยก็บอกว่า
    เหตุการณ์อย่างนั้นจะปรากฏขึ้นในระยะไม่เกิน ๓ อาทิตย์ ก็ปรากฏว่า ๒ อาทิตย์เท่านั้น มันก็ปรากฏขึ้น
    แล้วมาอีกตอนหนึ่ง ตอนที่เขาเผาศพวีรชน บรรดาประชาชนทั้งหลาย มีความห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะมีข่าวว่าเขาจะฆ่าพระมหากษัตริย์ในวันนั้น
    บรรดาประชาชนทั้งหลายมาหาอาตมา อาตมาไม่ทราบจะตอบว่ายังไง ก็เลยถามทางสุโขทัย ๆ
    ท่านก็บอก บอกว่าไม่เป็นไร เหตุการณ์มันจะมีแน่ เขามีการเตรียมการกันแน่ แต่ทว่า
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถยังมีพระชะตะไม่ถึงฆาต
    ที่ใครจะปลงพระชนม์ได้ บ้านเมืองไทยยังไทอยู่ ปลอดภัย อาตมาจึงได้บอกบรรดาพสกนิกร
    ที่มีความห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถไปตามนั้น
    แต่ทว่า ปรากฏว่าวันนั้นอาตมาถูกเกณฑ์เข้าไปอยู่ในกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ แล้ววันที่ ๑๓
    ก็ไปเทศน์ที่โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ ๑๔ มานอนดู ทีวี ถ้าบังเอิญเกิดมีอะไรขึ้นกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันนั้น
    อาตมาถูกประชาทัณฑ์แน่ เอาละบรรดา ท่านพุทธบริษัท ตอนนี้ยังไม่จบ ตอนที่ ๕ ยังไม่จบ แต่ว่ากาลเวลาเฉพาะตอนหมดแล้ว
    ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทผู้รับฟังทุกท่านสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2011
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  3. Muthita_K

    Muthita_K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +113
    สาธุ ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะที่ได้อ่าน ในหลวงทรงมีน้ำพระทัยต่อพสกนิกรอย่างที่สุด
     
  4. palermomean

    palermomean สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณครับ มารออ่านอีกตอน
     
  5. skyroad

    skyroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +259
    โมทนาบุญสาธุค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญและทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ค่ะ
     
  6. oon_dee

    oon_dee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +24
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    กราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และกราบในหลวง ทรงพระเจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2011
  8. ็HEAVEN CEMETERY

    ็HEAVEN CEMETERY Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +26
    สุสานสวรรค์

    ขออนุโมทนาบุญด้วยเช่นกันครับ
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.......
    ;k07

    เชิญชม BLOG ทำบุญบริจาคโลงศพเพื่อการกุศลครับ
    >>>>>>>>>>> คลิก <<<<<<<<<<<
     
  9. Cyan

    Cyan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +54
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน รักพ่อทั้งสองมากค่ะ
     
  10. Pandhaka

    Pandhaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +458
    ขอถวายพระพรให้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจงหายจากพระอาการประชวร ทรงเจริญพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ
     
  11. oon_dee

    oon_dee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +24
  12. tick2tick

    tick2tick สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ จะรออ่านตอนต่อไปคะ:cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...