ภาพถ่ายบั้งไฟพญานาคเมื่อเปิดหน้ากล้องนานๆ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สมภพ, 1 พฤศจิกายน 2011.

  1. yordnakorn

    yordnakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +653
    ครับตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ (คิดปรามาสอยู่ในใจ) นั่งอยู่ริมโขง 3 ทุ่มกว่าก่อนกลับเลยกล่าวขอขมาในใจ พร้อมอธิษฐานว่าถ้าหากบั้งไฟพญานาคมีอยู่จริงขอให้ลูกได้เห็นเป็นบุญตาด้วยเถอะ สาธุ ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง ก็ได้เห็น 4-5 ลูก ห่างฝั่ง ประมาณ 30 -50 เมตร ต่อหน้าต่อตา พูดถึงทีไรขนลุกทุกที (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังใช้ได้จริงๆ คำนี้ขอบอก)
    ไฟที่มาจากพลุ จะมีควัน พุ่งขึ้นไปไม่สูงมาก แล้วเมื่อขึ้นไปจนสุดแล้วจะมีลักษณะย้อยตกลงแล้วหายไป
    แต่บั้งไฟพญานาค ไม่มีควัน เมื่อขึ้นไปจนสุดสูง(บางลูกขึ้นสูงเป็นสิบๆเมตร) ลูกไฟสีแดงๆจะหายวับไปจากฟ้า (ที่ผมเห็นสีแดง อมชมพู สวยงามมาก บอกไม่ถูกเกินที่จะบรรยายได้ละเอียด)
     
  2. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    ปีหน้าคุณสมภพจะไปตั้งกล้องถ่ายที่ลาวเหรอ เหอๆ

    ระวังทหารยิงกระาสุุนบังไฟพยานนาคใส่นะเออ 55555
     
  3. นานา2523

    นานา2523 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +9
    เคยเห็นบ่อยมาก เพราะอยู่ จ. ใกล้เคียง แม่เคยพาไปตั้งแต่เด็กๆ รวมๆแล้ว 5-6 ครั้ง เมื่อก่อนจะขึ้นเยอะมาก หลายร้อยลูก และขึ้นจากน้ำ 1000000% มี 2 ครั้ง ที่ผุดขึ้นต่อหน้า เลยห่างไม่กี่เมตร ตะลึง มากๆๆ เพราะใกล้ฝั่งมากๆ
     
  4. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +369
    ไม่เหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
    ทั้งแสงสี และทิศทางการพุ่ง
    ถ้าเป็นแบบที่เคยเห็นไม่เชื่อแน่ว่ายิงจากฝั่งลาว
    แสงมี ทิศทางดูรู้ว่ามาจากกลางน้ำ

    ของจริงที่เคยเห็น ไม่มีพุ่งตามแนวเอียงแบบในรูป
     
  5. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    ที่จริง ถ้าสงสัยว่าเป็นคนจากฝั่งลาวทำ ลองไปดูที่ฝั่งลาวเลยก็น่าจะ clear
     
  6. สมภพ

    สมภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    330
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +606
    รายการบางอ้อข้ามไปถ่ายจากฝั่งลาวมาแล้ว ดูกันชัดๆซิครับ(ท้ายๆเรื่อง) ว่าลูกไฟขึ้นจากผิวน้ำจริงหรือเปล่า ตามรอยพญานาค ในบางอ้อ_2 คลิป คลิปจากหมวด ข่าวและเหตุการณ์ โพสต์โดย e-DeN แหล่งรวมคลิปวีดีโอ vide

    เพิ่มเติม นาทีที่ 9:24 เป็นต้นไปครับ
    แต่อยากให้เพ่งเล็งนาทีที่ 10:09 เป็นต้นไปมากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2011
  7. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    ขอโทษนะคะ ประมาณนาทีที่เท่าไหร่คะ ที่ให้ดู รบกวนบอกนิดหนึ่งค่ะ
    เดี๋ยวตอนเย็นมาคุยด้วยอีกทีค่ะ
     
  8. BareFoot

    BareFoot สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอแนะนำวิธีพิสูจน์ง่ายๆสำหรับคนที่เชื่อว่าบั้งไฟพยานาคเกิดจากมนุษย์ทำขึ้นแล้วยิงขึ้นจากทั่ง 2 ฝั่ง คือ เอาเรือออกกลางน้ำโขงแล้วนั่งดูกลางน้ำเลยดีกว่าครับ ชัดเจนดี ไม่ต้องใช้กล้องด้วย เพราะคนที่เชื่ออย่างนี้ก็ต้องตัดประเด็นเรื่องที่บั้งไฟชึ้นกลางน้ำออกไป ไม่ต้องกลัวว่าลูกไฟจะขึ้นมาทะลุท้องเรือจริงไหม
     
  9. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    เข้าไปดูแล้วค่ะ รายการบางอ้อ
    การจะดูบั้งไฟพญานาค ต้องตาไวมาก เพราะเราจะไม่รู้ว่าบั้งไฟจะขึ้นตรงมุมไหน
    แล้วเมื่อขึ้นถึงฟ้าแล้วจะสว่างอยู่เพียง 2-3 วินาที หรือสั้นกว่านั้น แล้วจะหายวับไป
    ไม่ทราบว่าคุณนั่งดูตรงริมตลิ่งหรือป่าว เราไปดู 2 วันติดกัน
    วันแรก ดูที่น้ำเป จะนั่งดูตรงที่เป็นขั้นบันไดปูน ซึ่งห่างจากริมน้ำพอสมควร
    ภาพที่เห็นจะเห็นเฉพาะที่ขึ้นบนฟ้าแล้วหรือขึ้นจากไกลๆเหมือนที่ถ่ายคลิปกันมา
    วันที่สอง ไปดูตรงวัดตาลชุม คราวนี้นั่งริมตลิ่งเลย เป็นพื้นดิน น้ำอยู่ห่างจากตัว
    ประมาณ 3 เมตร เห็นกับตาเลยว่าลูกไฟขึ้นห่างจากตลิ่งประมาณ 5-6 เมตร
    แล้วก็ขึ้นจากน้ำห่างไปประมาณ 10 กว่าเมตร
    เราว่าจะพิจารณาจากภาพหรือวิดีโอ ไม่ได้ ควรไปดูเองด้วยตาตนเอง
    แล้วแนะนำเลยค่ะ หาที่นั่งดูที่ริมน้ำจริงๆ
    คุณๆอาจจะได้เห็นลูกไฟขึ้นจากน้ำเหมือนที่หลายๆท่านเห็นกัน
     
  10. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ประท้วงเขื่อนจีน ทำให้แม่นำ้โขงแห้ง เออ แล้วพญานาคไปอยู่ไหนหว่าชาวบ้านเดือดร้อน พญานาค เดือดร้อนไปทั่ว
     
  11. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังใช้ได้จริงๆ คำนี้ขอบอก) เห็นด้วยค่ะ
    ตอนเราไปครั้งแรก เราก็ไม่เห็น คือยังดูไม่เป็นว่าไฟแบบไหน เป็นพลุ ไฟแบบไหนเป็นบั้งไฟ ผ่านไปพักหนึ่ง ได้ยินแต่คนเฮๆๆ เราก็ดูไม่ทันเลยสักที เลยอธิษฐานขอ ขอให้ได้เห็น แล้วไม่เกิน 5 นาที ลูกไฟพุ่งขึ้นฟ้า
    อยู่ประมาณหัวเราเลย ได้เห็นสมใจ แล้วก็ได้เห็นอีกเรื่อยๆหลายสิบลูก แฟนบอกว่าเคยมีขึ้นเป็นชุดๆละ 3 ลูก4 ลูก5 ลูก พอวันรุ่งขึ้นไปดูที่วัด ก็ขออีกให้ได้เห็นเป็นชุดๆบ้าง ก็ได้เห็นจริงๆ เป็นชุดบ้าง ขึ้นพร้อมกันบ้าง แล้วก็ขึ้นตรงหน้าห่างตัวไม่มากบ้าง หลังจากวันที่ไปดูบั้งไฟพญานาค ก็อยากดูตัวเป็นๆบ้าง ก็ได้เห็นจริง ๆ พญานาคเล่นน้ำ
    ก็ลองพิจารณาดู แล้วก็ไปขอท่านชม ถ้าคุณเห็นแบบเราเห็นก็ค่อยเชื่อนะคะ
     
  12. สมภพ

    สมภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    330
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +606
    นี่ครับ คุณสมบัติของพลุฝั่งลาว คือจะมีควัน (แค่รู้ว่ามีควันแต่มองไม่เห็น) พุ่งขึ้นไปไม่สูงมาก แล้วเมื่อขึ้นไปจนสุดแล้วจะมีลักษณะย้อยตกลงมาแล้วหายไป
    คำว่า "พุ่งขึ้นไปไม่สูงมาก" นี่เท่ากับจะว่าบั้งไฟของจริงขึ้นสูงกว่านั้นนะครับ บ้างว่าแค่ยอดมะพร้าว บ้างว่าแค่ 10 เมตร บ้างว่าไม่เกินตึก 2 ชั้น
    ถ้าจะให้ขึ้นสูงกว่าพลุ อย่างงี้ก็เข้าทางบั้งไฟพญานาคเทียมอย่างที่ผมโพสๆรูปมาเลยหละครับ

    ตอนแรกคนก็เฮฮฮ ครับ แต่พอหัวมันย้อยลงคนก็โหหห ครับ (แล้วก็หัวเราะกันเอง)
    แต่เหมือนคนไม่ค่อยสนใจว่ามันจะขึ้นจากน้ำหรือไม่ สนใจเพียงดูว่ามันไม่เหมือนพลุเท่านั้นพอครับ

    ขอบคุณเว็ปพลังจิต ที่ให้เนื้อที่ในการโพสรูปขนาดใหญ่ๆได้ ผมขอนำภาพขนาดจริงมาลงแล้วกันนะครับ ส่วนภาพที่ลงๆไปแล้วเดี๋ยวก็จะนำมาลงใหม่ แบบภาพขนาดเต็มให้ได้พิจารณาแล้วกันนะครับ
    ภาพพลุลาว 18:30:40 น.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 18.30.40.jpg
      18.30.40.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      738
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2011
  13. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711
    ผมเชื่อพญานาคมีจริง

    และ เชื่อว่า ไม่เชื่อต้องลบหลู่ ด้วยเช่นกัน

    (เพื่อกำจัดพวกหากิน หลอกลวง)
     
  14. สมภพ

    สมภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    330
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +606
    ใช่ครับ พญานาคควรจัดการกับพวกแอบอ้างพญานาคหากินก่อน (ไม่ว่าร่างทรงเทียม คนทำลูกไฟ คนหลอกว่าคลื่นน้ำคือพญานาค และคนทำรอยพญานาคปลอม)

    คุณ gasnaka ครับ ยังไงมนุษย์เราประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปขึ้น ก็เพื่อนำสิ่งที่เราเห็นไปให้คนอื่นเห็นได้เช่นกัน เพราะภาพถ่ายภาพเดียวย่อมมีค่ากว่าคำบอกเล่านับร้อยครับ
    ถ้าบั้งไฟขึ้นจากน้ำจริงๆ ยังไงผมก็ต้องถ่ายได้ครับ หากมีบุญพอได้เห็น (จริงๆก็อธิฐานแล้ว)
    สถานที่ๆผมไปนั่งดูนั้น ก็ติดน้ำเลยหละครับ แบบว่า ลงทุนข้ามรั้วออกไปเลย เพราะกลัวหัวคนจะบังแม่น้ำ เลยไม่รู้ว่าลูกไฟขึ้นจากน้ำหรือเปล่า
    [​IMG]

    ขอใช้เนื้อที่ของกระทู้นี้ ลงรูปที่ลงไปแล้ว แต่เป็นรูปขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นรายละเอียดนะครับ เผื่ออนาคตไว้ใช้อ้างอิง
    18:57:24 น. ภาพแรกที่บันทึกได้ ลูกไฟขึ้นจากหลังต้นไม้ฝั่งลาว
    19:31:12 น. ลูกไฟขึ้นมากถึง 4 ลูกในภาพเดียวกัน
    19:32:18 น. มีเรือไฟเข้ามาประกอบฉาก
    19:49:42 น. เห็นจุดปะทุตรงที่ยิง
    19:50:14 น. เป็นภาพลูกไฟที่ตกโค้งลงมากที่สุด โดยผมได้ลากเส้นตรงสีขาวเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความโค้งชัดๆ ช่วยลดข้อครหาว่าเป็นแสงเลเซอร์ได้
    19:50:48 น. เห็นจุดปะทุเหมือนกัน
    19:52:44 น. ลูกไฟพุ่งขึ้นยังไม่ทันสุด แต่กล้องตัดเสียก่อน ช่วยลดข้อครหาว่าเป็นแสงเลเซอร์ได้เช่นกัน
    20:03:34 น. เป็นภาพแนวตั้งเพื่อให้เห็นว่าลูกไฟพุ่งขึ้นไปสูงมากแค่ไหน แม้มุมกล้องก็ยังกว้างไม่พอ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.6 KB
      เปิดดู:
      1,112
    • 18.57.24.jpg
      18.57.24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      635
    • 19.25.18.jpg
      19.25.18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      601
    • 19.31.12.jpg
      19.31.12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 MB
      เปิดดู:
      612
    • 19.32.18.jpg
      19.32.18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      599
    • 19.49.42.jpg
      19.49.42.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      577
    • 19.50.14.jpg
      19.50.14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      523
    • 19.50.48.jpg
      19.50.48.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      508
    • 19.51.38.jpg
      19.51.38.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      499
    • 19.52.44.jpg
      19.52.44.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      496
    • 20.03.34.jpg
      20.03.34.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      478
  15. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมเชื่อนะครับว่าบั้งไฟพญานาคเกิดจากธรรมชาติ ซึ่งอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์
    และสาเหตุที่มีน้อยลงทุกปี ก็สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการเดียวกัน

    และเห็นด้วยกับการจัดการพวกแอบอ้างทำมาหากินบนความเชื่อศรัทธาของคนอื่น
     
  16. gasnaka

    gasnaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,811
    ค่าพลัง:
    +3,974
    ยังไงก็ขอให้คุณถ่ายภาพบั้งไฟพญานาคที่ขึ้นจากน้ำได้นะคะ จะได้เห็นเหมือนที่หลายๆท่านที่เข้ามาให้ความคิดเห็น เขาได้เห็นกับตากันมา
    ปีหน้ายังมีค่ะ ขอให้ความพยายามของคุณสัมฤทธิ์ผลนะคะ
     
  17. สมภพ

    สมภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    330
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +606
    ขอใช้พื้นที่กระทู้นี้เล่าอีกด้านหนึ่งของผมแล้วกันนะครับ (มีสองด้านคือวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์)
    คือ ผมก็พอจะมีความสามารถพิเศษ ในการสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็น ผ่านกระดานอักษร เคยได้ใช้ไปสื่อสารกับพญานาคที่แม่น้ำโขงตั้งแต่ปี 51 เชิญเข้าไปอ่านได้ที่นี่นะครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sompop&month=10-2008&date=21&group=11&gblog=3
    โดยสรุปคือ พญานาคเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้ทำบั้งไฟครับ ถ้าการสื่อสารของผมเป็นเรื่องจริง บั้งไฟพญานาคคงไปตกกับ ปรากฎการณ์ธรรมชาติ หรือ มนุษย์ทำขึ้น หรือทั้งสองอย่างดังที่ปรากฎรูปถ่ายมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2011
  18. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    การไปช่วยงานครั้งนั้นทำให้เราได้เจออะไรดีๆ หลายอย่าง.. ประทับใจ
    ..มิรู้ลืม
     
  19. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    ผมเคยอยู่หนองคายประมาณ 8 ปี ครับ ได้มีโอกาสเห็นหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งที่จำได้ไม่ลืม ผมนั่งดูบั้งไฟพญานาคที่ริมตลิ่ง ริมจริง ๆ นะครับ ถ้าเหยียดขาก็จุ่มน้ำโขงเลย ยืนยันว่า ขึ้นจากน้ำจริง ขณะที่ลูกไฟขึ้นลูกแรก ผมมองไม่ทันครับ หันขึ้นไปเห็นบนฟ้าแล้ว เลยรีบก้มหน้าลงมองที่น้ำ ทีนี้เห็นจะ ๆ ผุดจากน้ำ ห่างจากตัวผมไม่เกิน 10 เมตร ยืนยันว่าของจริงมีแน่อน ขึ้นจากน้ำโขง ติด ๆ ผั่งไทยเลยครับ ลูกสีส้มแดง ปนเขียว ขนาดประมาณ ผลส้มครับ
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ขึ้นจากน้ำโขงคิดว่ามีจริง และน่าจะเป็นปฏิกิริยาของกาซชีวมวล ที่ทับถมกันอยู่ใต้ชั้นดินใต้โขง เพราะนอกจากที่โขง ตามห้วย หนอง คลอง บึง แถวอีสานเหนือ ก็มีชาวบ้านเล่าว่าเคยเห็นลูกไฟ แบบเดียวกะบั้งไฟพญานาคผุดขึ้นจากน้ำ ในตอนกลางคืนด้วย แต่ไม่ใช่วันเข้าพรรษาเป๊ะๆ

    น่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของชั้นดินแถวนั้น ที่มีการผสมผสานของอินทรีย์สาร รวมถึงสารประกอบอื่นๆ จนกลายเป็นกาซ แล้วพอเกิดการหมักหมมได้ที่ กาซก็ผุดขึ้นมา

    ลองดูทฤษฎีนี้

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คลี่ข้อสงสัยคาใจ “ไนโตรเจน” ตัวการ “บั้งไฟพญานาค” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2549 </TD><TD vAlign=center align=left>

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สสวท./ผู้จัดการออนไลน์- “เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด” วลีฮิตพร้อมทั้งภาพยนตร์เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาได้จุดกระแสความสนใจ “บั้งไฟพญานาค” ปรากฏการณ์อัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขงในวันออกพรรษาอย่างมาก

    แต่เชื่อว่าหลายคนอาจยังคงมีคำถามลึกๆ ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าเกิดจาก “พญานาค” สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อหรือน้ำมือมนุษย์หรือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งกันแน่

    ทั้งนี้ “บั้งไฟพญานาค” คือปรากฏการณ์ที่มีลูกไฟแดงอมชมพู พุ่งขึ้นจากผิวน้ำแม่น้ำโขง สู่ท้องฟ้าในวันออกพรรษาที่บริเวณเขต อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ลูกไฟที่ว่านี้เป็นลูกไฟสีแดงอมชมพู ไม่มีเสียง ไม่มีควัน ไม่มีเปลว พุ่งขึ้นตรง


    ไม่โค้งและตกลงมาแบบโปรเจกไตล์ (projectile) เหมือนลูกไฟทั่วไป โดยจะดับกลางอากาศ และสังเกตได้ง่ายแตกต่างจากลูกไฟทั่วไป ซึ่งมีความเชื่อกันว่าพญานาคเป็นผู้ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้

    ผศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี ผศ.ดร.มัลลิกา เจริญสุธาสินี และทีมงานในโครงการ GLOBE (Global Learning and Observations to Benefit the Environment) ซึ่งศึกษาวิทยาศาสตร์ระบบโลกด้านสิ่งปกคลุมดิน (Landcover) บรรยากาศ (Atmosphere) และดิน (Soil)


    จึงได้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อจะไขปริศนาของปรากฏการณ์ที่คาใจนี้ในการฝึกอบรมของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ทางกลุ่มได้มีมุมมองในการวิเคราะห์ปรากฏการณ์โดยเริ่มต้นโดยการทำความเข้าใจทางอุทกศาสตร์และภูมิศาสตร์ของสายน้ำโขง ก่อนที่จะมาดูสภาพพื้นที่ของจังหวัดหนองคาย ดูวัฎจักรไนโตรเจน


    ซึ่งเป็นวัฎจักรที่สำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่น้ำท่วมถึง สุดท้ายดูกระบวนการเกิดการเรืองแสงทางเคมีจากผลผลิตหนึ่งของวัฎจักรไนโตรเจน โดยได้ทำการตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง 2 บริเวณ คือ บริเวณหาดจอมมณีริมฝั่งโขงใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กับบริเวณหนองกอมเกาะ

    จากการศึกษาพวกเขาพบว่าน้ำจากสายน้ำโขงมีค่าความขุ่นใสต่ำกว่าหรือใสกว่าน้ำจากหนองกอมเกาะซึ่งเป็นน้ำผิวดินที่มีอนุภาคดินเหนียวลอยอยู่ แต่น้ำในน้ำโขงนั้นก็ยังคงมีขุ่นมากโดยประกอบด้วยตะกอนต่างๆ ที่พัดพามา และค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (dissolved oxygen) หรือค่า DO ของน้ำโขงดีกว่าหนองกอมเกาะ ส่วนค่าความนำไฟฟ้าในน้ำโขงเท่ากับ 273-373 mS


    ซึ่งสูงกว่าน้ำที่หนองกอมเกาะที่มีค่าเท่ากับ 100 mS และเมื่อวัดค่า pHได้ว่าน้ำโขงมีความเป็นเบสสูงกว่าของหนองกอมเกาะ โดยมีค่าประมาณ 8.4-8.5 ขณะที่ในหนองกอมเกาะวัดได้ 6.6-7.0

    นอกจากนี้ทางกลุ่มยังพบว่าน้ำในหนองคายเป็นน้ำกร่อยด้วย และได้ตรวจหาไนเตรตแต่ไม่พบ อย่างไรก็ดีพวกเขากล่าวว่าข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่ได้ในระหว่างการอบรม หากต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้จะต้องทำวิจัยกันอีกครั้ง


    พร้อมทั้งสรุปถึงสภาพน้ำที่หนองกอมเกาะว่าเป็นน้ำที่ผ่านการเกษตรกรรมจากการชลประทานจากแม่น้ำโขง ส่วนสภาพอากาศในช่วงที่ทำการศึกษานั้นมีมวลอากาศเย็นพัดมาทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ลดลงเรื่อยๆ และตรวจพบละอองอากาศค่อนข้างมาก

    ซึ่งทางกลุ่มสรุปว่ามีการเผาชีวมวลค่อนสูงทำให้เกิดละอองในอากาศเนื่องจากการพัดพาของลมและไม่มีฝนชะล้าง

    การตรวจดินก็เป็นอีกกิจกรรมที่ทางคณะได้ศึกษาซึ่งพบว่าดินในบริเวณ จ.หนองคาย เป็นดินทรายถึง 53.24% ดินทรายแป้ง 16.16% เป็นดินเหนียวอีก 30.62% และมีความเป็นลูกรังสูงทำให้จับตัวเป็นก้อนแข็งเนื่องจากมีธาตุเหล็กสูง


    ขณะที่ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมต่ำซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ต่ำ แต่ในชั้นดินพบโพแทสเซียมระดับปานกลาง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าในจังหวัดหนองคายมีปริมาณแร่โพแทสเซียมมากเป็นอันดับ 3 ของโลก

    ส่วนผลการศึกษาจากสิ่งปกคลุมดินพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ประกอบด้วยบริเวณที่อยู่อาศัยและชุมชน บริเวณน้ำจืด เป็นที่ลุ่มเป็นหนองต่างๆ กระจัดกระจายอยู่ด้านใต้ของแม่น้ำโขง จ.หนองคายมีสายน้ำโขงเป็นแหล่งน้ำหลักและมีการใช้น้ำบาดาล


    พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปกคลุม ส่วนบริเวณป่ามีส่วนน้อยและเป็นป่าที่ขึ้นทีหลัง มีขนาดไม่สูงนัก จัดในกลุ่มคล้ายป่าละเมาะแต่ขึ้นหนาแน่นมากทำให้เดินเข้าได้ยาก

    จากการวิเคราะห์พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบริเวณแห้งแล้ง พื้นที่ชุ่มน้ำทั้งตามริมฝั่งโขงนั้นและที่อื่นๆ มีกระบวนการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ดิน ตะกอน ซากพืชและสัตว์ที่น้ำโขงพามานั้นเป็นทรัพยากรอันอุดมที่จะผ่านวัฏจักรที่สำคัญๆ หลายวัฎจักร

    “ที่เราสนใจ ณ ที่นี้คือวัฎจักรไนโตรเจน” ทางกลุ่มเปิดเผยโดยในวัฏจักรไนโตรเจนซึ่งแบคทีเรียสามารถเปลี่ยนสารประกอบไนโตรเจนให้เป็นก๊าซไนโตรเจนหรือเปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนให้ให้กลับให้กลับไปอยู่ในรูปสารประกอบ ซึ่งในระหว่างกระบวนการต่างๆ นั้นมีสารประกอบที่ทางกลุ่มให้ความสนใจนั่นคือ “ไนตริกออกไซด์” (NO)


    ซึ่งนอกจากเป็นก๊าซที่เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายสังเคราะห์ขึ้นและมีบทบาทในการควบคุมความดันเลือด รวมถึงการสื่อสารกันของเซลล์ประสาทในการทำลายเชื้อโรคแล้ว ยังเป็นก๊าซที่ของนักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศสนใจ

    “เป็นสารมลภาวะที่เกิดจากการเผาไหม้รถยนต์ ปรากฏการณ์การเรืองแสงโดยเคมีของก๊าซ NO ในภาษาฟิสิกส์เราเรียกว่ามีการปลดปล่อยโฟตอนในกระบวนการระดับควอนตัม เราพบปรากฏการณ์นี้ได้ในธรรมชาติ เช่น แสงจากหิ่งห้อย แสงจากแมงกะพรุนและอื่นๆ ถ้าเกิดปรากฏการณ์นี้ในระบบชีวภาพหรือสิ่งมีชีวิต


    เราเรียกว่า “Bioluminescence” แต่ในสำหรับบั้งไฟพญานาคไม่มีการยืนยันว่าพบสิ่งมีชีวิตใดเรืองแสงในขณะที่เกิด ทำให้เราคิดว่าน่าจะเกิดจากกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า “Chemiluminescence” มากกว่าโดยน่าจะเกิดในขณะที่โมเลกุลทั้งหลายมีสถานะเป็นก๊าซตามกระบวนการต่อไปนี้”

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=285 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=285></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ในสมการ NO<SUB>2</SUB>* คือ NO<SUB>2</SUB> ที่อยู่สภาวะกระตุ้น (Excited State) และสามารถปลดปล่อยโฟตอน (hn) ที่มีความยาวคลื่น (l) ได้ตั้งแต่ 600 ถึง 3000 นาโนเมตร ความเข้มแสงในกระบวนการนี้ จะขึ้นกับความเข้มข้นของ NO

    และปกติแสงที่ได้จะมีสีแดง เราบอกได้จากความยาวคลื่นของปฏิกิริยานี้ ซึ่งบังเอิญตรงกับสีของบั้งไฟพญานาคพอดี”

    “ความประจวบเหมาะของปรากฏการณ์เรืองแสงที่ใช้ NO เป็นองค์ประกอบตั้งต้นอีกอย่างก็คือ กระบวนการนี้ต้องการโอโซน และโอโซนบนผิวโลกนั้นเกิดได้จากกระบวนการไม่กี่อย่าง เช่น ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ

    การจุดประกายไฟฟ้า การเผาไหม้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งออกมาจากเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน นั่นคือในการจุดระเบิดจะมีการจุดประกายไฟฟ้าโดยหัวเทียนซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโอโซนเป็นอย่างดี

    จึงเป็นคำอธิบายว่าปรากฏการณ์บั้งไฟสามารถเกิดขึ้นได้มากถ้าเมืองหนองคายมีการขยายตัวมากหรือมีฝนฟ้าคะนอง มีฟ้าผ่า"

    อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มเชื่อว่า กระบวนการนี้ ยังต้องขึ้นกับความเข้มข้นของก๊าซ NO เป็นหลัก หากความเข้มข้นของก๊าซ NO ไม่เพียงพอ การเรืองแสง ก็จะไม่ชัด หรือเราจะมองไม่เห็นนั้นเอง ถ้าบั้งไฟพญานาคเรืองแสง โดยกระบวนการนี้จริง ปริมาณก๊าซโอโซน ณ วันเวลาดังกล่าวจะลดลง

    ในขณะที่ก๊าซออกซิเจนจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่ชมปรากฏการณ์ดังกล่าวก็จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ขณะชมบั้งไฟเพราะปกติโอโซนบริเวณผิวโลกนั้นเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

    “ความรู้เกี่ยวกับการเรืองแสงโดยกระบวนการทางเคมีที่ให้ไว้ก็เพื่อเป็นการให้การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ โดยดึงปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมาเป็นพระเอก ถึงแม้ว่าบั้งไฟพญานาค จะเรืองแสงโดยกระบวนนี้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่

    เพราะเรายังไม่ได้ทำการพิสูจน์ และเพียงแต่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า วิทยาศาสตร์จะบอกว่าเงื่อนไขต่างๆ นั้นมาได้อย่างไร มาจากไหน วิทยาศาสตร์ ไม่ได้เป็นคำตอบของทุกอย่าง

    ดังเช่น ที่นักวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงกำลังทำให้คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้นกัน” ทางกลุ่มให้ความเห็น

    สำหรับเรื่องช่วงวันเดือนที่เกิดนั้นทางกลุ่มให้ความเห็นว่าน่าจะอธิบายโดยอาศัยความเกี่ยวพันกับฤดูกาลได้ วันขึ้น15 ค่ำเดือน 11 นั้น น่าจะมีความสัมพันธ์กับสภาวะน้ำในลำโขงนั้นเอง

    และถ้าลำโขงมีน้ำน้อยในปีนั้นๆ ตะกอนก็จะน้อย ปริมาณ NO ก็จะน้อยทำให้มองบั้งไฟได้ไม่ชัด และยิ่งถ้าลำน้ำโขงมีมลภาวะ แบคทีเรียที่อยู่ในกระบวนปลดปล่อยไนโตรเจนกลับสู่บรรยากาศ ก็จะแพ้แบคทีเรียที่ปล่อยก๊าซมลภาวะตัวอื่นๆ

    บั้งไฟก็จะไม่เกิดเช่นกัน ความสม่ำเสมอของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นมาจากการเคลื่อนที่ของระบบโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กล่าวคือเป็นผลจากดาราศาสตร์นั้นเอง

    “สำหรับแรงไทด์จากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะส่งผลให้เห็นชัดก็ต่อเมื่อมวลของคู่กรณีมีขนาดใหญ่ เช่น มวลน้ำในทะเลจีนใต้ ทะเลอันดามัน ขนาดมวลน้ำขนาดนั้น ยังยกระดับให้สูงได้เพียงขนาดเป็นเมตรเอง

    โดยสรุป บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ ที่เราสามารถนำเอามาใช้เป็นตัวจุดชนวนในการศึกษาโลกอย่างเป็นระบบ ที่มีการเชื่อมโยงกันของสิ่งปกคลุมดิน ชลศาสตร์ บรรยากาศ และดิน ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์นี้”

    ในความคิดของทีมเรานั้น บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่สุดยอดมหัศจรรย์ เกิดในสถานที่สุดยอดมหัศจรรย์ เกิดในจังหวะเวลาที่สุดยอดมหัศจรรย์ มีประวัติและความเกี่ยวพันกับสิ่งต่างๆ ที่สุดยอด

    ถึงทีมเรายังไม่เคยเห็นของจริงและไม่มีงบวิจัยให้เราไปศึกษาในรายละเอียด แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรค่าแก่การไปชม

    เป็นความภูมิใจของชาวหนองคาย เป็นสิ่งที่ทำให้เรารำลึกถึงความดีงามเมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ และควรอนุรักษ์สายน้ำนี้ไว้อย่างดีที่สุด”

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...