มีข้อสงสัยครับ

สงสัยมานานแล้วครับ
ที่สันติอโสก ถือเป็นวัดมั้ยครับ
แล้วนักบวช ถือเป็นพระมั้ยครับ
เพราะเห็นบางท่านไม่โกนคิ้ว คนละนิกาย หรือปฎิบัติธรรมเฉยๆครับ
อย่าง ท่าน พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นพระใช่มั้ยครับ

ถ้าดูแล้วเสียมารยาทแล้วก็ขออภัยนะครับ
ไม่รู้จะถามใครจริงๆครับ ช่วยตอบด้วยนะครับ

 

ผมไม่ได้รู้มากแต่มาช่วยตอบครับ ก่อนอื่นต้องพิจารณาดูก่อนว่าเหตุใด
พระจึงต้องโกรนคิ้วโกรนหัว และ ต้องทำอยู่ประจำเมื่อยาวขึ้นมาอีก
เคยทราบมาว่าพระในสมัยพุทธกาลมักมีมารมาขัดขวางการปฏิบัติธรรม
ส่งสีกามาลองใจบ้าง บางองค์ก็บวชแต่ปากพูดบ้าง จึงได้มีกฏข้อนี้ขึ้นมา
อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่า ตั้งใจไว้แน้วแน่ดีแล้วนั่นเอง
ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงไม่โกรนคิ้วกัน
พระในบางประเทศก็ไม่โกรนคิ้วด้วยเหมือนกัน รอผู้รู้มาตอบต่อครับ

 

ไม่รู้เหมือนกันดิครับ แต่พระต้องรักษาศีล227ข้อ โกนคิ้วปลงผม ....
อาจจะเป็นนักพรตบำเพ็ญตบะ ได้มั้งครับ

 

ใครทราบตอบผมหน่อยเถอครับ

 

..ในพระวินัยระบุไว้ว่า ให้โกนผม โกนหนวด(เคราด้วย) ตัดเล็บ แต่ไม่ระบุ
ว่าให้โกนคิ้วนะครับ... แถมคิ้วนั้นยังมีประโยชน์อยู่ด้วย ช่วยกันเหงื่อไคลที่
จะไหลเข้าตา...พระพม่าก็ยังคงไม่โกนคิ้ว..แต่พระเฉพาะประเทศไทยโกนครับ
สาเหตุที่โกนก็เนื่องมาแต่สงครามสมัยอยุธยานั่นแหละ...เพราะมีพระพม่า
ปลอมตัวมาสืบข่าวอยู่ในกรุง...กษัตริย็สมัยนั้นจึงเรียกประชุมพระสังฆราชา
เพื่อปรึกษาและแก้ไขปัญหานี้ เลยกำหนดให้พระที่อยู่ในกรุงศรีฯนั้นโกนคิ้ว
เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นพระไทย ส่วนพม่าที่ปลอมตัวมาเป็นพระ ไม่รู้ความก็ยังไม่
โกน.....ก็ถูกจับตัว สอบสวน อะไรอย่างเนี้ย
....ทิดหนึ่งได้ยินมาอย่างนี้ครับ
....ก็นำมาเล่าให้ฟ้ง ผู้ที่รู้จริง ๆ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

 

*** ปรุงแต่ง ภายนอก ภายใน (พระ) ****

ภายนอก...เป็นไปเพื่อแสดงตน ....เป็นผู้แสวงหา "หลักสัจจะธรรม"...ละทิ้งพันธนาการทั้งปวง...จากวัตถุ ความเชื่อ ....มุ่งปฏิบัติเพื่อให้จิตวิญญาณของตนหมดกิเลสทั้งปวง

ภายใน....มีจิตใจมุ่งหลุดพ้น จากทุกสิ่งที่ผูกพัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เอาอย่างงี้แล้วกันนะครับ

1. ตัวโพธิรักษ์ ทางมส.ได้ลงมติไปแล้วว่าไม่ใช่พระสงฆ์ในพรบ. สงฆ์ เนื่องจากรูปแบบเนื้อหา และที่สำคัญหากเป็นสงฆ์จริงก็ต้องอาบัติปาราชิก ข้อหาอวดอุตริมนุษธรรม ที่อ้างว่าตนเองเป็นเป็นพระสารีบุตรมาเกิด ฉะนั้นนักบวชของโพธิรักษ์ก็ไม่ได้เป็นพระสงฆ์ไปด้วยเช่นกัน

2. เนื่องจากสันติอโศกมีกำลังผู้คนจำนวนหนึ่งที่ยังศรัทธาอยู่ในคำสอน และจากการที่นำเศรษฐกิจพอเพียงรุ่นแรกๆ มาใช้ดำเนินชีวิต จึงได้สาวกมาเป็นกำลัง อีกทั้งยังมีมหาจำลองเป็นหัวหอกอีกต่างหาก เลยสามารถตั้งตัวเป็นอิสระโดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง แล้วสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง

3. ในส่วนตัวไม่ศรัทธาในเรื่องคำสอนและวัตร แต่สังคมการรวมกลุ่ม การอยู่ร่วมกัน นับว่าน่าเป็นแบบอย่างของชีวิตคนไทยส่วนใหญ่ในชนบท เพราะมีความเข้มแข็งในการรวมกลุ่มและดำเนินชีวิตไปในทางเดียวกันอย่างถูกต้อง

จึงขอยกเอาคำสอนของหลวงปู่ดู่มาเป็นเครื่องชี้วัดว่า "คนเราคงไม่มีใครดีที่สุดเสมอไป แต่ควรเอาสิ่งดีๆของเขามาพิจารณา"

 

เหตุที่มหายานไม่โกนคิ้ว

เพราะในสมัยพระพุทธกาล พระพุทธองค์มิได้ทรงปลงคิ้ว
ทรงกระทำเพียงปลงผมเท่านั้น แต่ทางเถรวาทบอกว่าไม่ได้ต้องโกนหมด?

 

คุณ Nirvana ครับ อยากทราบต่อว่า
เพราะเหตุใด ภาพของพระพุทธเจ้าจึงดูเหมือนมิได้ปลงผมครับ
หรือว่า พระองค์จะทรงมิได้ปลงผมจริงๆครับ

 

ตอบคุณ จันทร์เจ้า

ขอตอบแบบอ่านมาอีกกระทู้นะครับ จำไม่ได้แล้วนานเหมือนกัน
ในกระทู้นั้นบอกว่า พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ปลงพระเกศา เหมือนพระรูปอื่น
เหตุที่พระพุทธรูปหรือรูปของพระองค์ไม่ปลงพระเกศานั้น ก็เพื่อบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างพระองค์กับพระสาวกองค์อื่นๆครับ

 

ตอบ คุณจันทร์เจ้า

ผมไม่เคยเห็นองค์จริงของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า จึงไม่สามารถตอบปัญหาของคุณได้[Embarrass

แต่ผมเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยเลยว่า หากผู้ใดที่บัญญัติสิกขาและธรรมในพระไตรปิฏกที่สังคายนามาแล้ว ผู้นั้นเป็น "สัมมา สัมพุทธะ"

ซึ่งพระไตรปิฏกนี้ ผมได้เห็นด้วยตา พิจารณาแล้ว จึงนอบน้อมและขอเป็นที่พึ่งที่สุดแห่งชีวิต

บุคคลใดจะปลงผม โกนคิ้วหรือไม่ หากรู้ธรรม ปฏิบัติประพฤติตามมรรค ๘ ก็ย่อม มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุ มรรคผลได้เช่นกัน ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบ

ซึ่งการที่บรรลุธรรม นั้น เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

ส่วนข้อบัญญัติสิกขา พระวินัยนั้น ตามความเห็นก็คือ ต้องการให้แยกแยะ บรรพชิตออกจากปุถุชนอย่างเด็ดขาดด้วยเห็นผลใหญ่ๆ 2 ประการ

1. เพื่อแยก "พระ" ออกจาก "อลัชชี" ผู้ปลอมบวชเข้ามา อย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีอลัชชีจำนวนมากปลอมบวชในพระพุทธศาสนา เพราะเห็นได้ว่าสงฆ์สาวก ได้รับ ลาภสักการเป็นอันมาก จึงสวมรอยเข้ามาเบียดบัง ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่
2. เพื่อป้องกันไม่ให้ "พระนอกรีต" ออกไปมั่วกับอาจม เพราะยังมีพระดังกล่าว ถอดจีวร ใส่วิก ออกไปเที่ยวกลางคืน มั่วสีกาอยู่เป็นอันมาก หากสาธุชนเห็นคนที่ไม่มีคิ้วออกมาเที่ยวกลางคืน ย่อมพิจารณาได้ว่าเป็นพระนอกรีต จะได้ไปแจ้งแก่พระวินัยธรรมธร จัดการเสีย

ท่านผู้เจริญพึงสดับและพิจารณา

 

ตอบคุณจันทร์เจ้า

พระพุทธองค์มิได้โกนผม ทรงกระทำเพียง "ปลงผม" คือ ตัดออกบางส่วน
ไม่มีมีดโกนมาด้วยนะครับตอนนั้นท่านรีบขึ้นม้าหนีมา เลยไม่ได้เตรียม พอดี
กษัตริย์สมัยก่อนพกพระขันธ์ประจำตัว เลยเอาพระขันธ์ตัดพอเป็นพิธี ให้คน
จำไม่ได้ซะงั้น ตอนไปแก้ผ้าอยู่สำนัก โยคี ผมก็ยาวออกมาปรกๆ เหมือนโยคี
ทั่วไปไม่น่าเกลียด คนเลยจำพระองค์ไม่ได้ แหม ไม่งั้น ท่านพ่อก็ตามมาเจอน่ะซี

ใช่ไหมท่านฉันนะผู้เป็นพยาน

แต่ประเพณีคนไทยนี่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ตัดให้เรียบร้อยไปเลย เช่นนี้
พระพุทธองค์จึงทรงยังมีผมอยู่หลังจากการตัดครั้งแรก ส่วนอรหันตสาวก
ก็ปลงผมโดนโกนเกลี้ยงในภาวะที่เลือกได้เพราะไม่ต้องหนีพ่อมาบวช

เป็นประเพณีมาถึงกาลปัจจุบัน...

 

ภาพของพระพุทธเจ้าที่ผมกล่าวถึงคือภาพหลังจากที่พระองค์ทรงเผยแผ่ศาสนาแล้วน่ะครับ เข้าใจว่าช่วงนั้น
น่าจะมีลูกศิษย์มาถวายมีดโกรนให้พระองค์ทรงใช้หลังจากที่กฎเรื่องการปลงผมถูกบัญญัติใช้แล้วอยู่บ้างครับ
พอเห็นคำตอบนี้แล้ว ทำให้นึกได้ว่าตัวผมยังทราบประวัติของพระพุทธเจ้าก่อนพระองค์ทรงตรัสรู้น้อยอยู่เลย
ขอบคุณครับ