" ประสบการณ์จริง ที่ผ่านมา และเพื่อน ร่วมธรรม ของ แม่นางมณีน้อย"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ฝันนิมิต, 22 ตุลาคม 2011.

  1. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " สวัสดีคะ"

    เรื่องที่จะเล่า ต่อไปนี้ เป็น เรื่องจริง ของพี่ๆ น้องๆ ญาติธรรมของแม่นางมณีน้อยเองคะ

    ทุกท่านล้วนผ่านประสบณ์ จริง และ มณีน้อยเองได้ขออนุญาติ

    เจ้าของเรื่องมาเล่า ให้ ทุกท่านได้ อ่านกัน แต่มีบางเรื่องที่ต้องใช้นามสมมุติ เพราะเป็น เรื่องที่บางท่านไม่อยากจะเอ่ยนามคะ

    ขอกุศล ในการ ให้ นี้ เป็น ธรรมทาน เพื่อ ให้คนที่ อ่านได้ เข้า ใจ อย่าง



    แท้จริงว่า

    " กรรมมีจริง บุญมีจริง "



    อนุโมทนาสาธุคะ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2011
  2. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    เรื่อง " กรรมมีจริง บุญมีจริง "


    สวัสดีคะ เรื่องราวนี้ เป็น เรื่องราว ของพี่เอม
    เมื่อครั้งที่พี่เอมได้มาเจอกับ มณีน้อยนั้น
    พี่ท่านได้เล่าให้ฟังว่า

    " เมื่อครั้งก่อนนั้น มีแต่ความทุกใจมากที่สุด
    และโดนเอาเปรียบเสมอ ไม่ว่าจะเพื่อน หรือสามีเอง
    ทุกคนในแวดวงนั้น
    มีแต่คนไม่ค่อยที่จะจริงใจกับเราเลย"

    มณีเองได้เจอพี่เอมที่วัดไทยในฟินแลนด์
    เพราะช่วงนั้น มณีเองได้ ไปปฎิบัติธรรมบ่อย
    จนเจอพี่เค้าครั้งแรก

    ครั้งแรกที่เจอ ด้วยเป็นคน ชั่งสังเกตจึงเห็นถึงความทุกข์พี่เค้า
    และความกังวลใจ จึงถามและได้ความว่า

    พี่เอมเองนั้นเคยทำแท้งมา และในระหว่างทำแท้งมา
    จน ถึง ๑๐ ปี ไม่เคยนึกถึงลูกเลย เมื่อเวลาทำบุญ
    ก็ไม่เคยให้เค้าเลย ไม่เคยแม้จะนึกถึง

    มณีเลย แนะนำไปว่า

    ให้สวดมนต์บ่อยๆ และระหว่างสวดมนต์นั้น
    นึกถึงลูก ให้มากๆ ให้เค้าได้มาร่วมสวดมนต์
    ด้วยเสมอ มั่น สร้างทาน เป็นกุศล และ มีเวลา
    ก็ นั่งสมาธิ

    ด้วยความตั่งมั่นของพี่เอม เอง
    ในแต่ละครั้ง เราจะ คุยกันตลอดเวลา ในเรื่องการ ปฎิบัติ

    พี่เอม ทำได้ดีเสมอ และ ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่เอมได้เล่าให้ฟังว่า

    "ตั้งแต่ทำตามที่หนูสาบอก ทุกอย่างเริ่ม ดูดีขึ้น
    พี่เอง นั้น เวลาทำอะไรก็ตาม พี่จะนึกถึงลูกที่พี่เคยทำแท้ง
    พี่อยากแก้ไขสิ่งที่พี่ทำผิด ทุกครั้งที่พี่ทำกุศล พี่จะนึกถึงเค้าเสมอมา
    พี่เข้าใจแล้วว่า เค้าทรมาน แบบไหน ชีวิตพี่ หลังจากทำแท้งมา
    มีแต่ เรื่องเลวร้าย
    และตั้ง แต่ พี่ เข้ามาปฎิบัติธรรม
    ตามที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านแนะนำ และหลวงพ่อจรัญ ที่พี่เคารพ พี่เชื่อ อย่างเต็มใจเลยว่า
    "กรรมมีจริง บุญมีจริง"

    หลังจากที่คุยกันเสร็จ พี่เอมก็ เล่า เรื่อง ต่างๆ
    ที่พี่เค้า ประสบณ์ ระหว่างปฎิบัติ ธรรม

    " คิดดี ทำดี พูดดี"

    เป็นสิ่งที่พี่เอม ได้ ทำอยู่ตลอดเวลา และจะทำไปทั้งชีวิต

    เมื่อครั้ง ก่อนนั้น พี่เอมเป็นคนใจร้อนมาก เจ้าอารมณ์
    และ เป็นคนที่ตรง จนเกิดเรื่องเสมอ

    แต่เมื่อครั้งที่หันหน้ามาทางธรรม พี่เอมเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
    ไม่ว่าจะเรื่องอารมณ์ การวางใจ หรือ ปล่อยวาง
    พี่เอม ทำได้ดีกว่าเดิมมาก ถึงมากที่สุด และน่าดีใจที่สุดคือ

    สิ่งที่มณีเองเคย บอกเสมอๆมานั้น พี่เอมเอง ทำได้ดี มาก
    ถึงมากที่สุดเลยทีเดียว

    พี่เอมเคยเล่า เรื่องที่ตนเองนั้น รู้เห็นสิ่งแปลกๆ
    หลังจากที่ปฎิบัติธรรมว่า

    " ช่วงนี้ พี่เองนั้นมีอะไรแปลกๆบ่อย เช่นว่า จะนึก ว่า ถ้าไป ที่ไหน
    แล้วไม่ดี รุ้สึกแย่ จะออกจากที่นั้น ทันที แล้วปรากฎว่า
    ที่ๆนั้น เกิดเรื่องขึ้น เหมือนมีอะไรมาดลใจ ให้เรานั้นไม่ไป
    ไม่เอา สิ่งๆนั้นเสมอมา และเรื่องที่เราโดน ไม่ว่าจะคันตัว ปวดท้อง
    ก็ จะนึกได้ขึ้นมาทันทีว่า อ่าวเราเคยทำแบบนี้ มานี้ เช่น ที่พี่คันตัว
    พี่เอง เคย เอาไม้ไปตี คางคก ให้ยางมันออก ตีมันจนเป็นแผล
    และ ตอนนี้พี่เองคันตัวมากๆ เลยนึกถึงว่า เราเคยตีคางคกมานี้เอง
    พี่เลยสวดมนต์ แผ่เมตตาบ่อยๆ แผ่ให้ เจ้าคางคกที่พี่เคยทำมัน
    มันคงจะโกรธพี่มาก แต่ไม่เป็นไร
    พี่ยอมรับ เพราะพี่ทำมันจริงๆ"

    ฟังแล้ว น่าดีใจ ที่พี่เอมได้ยอมรับในสิ่งที่ทำ
    แต่ไม่ยอมแพ้ในชะตากรรม แต่กลับสู้ โดย
    สร้างกุศลแผ่เมตตาโดยไม่เคยท้อแท้เลย

    ขออนุโมทนากับพี่เอมด้วยคะ

    ท้ายสุดพี่เอมได้บอกกับมณีว่า

    "ถ้าพี่เลือกได้ พี่จะย้อนไป กลับไปตอนที่พี่จะทำแท้ง
    พี่จะไม่ทำแท้งเค้าเด็ดขาดเพราะมันไม่ดีเลยการฆ่าชีวิตเค้า
    และพี่รู้แล้วว่า
    "พระธรรม คำสอนที่พระท่านสอน มันดีแบบนี้นี้เอง มันมีความสุขแบบนี้นี้เอง "

    อนุโมทนาสาธุคะ

    ขอบคุณเรื่อราวบางส่วน ที่พี่เอมได้แบ่งปันให้ได้รับรู้
    ถึง ดวงตาที่เห็นธรรมของพี่เอม คะ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2011
  3. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " ตามขอบุญ "
    เรื่องราวนี้เป็นเรื่อราวของน้องแตง
    ที่มณีเองเคยรู้จักน้องเค้ามานาน
    ตั้งแต่ที่มณีเองนั้นเริ่มปฎิบัติ นั่งสมาธิ แรกๆ
    มณีเองเห็น บางสิ่งที่ น่าสนใจในตัวน้องเค้า
    พยามที่จะชวนน้องเค้ามาปฎิบัติธรรม
    ด้วยความที่อายุยังน้อย
    และเป็นเด็ก ที่โตที่ต่างประเทศ
    เค้าจึงไม่ค่อยที่จะสนใจเราเท่าไร
    จึงมีคุยกันบ้าง แต่ไม่มากนัก

    หลังจากนั้น ก็ ปี หนึ่ง ก็ได้มาคุยกันอีกครั้ง
    ก็เริ่มมากขึ้นนิดๆเรื่อง สิ่งที่มองไม่เห็น
    คือเรื่อง "วิญญาณ" เคยเล่าประสบณ์ของตนเองที่เคยเจอให้น้องเค้าฟัง
    แต่ก็ไม่ได้ผล

    จนมาครั้งล่าสุด เราได้คุยกันมากขึ้น
    และได้รู้เรื่องราวของน้องเค้าว่า

    " หนูเองเห็น ไม่รุ้ว่าเรื่องว่าผีมั้ยนะ แต่ คนที่เค้าตายแล้วอะ เห็นบ่อยมาก บางครั้งมายืนต่อหน้าเลยก็มี หนูไม่กลัวนะ แต่รำคราญ และก็เบื่อมาก เลย ไม่รุ้จะทำไง มาบ่อย จน บางครั้งก็หลอนเลย ทำไงดีอะ"

    มณีเองเลยแนะนำเรื่องสวดมนต์นั่งสมาธิให้น้องแตงไป
    ครั้งแรกๆน้องเค้าไม่เอา เพราะยังไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
    โดยพื้นฐานของเด็กรุ่นใหม่
    เราจึงใช้ความสามารถ ในการเดา
    ให้น้องเค้า เริ่ม อุ่นใจว่า
    เอ่อ มันจริงนะ

    และบ่อยครั้ง น้องเค้าก็ยัง ไม่มาทางนี้สักเท่าไร
    ก็ยังที่จะติดนิสัยเด็กๆอยู่ จึงให้ เสียงอ่านเรื่อง
    " แว่วเสียงสวรรค์ "
    เนื่อหาเล่าถึงภพภูมิของวิญญาณ หลังจากนั้นมา เค้าจึงเริ่มที่อยากจะให้ "บุญ " กับสิ่งที่เรียกว่า
    "วิญญาณ" เค้าจึงมาถามมณีว่าจะทำยังไงได้บ้าง มณีเลยให้ บทสวดมนต์ พระมหาจักรพรรษดิ์ น้องเค้าไป ในบทสวดนั้นจะมีบอกสวด ตามกำลังวัน
    ในแต่ละวัน จะสวดไม่เท่ากัน
    หลังจากนั้น น้องเค้าก็สวด ได้บ่อยขึ้น
    และ ได้ดีขึ้นทุกวัน
    และน้องได้ถาม มณีว่า

    " พี่เราสวดมนต์และ แผ่เมตตาไปแบบนี้ เค้าจะได้เปล่าอะ แล้ว จะมีมาอีกปะ จะได้ให้ไป ให้หมด "

    ฟังดูแล้ว น้องแตงคงจะ
    เริ่ม รู้สึกปิติบ้างละที่ได้ให้ แบบนั้น
    และไม่นาน มณีได้ บูชาพระ มาให้น้องเค้าได้สวดมนต์

    อนุโมทนาสาธุกับน้องเค้า
    ที่อายุยังน้อย และเป็นเด็กต่างประเทศ
    ที่มั่นสวดมนต์ แผ่เมตตาให้ ภพภูมิที่
    คนธรรมดา อย่างเราๆมองไม่เห็น
    และไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ แต่น้องเค้านั้น รู้
    และทำได้ดีมาตลอดเวลา

    ขออนุโมทนาสาธุกับน้องแตงด้วยคะ

    [​IMG]
     
  4. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " ร่างสื่อ"

    เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพี่ตุ๊ก
    ครั้งที่มณีเจอพี่เค้าครั้งแรก
    ที่วัดในประเทศฟินแลนด์เช่นกันคะเมื่อวันที่มณีได้ไปถือสัจจะ ๓ วัน
    อยู่ๆพี่เค้าเดินเค้ามาถาม อยากจะมาบวชมาก
    ครั้งแรกมณีเองก็ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเราอยู่ในชุดขาว
    พี่เค้าถามถึงเรื่องการมาบวช
    แต่มีพี่เอมนั้นได้เล่าว่ามาแบบไหน อย่างไร
    แล้วพี่เค้าก็ไปนั่งข้างนอก
    มีพี่สาวอีกท่านที่มีลูกน้อย มานั่งเล่าเหตุการถึงพี่ตุ๊ก มณีเองก็ไม่ได้สนใจอีก
    ก็มานั่งเล่นข้างในห้อง อยู่ พี่เค้าวิ่งเค้ามา
    ตัวสั่นไปหมด จะพยาม ตะโกนเสียงดัง
    เหมือนคุมร่างกายไม่ได้ มณี เห็นทีแรกก็นึกในใจว่า

    "เอาแล้วมั้ยละ งานเข้าแระ"

    เลยให้พี่เอมปิดประตูห้อง และได้ ช้วยทำการสือให้
    และได้ บอกไปว่า หากทำแบบนี้ในทาง โลกๆนั้น เค้ามองว่าเราบ้าแน่ๆ ให้ ทำตนให้เป้นปกติที่สุด

    แล้วร่างที่สั่น เหมือนควบคุมไม่ได้ก็หยุดลง
    แล้วพี่เค้าได้เล่าให้ฟังว่า

    "พี่เป็นแบบนี้ ตั้งแต่ ขึ้นมาจากไทย หลังจากไปบวชชีพรามณ์ ที่วัดแห่งหนึ่ง
    ตอนที่พี่ปฎิบัติอยู่ พี่ได้ทำเสียง และท่าทาง บอกว่าเป็น ............
    และ ก็พี่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย พี่เป็นบ่อยมาก
    และเมื่อออกไปนอกบ้านใจจะสั่น และ ก็ ควบคุมไม่ค่อยได้ ทรมาน
    เพราะเวลา สั่น มันจะเหนื่อยและปวดมากตามร่างกาย"

    มณีเองเลยแนะนำให้พี่เค้า ติดต่อมณีไว้โดยคุยทางเฟรช
    และมือถือ เน้น ให้ สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ให้ได้บ่อยที่สุด พยาม คุมตนเองให้ได้
    และทำตนเองให้เป็นปกติ มณี ให้กำลังใจ
    และสอน การควบคุมใจ ให้พี่เค้า มาตลอด
    จนพี่เค้า เริ่มที่จะ เข้าที่ เข้าทาง และมณีเองได้ชวนเค้ากลุ่มนั่งสมาธิ
    โดยมีคุณลุง นริน คอยช้วย อีกแรง

    มณีจึงได้คำตอบจากตัวพี่เค้าว่า

    "คนที่จิตใจงาม สะอาดทั้งกาย และใจนั้น เทพ เทวดา สิ่งศักดิ็สิทนั้น
    ต้องการที่จะมาขอ มาร่วมสร้างกุศลด้วยทั้งสิ้น
    และพี่เค้าเองนั้น มี จิตใจที่ค่อนข้างตั้งมั่นมาก ถึงมากที่สุด
    และในช่วงเวลาไม่นาน พี่เค้านั้น ควบคุมตนเองได้
    และ มีสมาธิ ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว"

    ขออนุโมทนาสาธุกับพี่ตุ๊กด้วย

    ที่ใช้ความ มั่นคง ตั่งมั่น ในการ บำเพ็ญกุศล
    โดยการสวดมนต์ภาวนา และสมาธิ สมาทานศีล
    แผ่กุศล อย่างต่อเนื่อง

    จนให้อาการที่ มณีเองเรียกว่า
    " ร่างสือ"
    นั้น ได้ ควบคุมได้ และ ได้อย่างปกติ เพราะ
    คนเรานั้นมีหลายแง่มุมนัก คนที่เข้าใจก็ดีไป คนที่ไม่เข้าใจ
    ก็แย่ไป ฉนั้น ให้เราอยู่ในระดับ กลางๆของเราดีกว่า
    มณีได้ สอน พี่เค้าว่า

    " ให้วางใจเป็นกลางเสมอๆ อย่า ชอบไป
    อย่าเกลียดไป กลางๆ เฉยๆ อิทธิฤทนั้นไม่ได้มีประโยชน์ต่อเรา
    สิ่งที่สมควรเอาคือ สติ และ ปัญญาเท่านั้น "

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2011
  5. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    "เกลียดพ่อ"

    [​IMG]



    ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ของ บุคคล
    ที่กล่าวจาบจ้วงพ่่อหลวง ของแผ่นดินเมื่อครั้งที่มณีได้สร้างพระสมเด็จองค์ปฐมเพื่อ
    ถวายพระมหากุศลแด่องค์พระเจ้าแผ่นดิน
    คราวนั้นได้ บอกบุญกับหลายๆท่าน
    จนได้สัมเร็จไปได้อย่างราบรื่น
    ช่วงที่กำลังบอกบุญนั้น พี่เอมได้ช้วยมณีบอกบุญ
    ด้วย เพราะอยากให้พระที่สร้างนั้นได้เสร็จตามเป้าหมายที่กำหนด
    และมีอยู่ครั้งหนึ่ง
    พี่เมได้เล่าเรื่องที่ มณีเอง ฟังแล้วถึงกับขนหัวลุกว่า


    "หนูสา พี่ได้ชวนพี่คนหนึ่ง ตอนแรกเค้าจะร่วมบุญสร้างพระกับเราด้วย
    พอเค้าถามพี่ว่า สร้างแบบไหน พี่เลยบอกเค้าว่า
    สร้างถวายพระมหากุศลแด่พ่อหลวง เค้าบอกไม่ทำด้วยทันทีเลย
    พี่เลยถามเค้าว่า ทำไมละ เค้าตอบพี่ว่า
    เค้าเกลียดพ่อหลวง เกลียดราชวงค์ พวกนี้ ไม่ทำอะไร
    และนิสัยไม่ดี พี่ฟังแล้ว พี่เลยหยุดเลย เพราะพี่จำคำที่หนูสาบอกว่า
    อย่าไปพูดจาบจ้วงพ่อหลวง บาปตกนรกเลยทีเดียว
    เพราะพระองค์ท่านนั้น สูงที่สุดแล้ว"

    หลังจากฟังคำที่พี่เมเล่าจบ มณีเอง ขนหัวลุกทันที
    นึกกลัวแทนคนนั้นว่า เค้าได้สร้างกรรม
    อันใหญ่หลวงเข้าแล้ว

    หลังจากสร้างพระเสร็จไม่นาน พี่เมก็มาเล่า
    เรื่อง ของพี่ท่านนี้ให้ฟังอีกครั้งว่า


    "หนูสาจำได้มั้ยคะ ที่พี่เล่าเรื่องที่เค้า
    เกลียดพ่อหลวงอะคะ เชื่อมั้ยคะ กรรม ตามเร็วมากเลยละ
    จากที่เค้า มีเงิน มีธุระกิจ ครอบครัวมีความสุข ตอนนี้
    ทุกอย่าง ล่ม สลายไปกับตาเลยคะ แล้วก็ป่วยมากด้วย
    น่ากลัวอะคะ หนูสา กรรมนี้เร็วมากเลย ยิ่ง กรรมที่
    จาบจ้วงพระเจ้าแผ่นดินด้วย ยิ่งหนักเลย
    ไม่น่าเลยเนาะ หนูสา "


    หลังจากฟังเรื่องที่พี่เมเล่าให้ฟัง
    ก็ทำให้เรานึกถึงสคิปหนึ่ง ที่เค้า มาเล่าถึงการที่เค้า
    พูดจา จาบจ้วง พระเจ้าแผ่นดิน
    เค้า มีโรคประจำตัวที่ไม่หาย ตกงาน มีหนี้สิน
    เยอะมากที่สุด ทำอะไรก็ไม่ดีขึ้น หลังจากที่เค้าได้ไปปฎิบัติธรรม
    มี อ.ท่านหนึ่งได้บอกว่า
    กรรมที่เคยจาบจ้วงพระเจ้าแผ่นดิน จึงทำให้ชีวิต
    ล่มสลาย หลังจากนั้น ผู้ ญ คนนี้ จึง ปฎิบัติธรรม
    กราบขอมากรรม กับพระฉายาลักษณ์ของพระอวค์ท่าน บ่อยครั้ง
    เข้า จากที่ตกงาน
    มีหนี้สิน ก็ ได้งานที่ดีทำ หนี้สิน
    ก็ เริ่ม เคลียได้ อาการป่วยที่ผอมจนกินอะไรไม่ได้ ก็ดีขึ้น
    อย่างเห็นได้ชัด

    มณีเองเลยมาย้อนดู พี่ท่านที่พี่เมเล่าให้ฟังนี้
    คงจะแบบเดียวกันเป็นแน่ กรรมที่จาบจ้วงพระเจ้าแผ่นดิน
    และเค้าก็ยังไม่รู้ตัวอีกด้วย
    ว่า ทำอะไรไปนี้ละ เนาะคนเรา

    ขอกุศลที่ ได้นำเรื่องราวพี่เค้า มาเผยแผ่นี้
    ขอให้พี่เค้าหลุดจากบ่วงกรรมได้เร็วๆคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2011
  6. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " กินเจ "

    [​IMG]


    เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ พัด
    พี่สาวใจดี อารมณ์ดี เมื่อครั้งที่มณีได้ไปปฎิบัติธรรมที่วัด
    ได้เจอพี่เค้า คร้้งแรกที่เห็นนั้น
    พี่เค้า ใส ทั้ง ตัว จนเราดู แล้ว สะอาดตามากๆ
    แต่มณีก็ไม่คิดอะไรมาก ด้วยความเป็นคนที่ช่างสังเกต
    จึงมองดู ในตัวพี่เค้า เห็นบางอย่างที่น่าสนใจ
    แต่เราไม่กล้าที่จะพูด

    ด้วยความที่พี่เค้าเป็นคนที่อารมณ์ดี
    วางใจได้ใส เหมือนกระจกอยู่ตลอดเวลา
    เราจึงได้ถามพี่เค้าว่า


    " พี่ปฎิบัติธรรม มานานยังคะ "

    พี่เค้าตอบมาว่า เค้า นั่งสมาธิ มานาน
    ได้มี ครูบา ช้วยแนะนำสมาธิให้เสมอๆ
    จนถึงบาง ออ ว่า พี่เค้านั้นได้ทำอย่างสม่ำเสมอ มาดีจริงๆ
    ผิดจากเรา ที่ทำทีเล่นที่จริง
    ไม่ได้อย่างพี่เค้าเลย

    ช่วง ฉันเช้า ของหลวงพ่อที่วัดประเทศฟินแลนด์
    อาหารที่เสริฟนั้น เป็นเมนูประเภท เนื้อ สะส่วนมาก
    แล้วไปสะดุจเอาเมนูผัก ผัดผัก ที่ไม่มีอะไรเลย
    จึงถามว่า ของใคร พี่ๆแม่ขาวจึงบอกว่า
    ของแม่ชีพัด
    เลยรู้จากปากพี่เค้าว่า

    " พี่ไม่กินเนื้อ พี่กินแต่ผัก กินไม่ได้นิ มันเหม็น ( สำเนียงใต้) "

    และก็ได้คำตอบ จาก ตัวพี่เค้า ว่า
    พี่เค้านั้น ไม่ทานเนื้อเลย จึงทำให้ดู เนื้อตัวเค้า
    สะอาด และใสมาก ใสข้างนอก และใสข้างใน
    เพราะพี่เค้าได้ปฎิบัติสมาธิมาดี บวก ไม่เบียดเบียนสัตว์
    ไม่กินเนื้อสัตว์เลย เป็นสิ่งที่ สุดยอดจริงๆ

    คนที่กินแต่ผักนั้น สุขภาพระบบต่างๆในร่างกาย
    จะ สะอาดไม่มีกลิ่น อารมณ์แจ่มใส
    เพราะ ปฎิบัติ ความดี จึงได้ครบชุดเลยว่า

    " ใสนอกกาย ใสในจิต"

    อนุโมทนาสาธุกับพี่พัดด้วยคะ

    อนิสงค์ ที่ไม่เบียดเบียน สัตว์ นั้น
    ทำให้เรามีความสงบได้เร็ว
    และจิตใจไม่ขุ่นมัวง่ายด้วย

    ขอให้กุศลที่ น้องได้นำเรื่องราวของพี่มาเผยแผ่นี้
    ขอให้พี่ได้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2011
  7. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    ยังมีเรื่องราวอีกเยอะนะคะ แล้วจะเขียนลงให้อ่านเรื่อยๆคะ
     
  8. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " รู้เห็น เป็นใจ "
    สวัสดีคะ เรื่องราวนี้ เป็นเรื่องราวของพี่มัย
    พี่สาวอีกคนที่มีใจ ที่เป็นกุศล สงบ เยือกเย็น
    แต่ด้วยเหตุการณ์ ที่ต้อง ไปร่วมรู้เห็นเป็นใจในการทำแท้ง ของตัวพี่สาว
    จึงทำให้ตนนั้น โดน ไปด้วย

    เรื่องราวนี้ เกิดขึ้นไม่นานที่มณีไปที่วัดเช่นเคย
    ด้วยเป็นคนที่ช่างสังเกต
    เห็นพี่ท่านทุกข์ใจมาก
    จึงได้ถามข่าวอย่างเป็นห่วง
    และได้รับทำตอบมาว่า
    คุณพ่อพี่เค้า ป่วยหนัก
    และพี่เค้าก็สงสารพ่อท่านมาก
    ที่ทำงานก็มีแต่คนแกล้ง โดนย้ายที่ทำงาน
    มณีจึงถามไถ่ ได้คำตอบ มาว่า
    พี่ท่าน เคยพาพี่สาวไปทำแท้ง
    โดยไปเป็นเพื่อน และ พี่สาวได้ทำแท้ง
    มาทั้งหมด ๕ ครั้ง
    ครั้งที่ ๕ พี่เค้าได้เป็นคนพาพี่สาวไปเอง
    เหตุการณ์นี้ จึงทำให้มณีเห็น ว่า
    พี่เค้าได้รับผลข้างเคียง แต่ด้วย
    พี่มัยเองเป็นคนที่ใจบุญ
    จึงไม่เกิดที่ลูกๆ
    แต่มาเกิดภายในพี่น้องของตนเองแทน
    จากพี่ชาย และสามีเก่าได้เสียชีวิตกระทันหัน
    คุณพ่อ ล่มป่วย น้องสาวคนเล็ก ต้องถ่ายเลือดบ่อย จนกลายเป็นคนที่นิสัยรุนแรง
    พี่มัยเล่าให้มณีฟังว่า

    " ช่วงหลายอาทิตย์มานี้
    พี่จะทุกข์ใจมาก พี่โดนย้ายงาน
    มีคนแกล้ง สาระพัด แต่พี่เองก็ไม่ติดใจอะไร
    ใครแกล้งพี่พี่ก็แผ่เมตตาให้เสมอ
    และพยามคิดว่า เราคงเคยทำเค้ามาก่อน
    ไม่โกรธ ไม่แค้นเค้ากลับคืน "

    พอคุยเสร็จ มณีได้ถามถึงพี่สาวที่พี่เค้าได้พาไปทำแท้ง พี่มัยเลยตอบมณีมาว่า

    "พี่นึกเสียใจ ที่พี่ พาพี่สาวไปทำแท้ง
    มันไม่ดีเลย พี่กลัว เพราะกรรมการฆ่าคนมันสุดยอดของบาปแล้ว
    ก่อนหน้านี้ หลายอาทิตย์ พี่โทรหาพี่สาวที่
    อยู่ต่างประเทศเช่นกัน บอกให้เค้า
    มั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง
    พี่สาวพี่ก็บอกทำไม่ได้ สวดมนต์ทีไรปวดหัว
    นั่งสมาธิไม่ได้ ปวดหลัง พี่ก็พยามให้เค้า
    อ่านหนังสือธรรมมะ พี่ส่งไปเสมอๆ
    โทรทุกวัน เสียตังแพงแค่ไหนก็โทร
    เพื่อให้เค้าได้ แก้ไขในสิ่งที่เค้าทำผิดมาด้วยความหวังดีของเรา "

    มณีฟังจบเลยตอบพี่เค้า อย่างให้กำลังใจ
    และ บอกไปว่า

    " กรรมใคร กรรมมัน "
    เราเองเป็นเพียงผู้บอก ส่วนเจ้าตัวเค้านั้น
    ต้องเป็นคนที่จะต้องแก้ไขเอง
    เหมือนกับเราทำอาหาร ให้เค้า
    เค้าเองจะต้องเป็นคนตักเข้าปากและเคี้ยกลืนเอง
    เราจะไปเคี้ยวและกลืนแทนเค้าก็ไม่ได้
    พี่มัยได้เล่าให้มณีฟังอีกว่า

    " หลังจากที่เค้าทำแท้งมา
    ชีวิตเค้าได้ตกต่ำมาก ป่วยมาตลอด
    และโดน ทำร้าย จิตใจมาตลอด
    เค้าไม่เคยมีความสุขในชีวิตเลย
    มีหนี้สินมากมาย มีแต่เรื่องเศร้า
    พี่สงสารมาก พี่อยากช้วย
    แต่เค้านั้นไม่ค่อยที่จะทำ
    เหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไร"

    มณีเลยบอกตามคำเดิมว่า
    "กรรมใคร กรรมมัน "
    มณีเลยบอกพี่มัยให้ทำตนเองให้ดีที่สุดในตอนนี้
    คือ ต้องแข็มแข็ง เพราะเรามีลูก มีครอบครัว
    หากเราไปทุ่มเทกับคนอื่นโดยที่ไม่ทุ่มเทที่ลูกเราอาจ
    จะล่มไปทั้งหมด จึงแนะนำให้พี่มัย
    สร้าง ทานบารมี เมตตาบารมีให้ได้มากที่สุด
    และสิ่งต่างๆ จะ คอยช้วยเหลือพี่มัยเอง
    พี่มัยได้ถามมณีถึงคุณพ่อที่ป่วย
    และเล่าอาการที่ป่วยของคุณพ่อให้ฟังว่า

    " พ่อพี่ท่านป่วยหนักมาก
    เมื่อครั้งเข้าไอซียู
    ท่านปวดหนักร้องเหมือน ควาย
    ที่ถูกทุบตี เมื่อครั้งสมัยท่านยัง สบายดี
    ท่านเคยทุบตี ควาย ที่ไถ่นา
    โดยมัดปากไม่ให้มันกินหญ้า
    และทุบตีมัน ทรมานมัน
    พอพี่มาเห็นท่านตอนนี้
    เลยนึกถึงสิ่งที่ท่านได้ก่อไว้
    น่ากลัวจริงๆ"

    มณีเลยแนะนำให้คุณพ่อพี่มัยทำกุศล และขออโหสิกรรมบ่อยๆ
    และพี่มัยเอง หากทำกุศล
    ก็ โทรบอกคุณพ่อที่ไทย
    ให้ร่วมอนุโมทนาด้วยทุกครั้งไป การ ให้ทาน
    เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว
    หลังจากนั้น พี่มัยก็ได้ตั้งกองกฐิน ใหญ่โต
    น่าอนุโมทนาสาธุ มากๆ
    ด้วยใจที่เป็นมหากุศล
    ส่งผลให้พี่เค้าได้ช้วยให้คนในครอบครัว
    และ พี่น้อง พ่อแม่ ได้รับกุศล ตามๆกันไป

    ขออนุโมทนาสาธุด้วยคะ

    และกุศลที่ น้องมณีได้นำเรื่องราวมาเล่า
    เพื่อให้ พี่ๆ เพื่อนๆ ญาติธรรมได้อ่านครั้งนี้

    ส่งผลให้ชีวิตครอบครัว การงาน พี่มัย
    ประสบแต่ผลสำเร้จ ทุกประการคะ

    สาธุ

    [​IMG]
     
  9. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    "กู แค่ อาศัยท้องมึงมาเกิด "
    สวัสดีคะ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องจริง
    ของคุณลุง ของมณีเอง
    เมื่อครั้งที่มณียังเด็ก มณีเห็น แต่คุณลุง ทำบาปหนักๆมาเสมอ
    ฆ่าหมู วัว ควาย และที่มณีเห็น
    และจำฝั่งใจมาเสมอคือ ฆ่าลูกแมว เมื่อครั้งนั้นคุณลุง ได้ฆ่าลูกแมวทั้งหมด ๗ ตัว
    ด้วยคนบ้านนอกไม่อยากเลี้ยงมันเพราะเปลืองข้าวเปลืองน้ำ
    ท่านเลยเอาแมว มาทุบหัวตาย ทีละตัว ทีละตัว
    มณียืนดูแมวที่ดิ้นพลาดๆ โดยที่ช้วยอะไรมันไม่ได้เลย น่าเวทนายิ่ง

    หลังจากนั้นไม่นาน คุณลุงก็มีเรื่อง ปากเสียงกับคุณยาย โดยที่ด่าทอคุณยายว่า

    " กุแค่อาศัยท้องมึงมาเกิดแค่นั้น อย่ามาเสือกสั่งสอนกุ"

    คุณยายก็ได้แต่นั่งเสียใจ และไม่พูดตอบโต้ อะไร หลังจากที่เกิดเหตุนี้ ประมาณ ๒ ปี
    คุณลุงได้ไปทำงานเกี่ยวกับไม้ โดยที่เอา ลูกเมียไปด้วย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
    คุณลุง ตาบอด หนึ่งข้าง เพียงแค่เศษฝุ่นเข้าตา ทำให้แก้วตาดำนั้นเสีย จนมองไม่เห็น

    คุณลุงต้องไปหาหมอบ่อยมากช่วงนั้น
    และพยามที่จะ ขอบริจาคดวงตาเพื่อผ่าตัดใหม่
    แต่ เรื่องก็ไม่ผ่านและไม่สำเร้จ สักครั้งเดียว
    เกิดความกดดันและอึดอัด แก่คุณลุงมากๆ

    คุณยายท่านเป็นคนที่รักคุณลุงมาก
    จะคอยให้กำลังใจคุณลุงเสมอ
    แต่คุณลุงนั้นเป็นคนที่ดุร้าย เสียงดัง เอาแต่ใจ
    ก็ได้ ก่อเหตุให้คุณยายเสียใจอีกครั้ง

    วันนั้น มณีเองไม่ได้อยู่ในเหตุการ
    แต่หลานสาวโดยเป็นลูกสาวของคุณลุงเล่าให้ฟังว่า

    "เมื่อวานที่พี่สาไม่อยู่ ยายมากินข้าวด้วยที่บ้าน
    พ่อด่ายาย ต่ำๆเสียๆ ด่าว่ายายให้เค้าเกิดมาทำไม และว่า เค้าไม่ใช่ลูกยาย เตะจานข้าวยายกระจายเลย สงสารยายมากเลย
    แต่หนูทำอะไรไม่ได้ หนูกลัว
    แม่ก็โดนพ่อทุบตีเอา "

    พอ มณีรู้เรื่องก็ทำเอาให้ใรเดือด
    เพราะมณีอยู่กับคุณยายมาตั้งแต่เด็กๆ
    จึงเข้าไปถามคุณยายว่า
    ทำไมคุณยายไม่เล่าให้ฟัง เรื่องนี้ มัน ใหญ่มาก
    ทำคุณยายถึงขนาดนี้ คุณยายได้ตอบมณีว่า

    " ไม่เป็นไรหลอกลูก ยายไม่ถือ เค้าคงจะเครียด เพราะตาที่มองไม่เห็น เค้าได้ระบายมา คงจะดีขึ้น ไม่เป็นไร ยายไม่ได้เจ้บตัวอะไร"

    พอฟังคำพูดคุณยายเสร็จ น้ำตาของมณีไหล
    แล้วเข้าไปกอดคุณยาย ได้บอกคุณยายว่าจะไม่ทำให้คุณยายเสียใจ และคุณพ่อ คุณแม่เสียใจ

    จากเหตุการที่ผ่านมา ส่งผลให้คุณลุง ทำ อะไรไม่ดีมาโดยตลอด
    ไม่ว่าจะทำงาน ทำ สวน ทำไร่ ขาดทุนเสมอมา
    ไปทำงานก็โดนโกงค่าแรง
    ทำสวนแตงกวา ผื้นที่เดียวกัน คลองน้ำเดียวกัน
    แต่ ฝั่งของคุณลุงนั้น เน่าตายหมด แต่กลับ อีกฝั่งของอีกเจ้างอกงามดีมาก ขายได้ราคาดี
    ต้องขายบ้านไปอยู่ที่อื่น
    ทำอะไรก็ไม่ขึ้นสักครั้ง
    มณีจึงได้มองเห็นเป็นตัวอย่างว่า

    " การกล่าวด่า ผู้เป็นบิดามารดา ไม่มีความก้าวหน้าและไม่เจริญ เลย"


    "ผู้ใด กล่าวชื่นชม ยกบิดามารดาขึ้นเหนือหัว ผู้นั้นมีแต่ความเจริญยิ่งๆขึ้นไป"


    [​IMG]

    ขอกุศลที่มณีได้เอาเรื่องของคุณลุงมาลง
    ได้ส่งผลให้คุณลุงขอมมณี
    ได้หลุดพ้นจากวิบากกรรมทั้งปวงด้วยคะ
    สาธุ
     
  10. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " ช้วยหนูด้วย"

    เรื่องจริงของพี่อ้อม สาวมั่นที่เก่งทุกอย่าง

    มณีฝันแปลก ฝันเห็นเด็กผู้ชาย
    และเด็กผู้หญิงมาหา แล้วบอกว่าหนาว ช้วยหนูด้วยนะ เราก็รับปากว่าจะช้วย
    ตื่นเช้ามา มณีเองนึกถึงพี่ตุ๊ก
    และคิดในใจว่า

    .....เอ ต้องงานเข้าแน่เลยวันนี้.....

    หลังจากนั้นประมาณ เทียงๆ
    พี่ตุ๊กได้เฟรชมาหา บอกว่านั่งสมาธิไม่ได้เลย
    มีบางอย่างมากวนตอนนั่ง มณีเลยตอบกลับไปว่า
    มีคนมาให้ช้วยใช่มั้ย เป็นเด็กใช่มั้ย
    พี่ตุ๊กตอบว่าใช่ และก็เริ่มรู้แหระ ว่ามันคือสิ่งนี้นี้เอง หลังจากนั้นเราจึงโทรคุยกัน
    ได้ความจากปากพี่ตุ๊กโดยเด็กผู้ชายคนนี้ว่า

    "ช้วยหนูด้วย แม่ไม่ทำบุญให้เลย ทำให้ก็ไม่ได้ ช้วยบอกแม่หน่อยไม่ไหวแล้ว หนาว แม่ไม่ยอมทำเลยช้วยหน่อยๆ"

    พอจบสนทนา มณีนั่งคิดหนัก จะบอกเค้ายังไงละนี้ ถ้าไปบอกเอาดื้อๆว่า

    " พี่ๆลูกชายพี่ที่ตายไปมาบอกว่าทำบุญให้หน่อย "

    มีหวังเค้าว่าเราบ้าแน่ เลยพยาม ให้คำแนะนำ
    ในแบบที่เป็นทางโหราศาสตร์
    ยิ่งคุย ยิ่งรู้ ว่า มันคืออะไร
    และต้นตอ คืออะไร
    และพี่เค้าได้บอกว่า

    "พี่เคยทำแท้ง มา ๒ ครั้งละ ครั้งแรก เด็กเป็นตัวแล้วครั้งที่ ๒ มาทำที่ฟินแลนด์ "

    พอได้ฟังคำนี้แล้ว ทำให้เราคิดได้ทันทีว่า
    โอ้ สังคมเรามีคนทำแท้งเยอะมาก
    แต่ดีตรงที่พี่อ้อมนั้นยอมรับทุกครั้งที่ทำ
    และไม่เคยลืมสิ่งที่ตนเองทำไป
    พี่เค้าได้บอกกับมณีว่า

    " พี่ยอมรับว่าพี่ทำเรื่องมันเลวมาก ที่ฆ่าเค้า
    พี่มานั่งมองดูเด็กๆที่เกิดมา
    ถ้าลูกที่พี่ทำแท้งยังอยุ่ เค้าคงโตมากๆแล้ว
    พี่เสียใจ และจะพยามแก้ไขสิ่งที่พี่ทำ"

    ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
    ฟังดูแล้วพี่เค้าไม่ธรรมดาเลย แล้วก็จริง
    ก่อนหน้านี้พี่เค้า ได้จบนักธรรมมาด้วย
    ฐานทางธรรมที่แน่นมาก
    ทำไมพี่เค้าถึงได้กลับตาระปัดไปได้
    แล้วพี่เค้าก็ได้บอกว่า

    " ก่อนที่พี่จะทำแท้ง พี่ได้จบนักธรรม
    ก่อนหน้านี้ ชีวิตดีมาตลอด พอเริ่ม ทำแท้ง
    ทุกอย่างเริ่มแย่ลง มีแต่เรื่องเครียด
    จนพี่ติดเหล้า ติดบุหรี่ เที้ยว
    ครั้งก่อน พี่สวดมนต์ บ่อยและเก่ง
    เพราะความที่เราจบนักธรรม
    เราเข้าใจทางธรรม คำสอนของพระองค์เรารู้
    แต่พี่ก็ไม่เข้าใจตัวพี่เอง
    ว่าทำไม พี่ถึงได้ยังทำชั่วอยู่
    และทำชั่วแบบนี้ได้"

    เมื่อจบคำพูดพี่เค้า มณีและพี่ตุ๊ก
    ได้ให้กำลังใจ ให้พี่เค้าได้กลับมาสวดมนต์ภาวนา
    มาปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ เหมือนเดิม
    คำตอบที่หนักแน่นของพี่อ้อม
    ทำให้มณีและพี่อ้อมดีใจที่สุด

    " พี่จะกลับมาเป็นเหมือนที่เคยทำ
    จะสวดมนต์ นั่งสมาธิ ให้ได้อีกครั้ง
    ครั้งก่อนพี่ก็ทำได้ ทำไมครั้งนี้พี่จะทำไม่ได้
    เมื่อก่อนยังทำ จะมาทำอีกทำไมจะไม่ได้
    พี่จะทำให้ดี แค่ แค่ไหนนั้นพี่ไม่รู้
    แต่พี่รับปากพี่จะทำ"

    พอจบคำพูด มณีจึงรู้ว่า ทำไม พี่เค้าถึงได้มาเจอมณี และพี่ตุ๊ก
    ด้วยเหตุบังเอิญ หรือไม่นั้น มณีไม่ขอตอบ
    แต่มณีรู้ได้ตนเองว่า เทวดาประจำตัวพี่เค้านั้น
    ได้ มีกำลัง เพื่อจะพยาม พามาหากัลยานิมิตร
    เพื่อ ให้พี่เค้า ได้กลับมา
    " ทำดี คิดดี พูดดี ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ใหม่อีกครั้ง "


    มณีฟังคำพูดของพี่เค้าแต่ละคำ
    มันมีพลัง ของการเป้นครูได้ดี
    หากพี่เค้าผ่านพ้นจุดนี้มาได้
    มณีคิดว่า เค้าเองจะมีข้อสอบ และคำตอบ
    มาสอนคนอื่น ได้อีกมากมาย
    เป็นแรงใจ ให้พี่อ้อม ได้
    หันหัวเรือให้ได้เข้าฝั่ง ได้อย่างเร้ววัน

    กุศลที่พี่อ้อมได้เล่าเรื่อง
    เพื่อเป็นธรรมทานให้กับมณีในครั้งนี้
    ขอให้พี่อ้อมได้ประสบพบแต่ทางที่มีแต่กุศลทาน
    ด้วยเทอญ
    สาธุคะ


    [​IMG]
     
  11. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " เกือบไปแล้ว มั้ยละ "

    เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพี่เอ้
    ที่ความคิดแค่ วู๊บเดียว แค่ความน้อยใจแค่นั้น
    เกือบที่จะ เสียใจไปตลอดชีวิต
    หลังจากที่คุยกับที่ตุ๊ได้สักพัก
    ไม่นานพี่ตุ๊กก็ส่งข้อความมาใหม่อีกว่า

    " จำพี่เอ๋ได้มั้ยที่ไปวัดกับพี่ที่มีลูกน้อย
    เค้าบอกกับพี่ว่า เค้าเสียใจมาก
    เค้าจะฆ่าตัวตาย "

    เอาละสิ แว๊บแรกที่มณีรู้สึกคือ
    คงน้อยใจสามีแน่ๆ พี่ตุ๊กเลยบอกมณีว่า
    พี่เอ๋จะมาหา และจะมาคุย ด้วย ทางสไก
    เมื่อพี่เค้ามาถึง เค้าก็เล่า
    เรื่องราวต่างๆให้ฟัง
    และมณีก็ สะดุจใจอยู่อย่างหนึ่ง
    จึงถามพี่เค้าตรงๆว่า

    "ทำแท้งมาใช่มั้ยคะ"

    พี่เค้าตอบมาอย่างน้ำเสียงที่ผิดๆว่า

    " ใช่พี่เคยทำแท้งที่ฟินแลนด์ พี่เสียใจมาก เพราะพี่ไม่พร้อม แต่ทุกครั้งที่พี่ทำบุญ พี่จะเรียกเค้าระลึกถึงเค้าทุกครั้งไม่ว่าจะ สวดมนต์ นั่งสมาธิ พี่รู้ว่ามันผิด แต่พี่จำเป็นจะต้องทำ "

    เมื่อพี่เค้าตอบจบมณีก็นึกได้คำหนึ่งว่า
    พวกเด็กๆเค้าก็ไม่อยากที่จะตายเหมือนกัน
    แล้วพี่เค้าก็ระบายความในใจให้ฟังว่า

    " พี่น้อยใจแฟนนะ เกือบที่จะฆ่าตัวตายแระ เตรียมยา จะกิน แระ เพราะอึดอัด ทนไม่ไหว ทำไมเค้าถึงไม่เข้าใจพี่เลยนะ แต่ พอพี่นึกจะฆ่าตัวตาย พี่กลับได้ยินเสียงไอ้ตัวเล็กของพี่ ที่กำลังนอนดูดนมพี่อยู่ พี่เห็นสายตาเค้า พี่เลยหยุดคิดที่จะฆ่าตัวตายเลย ช่วงเวลานั้น พี่ หงุดหงิด และโมโหมาก พอพี่กลับถึงบ้านพี่เข้าห้อง และนั่งอ่านหนังสือพระจนจบ สวดมนต์ จนใจเย็นขึ้น พี่นึกถึงสา กับตุ๊ก พี่ไม่มีทางออก "

    เมื่อพี่เค้าพูดจบ มณีจึงเตือนสติ
    และ บอกกับพี่เค้า และให้กำลังใจ
    เพราะ เหตุที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ตัวพี่เอ๋เองทั้งสิ้น
    ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เพราะ
    เรานั้นตามใจเรามากจนเกินไป
    เมื่อเห็นอะไรเราก็จะเอาตามใจเราทั้งหมด
    เค้าถึงได้บอกว่า
    ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว

    และได้เตือนพี่เค้าไปว่า หากจะทำอะไรก็ตาม
    ให้เรารู้จัก พิจารณาก่อนที่จะลงมือ
    หรือ กระทำ ในบางครั้ง แค่เพียงเสียวนาทีเท่านั้น
    ก็มีสิทธิ์ ที่จะเสียใจไปตลอดชีวิตได้
    พี่เค้าได้ถามมณีว่าเค้าจะทำยังไง
    ในเมื่อเค้า ฟุ้งซ้านแบบนี้ อึดอัดใจ
    หากคนในบ้านไม่ได้อย่างใจเค้า
    มณีเลยให้คำแนะนำไปว่า
    เราต้องทำใจเราให้เย็นก่อน
    ดับที่ใจเราก่อน เมื่อ เกิดที่คนอื่นเราจะวางใจได้ไม่ร้อนรนตามเค้า
    และ การที่พี่เอ๋นั้น ฟุ้งเพราะว่างเกินไป
    การที่ว่างจากการงานนั้น เหตุฟุ้งมีมากมาย
    เลยแนะนำให้เปิด เพลงบรรเลงเบาๆ
    หรือเสียงอ่าน เสียงบทสวด
    เพื่อ ผ่อนคลาย
    จิตที่ได้รับการผ่อนคลาย
    ก็จะไม่ตรึงไม่เคลียด
    และจะสบายทั้งงกายและจิต

    เมื่อแนะนำจบ มณีจึงได้คำตอบจากตัวพี่เอ๋ว่า
    ในเมื่อคนเรานั้น
    ขาดสติเพียงชั่วครู่เดียว อาจเสียใจได้ตลอดกาลเลยที่เดียว
    "สติ" นั้น สำคัญจริงๆ สำคัญมากที่สุดเลย หากใครที่ฝึกมาดีแล้ว
    ย่อมดำเนินชีวิตได้อย่างถูกทาง และถูกต้องแน่นอน

    อนุโมทนาสาธุ กับพี่เอ๋ด้วยคะ

    [​IMG]
     
  12. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " บุญช้วย โดยไม่ได้ตั้งใจช้วยเอาบุญ"


    เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณยายของมณีเองคะเมื่อครั้งที่มณีเองยังเด็ก
    ครอบครัวมณี คุณยายได้เป็นชาวไร่คะ ทุกๆปีของช่วงเดือน พฤษจิกายน ธันวาคม
    เราจะเก็บเกี่ยวผลิตผล เพื่อทำไปชำระหนีสินที่ค้างไว้
    มณีจำได้ว่า บ้านคุณยายมีแม่หมาสีดำสนิทอยู่หนึ่งตัว มันมีลูกอยู่ สามตัว
    มีตัวหนึ่งมันตระกละมาก มันได้กินกระดูกช่วงน้องไก่เข้าไป
    แล้วได้ติดช่วงหลอดลม มันทั้งร้อง ทั้งดิ้นทุรนทุราย ตอนแรกไม่มีใครได้ยินและรู้
    แต่วันนั้น มณีเล่นซ้อนแอบกันกับพี่ๆบนกระสอบข้าวโพด
    ที่สีออกมาเป็นเม็ดแล้ว และได้ยินเสียง
    " แค็กๆ ๆ "
    ก็นึกสงสัยว่าเสียงอะไร เดินตามเสียงและไปเจอ
    ลูกหมาตัวเล็กๆสีดำสนิท มันพยามโก่งตัว ไอ
    เอาอะไรบางอย่างในคอมันออกมา
    แต่มันก็ไม่ออก มณีสงสารจึงอุ้มออกมาจากช่องกระสอบนั้น
    ให้ผู้ใหญ่หลายๆท่านช้วย ก็ไม่มีใครช้วยได้จนคุณพ่อของมณีพูดว่า

    " เดี๋ยวมันก็ตาย มันไม่รอดหรอกลูก ติดหลอดลมขนาดนี้ เอาไม่ออก"

    พอได้ยิน มณีก็อดสงสารมันไม่ได้
    แต่ไม่รุ้เราจะช้วยมันอย่างไร
    ผ่านไป สามวัน เสียง แค้กๆ ๆ เริ่มเบาลง
    มันดิ้น ชัก จะขาดใจ มณีได้แต่นั่งดูมัน
    เพราะทำอะไรไม่ได้ จนคุณยายได้เดินมา
    เห็นเรานั่งดู ท่านจึงพูดทำนองรำคราญว่า

    " อะไรนักหนาลูก มานั่งดูหมามันทำไม มาๆไหนดูสิ "

    คุณยายได้จับคอมันขึ้น แล้วใช้มือใหญ่ๆ ป้อมๆของคุณยาย
    ล้วงลงไปที่คอของมัน พยาม ดึงเอา กระดูกที่คอของมันออกมา
    พอ ดึงออกมาได้ เสียงลูกหมาตัวนั้น สูดลมหายใจดัก
    "เฮือกกกกกก"

    " เอ้า ออกแล้ว ไปๆ"

    เสียงคุณยาย วางตัวมันลงในมือคุณยายมีกระดูกขาไก่ยาว
    และ ค่อนข้างใหญ่สำหรับ ลูกหมาตัวเล็กๆ
    ตัวลูกหมาอ่อนระทวยเพราะ มันเกือบหมดลมหายใจ
    แต่คุณยายได้มาช้วยไว้ แบบไม่ได้ตั้งใจจะช้วยนั้นเอง
    หลังจากนั้นมา มันก็ ติดคุณยายมาก ไปไหนไปกับคุณยายเสมอ
    จนมันได้แก่ตายไปเอง

    หลายปีผ่านมา คุณยายได้ป่วย
    เป็นโรคหัวใจโต และ กระเพาะเป็นแผลอย่างรุนแรง
    คุณยายอ้วกออกมาเป็นก้อนเลือดแข็งๆ บ่อยครั้งที่ก้อนเลือดนั้นมักจะ ติดที่หลอดลม ดัง
    " แค้กๆ ๆ" แต่ก็ ออกได้
    แต่มีครั้งหนึ่ง และครั้งสุดท้าย ที่อาการอ้วกเป็นก้อนเลือดแข็งๆของคุณยายหาย

    ช่วงเทียงคืนของวันฝนตก
    คุณยายปวดท้อง และอ้วก อย่างหนัก ก้อน เลือดได้ไปคาที่หลอดลมคุณยายอีกครั้ง
    คราวนี้ ไม่ยอมออก คุณยาย เริ่ม ดิ้นทุรนทุราย เพราะ หายใจไม่ออก เสียงดัง
    " แค้กๆ ๆ " ทุกคนในบ้าน ช้วยกัน
    เพื่อ ให้ก้อนเลือดนั้นออก แต่ก็ไม่ออก
    คุณลุงจึงตัดสินใจ เอามือล้วงที่คอ คุณยาย
    แล้ว ดึงก้อนเลือดออกมา คุณยายได้สลบไปแล้ว ทุกคนตกใจ รีบส่งคุณยายไปโรงพยาบาล

    เวลาหลาย ชั่วโมงที่คุณยายอยู่ในห้อง ช้วยหายใจ
    และ ได้ออกมาอยู่ห้องคนป่วยปกติ คุณยายเล่าให้ฟังว่า

    " ฝันเห็นอีดำ มันวิ่งมาเลียมือ
    เกาะแข็งเกาะขา กูก็นึก ว่า
    เอ้า มันแก่ตายไปแล้วมันมาอะไรอยู่นี้
    กูเดินตามมันมา เห็น พวกมึงนั่งกันเต็มห้องเลย
    แล้วกุก็สะดุ้งตื่นมาเจอพวกมึง "

    หลังจากคุณยายพูดจบ คุณป้าได้พูดว่า

    " แม่จำได้มั้ย ตอนที่อีดำมัน กระดูกติดคอ
    เสียงมันร้อง ดัง " แค้กๆ ๆ "
    เสียงเหมือน แม่ที่มีก้อนเลือดติดคอเลย
    พี่รัสเอามือล้วงก้อนเลือดออกมาจากคอแม่"

    " กูว่าแล้ว กูฝันเห็น อีดำ
    ตอนมันกระดูกติดคอ แล้วกู เอามือไปล้วงกระดูออก
    ตอนนั้นกูไม่ได้ตั้งใจช้วยมันหรอก
    กูรำคราญ เห็นเกษา มันไปนั่งเฝ้า
    รำคราญเสียงมัน เลยลองเข้าไปเอาออกดู
    ถ้าไม่ออกมันก็ตายเอง ไม่คิดว่า การช้วยมันแบบไม่ตั้งใจ
    จะส่งผล ให้กูรอด
    อีดำเอ้ย ขอบใจนะ ต่อไปนี้กูจะตั้งใจทำบุญ"

    พอคุณยายพูดจบ ทุกคนในห้องก็เงียบกริบ
    ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
    หลังจากคุณยายหายดี คุณยายได้เข้า ไปถือศีลทุกวันพระ ไม่เคยขาดเลย


    [​IMG]
     
  13. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " สู้ ไม่ถอย "

    เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณป้าท่านหนึ่ง
    ที่มณีได้สนทนาและให้กำลังใจ
    ท่านเป็นอีกหนึ่งคนที่น่า เอาเป็นตัวอย่างมาก
    เมื่อได้สนทนากับท่าน
    ท่านได้เล่าให้ฟังถึงการทำแท้ง
    ท่านเสียใจมาตลอดชีวิต
    และได้ฟังน้ำเสียงของท่าน
    ความทรงจำที่ขมขื่นในใจ
    ที่เป้นตราบาป แบบที่หาทางออก
    และหาทางเลือกไม่ได้ ท่านเล่าให้ฟังว่า

    " เมื่อครั้งที่ป้าทำแท้ง
    ตอนนั้นป้าจำเป็นจริงๆ ป้าเลี้ยงเด็ก อายุห่างกันแค่คนละปี
    และแต่ละคนก็ยังเล็กมากๆ
    ถ้ามีอีก ป้าคงไม่ได้ไปทำงานหาเงินแน่
    และคงไม่มีเวลาหาเงินแน่นอน
    เพราะพ่อของเด็กๆ ไม่ยอมรับผิดชอบ
    ทิ้งให้ป้ารับภาระคนเดียว "

    ฟังน้ำเสียงคุณป้าแล้วรู้สึกเศร้าใจถึงชะตาชีวิต
    ที่ลิขิตให้คุณป้าต้องทำงานคนเดียว
    และเลี้ยงลูกคนเดียวถึง สามคน
    คุณป้าได้เล่าอีกว่า สามีคุณป้าเพิ่งเสียไปด้วยโรคมะเร็ง(สามีคนใหม่)
    และโรคเส้นไขมันในเส้นเลือด ท่านบอกว่า

    " เมื่อครั้งที่ลุงเสีย ป้าเสียใจนะ เพราะป้าเองนั้นก็อยู่กับลุงมานาน และป้าคอยดูแลลุงเสมอมา"

    คุณป้าเล่าจบ มณีก็ให้กำลังใจไป
    สุดท้ายคุณป้าได้บอกอาการป่วยของตนเองว่า

    " ตอนนี้ ป้าเป็นโรคลองหมอนกระดูกอักเสบ
    กระดูกสันหลัง ข้อขา ระบบกระเพาะ
    ป้าทรมานมาก ป้าต้องทำงานแบบหยุดวันเว้นวัน
    ลูกๆได้ย้ายออกไปมีครอบครัวหมดแล้ว
    เหลือแต่ป้าเท่านั้น ป้าก็เหงานะไม่รุ้จะทำอะไร
    วันๆ อยู่แต่ในบ้าน
    เพราะป้าเป็นคนขี้หนาว ฟังพระเทศบ้าง
    ดูหนังบ้าง แต่ป้าก็สวดมนต์บ่อยมากนะ
    ทำให้ป้ารู้สึกสบายใจขึ้น"

    แต่ฟังน้ำเสียงแล้วคุณป้ายังคงเศร้าในการสูญเสีย
    และท้อแท้ในอาการป่วย มณีจึงแนะนำ การจัดบ้านให้ดูสดชื่นขึ้น
    และระบบนิเวชในบ้าน บวก การให้กำลังใจว่า

    บ้านคุณป้าท่านนั้น ออกจะมืดทึบ
    พยามให้บ้านดูสว่างและมีสีเขียว เพื่อให้ดู สดชื่น
    ให้มีตู้ปลา และปลาหลากสี เมื่อเวลา อยู่บ้าน
    ให้จุดเทียน สวยๆ หรือ เปิดเสียงเทศ
    หรือเสียงสปา เพื่อ บำบัด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
    ส่วนการนั่งสมาธินั้น หากนั่งไม่ได้ให้ใช้นอนสมาธิ
    โดยการที่นอน เอามือกุมไว้ที่หน้าท้อง
    และสังเกต การพอง ยุ๊บ ของหน้าท้อง
    หรือ สวด บดสวดมนต์จนหลับไป หากการนั่งสวดมนต์ที่พื้นนั้นลำบาก ให้นั่งที่ โซฟา ในท่าที่สบายๆ อย่าเกร็ง
    เมื่อแนะนำคุณป้าเสร็จท่านก็รู้สึกว่า จะมีแนวทางที่แน่นอน และเรียงลำดับได้ถูกว่าสมควรจะทำเช่นไร
    ท่านจึงตอบมณีมา ประโยคหนึ่งที่ทำให้มณีชื่นใจว่า

    " ป้าเอง สู้ สู้ไม่เคยถอยเลย
    ป้ามีโรคประจำตัวเยอะนะ
    แต่ป้าคิดว่า ใจป้าไม่ได้ป่วยตาม
    ร่างกายป่วย แต่ใจไม่ป่วย
    ป้าถึงได้มีแรงเพื่อสู้ต่อไป "

    เมื่อฟังคำพูดคุณป้าจบ ทำให้เราได้เรียนรู้ อีกอย่างหนึ่งว่า

    " แยกกาย แยกจิต "

    ขอบพระคุณ คุณป้าที่มาเล่าเรื่องราวให้มณีได้ฟัง
    และทำให้มณีได้มาเขียนเพื่อให้คนที่ได้มาอ่านนั้น ได้แง่คิดกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย

    ขออนุโมทนาสาธุคะ
    ขอให้คุณป้านั้น มีดวงตาเห็นธรรม
    เห็นหนทางของการดับ ซึงทุกข์ ทั้งปวงคะ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...