ปิดรับบริจาค ร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศลงานเข้าออกนิโรธครูบาวิฑูรย์ ชินวโร 17-25 ก.ย.54 (ปิดรับ 24 ก.ย.)

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 7 กรกฎาคม 2011.

  1. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    รายงานยอดเงินร่วมบุญ วันที่ ๒๐ ก.ค.

    ๑. คุณวาง จำนวน ๓๒๐ บาท (ถนนศรีภูวนารถ หาดใหญ่)
    ๒. คุณรัตนศักดิ์ จำนวน ๕๐๐ บาท (ATM)
    ๓. คุณ vietnam จำนวน ๑๐๐ บาท
    (ATM)
    ๔. คุณหญิง จำนวน ๑๐๐ บาท (K-Cyber)
    ๕. คุณยุทธพงศ์ เศรษฐีสมบัติ จำนวน ๔๐๐ บาท (K-Cyber) ระบุร่วมบุญทุกบุญ ๒๐๐ บาท ถวายใส่บาตรวันออกนิโรธ ๒๐๐ บาท
    ๖. คุณยุทธพงศ์ เศรษฐีสมบัติ (ครั้งที่ ๒) จำนวน ๒๐๐ บาท (K-Cyber) ระบุร่วมบุญทุกบุญ ๑๐๐ บาท ถวายใส่บาตรวันออกนิโรธ ๑๐๐ บาท
    ๗. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๓๐ บาท (ATM)
    ๘. คุณคิมหันต์ จำนวน ๑๐๐ บาท
    (K-Cyber)

    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
     
  2. ohm0444

    ohm0444 นิพพานปัจจุบัน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    501
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ

    นายโอมกฤษณ์ ลิ้มฉุ้น
    อนุโมทนา สาธุ
    ร่วมโอนเงินวันที่ 21 กค 2554 จำนวน 30 บาท
    กราบอนุโมทนา สาธุ กับทุกท่าน.. :cool:
     
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ผมทำบุญร่วมเป็นเจ้าภาพงานนิโรธกรรม ครูบาวิฑูรย์ ชินวโร 17-25 กันยายน 2554 เป็นจำนวนเงิน 500 บาทครับ (ร่วมบุญทุกกองบุญ 300 บาท, ถวายใส่บาตรในวันออกนิโรธกรรม 200 บาท)

    เมธา รุ่งพัฒนพันธ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    รายงานยอดเงินร่วมบุญ วันที่ ๒๑ ก.ค.

    ๑. คุณโอมกฤษณ์ ลิ้มฉุ้น จำนวน ๓๐ บาท (ATM)
    ๒. คุณเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ จำนวน ๕๐๐ บาท (K-Cyber)
    ระบุร่วมบุญทุกบุญ ๓๐๐ บาท ถวายใส่บาตรวันออกนิโรธ ๒๐๐ บาท

    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
     
  5. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    รายงานยอดเงินร่วมบุญ วันที่ ๒๒ ก.ค.

    ๑. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๓๐๐ บาท (K-Cyber)
    ๒. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๑๐๐ บาท (ATM)
    ๓. คุณซามิ้น จำนวน ๔๐ บาท
    (เทสโก้โลตัส ลาดพร้าว)
    ๔. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๓๐๐ บาท (ATM)
    ๕. คุณปิยทัศน์ จำนวน ๑,๐๐๑ บาท (K-Cyber)


    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
     
  6. JINKLE

    JINKLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,226
    วันนี้ได้โอนเงิน 200 บาท บ/ช ธ.กสิกรไทย เพื่อร่วมบุญด้วยค่ะ
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    รายงานยอดเงินร่วมบุญ วันที่ ๒๓-๒๕ ก.ค.

    ๑. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๓๐ บาท (K-Cyber)
    ๒. คุณ JINKLE จำนวน ๒๐๐ บาท (พาราไดช์พาร์ค)
    ๓. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ๒๐๐ บาท (ATM)
    ๔. คุณพรศักดิ์ ๕,๐๐๐ บาท (K-Cyber)
    ระบุร่วมบุญทุกบุญ ๒,๕๐๐ บาท เจ้าภาพโรงทาน ๒,๕๐๐ บาท

    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง
     
  8. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    [​IMG]

    ภาพครูบาวิฑูรย์ ชินวโร อายุ ๑๒ ปี ขณะกำลังเข้าสมาธิเป็นเวลา ๗ วัน ณ สถานที่ ๅ หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก เคยเข้านิโรธสมาบัติ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก

    เรื่องที่จะนำมาถ่ายทอดต่อไปนี้ คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ : บนเส้นทางพระโยคาวจร" เขียนโดย "สายฟ้า" [หลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)] ผู้ถ่ายทอดกราบขออนุญาตต่อหลวงตาวัชรชัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และจะขอตัดตอนนำเฉพาะบางตอนที่กล่าวถึงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก โดยตรงมาถ่ายทอด ดังนี้

    พระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญแก่ชาวโลกทั้งหลายนั้นต่างองค์ให้ความเยือกเย็น เป็นสุขสบายตาสบายใจ เมื่อได้สัมผัสพระคุณท่านอย่างมนุษย์ต่อมนุษย์ ต่างก็มีคุณลักษณะเด่นชัดต่างกันตามบุญวาสนาบารมีที่ได้สั่งสมมา.... จนเต็มจนกระจ่างผ่องใส บางองค์ก็เหมือนกับพระจันทร์วันเพ็ญ เช่น หลวงปู่สิม แต่มีอยู่องค์หนึ่งซึ่งเหมือนภูเขาหิน ที่มั่นคงสูงส่งสะอาดด้วยป่าไม้เขียวชะอุ่ม..... ซ้ำยังมีลำธารแห่งความเมตตาเปี่ยมฝั่ง..... ไหลหลั่งไม่เคยขาดสาย พระคุณองค์นั้นก็คือ หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก แห่งวัดวังมุย จังหวัดลำพูน เมืองพระดีนี่เอง


    หลวงปู่ชุ่ม... หรือครูบาชุ่มของชาวหริภุญไชย เป็นศิษย์เอกขนานแท้ของพระคุณหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย พระมหาโพธิสัตว์ สงฆ์ผู้เป็นประดุจเทพเจ้าของชาวลานนาทั้งผอง ที่ว่าเป็นศิษย์เอกขนานแท้ก็เพราะครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ประทานกำเนิดบวชเป็น สมณะให้ ครั้นตอนครูบาศรีวิชัยมรณภาพลงไป หลวงปู่ครูบาชุ่มองค์นี้แหละ.... ที่เป็นทายาทผู้รับมอบครอบครองไม้เท้าและพัดหางนกยูงอันเป็นสัญลักษณ์ประจำ องค์ครูบาศรีวิชัย แสดงถึงคุณธรรมที่ท่านปฏิบัติได้ถึงขนาดนั้นนั่นแหละ และที่สำคัญท่านมาเกี่ยวข้องกับพ่อเรา (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง) ตั้งแต่อดีตชาติ คือเป็นพี่ชายพ่อเรา คู่กับหลวงปู่คำแสนเล็ก สามองค์นี่แหละลูกหลานเอ๋ย.... ที่เป็นต้นกำเนิดการสถาปนาแผ่นดินไทยสมัยเชียงแสนโน้น.....นานนักหนามาแล้ว โน้น.....


    อดีตพูดถึง..... ก็พิสูจน์แบบมนุษย์ให้คนทั้งหลายยอมรับยาก ก็ไม่เอาตรงนั้น.... เอาตรงท่านทั้งสอง คือ พ่อเรากับหลวงปู่ชุ่มพบกันก็ตอน พ.ศ.๒๕๑๗ ต่างองค์ก็ต่างอายุเกิน ๖๐ ปี แล้ว พ่อก็นิมนต์หลวงปู่ให้มางานฉลองวัดประจำปี ๒๕๑๘


    ปี ๒๕๑๘ ปีแรกที่หลวงปู่ชุ่มมาวัดท่าซุง ท่านก็มากับสามเณรน้อยอายุ ๘ ปี รูปหนึ่ง พักอยู่กุฏิทรงไทยหลังที่ ๖ ต้องบอกกันก่อนว่าเรื่องของหลวงปู่ชุ่มเขียนยากที่สุด เพราะท่านไม่ค่อยพูด ท่าทางเคร่งขรึมมั่นคงเยือกเย็น ก็เหมือนภูเขาชุ่มน้ำคลุมด้วยป่าเขียวสดอีกชั้นหนึ่ง นั่นแหละ! ผู้เขียนไม่มีโอกาสจะได้ประจ๋อประแจ๋ ถามโน่นถามนี่เหมือนกับหลวงปู่องค์อื่น คงได้แต่ดูแลปรนนิบัติ เหมือนชื่นชมทิวทัศน์ป่าเขาลำธารใสยังไงยังงั้น.... ไม่ค่อยจะได้เนื้อนาหาเรื่องเขียนเล่าถนัดใจนัก ก็เล่าบอกกันตามลำดับมาก็แล้วกัน


    พ่อบอกว่า.... หลวงปู่ชุ่มเป็นพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ เวลาท่านมองเรานี่ มองเหมือนมองผ่านอากาศ โธ่เอ๋ย..... จะให้ความสำคัญเราสักนิดเหมือนยิ้มกับลูกหมาก็ไม่ได้ นี่เป็นจริยาอาการปกติของท่าน ผู้เขียนนึกไปโน่น นึกถึงอากาสานัญจา วิญญาณัญจา อากิจจัญญา เนวสัญญานาสัญญา..... แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ล่ะ อรูปฌานทั้ง ๔ นั่นแหละ ใจท่านคงทรงอารมณ์นั้นๆ จนชิน เวลาไม่มีธุระจะพูดจะคุยกับผู้คนก็อย่างนั้นแหละ มองอะไรเป็นอากาศ ไม่มีเหลือเลย จะว่าจำได้รู้จักมักคุ้นก็ไม่ใช่ โอย.... ผู้เขียนเกรงหลวงปู่องค์นี้มาก จะว่าไม่รู้จักไม่สนใจก็ไม่ได้ เพราะเวลาท่านจะเอาธุระกับเรา ตายังงี้มีประกายหมายมั่น เสียงติดดุๆ เอาด้วย


    ที่พูดถึงสามเณรที่มาด้วยนั้น ก็เพราะว่าหลวงปู่เป็นยังไง เณรก็แทบจะอาการเดียวกัน นั่งมองอะไรยังงี้ดูทะลุผ่านเลย เราเข้าไปประเคนถวายข้าวน้ำนี่.... เอามือรับ แต่ตานี่เหมือนเหม่อไม่สนใจเรานัก..... คุณตั้ว ศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อซึ่งเป็นคนรับหน้าที่รับใช้พระที่กุฏิเบอร์ ๖ พูดถึงสามเณรว่า.....


    "เณรนี่...ถ้าจะไม่ค่อยเต็ม ดูเหม่อ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก"


    แต่แล้ววันรุ่งขึ้น ก็ต้องรีบไปกราบขอขมาท่านเณร เพราะพ่อเรียกตัวเข้าไปบอกว่า


    "แกอยากลงนรกหรือ เณรนั่นทรงสมาบัติแปดได้เป็นปกติ อย่าปากหมาหาเรื่อง..."


    แล้วคืนนั้นแหละยืนยันกันชัด นี่ขอเล่าเรื่องสามเณรให้จบขาดไปก่อน


    คืนนั้น พ่อก็จัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในพระอุโบสถ พระเถระที่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งล้อมวัตถุมงคลมี ๑๑ องค์ คือ พ่อ หลวงปุ่สุปฏิปัณโณอีก ๑๐ แถมสามเณรอีกหนึ่ง เอาแล้วซี...
    ตอนพระอาจารย์พรมน้ำมนต์ที่วัตถุมงคล

    หลวงปู่ชุ่มให้สามเณรพรมแทน!


     
  10. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก (ต่อ)

    ทีนี้ เอาเรื่องหลวงปู่ชุ่มโดยตรง เล่าเป็นเกร็ด ๆ ไปเลย คืนแรกที่มาถึง ท่านก็นั่งพักสบายที่ชั้นล่าง ก็มีศิษย์ผู้ใหญ่ของพ่อคนหนึ่ง จำได้ว่าชื่อคุณพงษ์ คุณากร เข้ามากราบหลวงปู่ พอเขากราบ ความปิติกระมังทำให้ตัวเขาลอย ลอยจริงๆ... ลอยขึ้นมาสักศอกหนึ่ง หลวงปู่ชุ่มจับหัวกดลงไปกับพื้น ก้นแกก็ลอยโด่ง ปากก็ออกเสียงเหมือนคำราม สักครู่ก็ราบกราบกับพื้นได้ หลวงปู่ว่า

    “ดี... ดี ใช้ได้” แล้วก็มองคุณพงษ์กับผู้เขียนเหมือนมองอากาศตามเดิม ท่านคงเห็นเป็นขั้นตอนเล็กๆ ของภาวะพระกรรมฐาน


    แต่ผู้เขียนนี่... ผึ่งทั้งตัวเลย.... มันมีจริงนี่หว่า ปิติตัวลอยได้นี่ มองหลวงปู่มั่นหมายเลยว่าจะถามอะไร ให้พูดอะไรบ้าง แต่ไม่เปิดโอกาสเลย นั่งเคี้ยวหมากเฉย นั่งค้อมไหล่ตาจับพื้น ปากเคี้ยว เหมือนเคี้ยวกิเลส เคี้ยวขาดเลย นึกออกไหม ?!


    เดี๋ยวก่อน ! ลืมเล่าตอนท่านเข้าไปนั่งปรกพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หลวงปู่อะไรล่ะ....ทางเหนือน่ะหลายองค์นั่งเรียงกัน สักครู่หลวงปู่จากลานนาไททุกองค์รีบลุกขึ้นห่มจีวรพาดสังฆาฏิใหม่แบบภาคกลาง ค่อยๆ ทำงามตานัก แล้วนั่งลงหลับตาต่อ ไอ้เราก็สงสัยกัน ตอนหลังหลวงปู่ชุ่มเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ปานวัดบางนมโคมาปรากฏกายตรงหน้าท่าน ตั้งท่าท้าชกจรดมวยใส่ท่าน เสียงหลวงปู่ปานพูดว่า


    “พระอะไรนี่.... แต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้านเจ้าของถิ่นเขานี่”


    พอหลวงปู่ภาคเหนือห่มเสร็จแล้ว หลวงปู่ปานก็ยกมือไหว้เป็นเชิงโมทนาขมาโทษอะไรทำนองนั้น พอมาถามพ่อ พ่อหัวเราะเสียงดังเลย


    “ข้าเห็นหลวงพ่อปานตั้งแต่แรกแล้ว ที่ท่านทำอย่างนั้นเพราะท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม รอเวลาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เรื่องระเบียบวินัยจารีตนี่... ท่านต้องเคร่งครัด ที่ท่านยกมือไหว้ก็เพราะหลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่คำแสนเป็นพระอรหันต์ นับคุณธรรมปัจจุบัน หลวงปู่ก็ชื่อว่าบริสุทธิ์เต็มภูมิแล้ว ส่วนหลวงพ่อปานยังอยู่ชั้นดุสิต ยังไม่ใช่พระอริยะ ต้องรอเป็นพระพุทธเจ้าเสียก่อนจึงจะเหนือกว่า”


    บอกแล้วว่าเล่ายาก.... จะขอสรุปผ่านงานทั้งสามปีไป เพราะกิจกรรมสงเคราะห์ญาติโยมระหว่างช่วงงานนั้นก็เหมือนกับหลวงปู่องค์อื่น


    บอกแล้วว่าเล่ายาก.... จะขอสรุปผ่านงานทั้งสามปีไป เพราะกิจกรรมสงเคราะห์ญาติโยมระหว่างช่วงงานนั้นก็เหมือนกับหลวงปู่องค์อื่น


    โน่น.... ส่งจิตคิดตามไปที่วัดวังมุย ลำพูนเลย ท่านก็กลับวัดวังมุยไป พ่อกับหลวงปู่ท่านจะคุยตกลงกันด้วยวาจาหรือด้วยใจ ก็อย่าไปรู้รายละเอียดของท่านเลย เอาเป็นว่าหลวงปู่ชุ่มจะ
    "นั่งหนัก" หรือภาษาบาลี เรียกว่า "เข้านิโรธสมาบัติ" เป็นเวลา ๗ วัน เพื่อจะให้พ่อพาศิษยานุศิษย์ไปทำบุญเพิ่มบารมีกัน

    โอย... ตอนนี้ฟ้าจะถล่มทลาย ลูกหลานหลวงพ่อ ผู้เขียนด้วย ต่างก็ฮือฮาสาธุการ จัดหาสิ่งของเงินทองกันโกลาหล ล้นศรัทธา พอถึงเวลา (นี่จะเขียนหรือจะเทศน์ สำนวนมันจะมากไปหรือเปล่า) ก็เดินทางตามพ่อไป รถบัสกี่คันหนอ... ถึงลำพูน ฝนตกรินเป็นสายไม่ขาดเม็ด ต้องพักถ่ายผู้คนขึ้นรถสองแถวจากวัดจามเทวีไปวัดวังมุย คงจะเหมาสองแถวหมดเมืองลำพูนกระมัง พี่อรรณพ (พ.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนา) เป็นผู้จัดการอำนวยความสะดวกทั้งหมด ทางเข้าวัดวังมุยก็แคบ ฝนก็รินไหล แต่ผู้คนก็เดินทางไปถึงวัดวังมุยแบบทุลักทุเลเฮฮากันได้ทั้งหมด


    หลวงปู่ชุ่มท่านเข้านิโรธในป่าช้าใกล้วัด ปลูกกระท่อมล้อมสายสิญจน์ กั้นรั้วกันผู้คนเข้าไปรบกวน พ่อขึ้นไปรอหลวงปู่บนกุฏิรับรอง ผู้เขียนเข้าไปจัดจีวรสิ่งของที่นำไปร่วมถวายมากมาย โบสถ์แทบแตก พระคุณหลวงปู่คำแสนเล็กนั่งยิ้มเย็นใจคอยอยู่ในโบสถ์

     
  11. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก (ต่อ)

    ณ ที่นั้นเอง... ในกาลเวลาขณะนี้เอง... หลวงปู่ชุ่มเคลื่อนเสลี่ยงคานคนหามออกจากกระท่อมเมื่อตอนถอนจิตจากนิโรธ สมาบัติ ฝนก็กลายเม็ดเป็นฟูฝอยละเอียดเนียนสายตาฉ่ำอารมณ์นัก คลื่นศรัทธามหาชนก็ร้องกระหึ่มโมทนา แย่งกันแข่งกันโยนดอกไม้ ธนบัตรปัจจัย ขึ้นไปบนเสลี่ยงพระอริยสงฆ์ แม้โลกธรรม ลาภ สรรเสริญ ท่วมท้นล้นเสลี่ยงอย่างไร หลวงปู่ชุ่มก็นั่งสงบเย็นใจ ประคองจิตรับรู้ศรัทธาเหล่านั้น ไม่มีอาการหวั่นไหว

    องค์หนึ่งนั่งเหนือเสลี่ยงชัย ฉ่ำละอองฝน ห้อมล้อมด้วยฝูงชนดุจดาวล้อมเดือน


    อีกองค์หนึ่งนั่งยิ้มสงบคอยอยู่ในพระอุโบสถ รอเวลาโมทนามหาทาน ที่จะถวายบูชาครูบาน้อง


    อีกองค์หนึ่ง... องค์ที่ผู้เขียนกลัวที่สุด รักเหลือแสน กระทำสีหนาทลีลามาเป็นองค์ประธานในพิธี


    ท่านผู้อ่านเอย... สามองค์พี่น้องที่เวียนว่ายบำเพ็ญบารมีมาจนครบจบกำลังแล้ว สามดวงประทีปแก้วกำลังจะมาสถิตย์ร่วมในเขตพัทธเสมาพุทธเขตเดียวกัน เพื่อให้ลูกหลานได้ชื่นชมสมปรารถนา


    ตอนที่แล้วมาจบลงตรงไหนหนอ..... มาจบลงตรงที่ว่าพระคุณเจ้าสามพี่น้องร่วมบารมีกำลังจะมากระทำพิธีมหากุศล ร่วมกันในพระอุโบสถเดียวกัน อีกวาระหนึ่ง


    ต้องขอบอกเล่านำอารมณ์ท่านผู้อ่านเสียก่อน....เอาเสียนิดหนึ่งพอเป็นเชื้อ บุญหนุนให้ท่านเห็นด้วยใจได้ คือ หลวงปู่ชุ่มหนึ่ง... หลวงปู่คำแสนเล็กสอง.... พ่อ (หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง) รวมเป็นสามดวงแก้วสังฆรัตนะนี้ ตามที่ฟังพ่อเล่า ก็ทราบว่าท่านเกิดร่วมอุทรเดียวกันมาหลายชาติหนักหนา.... แต่ละองค์ก็ทรงลักษณะเป็นพิเศษเฉพาะตน


    หลวงปู่คำแสนเล็ก จะเป็นพี่ใหญ่มีอัธยาศัยรักสงบ ขี้อาย รักน้องจนตัวเองประมาณไม่ได้ว่ารักแค่ไหน จะยอมเสียสละทุกอย่างให้น้องได้แม้จะเป็นบัลลังก์เศวตรฉัตรตามสิทธิทายาทอัน ชอบธรรม ขออย่างเดียวให้น้องได้มีความสุข


    หลวงปู่ชุ่มออกจะดุ มีความเด็ดเดี่ยว ทุ่มชีวิตจิตใจให้กับงานทุกอย่างที่รับผิดชอบ แต่วาสนาเอย..... อานุภาพที่เด็ดขาดปานนั้น ก็มีไว้ทำเพื่อน้องที่ท่านรักและชาติตระกูลเท่านั้น จริงๆ แล้วท่านรักความเป็นอิสระ ไม่ชอบนำคน แต่ก็ไม่ชอบให้คนมานำท่าน เสร็จจากภารกิจใดก็มอบความสำเร็จนั้นให้ส่วนรวม แล้วก็อยู่กับตัวเองและโลกของตัวเอง.... อย่างนี้มาทุกชาติ


    ทีนี้มาถึงพ่อ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง เขียนยากหน่อย เพราะอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ใกล้เกินไปจนมองเห็นความดีเต็มดีไม่ได้ หรืออีกอย่างหนึ่งเห็นความดีของพ่อจนบรรยายไม่สาสมใจรักของเรา


    พระดี คนดี ก็เหมือนภาพวาดฝีมือประณีตสมปรารถนา หากดูใกล้เกินไป ก็เห็นตำหนิลายเส้น เงาสี เป็นธรรมดา หากดูไกลเกินไปก็จะเห็นความดีจุดเด่นไม่ชัดเจนทั่วถึง ต้องอยู่ระยะไม่ใกล้ไม่ไกลนัก นานๆ ดูที จึงจะเห็นควรค่าถนอม


    พ่อของเราก็เหมือนกัน.... การดูใกล้ดูไกล จะเอาไว้พูดตอนที่เป็นเรื่องของท่านโดยตรง ตอน “พระผู้เป็นเนื้อนาบุญ” ....ตอนนี้จะชวนท่านผู้อ่านดูในระยะพอดี โน่น....เห็นพ่อเดินมาจากกุฏิที่พัก จะว่าเข้มแข็งปึงปังก็ไม่ใช่ จะว่าอ่อนโยนเหมือนคนไม่เคยลำบากก็ไม่เชิง ถ้าท่านเคยเห็น ....สมัยก่อนเขาเรียกสีหะ ....ถ้าตัวที่เป็นจ่าฝูงเขาเรียก สีหราช คือ ราชสีห์ คือสิงโตในหนังทีวีนั่นแหละ ท่านเคยเห็นใช่ไหม


    หลวงปู่ชุ่มลอยเหนือศีรษะฝูงชนมาบนเสลี่ยง แต่พ่อเดินผ่านฝูงชนที่จงรักต่อท่านมาแบบธรรมดา แต่กลุ่มบุคคลผู้อิ่มบุญเหล่านั้นกลับเปิดทางให้ท่านเป็นสายน่าอัศจรรย์ เขาเหล่านั้นนั่งประนมมือสองข้างทาง แต่ตาจับจ้องหน้าพ่อด้วยความรักเทิดทูน จะว่าท่านใดได้น้ำใจจากปวงชนมากกว่ากันหนอระหว่างท่านลุงผู้ทรงเสลี่ยงกับ ท่านพ่อผู้กระทำสีหนาทลีลาในช่วงมือเอื้อมถึง ท่ามกลางคนที่ท่านรัก..... แต่ทั้งสองท่านก็มารวมกันในพระอุโบสถวัดวังมุย ในกระแสสายตาที่ชื่นชมของท่านพี่องค์ใหญ่สุด ....ท่านลุงคำแสน


    ท่านผู้อ่านเอย.... เมื่อทั้งสามท่านนั่งสามเส้ามีพ่อนั่งตรงกลาง เราจึงได้เห็นอำนาจวาสนาบารมีและภาระรับผิดชอบของพ่อ พ่อพูดนำให้ลูกๆ ที่ตามขบวนไปให้รู้จักอานิสงส์ของการทำบุญกับพระอรหันต์ที่ออกจากนิโรธ สมาบัติ พ่อพูดไม่มีติดขัดเสียงกังวานกินใจ หลวงปู่คำแสนนั่งยิ้มมองพ่อทำงานแบบ....
    "โมทนาด้วย ช่วยเหนื่อยแทนหน่อย" หลวงปู่ชุ่มนั่งสงบสำรวม เหมือนนั่งสบายคนเดียวในป่าร่มรื่นในโลกของท่านเอง... ต่างองค์ต่างทำหน้าที่ ต่างองค์ต่างเป็นสุขอิสระตามธรรมชาติของตนเอง นานๆ ครั้ง ก็จะหันมามองทางญาติโยมลูกหลานที่มาทำบุญกับท่าน มองยิ้มสนิทใจ เหมือนยิ้มพรมไปบนดอกไม้ที่ท่านได้ปลูกฝังรดน้ำมากับมือ

    ใจเราเอย... ขณะนั้นใจเราอยากจะเป็นพระอรหันต์ อยากบวช อยากยิ้มเย็นสนิทเหมือนท่าน แม้ต้องแลกด้วยทุกๆ อย่างในโลกที่เราครอบครอง รวมทั้งชีวิตของเราด้วย เราจะยอมแลกกับผ้ากาสาวพัสตร์ เราปรารถนาจะบวชอุทิศแด่พระรัตนตรัย เราจะเดินตามรอยเท้าพ่อและพระอรหันต์ทั้งหลาย เราปรารถนาพระนิพพาน

    จากวันนั้น... ถึงวันที่นั่งเขียนอยู่นี้กี่ปีแล้วหนอ.... (๒๕๔๔) ๒๔ ปีกว่าแล้ว เหตุการณ์นั้นแม้จะผ่านไปแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ของบุญวาสนานั้นยังสะอาดแจ่มใส ยังสามารถนึกถึงกลิ่นธูป กลิ่นจีวร กลิ่นน้ำหมาก.... นี่กระมังที่มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า กลิ่นแห่งศีลนั้นหอมทวนลม ขจรขจายไปได้ไกลแสนไกล ยิ่งมาได้ไออุ่นของพระธรรมจากใจของพระคุณเจ้าสามพี่น้องมาอบรมผสมผสานเข้าไป ด้วย จึงได้หอมมานานขนาดนี้หนอ

    จากพิธีออกจากนิโรธสมาบัติวันนั้น ผู้เขียนได้พบและปรนนิบัติหลวงปู่ชุ่มและหลวงปู่คำแสนเล็กอีกหลายวาระ ส่วนใหญ่จะเป็นที่
    "บ้านซอยสายลม" ของพวกเรานั่นแหละ จะเล่าสู่กันฟังตามลำดับเหตุการณ์จริงเป็นต้นมา

     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก (ต่อ)

    อีกครั้งหนึ่ง ที่บ้านซอยสายลม

    ตามปกติจริงๆ แล้ว บ้านซอยสายลมจะมีงานยุ่งเฉพาะตอนที่พ่อมาสอนพระกรรมฐานเดือนละครั้ง เป็นเวลา ๓ วัน พี่อ๋อยจะเดินสั่งงานจัดโน่นวางนี่ก่อนพ่อมาเพียง ๒ วัน ก็เสร็จเรียบร้อย แต่นับจากงานฉลองวัดท่าซุงปี ๒๕๑๘ เป็นต้นมา การจัดแจงสถานที่ก็มีการเพิ่มเติมขึ้นบ่อยครั้ง เพราะหลวงปู่สุปฏิปันโนทั้งหลายจะโคจรมาพักเจริญศรัทธาตามคำนิมนต์ของท่าน เจ้าของบ้านครั้งละองค์ ก็จัดที่พักไม่ยาก บางคราวมาพร้อมกัน ๓


    หลวงปู่ชุ่มนี่ทรงอภิญญาสมาบัติแน่ แต่ไม่เคยเห็นแสดงชัดแจ้งแดงจัดอะไรสักครั้ง มีครั้งหนึ่งที่ท่านมาพักซอยสายลมอย่างนี้แหละ มากัน ๔ องค์ ตกค่ำท่านก็จะทำวัตรเย็นกัน ....พระคุณเจ้าทางเหนือนี่ ท่านจะคุกเข่าสวดมนต์กัน พอวันแรกผ่านไปก็ต้องรีบแก้ไขปัญหา พื้นกระดานแข็ง เข่าพระแก่คุกบดพื้นก็ต้องเจ็บมาก พี่อ๋อยก็ให้เอาเบาะฟองน้ำมารองเข่าถวายท่าน ....โธ่เอ๋ย วันนั้นหลวงปู่บุดดาก็มาสมทบเหมือนเหาะมาไม่บอกกล่าว มาถึงพอดีกับที่ทั้ง ๔ องค์ กำลังจะคุกเข่าบนเบาะ หลวงปู่บุดดาก็จะคุกเข่าบนพื้นแข็ง โอย....หลวงปู่ชุ่มหันมามองตาผู้เขียน ตะคอกเสียงดุเชียว....

    แล้วก็มาถึงเรื่องสุดท้ายที่จะเล่าให้ฟังกัน

    เรื่องของหลวงปู่ชุ่ม ทำอะไรล่ะ ! ฟังเอาเองดีกว่า คือพอจะใกล้ทิ้งสังขารหลวงปู่ชุ่มก็บอกความในใจกับท่านเจ้ากรมเสริมและพี่อ๋อย (ท่านพล.อ.ท.ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ และคุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เจ้าของบ้านซอยสายลม ...เขียนย้ำ กลัวคนรุ่นหลังจะลืม) ว่าท่านเคยเกิดเป็นลูกของท่านพ่อท่านแม่คู่นี้ แล้วท่านก็ลงไปปักษ์ใต้กับพระคุณพ่อเราในงานสาธารณสงเคราะห์ของศูนย์ สงเคราะห์ฯ วัดท่าซุงเรา ก่อนออกเดินทางก็บอกท่านพ่อท่านแม่ทั้งสองว่า ไปเที่ยวนี้ก็ต้องลาแล้ว ศพของท่านขอให้จัดที่ซอยสายลม ขอให้โยมพ่อโยมแม่จัดการเผาศพท่านด้วย ถ้าให้ทางวัดลำพูนไปจัดการศพจะเสียเปล่า ถ้าให้โยมพ่อโยมแม่จัดการกระดูกท่านจึงจะเป็นพระธาตุเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง สักการะทัศนาเพื่อความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัยได้

    ...ขอเล่าข้ามไปก่อนว่า เมื่อท่านกลับจากปักษ์ใต้ก็ป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอะไรหนอ... มีพี่อำไพ พวงทอง กับพี่หมอยุวดี เป็นผู้รับธุระถวายอุปการะ

    เล่าข้ามต่อไปก่อนอีกช่วงหนึ่งว่า... พอหลวงปู่มรณภาพตั้งศพที่บ้านซอยสายลมแล้วชาวบ้านชาววัดลำพูนก็เดินขบวนกันมา อย่าเรียกว่าแย่งเลย... มาเอาศพท่านไป ทางบ้านสายลมก็ไม่กล้าอ้างคำฝากผีฝากไข้ของหลวงปู่ เพราะท่านไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายวินัยสงฆ์ ...เสียดายหนอ

    เอาล่ะ....กลับมาดู ย้อนไปสัมผัสเหตุการณ์ที่พวกเราปรนนิบัติร่างกายพระดีกันเป็นวาระสุดท้าย วันนั้นพอดีเป็นวันที่พ่อไปสอนพระกรรมฐานที่บ้านสายลม ปีไหนหนอ...๒๕๒๑ เวลาประมาณสองทุ่ม พี่อำไพ พวงทอง ก็โทรศัพท์มาบอกว่า หลวงปู่ชุ่มมรณภาพแล้วโดยอาการสงบ... คือลุกขึ้นมานั่งยิ้มสดชื่น สักครู่ก็นอน... สงบนิ่งไปเลย พ่อสั่งให้นำศพหลวงปู่มาตั้งที่บ้านสายลม ตั้งสรงน้ำกัน ตรงหน้าห้องที่พระสงฆ์พักเวลามาสอนกรรมฐาน ตรงที่จำหน่ายสังฆทานนั่นแหละ เอาเตียงมาวางร่าง เอาตั่งมารองขันน้ำสรงมือ

    ร้องไห้กันทำไมหนอ... ท่านคงนอนยิ้มถาม ....ไม่มีใครตอบท่าน มีแต่ต่างก็ตอบสนองความเคารพอาลัยรักของตนเอง เอาขมิ้นมาทาฝ่าเท้า เอาผ้าขาวมาตัดพิมพ์แจกให้ทำบุญกัน... พิมพ์รอยเท้าทำไมหนอ... ท่านคงถาม ทำไมไม่พิมพ์น้ำคำประทับกระแสธรรมไว้ในดวงจิต ....เอาเถิดลูกหลานเอ๋ย ทำอะไรที่มันไม่ผิดศีลแล้วมีความสุขก็ทำเถิด เป็นบันไดเป็นกำลังให้ก้าวไปสู่จุดที่ปู่เข้าถึงแล้ว จุดที่พ่อเธอเข้าถึงแล้ว เมื่อเธอเข้าถึงด้วยตัวเอง อามิสบูชาทั้งหลาย เธอก็ไม่ต้องทำแล้ว ตอนนี้ทำเถิดลูก ทำไปจนวันตาย.... วันที่ปู่ได้ครอบครองสมใจแล้ว

    ผู้เขียนประจงเช็ดปากหลวงปู่ด้วยกระดาษซับ ตอนนี้ไม่กลัวโดนดุแล้ว ตามีอำนาจดุจสายฟ้าปิดสนิทแล้ว แต่กระแสอัศจรรย์อย่างหนึ่งแล่นเข้ากระทบใจผู้เขียน

     
  13. comkung

    comkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +3,075
    ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผมได้โอนเงินร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธครูบาวิฑูรย์ จำนวน ๒๐๐ บาท และขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2011
  14. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    พี่ญ ครับ ผมโอนไปร่วมบุญด้วยแล้วคับ 300 บาทผ่านทางตู้ ATM ขอบคุณมากๆคับ :cool:
     
  15. จั่นเจา_w9

    จั่นเจา_w9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,285
    ไพรัช ขอร่วมด้วย โอนเงินแล้วจำนวน 100 บาท เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2554 เวลาประมาณ 17.19 น.
     
  16. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    [​IMG]
     
  17. tippavan

    tippavan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +1,583
    ร่วมทำบุญในมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธกรรมปี2554 โอนเงินแล้ววันนี้ทาง Cyber จำนวน 300 บาท ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านค่ะ

    นิพพานะปัจโยโหตุ
     
  18. nanbatakeshi

    nanbatakeshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    19,488
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ได้ร่วมทำบุญกับงานเข้า-ออกนิโรธกรรมฯปี2554จำนวน600บาท และขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ
     
  19. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ได้โอนเงินจำนวน 700 บาท เข้าบัญชีข้างบนข้างต้นโดยขอร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ๑๗-๒๕ ก.ย.๕๔
    จำนวน 400 บาท และ นำเงินเข้ากองทุนลับแลจำนวน 300 บาท
    และขออภัยคุณ ญ.ผู้หญิง ที่ทำให้มาแยกเงินอีกครั้ง และโมทนาด้วยครับ กับคุณ ญ.ผู้หญิง คณะ และ ทุกท่านด้วยครับ
     
  20. a_ps

    a_ps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +2,994
    ข้าพเจ้าตั้งใจเป็นเจ้าภาพร่วมในบุญ
    เจ้าภาพมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธครูบาวิฑูรย์ ชินวโร
    ตามดำริแห่งคณะเจ้าภาพในโครงการ/กิจกรรมนี้ทั้งหมด
    น้อมถวายแด่คณะสงฆ์ด้วยกำลังใจมิมีประมาณ

    บุญความดีทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมไว้ด้วยดีแล้วจะเกิดประโยชน์เกิดความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด
    ขอยกขึ้นน้อมถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกพระองค์ทุกท่าน

    อิทังปุญญะผะลัง
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว
    แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช
    ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน
    แม้หากข้าพเจ้าจะยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า “ไม่” ทั้งหลายจงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้าจนกว่าจะถึงพระนิพพานด้วยเทอญ

    โมทนาบุญทั้งหมดกับทุกท่านด้วยครับ สาธุ+++ / a_emwork_numboon

    หมายเหตุ โอนเงินร่วมบุญในการนี้เรียบร้อยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...