พระอภิธรรมเล่มที่ ๓ จตุกกมาติกา

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Kob, 11 มิถุนายน 2011.

  1. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=62993[/MUSIC]

    36-029 [FONT=&quot]จตุกกมาติกา[/FONT]
    ที่มาไฟล์เสียง ทดลองอ่าน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมเล่ม ๓ - Buddhism Audio

    <CENTER>จตุกกมาติกา
    </CENTER> [๑๐] บุคคล ๔ จำพวก
    คนที่เป็นอสัตบุรุษ
    คนที่เป็นอสัตบุรุษยิ่งกว่าอสัตบุรุษ
    คนที่เป็นสัตบุรุษ
    คนที่เป็นสัตบุรุษยิ่งกว่าสัตบุรุษ
    คนลามก
    คนลามกยิ่งกว่าคนลามก
    คนดี
    คนดียิ่งกว่าคนดี
    คนมีธรรมลามก
    คนมีธรรมลามกยิ่งกว่าคนมีธรรมลามก
    คนมีธรรมงาม
    คนมีธรรมงามยิ่งกว่าคนมีธรรมงาม
    คนมีที่ติ
    คนมีที่ติมาก
    คนมีที่ติน้อย
    คนไม่มีที่ติ
    บุคคลผู้เป็นอุคฆฏิตัญญู
    บุคคลผู้เป็นวิปัญจิตัญญู
    บุคคลผู้เป็นเนยยะ
    บุคคลผู้เป็นปทปรมะ
    บุคคลผู้โต้ตอบถูกต้องแต่ไม่ว่องไว
    บุคคลผู้โต้ตอบว่องไวแต่ไม่ถูกต้อง
    บุคคลผู้โต้ตอบถูกต้องและว่องไว
    บุคคลผู้โต้ตอบไม่ถูกต้องและไม่ว่องไว
    บุคคลผู้เป็นธรรมกถึก ๔ ประเภท
    บุคคลผู้เปรียบด้วยวลาหก ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยหนู ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยมะม่วง ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยหม้อ ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยห้วงน้ำ ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยโคถึก ๔ จำพวก
    บุคคลผู้เปรียบด้วยอสรพิษ ๔ จำพวก
    บุคคลบางคนไม่ใคร่ครวญ ไม่ไตร่ตรองแล้ว พูดสรรเสริญคนที่
    ไม่ควรสรรเสริญ
    บุคคลบางคนไม่ใคร่ครวญ ไม่ไตร่ตรองแล้ว พูดติเตียนคนที่ควร
    สรรเสริญ
    บุคคลบางคนไม่ใคร่ครวญ ไม่ไตร่ตรองแล้ว มีความเลื่อมใส
    ในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส
    บุคคลบางคนไม่ใคร่ครวญ ไม่ไตร่ตรองแล้ว ไม่เลื่อมใสในฐานะ
    ที่ควรเลื่อมใส
    บุคคลบางคนใคร่ครวญ ไตร่ตรองแล้ว พูดติเตียนคนที่ควรติเตียน
    บุคคลบางคนใคร่ครวญไตร่ตรองแล้ว พูดสรรเสริญคนที่ควร
    สรรเสริญ
    บุคคลบางคนใคร่ครวญไตร่ตรองแล้ว ไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
    เลื่อมใส
    บุคคลบางคนใคร่ครวญไตร่ตรองแล้ว เลื่อมใสในฐานะที่ควร
    เลื่อมใส
    บุคคลบางคนพูดติเตียนคนที่ควรติเตียน อันจริงแท้ตามกาล แต่
    ไม่พูดสรรเสริญคนที่ควรสรรเสริญ อันจริงแท้ตามกาล
    บุคคลบางคนพูดสรรเสริญคนที่ควรสรรเสริญ อันจริงแท้ตามกาล
    แต่ไม่พูดติเตียนคนที่ควรติเตียน อันจริงแท้ตามกาล
    บุคคลบางคนพูดติเตียนคนที่ควรติเตียน อันจริงแท้ตามกาล และ
    พูดสรรเสริญคนที่ควรสรรเสริญ อันจริงแท้ตามกาล
    บุคคลบางคนไม่พูดติเตียนคนที่ควรติเตียน อันจริงแท้ตามกาล และ
    ไม่พูดสรรเสริญคนที่ควรสรรเสริญ อันจริงแท้ตามกาล
    บุคคลผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผล
    แห่งบุญ
    บุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความ
    หมั่น
    บุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่นด้วย ดำรงชีพอยู่ด้วยผล
    แห่งบุญด้วย
    บุคคลผู้มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น ทั้งมิใช่ดำรงชีพอยู่
    ด้วยผลแห่งบุญด้วย
    บุคคลผู้มีความมืดมามืดไป
    บุคคลผู้มีความมืดมาสว่างไป
    บุคคลผู้สว่างมามืดไป
    บุคคลผู้สว่างมาสว่างไป
    บุคคลผู้ต่ำมาแล้วต่ำไป
    บุคคลผู้ต่ำมาแล้วสูงไป
    บุคคลผู้สูงมาแล้วต่ำไป
    บุคคลผู้สูงมาแล้วสูงไป
    บุคคลผู้เปรียบด้วยต้นไม้ ๔ อย่าง
    บุคคลผู้ถือรูปเป็นประมาณเลื่อมใสในรูป
    บุคคลผู้ถือเสียงเป็นประมาณเลื่อมใสในเสียง
    บุคคลผู้ถือความเศร้าหมองเป็นประมาณเลื่อมใสในความเศร้าหมอง
    บุคคลผู้ถือธรรมเป็นประมาณเลื่อมใสในธรรม
    บุคคลบางคนปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์คนอื่น
    บุคคลบางคนปฏิบัติเพื่อประโยชน์คนอื่น ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน
    บุคคลบางคนปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนด้วย ปฏิบัติเพื่อประโยชน์
    คนอื่นด้วย
    บุคคลบางคนไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์
    คนอื่น
    บุคคลบางคนทำตนให้เดือดร้อน ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำตนให้
    เดือดร้อน
    บุคคลบางคนทำคนอื่นให้เดือดร้อน ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำคนอื่น
    ให้เดือดร้อน
    บุคคลบางคนทำตนให้เดือดร้อน ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำตนให้
    เดือดร้อนด้วย ทำคนอื่นให้เดือดร้อน ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำคนอื่นให้เดือด
    ร้อนด้วย
    บุคคลบางคนไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำตน
    ให้เดือดร้อน ไม่ทำคนอื่นให้เดือดร้อน ไม่ขวนขวายประกอบสิ่งที่ทำคนอื่นให้
    เดือดร้อน บุคคลนั้นไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำคนอื่นให้เดือดร้อน เป็นผู้หมด
    หิว เป็นผู้ดับแล้ว เป็นผู้เย็นแล้ว เสวยความสุขมีตนอันประเสริฐ สำเร็จ
    อิริยาบถอยู่ในทิฏฐธรรมเทียว
    บุคคลมีราคะ
    บุคคลมีโทสะ
    บุคคลมีโมหะ
    บุคคลมีมานะ
    บุคคลบางคนได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ปัญญาเห็นแจ้งใน
    ธรรม กล่าวคืออธิปัญญา
    บุคคลบางคนได้ปัญญาเห็นแจ้งในธรรมคืออธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโต-
    *สมถะในภายใน
    บุคคลบางคนได้เจโตสมถะในภายในด้วย ได้ปัญญาเห็นแจ้งในธรรม
    คืออธิปัญญาด้วย
    บุคคลบางคนไม่ได้เจโตสมถะในภายในด้วย ไม่ได้ปัญญาเห็นแจ้งใน
    ธรรม คืออธิปัญญาด้วย
    บุคคลผู้ไปตามกระแส
    บุคคลผู้ไปทวนกระแส
    บุคคลผู้ตั้งตัวได้แล้ว
    บุคคลผู้ข้ามถึงฝั่งยืนอยู่บนบก เป็นพราหมณ์
    บุคคลผู้มีสุตะน้อย และไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ
    บุคคลผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ
    บุคคลมีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ
    บุคคลมีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ
    สมณะไม่หวั่นไหว
    สมณะดังบัวหลวง
    สมณะดังบัวขาว
    สมณะสุขุมาลในหมู่สมณะ

    <CENTER>จตุกกมาติกา จบ
    </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>ที่มาเนื้อหา
     
  2. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
  3. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    [​IMG]
    กราบอนุโมทนาสาธุคะ
    <!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...