เครือข่ายชาวพุทธผู้รักสงบเข้าถามจุฬาราชมนตรี กรณีนายชลิต ภักดีบุตร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย omio, 5 มิถุนายน 2011.

  1. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    [​IMG]



    เครือข่ายชาวพุทธผู้รักสงบเข้ายื่นหนังสือกับสำนักจุฬา ราชมนตรี เพื่อสอบถามในกรณีที่มีนายชลิต ภักดีบุตร ได้อ้างว่าจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคและได้เข้ารับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม

    วันนี้ (๓๑ พ.ค.) ผศ.เสถียร วิพรหมา ประธานเครือข่ายชาวพุทธผู้รักสงบ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือสอบถามในกรณีการบรรยายสด หัวข้อการยอมจำนนต่อพระองค์อัลลอฮฺ โดย อ.ชารีฟ วงศ์เสงี่ยม และ อ.อับดุลลอฮฺ ภักดีบุตร (อดีต ป.ธ.๙) มัสยิด คอยริสซุนนะฮฺ ซอยมิสทีน ถ. สุขาภิบาล ๓ เวลา สองทุ่ม (๒๐.๐๐ น.) ในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔
    โดยมีเนื้อหาบางส่วน เช่น ประวัติ อดีตพระชลิต ภักดีบุตร(อ.อับดุลลอฮฺ) จบเปรียญธรรม ๙ ขั้นสูงสุด จบปริญญาตรีด้าน ภาษาบาลี และปริญญาโทด้านบาลีโดยตรง พร้อมด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง มหาวิทยาลัยจุฬา ได้รับทุนให้ไปศึกษาที่ประเทศอินเดีย ๒ ปี ที่มหาวิทยาลัยนาลันทะ สุดท้ายพระท่านนี้ประกาศตัวรับอิสลาม อันเนื่องมาจากที่ท่านได้ไปอ่านพระไตรปิฎกฉบับเก่าแก่ที่ถูกเก็บเอาไว้ใน ห้องสมุดที่อินเดีย บันทึกอยู่ใบลานด้วยภาษาบาลี ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายถูกส่งมาที่อารเบีย จะมีอูฐเป็นพาหนะ โดยท่านจะกำพร้าพ่อ แม่ ตั้งแต่ยังเล็ก

    ซึ่งได้ตรวจสอบกับรายชื่อจากสำนักเรียนที่อ้างถึง คือ วัดพิชยญาติการาม และวัดอนงคาราม ก็มิได้ปรากฏชื่อของนายชลิตแต่อย่างใด และที่อ้างว่าสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคภายใน ๕ ปี นั้นไม่สามารถกระทำได้เลยเพราะการศึกษาภาษาบาลีในสมัยปัจจุบันนั้นต้องใช้ เวลาอย่างน้อย ๘ ปี จึงจะสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค เพราะบาลีสนามหลวงเปิดให้เข้าสอบได้ปีละ ๑ ชั้น เท่านั้นดังนั้น ในสมัยปัจจุบันนับจาก พ.ศ.๒๔๖๙ สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมาการศึกษาวิชาภาษาบาลีตั้งแต่เปรียญธรรม ๑-๒ ถึง เปรียญธรรม ๙ ประโยค ต้องใช้เวลามากกว่า ๕ ปี อย่างแน่นอน และยังมีการบิดเบือนพระพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าในการบรรยายอีกด้วย

    โดยทางสำนักจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้ผู้แทนสำนักจุฬา ราชมนตรี คือนายประสาน(ชารีฟ) ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักจุฬาราชมนตรี เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน และหลังจากได้รับหนังสือผู้แทนสำนักจุฬาราชมนตรีก็ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ได้ทราบเรื่องแล้วและกำลังเป็นห่วงเหตุดังกล่าวเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้เกิดความกระทบกระทั้งกันทั้งชาวพุทธและมุสลิม และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่มุสลิมอย่างแน่นอนเพราะด้วยหลักการแล้วสาสนา อิสลามไม่ได้มีคำสอนในลักษณะดังกล่าว จากนั้นได้มอบให้ จนท ที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร่งด่วน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญและได้ขอบคุณเครือข่ายชาวพุทธผู้รักสงบที่มาแสดง ความห่วงใยในกรณีดังกล่าวอย่างเป็นมิตรไมตรีต่อกัน

    ที่มา : ฝ่ายข่าวศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
    วันที่ ๓๑ พ.ค. ๒๕๕๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2011
  2. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    ประวัติ อดีตพระชลิต ภักดีบุตร(อ.อับดุลลอฮฺ) จบปริญัติ 9 ขั้นสูงสุด จบปริญญาตรีด้าน ภาษาบาลี และปริญญาโทด้านบาลีโดยตรง พร้อมด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง มหาวิทยาลัยจุฬา ได้รับทุนให้ไปศึกษาที่ประเทศอินเดีย 2 ปี ที่มหาวิทยาลัยนาลันทะ สุดท้ายพระท่านนี้ประกาศตัวรับอิสลาม อันเนื่องมาจากที่ท่านได้ไปอ่านพระไตรปิฎกฉบับเก่าแก่ที่ถูกเก็บเอาไว้ใน ห้องสมุดที่­­อินเดีย บันทึกอยู่ใบลานด้วยภาษาบาลี ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายถูกส่งมาที่อารเบีย จะมีอูฐเป็นพาหนะ โดยท่านจะกำพร้าพ่อ แม่ ตั้งแต่ยังเล็ก ...

    เพราะฉะนั้นการมาของมุฮัมหมัดไม่ได้ถูกกล่าวเอาไว้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่าง เดียว แม้แต่คัมภีร์อื่นๆก็ยังกล่าวเอาไว้ด้วย บางทีอาจจะกล่าวชัดเจนกว่าคัมภีร์ไบเบิ้ลเสียอีก ที่ชัดที่สุดในตอนนี้คือ คัมภีร์พระเวท / อดีตพระท่านนี้ยืนยันว่า พระไตรปิฎกสอนเอาไว้อย่างแน่นอนในเรื่องพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ใครเชี่ยวชาญภาษาบาลีเชิญมาถกกันเพื่อพิสูจน์ความจริงได้
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมแปลกใจนะว่าข่าวนี้ทำไมไม่ออกข่าวที่สื่อสำนักพิมพ์ใดสำนักพิพ์หนึ่ง.....กลับออกแต่ประกาศในศูนย์พิทักษ์ อย่างนี้ไม่พอหลอกนะครับ.....เพราะอิสลามเขาใช้สื่อที่มันใหญ่กว่ากระจายข่าวได้มากกว่า....ทำให้คนที่ไม่คิดหน้าคิดหลังหลงเชื่อได้มากกว่า....ถ้าเราทำอย่างนี้ไม่มีหวังได้เลยที่จะพิทักษ์พระศาสนาได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง.....

    อย่างไรผมก็เป็นกำลังใจให้เครือข่ายชาวพุทธผู้รักสงบเพราะว่าศาสนาพุทธนั้นโดนอย่างแรงเลยแต่กลับไม่ทำอะไรเลย เพราะความปล่อยว่างอย่างไม่ประกอบด้วยปัญญา....ลืมหน้าที่ของชาวพุทธไปเลย....อย่างน้อยก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเพื่อปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาบ้าง.....

     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ผมกลับเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นสาระเลยนะ....อ่านดูแล้วรู้สึกว่าน่าขันว่าเป็นไปได้อย่างไรด้วยซ้ำ.....ถ้าจะกล่าวว่าพระไตรปิฏกมีคำนี้อยู่....เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์สำหรับชาวพุทธที่แท้จริง....

    เพราะพุทธศาสนาเป็นสัจนิยม ไม่ได้เป็นศาสนาแบบเทวนิยม ที่เชื่อว่าอะไรก็ตามพระเจ้าเป็นผู้กำหนดหรือเป็นผู้ประทานมาให้...หรือเป็นผู้ช่วยให้รอด ตลอดจนทั้งพิพากษาว่าใครจะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์....จนทำให้ศาสนิกในศาสนานั้นไม่ค่อยได้ประกอบด้วยปัญญาแต่กลับเจริญด้วยความเชื่อเป็นสำคัญ....คือต้องเชื่อในพระเจ้าอย่างเดียว....จนหลับหูหลับตา จนไม่มีความคิดตลอดจนทั้งความเชื่อมั่นในตัวของตนเอง......

    ศาสนาพุทธนั้นเป็นสัจนิยมตรงที่ เชื่อในผลของกรรม ก็คือผลของการกระทำของตนเองว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ได้มาจากการอ้อนวอนสรรเสริญจากพระเจ้าให้ประทานมาให้....ตอลดจนไม่มีความเชื่อในผู้ช่วยให้รอดเหมือนศาสนาแบบเทวนิยม.....ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องการพระเจ้า...เพราะไม่รู้ว่าเอาพระเจ้ามาทำไม..และไม่รู้ว่าหน้าตาของพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร...นอกจากจะพึ่งตนเองและช่วยตนเอง ประกอบด้วยปัญญา และมีศรัทธาในความเป็นจริงตามธรรมะ หรือธรรมชาติ เป็นเหตุ เป็นผล........แค่นี่ก็บ่งบอกชัดแล้วหละครับว่ามั่ว........นะ.........ไม่ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีมาหลอก.....ขนาดหลักธรรมเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว....จำเป็นอะไรที่จะต้องไปใช้ความรู้ที่สูงกว่านั้น.....
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    เผยโฉม


    อดีตมหาประโยค 9 เข้ารีตอิสลาม



    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป


    อ้างว่า "จบ ป.ธ.9 จากสำนักเรียนวัดอนงคาราม กรุงเทพฯ" ว่าแต่จริงหรือเปล่า เพราะไม่มีชื่อ "พระมหาชลิต ภักดีบุตร" ในสารบบประโยคเก้าเลย

    นี่คือรายชื่อพระเปรียญ 9 ประโยค ตั้งแต่ พ.ศ.2474 -2540 จากวัดอนงคารามและวัดพิชยญาติการาม ที่นายคนนี้อ้างว่าเคยศึกษาและเรียนจบที่นั่น


    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป

    ข้อมูลจาก "ทำเนียบพระเปรียญธรรม 9 ประโยค สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2549" จัดพิมพ์โดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน ดังนั้น จึงต้องขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติช่วยตรวจสอบและยืนยืนอีกที


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/tniCFpaV55w width=450 height=350 type=application/x-shockwave-flash>
    ดูแล้วก็ฮาดีนะ 55+ หาดูยาก ไม่ทำการบ้านมาก่อนหรือไง จะหลอกลวงทั้งทีไม่เนียนเอาซะเลย น่าสงสาร



    นายชลิต ภักดีบุตร

    (กดที่ภาพเพื่อชม)


    วานนี้(16) เวลาประมาณ 20.30 น.ณ อาคารอเนกประสงค์ มัสยิดคอยริสซุนนะห์ ลาดบัวขาว ได้มีการจัดกิจกรรมค่ายการเรียนรู้วิถีชีวิตอิสลาม เป็นวันที่ 2 โดยได้เชิญ อ.ชารีฟ วงศ์เสงี่ยม และ อ.อับดุลลอฮฺ ภัคดีบุตร ซึ่งเป็นอดีตพระมหาชลิต เคยจำวัดในสมัยนั้นอยู่ที่ภูเก็ต ก่อนพบคำสอนในไตรปิกฏ กล่าวถึงอัลลอฮฺ และท่านนบีมูฮัมหมัด

    โดย อ.อับดุลลอฮฺเล่าว่าพ่อของท่านเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆ จึงมาอาศัยอยู่ข้างกำแพงวัด ก่อนจะมาเป็นเด็กวัด ก่อนที่จะขอบวชเณรเพื่อให้มีโอกาสได้ศึกษา จนจบเปรียญธรรม 9 และได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย

    ซึ่งในสมัยที่ไปเรียนนั้นศาสนาพุทธในอินเดียได้เสื่อมไปแล้ว ไม่มีคนใส่บาตร พระต้องหุงข้าวกินแอง แต่ด้วยความที่เป็นคนสนใจในการอ่าน และมีความสนใจในภาษาบาลี จึงไปอ่านไตรปิฏกของอินเดียที่เป็นภาษาดั่งเดิมและพบในคำสอนของไตยปิฏกที่กล่าวว่า "ฉันไม่ใช่ศาสดาคนแรก และคนสุดท้าย แต่จะมีศาสดาท่านสุดท้าย โดยจะเกิดในทะเลทราย ขี่อูฐ กำพร้าพ่อ-แม่"

    นอกจากนั้นในคำสอนของพุทธเจ้ายังได้สอนให้มนุษย์รู้จักผู้สร้าง เช่น ตอนที่ท่านอธิฐานหลังกินข้าวมธุปายาท "หากโลกนี้มีพระผู้สร้างจริง หากมีผู้ที่สร้างฉันมาจริง ขอให้ถาดนี้ลอยทวนกระแสน้ำ" นั่นคือต้นทางของประวัติศาสตร์ที่ว่า ตรัสรู้

    และในการเทศนาของท่าน จะบอกกับคนว่า "ความรู้ของฉันเปรียบเหมือนใบมะขามในกำมือนี้ พร้อมเด็ดใบมะขามไว้ในกำมือ แต่ความรู้ของผู้ทรงสร้างเปรียบเหมือนใบมะขามบนต้น"

    ขณะที่ในคำสอนของไตยปิฏกยังระบุถึงคำกล่าวของพุทธเจ้าอีกว่า "ศาสนาของนี้จะมีอยู่ไปอีก 1,123 ปีต่อจากนั้นจะสลายไป"

    จากนั้นอ.อับดุลลอฮฺเล่าต่อว่า ท่านก็ยังไม่เข้าใจคำสอนดังกล่าวในตอนนั้น จนมาได้พบกับการสอนศาสนาที่มัสยิดแห่งหนึ่ง ซึ่งสอนเกี่ยวกับผู้สร้างโลก และศาสดาท่านสุดท้าย จึงคิดว่าได้ว่า ทั้งหมดนี้เราเคยเรียนมาแล้ว และศาสดาองค์สุดท้ายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากได้รับความรู้เพิ่มเติมในส่วนนี้จนกระจ่างชัดแล้ว จึงได้ประกาศเข้ารับอิสลามในเวลาต่อมา



    ข่าว : พันทิป-ยูทู๊ป
    23 พฤษภาคม 2554
    alittlebuddha.com Homepage of Wat Thai Las Vegas U.S.A.


    เผยโฉม อดีตมหาประโยค 9 เข้ารีตอิสลาม

     
  6. ต้นไม้..

    ต้นไม้.. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +911
    สัจจะความจริง รู้อยู่แก่ตน ว่าเป็นเยี่ยงไร , ความต้องการเป็นใหญ่ แม้ในฝ่ายของศาสนา ยังมีอยู่ , ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พวกตนต้องการ แสดงถึงความไม่รู้จักพอเพียง ความโลภที่ยังมีอยู่ในจิตของตน , เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มั่นคงที่สุด อุดมพระธรรมคำสอนที่สมบูรณ์ และเที่ยงตรงที่สุด ปัจจุบัน เราถูกผู้ไม่ประสงค์ดี เบียดเบียนอยู่ตลอดเวลา ลุกคืบอยู่ตลอดเวลา ในเกือบทุก ๆ ด้าน ทุก ๆ ทาง , ถามท่านจุฬา ทีหรือ? ศาสนาพุทธเราเคยทำกับศาสนาท่าน เยี่ยงที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ไหม เหตุไรถึงไม่รู้จักพอเสียที.....?
     

แชร์หน้านี้

Loading...