ข่าวแม่ชีทศพร ถึงช่อง 3 แล้ว..หลังจากมีกระแสวิพากษ์กันมากมาย(มีคลิป)

ถ้าเราเชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ สอนไว้ว่า เราทุกคนต่างเวียน ว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน เคยเป็นทั้งสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นเดรัจฉาน เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม กรรมที่สะสมทั้งดี ไม่ดี มีมากมายมหาศาล

การจะจำแนกได้ว่ากรรมใดไม่ดี หรือดี คงต้องย้อนไปหลายภพ หลายชาติ หรือ กรรมใดกำลังให้ผลอยู่ในปัจจุบันชาติ ก็เป็นเรื่องที่สาวกที่ปฏิบัติดีสามารถทำได้

สาวกแต่ละท่านก็เห็นอดีตชาติ (อดีคตังญาณ) ได้ไม่เท่ากัน ตามกำลังบารมี และวิธีปฏิบัติ ได้สิบชาติ ร้อยชาติ พันชาติ แสนชาติ บ้าง (ไม่จำกัดจำนวน/อนันต์ชาติ มีได้เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น)

มีความเป็นไปได้ที่สาวกหรือผู้ปฏิบัติทางจิต ที่ฝึกจนได้ อดีคตังญาณ จะสามารถล่วงรู้ถึงผลกรรมของบุคคลอื่น (ที่กำลังให้ผลอยู่ในปัจจุบัน) และจำแนกได้ว่า ผมเช่นนี้ มาจากเหตุอะไร แต่กำลังการรู้จะไม่เท่ากัน ขึ้นกับกำลังฌาณของแต่ละคน วิชานี้อยู่ในหมวด วิชชาสาม(เตโชวิช) คือ
1 ทิพจักขุญาณ เห็นกำเนิดของสัตว์
2 ระลึกชาติได้
3 ละกิเลสได้
ดังนั้น ถ้าปฏิบัติจนวิชชาที่ 1 2 ก็มีความสามารถตามญาณได้ แม้ยังไม่บรรลุวิชชาที่ 3 ก็ตาม วิชชาที่ 1 2 ยังจัดอยู่ในชั้นโลกียญาณ สามารถเสื่อมได้ ต่อเมื่อได้ญาณสำหรับละกิเลสแล้ว ญาณทั้งหมดจึงจัดเป็นโลกุตตรญาณ

ผู้ที่จะปฏิบัติจนได้วิชชาสาม เบื้องต้นต้องเป็นผู้มีศีลก่อน (เริ่มจากศีล 5) แล้วจึงลงมือปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชี หรือพระ เท่านั้น เราๆท่านๆ ก็ทำได้ถ้าตั้งใจจริง

เรื่องของแม่ชี ไม่อยากวิจารณ์ เพราะไม่เคยรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว หรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย แต่อยากจะบอกว่า การเห็นกรรมของคนอื่น เป็นสิ่งที่มีจริง และทำได้จริง ถ้าปฏิบัติตามหลักการจริง ส่วนวิธีแก้ก็มีจริง เช่น
วิธีแก้กรรมแบบชั่วคราว เมื่อรู้ตัว(มีผู้บอกหรือรู้เอง)ว่ามีกรรมชั่วเยอะกำลังจะให้ผลในชาตินี้ เราก็แก้โดยหมั่นทำความดีให้มากๆขึ้น เพื่อให้กำลังแห่งความดีหนุนเราให้ห่างจากกรรมชั่วที่กำลังวิ่งตามมา แต่ไม่ได้หมายความว่ากรรมชั่วนั้นจะหมดไป เพียงแต่มันวิ่งไม่ทัน เพราะกรรมดีกำลังทำงานช่วยเราอยู่ แต่เมื่้อไหร่กรรมดีลดกำลังไป เมื่อนั้นกรรมชั่วย่อมเข้าสนองแทน ดังนั้น ต้องทำความดีให้เสมอต้นเสมอปลาย อย่าอ่อนกำลังเด็ดขาด

วิธีแก้กรรมแบบถาวร วิธีแก้แบบนี้ เป็นการลาจากกรรมชั่วแบบถาวร กรรมชั่วตามไม่ทัน กลายเป็นกรรมหมดแรงไป เพราะไม่มีที่จะให้ผล ก็คือวิถีแห่งอริยมรรคและอริยสัจจ์ เพื่อพัฒนาตนสู่พระอรหันต์ แม้แต่พระอรหันต์เอง ร่างกายในชาติปัจจุบันก็ยังต้องรับกรรมทั้งดีและชั่วอยู่ แต่จิตท่านไม่รับ ดังนั้นเมื่อท่านละสังขาร กรรมชั่วใดๆ ไม่อาจส่งผลได้อีก เพราะชาติ ภพ จบแล้ว เข้านิพพานเรียบร้อย

ทั้งหมดนี้ได้จากการศึกษาคำสอนของศาสนาและพระเถระ หาใช่ความคิดของข้าพเจ้าไม่

 

ไม่ขอใช้สิทธิ์! (Vote No..เกี่ยวกันไหมเนี่ย?) :'( แสดงความคิดเห็น:'(

กฏแห่งกรรมและการแก้ไขกรรม โดยแม่ชีทศพร


มาให้กำลังใจเเม่ดร.เเม่ชีทศพร..จากหนึ่งเสียงของผู้ศรัทธา

 

ใครปรามาสใคร ก็ต้องรับกรรมไปนะครับ

สงสัยว่า นี่อาจเป็นกระบวนการ...อะไรสักอย่าง

พุทธบริษัททุกท่าน ช่วยพิจาณาด้วยครับ

 

ผมมาวิเคราะห์แล้วเห็นว่าประเด็นมันอยู่ที่การสื่อสารและตัวผู้สื่อเองยกตัวอย่างเช่นการแก้กรรม แน่นอนในหลักพุทธฯแล้วไม่สามารถทำได้อย่างมากก็แค่บรรเทาลงซึ่งตัวแม่ชีเองมักจะออกตัวว่าเป็นการผ่อนกรรมอโหสิกรรมกับเจ้ากรรมเหมือนดั่งเราผ่อนหนี้กับเจ้าหนี้แต่อีทีนี้ลูกศิษย์ซึ่งสัญนิฐานว่าน่าจะจบการตลาดมาฉนั้นการตามหลักแล้วต้องกระชับ สั้น ตรงสู่เป้าหมาย โดนใจกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นที่มาของคำว่าแก้กรรม(เรื่องของภาษาล้วนๆ)พอมาถึงประเด็นที่ให้หญิงสาวคนนั้นไปนอนกับชายหนุ่มเพื่อแก้เคล็ดซึ่งอาจจะเป็นน้องชายหลานชายหรือเพื่อนบ้านโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นกลางคืนในห้องมิดชิดก็ได้เหมือนกับไปนอนในโลงศพสะเดาะเคราห์ก็ไม่จำเป็นต้องยกทั้งโลงทั้งคนไปตั้งบนเชิงตะกอน(แล้วเผา)ซึ่งทางแม่ชีเองก็สื่อออกไปให้คนเฉพาะกลุ่มที่ฟังแล้วไม่เข้าใจผิดเพราะคำว่านอนกับชายหนุ่ม และ หลับนอนกับชายหนุ่ม มันฟังดูกำกวมใกล้เคียงกันมากถ้าเป็นผมนะครับผมก็เข้าใจว่าต้องมีเซ็กซ์อย่างเดียวเลย(อาจจะเป็นเพราะผมหมกมุ่นกับเรื่องอย่างนี้มั้งเลยทำให้คิดไปแนวนี้ตลอด..อิอิ)ถ้าจะโทษต้องโทษเรื่องการใช้ภาษาเพราะภาษาไทยมันดิ้นได้ตลอดใช้ผิดที่ผิดเวลาก็ผิดความหมาย(ความหมายเปลื่อน)จริงๆแล้วต้องโทษพวกผู้ดีหน้าบางทั้งหลายที่กระดากปากใช้คำพูดพวกนี้ไม่ได้ต้องสำรอกคำใหม่ๆมาแทนหรือหยิบยืมคำอื่นมาแทนจนทำให้คำคำนั้นมีความหมายไปอีกประเด็นหนึง วกมาที่คำว่า นอนและหลับนอนเดิมๆแล้วนอนก็คือการวางตัวเป็นแนวระนาบกับพื้นหรือเอียงทำมุมเล็กน้อยเช่น นอนเล่น(แต่ส่วนใหญ่หลับจริง)นอนผึ่งพุง นอนตากลม นอนดูดาว อาจจะมีเคลิ้มๆแต่ก็รับรู้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัวได้แต่ถ้าหลับนอนหรือนอนหลับนี่คือการปิดระบบการทำงานหลักของร่างกายเลยจนไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งต่างๆรอบข้างได้ในชั่วขณะเวลาหนึ่ง อย่างเช่นเมื่อพ่อเห็นลูกๆนั่งดูทีวีจนดึกจึงตะโกนออกไปว่า...นี่ลูกมันดึกมากแล้วได้เวลาหลับนอนแล้วลูก คุณคิดว่าพ่อใช้ให้ลูกไปนอนเพื่อพักผ่อนหรือไปมีเพศสัมพันธุ์กันครับ...ฝากทุกๆท่านด้วยครับว่าอย่าพยามยืมคำไปใช้ในความหมายอื่นๆถ้ากระดากมากก็ทับศัพท์อังกฤษไปเลยก็ได้ครับถนัดกันอยู่แล้วมิใช่เหรอ.....
ปล.ส่วนตัวผมเชื่อว่าแม่ชีเป็นผู้มีจิตวิทยาสูงแต่ไม่อภิญญาถึงขั้นย้อนอดีตใครต่อใครได้ขนาดนั้น แต่ก็อนุโมทนาที่แกอุตส่ามีจิตอาสาช่วยเหลือสังคมอยู่บ่อยๆ สาธุ

 

ถ้าเลือกได้อย่ามีกระทู้นี้เลย......

ให้อภัยตัวเองได้ก็ให้อภัยผู้อื่นได้.....ผู้ไม่ทำชั่วเลยคือพระอรหันต์
โจทย์บาปของตนกันเถิด<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_end -->

 

​

 

ดูคลิปให้มันจบ แล้วคิดดีๆๆ ไม่มีอะไรเสียหายอย่าไปตัดสินท่านเพราะ แค่ดูคลิปครั้งเดียว เพราะแม่ชีท่านก็สอนเยอะในหลายๆคลิป เพราะเราปฏิบัติตามที่ท่านสอนชีวิตยังดีขึ้นเลย

 

ดิฉันก็รู้สึกว่า แม่ชีสอนไม่ถูก อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ
เริ่มตั้งแต่สอนเรื่องผู้หญิงผู้ชายไม่เท่ากัน แล้วเรื่องผลของกรรมที่ดูตลกๆไม่มีเหตุผล
เราชาวพุทธน่าจะใช้สติปัญญาพิจารณาก่อนจะเชื่อหรือศรัทธาอะไรนะคะ

 

ผมดูคลิปที่เป็นข่าวจนจบก็เฉยๆนะครับ.ไม่เห็นได้ไปนอนกับผู้ชายเห็นแต่มากอดเฉยๆแล้วผู้หญิงก็ให้เงินไป.ส่วนตัวไม่มีความคิดอะไรครับ..
อนุโมทนาครับ..

 

คลิปนี้นานมากแล้วนะครับ อันนี้แล้วแต่คนคิดกันว่าจะคิดดีหรือคิดไม่ดีครับ แล้วแต่มุมมองของคนแต่ละคน และเจตนาของคนช่วยเป็นหลัก โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าเกลียดครับ เพราะแม่ชีเองไม่ได้ให้ไปมีอะไรกันจริงๆ แล้ววิธีที่แม่ชีให้ทำก็ไม่น่าเกลียดอะไร ภาษาที่ใช้เป็นภาษาชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเครียดกันมากกว่า แม่ชีถือศีล 10 นะครับ ไม่ใช่ 227 ข้อ เหมือนพระสงฆ์ ถ้าจะคิดว่าอวดอุตริ ผมว่าท่านสามารถทำได้ ถ้าท่านมีอภิญญาจริงก็สามารถทำได้นี่ครับท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ อย่างพระเทวทัต(ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน) ยังแสดงกายเป็นงูให้พระเจ้าอชาติศัตรู เลื่อมใสก็ทำได้ นี่ครับ แต่พระพุทธเจ้าไม่ยกย่องใช่หรือไม่ครับ ถึงบอกว่าแล้วแต่คนมองว่าจะมองมุมไหน

 

เอาเป็นว่าท่านคือผู้ทรงศีล ก็แล้วกัน อย่าว่าท่านเลย่ทานเจตนาดี

 

เราเป็นชาวพุทธกันจริงหรือ
-ดวงซวยทั้งปี ทำมาหากินไม่ขึ้น หมอดูบอกให้เปลี่ยนชื่อ เออมันดีขึ้นวะ
-เดี๋ยวญาติป่วย พ่อตาย แม่ยายด่า บ้านนี้มันไม่เคยอยู่เป็นสุขเลย ซินแสบอกว่าสร้างบ้านผิดหลักฮวงจุ้ย
-เขาว่ากันว่าวัดนี้พระสมเด็จท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ต้องหามาห้อยคอให้ได้แพงแค่ไหนก็สู้(ศีลห้ายังไม่รู้เลยว่ามีอะไรบ้าง)พระท่านคงคุ้มครองเนอะ
-แม่ตะเคียนทองท่านให้เลขเด็ดมาหลายงวดแล้ว อย่างนี้ต้องแทงๆๆๆๆๆๆๆ เราชาวพุทธต้องแทงๆๆๆๆ
-เมื่อวานฝันว่าไปทำบุญมา เห็นจิ้งจกตกใส่กระโปกพระ ช่วยตีหน่อยเลขอะไร
-เขาว่าหมอดูสำนักนี้แม่นมาก
-ฯลฯ
เราชาวพุทธเชื่อดวง เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อคุณวิเศษ จึงเป็นช่องทางให้เกิดอาชีพมากมาย หรือว่าหลายท่านเชื่อเรื่องกรรม ว่าสามารถแก้กรรมได้ ผมมีข้อเสนอแนะวิธีวิ่งหนีกรรม (ไม่ใช่แก้กรรม)ลองนำไปพิจารณาดู ผมเคยทำแล้วได้ผล หนักเป็นเบา
-ละชั่ว (ศีล-รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เพราะศีลจะเป็นเสื้อเกราะคุ้มครองเราอย่างดี)
-ทำดี (สมาธิ-ต้องมีสติไม่เผอไปทำชั่วทุกชนิดเด็ดขาด )
-ทำจิตให้บริสุทธิ์ (ปัญญา-ภาวนาจนจิตผ่องใสให้เกิดปัญญา แล้วเราจะรู้เอง)ผมพยายามทำอยู่ในข้อนี้
ถ้าเราชาวพุทธทำได้สามข้อนี้ก็ไม่ต้องวิ่งไปแก้กรรมที่ไหน อยู่บ้านก็แก้ได้ แล้วก็ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วย ระหว่างคนสัทธาแม่ชี กับคนไม่สัทธาแม่ชี จะสร้างวิบากรรมต่อกันเสียเปล่าๆ

 

เยี่ยมมาก คุณนี้แหละพุทธตัวจริง!

 

[FONT=Tahoma,Bold][FONT=Tahoma,Bold]

ไม่สนใจ ไม่แส่ไปหาเรื่องในจริยาของบุคคลอื่น ​

​

​

​

[/FONT]ใครเขาจะดี ใคร
เขาจะเลวช่างเขา เราเห็นเขาเลวมากก็คือเราเลวมากเอง ถ้าเราเป็นคนดี ในโลกนี้ไม่​

มีใครเลว เพราะทุกคนอยู่ใต้อำนาจกฎของกรรม
[/FONT]

 

ติดตามดูการบรรยายธรรมของแม่ชีมาได้สามปีได้แล้ว ไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไม่แม่ชีต้องแนะนำคนนี้ไปเเบบนี้ คนนั้นไปแบบนั้น เข้าใจและเห็นด้วย ธรรมของแม่ชีลึกซึ้ง แต่แม่ชีพยายามทำให้เป็นเรื่องง่ายให้คนเข้าใจได้ นามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ ตั้งรูปและการกระทำมาเพื่อให้คนเข้าใจ แต่ถึงกระนั้นยังไงก็ไม่เข้าใจกันทุกคน มันต้องใช้ใจถึงรับรู้ได้ แล้วใจแต่ละคนก็ความหยาบความละเอียดก็ไม่เท่ากันอีก (บัวสี่เหล่า)
รักคุณแม่ชีทศพรมากค่ะ และขอให้คนที่ไม่สามารถเข้าใจธรรมในวันนี้ จงเห็นถูกเห็นจริงและเข้าใจในวันหน้าค่ะ

 

ถูกต้อง...นะคับบบบบ
ให้กำลัง แม่ชีทศพร คับ สู้ๆๆๆ (มารไม่มี ..บารีไม่เกิด) ความดีท่านมีเยอะมากมาย ท่านกำลังสร้างบารมีอยู่ ....สาธุอนุโมทนาบุญ ทุกบุญที่ท่านแม่ชีได้ ทำ นะคับ

 

ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่า นอกจาก กระแสไทยมุง..!


<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 329 คน ( เป็นสมาชิก 55 คน และ บุคคลทั่วไป 274 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>หม้อหุงข้าว..!*, jirasak2007, จันทรวิชิต, chaiyakit, เย็นแย้ม, i-happy, เย็นจิต, ปฏิบัติรู้, JustTellMe, Noinea, n_bit, aek_of, อนนท, luchcha, กระติ๊บ, mimikitty, wan_winny, sarcasm, montrik, annmilk, buckwheat, ampshal, virus174, chadd1, ศีลงาม, patcharawit, Kavinpat, หน่อง, kimji ji, warunee1981, oankrub, เเม่นํ้า, bignong, NOODEEKA, Gunny, ทุม, ฅนยอง, Jobeo, lionking2512, Akitkung, Nutthawut, ป.วิเศษ, minteed, เดือนสาม, Delio, time_machine, aonwit01, สุทธิมา, มหาวีโร, apinsorn, มาตรมณี, bt42002, มัณทนา, kitty2519 </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภพภูมิก็มีตั้ง 31 ภพภูมิ แล้วจะเอาอะไรกับใจมนุษย์ที่มีเป็นล้านๆ

ถ้าไม่สำรวม กาย วาจา ใจ ก็เป็นการสร้างกรรมต่อ หยุดเถิด...ทุกท่าน

ดูตัวเองก็เหนื่อยแล้ว ยังจะไปดูคนอื่นอีกหรือ

 

ถ้าเป็นไปได้ ลองเข้าไปสัมผัส ด้วยตัวเอง
แล้วคำตอบคงออกมาจากใจของแต่ละท่านครับ

เรื่องนี้ที่ดังขึ้นมา เพราะมีจุดมุ่งหมายบางอย่างแฝงอยู่
เพียงเพื่อที่จะโยงไปยังอีกจุด คิดแล้วเศร้าใจ......

 

ไม่รู้สิครับ มันไม่ใช่เรื่องของผม

ทีแรกคิดว่าข่าวนี้คงไม่ได้เอามาโพส ที่นี่หรอก เพราะเห็นว่ามันไม่มีแก่นสาร(แค่ผมคิดฝ่ายเดียว)

แต่ผมรู้ผมก็เฉยๆ นะ ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาอะไร ไม่รู้ว่าผมต่อมจิตสำนึกผมมันตัน

หรืออย่างไร ที่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา

สงสัยว่าผมคงโง่จริง ดักดานจริง และชั่วจริงๆ ถึงไม่มีความรู้สึกอะไรมาก

โง่จริงหนอ ชั่วจริงหนอ วุ่นวายจริงหนอตัวเรา