สอบถามเรื่อง หลังคนเสียชีิวิตที่โรงพยาบาล

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย aorsuay, 26 เมษายน 2011.

  1. aorsuay

    aorsuay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +491
    เพื่อนที่ทำงานเป็นคนอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ เค้าเล่าให้ฟังว่า หลายปีก่อน แม่ของเค้าเสียชีวิตที่ รพ.ประจำจังหวัด

    หลังจากแม่เสียก็ทำการฌาปนกิจตามปกติ และได้ ตานขันข้าวให้แม่บ่อยๆ (ตานขันข้าว คือการเอาอาหาร คาวหวาน ไปที่ถวายที่วัด แล้วบอกว่ามาอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว)

    พอครบ 3 เดือน ทางครอบครัวของเพื่อนก็ไปทำพิธี "ลงขอน" ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นการเชิญวิญญาณผู้ตายมาประทับร่างทรง เพื่อจะได้ถามไถ่ถึงชีวิตหลังความตาย

    พอวิญญาณของแม่เพื่อน มา

    เพื่อน : ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน
    แม่ : อยู่ที่ โรงพยาบาล ที่เสียชีวิต อยู่ ห้องเดิม เตียงเดิม ใส่ชุดคนป่วยชุดเดิมที่ใส่ในวันที่ตาย ออกนอกเขตโรงพยาบาลไม่ได้
    เพื่อน : ทำไม ถึงยังอยู่ที่ โรงพยาบาล
    แม่ : เจ้าที่ไม่ให้ออก เค้าบอกว่า ลูกหลานไม่ได้บอกหรือพากลับบ้าน ลูกลานไม่ได้ขอเจ้าที่ ในการพาวิญญาณแม่กลับบ้าน
    เพื่อน : ที่ทำบุญ ถวายข้าวไปให้ ได้รับหรือเปล่า
    แม่ : ไม่ได้รับ ต้องคอยกินเศษอาหารที่เค้าทิ้งแล้ว ตามโรงพยาบาล
    เพื่อน : ต้องทำยังไง แม่ถึงจะได้ออกมา
    แม่ : ให้เอาเสื้อผ้าแม่ ไปวางบนเตียง ที่แม่เสียชีวิต และบอกให้แม่กลับบ้าน และให้ขออนุญาตเจ้าที่ ในการพาแม่ออกจากโรงพยาบาล

    อยากจะถามว่า
    เรื่องที่เล่ามา มันสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ ทำไม เค้าถึงไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ถ้าเป็นไปได้ ในฐานะที่เราเป็นพยาบาล สามารถ ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ในกรณีที่เค้าไม่มีญาติ หรือญาติไม่ได้ให้พระมานำเค้ากลับบ้าน
     
  2. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    จริงๆแล้วตามประเพณี ควรจะนิมนต์พระไป1รูปหรือ4รูปแล้วแต่ครับ พระท่านจะทราบเองว่าจะทำอย่างไร ส่วนเรื่องของประทับทรงไม่ขอวิจารณ์ครับ อันนี้แล้วแต่บุคคล
    แต่นี่ผ่านมาแล้ว ลองทำอย่างที่เขาแนะนำก็ไม่เสียหายอะไร
     
  3. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    เอ่อผมไม่รู้นะครับ แต่เท่าที่พ่อแม่ผมเคยสอนนะครับ

    ต้องทำตามนั้นจริง คือขออนุญาตเจ้าที่ที่เค้าตายก่อน พอขอเสร็จก็นิมต์พระมาทำพิธี
    ทำเสร็จก็ที่บ้านขอเจ้าที่ที่บ้านให้ท่านเปิดทางให้วิญญาณแม้ของเพื่อนคุณเข้าบ้าน
    ขนาดจะเข้าวัดก็ต้องขอต่อพระประธาน ก่อนเลยครับ

    แต่งานศพของญาติผม ไปหาอากง ท่านบอกเดี๋ยวท่านจัดการให้หมด แต่ตอนเอาศพเข้าวัด ต้องเผาฮู้ที่ท่านให้มาก่อน

    แล้วก็ยังมีอีกที่แม่บอกนะครับ ขนาดจะข้ามสะพานยังต้องเจ้าสะพาน เจ้าถนน
    แต่ถ้านิมนต์พระ ทุกอย่างก็น่าจะเสร็จนะครบ
     
  4. aorsuay

    aorsuay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +491
    ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ
    ดูเหมือนเราจะทำอะไรไม่ได้ แต่ดูแล้วการขออนุญาต นี่ ควรจะทำ ต้องจำๆๆๆๆ จะได้ไม่ลืม ^_^
     
  5. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ก็ว่า สวดส่งวิญญาณในโรงบาล(ประจำจังหวัดนั้น) ปวดหัวชิบเป๋ง เพราะมันเยอะแบบนี้นี่เอง ผมว่าเจ้าที่ที่ว่านั้น ก็พวกที่ตายที่นั่นก่อนนั่นแหละมันอ้างไปงั้นไม่ให้ไปไหน
     
  6. พระลอ

    พระลอ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +56
    ต้องจุดธูปเรียกวิญญาณกลับบ้าน เหมือนเวลาคนตายโหงก็ต้องทำพิธี ไม่งั้นวิญญาณไม่ไปไหน
     
  7. ball 007

    ball 007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +76
    ผมอ่านแล้วขนลุกเลยครับเหมือนกับเรื่องที่ผมได้ยินมาเลยครับ คือว่าอย่างนี้ลุงของเพื่อนผมเค้าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในกรุงเทพครับ คือแกเสียชีวิตมาประมาณสัก3ปีแล้วครับแล้วที่นี้เค้าก็ทําบุญบ้านตามแบบคนจีนครับก็จะมีซินแสด้วยแล้วซินแสก็มองไปที่รูปลุงของเพื่อนผมแล้วเค้าก็บอกว่าวิญญาณของเค้ายังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยอยู่ที่ศาลพระภูมิที่โรงพยาบาลเจ้าที่ที่โรงพยาบาลเค้าให้ไปอยู่เพราะไม่มีใครไปทําพิธีเชิญวิญญาณบอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทางก่อนเจ้าที่ก็เลยไม่ได้ปล่อยวิญญาณไปไหนแต่ให้ไปอยู่แถวศาลจะมีคนมาเชิญวิญณาณกลับไปครับ ผมก็เลยฟังไว้แต่ไม่ได้คิดอะไรจนมาอ่านเรื่องของคุณaorsuayครับ
     
  8. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    เป็นอย่างนี้เอง ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
     
  9. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    จริงๆเรื่องพิธีกรรมเกี่ยวกับคนตายก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนักหรอกครับ แต่สมัยใหม่นี่มันมั่วสั้วไปหมด คนโน่นแนะอย่างนั้น คนนั้นแนะอย่างนี้ กลายเป็นว่า คนตายเผาคนเป็น เสียเงินเสียทองไปมากมายแต่คนตายกลับไม่ได้รับบุญกุศลตามที่ควรจะเป็น เพราะลูกหลานกลับกลายเป็นหนี้สินจากการตายของตน
    ยังไงก็ควรศึกษาหาความรู้กันไว้บ้างนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเงินทองโดยใช่เหตุครับ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย เนี่ยะ มันเป็นนายของสรรพสัตว์นะครับ เราควรจะมีความรู้ทางนี้บ้างนะครับ จะได้ไม่เป็นเหยื่อกับพวกที่ชอบฉวยโอกาสกับความทุกข์ของผู้อื่น
    สาธุครับ
     
  10. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ก็จุดธูปเรียกกลับบ้านล่ะ จิตใจเราจะได้ไม่วิตก

    หมาที่บ้านตายยังเรียก แล้วนี่พ่อแม่เราทั้งคน ทำอะไรครั้งสุดท้ายทำไปเถอะ
     
  11. JibBieable

    JibBieable Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +87
    ไม่ทราบเหมือนกันค่ะเรื่องแบบนี้ แต่คนที่บ้านขนาดว่าไปเผาศพ พอเริ่มจุดไฟเผาแล้วยังต้องมีคนเรียกวิญญาณให้กลับบ้านด้วยเรยค่ะ
     
  12. tyoukerd@hotmail.com

    tyoukerd@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +293
    กรุณาอ่านให้ดีนะครับ
    ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่มีการบันทึกจารึกไว้ในพระไตรปิฏกนั้น เมื่อกายของสัตว์โลกทั้งหลาย (ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ) ต้องแตกดับ จิตต้องไปแสวงหาภพภูมิใหม่ทันทีและอย่างรวดเร็วกว่าในพริบตา เพียงแต่ว่าจะละธาตุขันธ์ จิตจะน้อมระลึกถึงกรรม (การกระทำ)ใด ถ้าระลึกถึงกรรม(การกระทำ)ที่ดีทีเป็นกุศลกรรม จิตจะไปสู่ภพภูมิที่เป็นสุคติภพ เช่น เกิดเป็นมนุษย์ โดยเข้าอาศัยในกายมนุษย์ เป็นต้น แต่ถ้าน้อมระลึกถึงกรรม(การกระทำ)ที่เป็นอกุศลจิต จิตก็จะไปปฏิสนธิในอบายภูมิ อันประกอบด้วย 1. นรก 2.เปรต 3.อสุรกาย 4.สัตว์เดรัจฉาน ดังนั้นคำที่ชอบกล่าวกันว่าตายแล้ว วิญญาณรอไปผุดไปเกิด หรืออย่างกรณีนี้ ที่บอกว่าวิญญาณยังติดอยู่ที่โรงพยาบาลยังไปไหนไม่ได้ เป็นความเข้าใจที่ผิด จริง ๆ แล้ว พอตายปุ๊บ จิตจะเกิดใหม่ทันทีในภพภูมิใหม่ ไม่มีการมารอว่ายังห่วงลูกหลานอยู่เลยยังไม่ไปผุดไปเกิด จริง ๆ แล้ว เกิดแล้ว แต่จากลักษณะนี้น่าจะเกิดเป็นเปรตประเภทหนึ่งมากกว่า อย่าลืมนะครับว่าภพภูมิเปรตมีมากมายหลายประเภทจดจำไม่ไหว (อันนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้และประกาศออกมาให้ทราบ)โดยมีอยู่ 1 ประเภทที่มีภพภูมิอยู่ใกล้กับภพภูมิมนุษย์และสามารถรับผลบุญได้จากการอุทิศให้ของมนุษย์ครับและถ้ามีเหตุมีปัจจัยสนับสนุนเพียงพอและเหมาะสม เขาก็จะสามารถจุติ (จุติ ที่ถูกต้องแปลว่า ตายนะครับ ไม่ใช่แปลว่า เกิด) จากภพภูมิเปรต แล้วไปเกิดในภพภูมิที่สูงกว่าก็ได้ เช่นเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นต้น ที่เขียนมานี้อยากให้ทุกท่านมีความเห็นที่ถูกต้องและเป็นสัมมาทิฐิครับ
     
  13. ณัฐธยาน์12

    ณัฐธยาน์12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +612
    อธิษฐานส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิ แผ่บุญ หรือป้องกันวิญญาณ

    หลักการ
    การปรับภพปรับภูมิ แผ่บุญ

    พลังของพระผงจักรพรรดิเป็นของสูง อานิสงค์ครอบจักรวาล หากฉลาดในการนำไปใช้ย่อมมีประโยชน์มหาศาล นำไปแผ่ให้ภพภูมิต่างๆ เขาไปเกิดเป็นเทวดา เขาจะจำเราได้ ย่อมจะช่วยเราในภายภาคหน้าที่มีวาระ เรียกว่ามาเป็นบริวารเรานั้นเอง บางครั้งเขาติดอยู่ในที่ๆหนึ่ง โดยที่ไปไหนไม่ได้ แล้วเราผ่านไปแล้วกำหนดแผ่บุญส่งวิญญาณให้เขา แทนที่เขาจะต้องติดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายพันหลายร้อยปี แต่เราช่วยเขา ดูสิว่ามีประโยชน์ขนาดไหน ผีที่พวกเล่นไสยดำเลี้ยงไว้เหมือนกัน คิดดูสิว่าผีโดนเจ้าพวกนี้ใช้ทรมาน ไม่ต่างอะไรจากทาส บุญก็ไม่อุทิศให้ เอาแต่อาหารคาวหยาบๆให้กิน หลอกล่อผีไปวันๆ แล้วเราไปแผ่ส่งวิญญาณเหล่านี้ไป คิดดูสิว่าเราช่วยพวกเขาได้มากขนาดไหน

    หากเราไปแห่งหนตำบลใดหากต้องการแผ่บุญปรับภพปรับภูมิส่งวิญญาณแก้ภูมิแถวนั้น ให้กำหนดขอพลังจากองค์พระ พร้อมบริกรรมบทพระจักรพรรดิแล้วน้อมแผ่ออกไป จะเป็นการส่งวิญญาณภพภูมิแถวนั้น โดยวิชานี้ทำได้แม้ยังไม่เห็นภพภูมิก็ตาม ขอแค่จิตเราน้อมไปด้วยความเป็นบุญเมตตาและหวังดี (การแผ่บุญครอบบุญ ใช้กับคนที่เราหวังดีได้ด้วยเช่นกัน หรือแม้กระทั่งกับศัตรูเรา ให้เขามาเป็นมิตรกับเรา ใช้ได้แม้กระทั่งสัตว์ ให้นึกถึงหลวงปู่แล้วครอบบุญ เป็นวิมานแก้วครอบตัวเขาไว้ จะช่วยปรับเขาให้เป็นสัมมาทิถิขึ้น แต่ต้องครอบบ่อย ๆ เพราะมนุษย์นั้นหยาบ โปรดยากกว่าวิญญาณหลายเท่านัก เมื่อความดีเขาไม่ถึง คลื่นความดีไม่ตรงกัน ไม่นานวิมานก็หลุด การครอบวิมานนี้ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง คือ อย่างตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเทศน์ “ จิตมีดวงเดียวท่องเที่ยวไป จิตคิดดีก่อนตาย ไปสวรรค์ จิตคิดชั่วก่อนตาย ไปนรก “ หากผู้ที่เราขอหลวงปู่ให้ครอบวิมานให้แล้ววิมานยังอยู่ ตอนตายเขาจะเห็นวิมานครอบตัวเองไว้สวยงาม จิตจึงคิดดี แบบนี้เขาก็ไปสวรรค์ได้ ลองคิดดูนะวิชานี้ไว้ใช้ตอนเกิดภัยพิบัติ(หากมันเกิดขึ้น) จะช่วยสรรพสัตว์ได้ขนาดไหน)

    กำลังพุทธคุณของพระผงจักรพรรดิเรานำไปใช้ในการปรับภพปรับภูมิเขาให้ดียิ่งๆขึ้นได้ โดยมิได้เป็นการใช้พุทธคุณในการเบียดเบียนเขา แต่เป็นการใช้กำลังเพื่อให้เขาโมทนาบุญซึ่งเรียกว่าการปรับภพปรับภูมิและเราจะช่วยดวงวิญญาณได้จำนวนมาก การนำไปใช้ไม่ยากอาราธนาองค์พระกำไว้ในมือ สวดคาถาจักรพรรดิสัก 1 จบ (หากเราทรงกำลังพระจักรพรรดิมาตลอดด้วยการคลอ คาถามหาจักรพรรดิ ตลอดทุกอิริยาบถแล้ว ความเป็นทิพย์ของเรามีแล้ว ก็ไม่ต้องว่าคาถาอีก) ก็แล้วตามด้วยบทสัพเพ (บทนี้จำเป็นมากนับเป็นหัวใจของวิชาก็ว่าได้) แล้วก็นึกน้อมบุญนี้ให้แก่ดวงวิญญาณทั้งหลายที่เราต้องการแผ่บุญถึง นับได้ว่าพระผงจักรพรรดิใช้เพื่อการการแผ่บุญอย่างแท้จริง สงเคราะห์สัตว์โลกอย่างแท้จริง

    ลำพังกำลังของเราแต่ถ่ายเดียวยังมิอาจครอบคลุม ในการส่งวิญญาณได้ทั่ว ได้ถึง และมากพอ ขอจงโปรดขอบารมีคุณพระท่านช่วยเหลือให้ ซึ่งควรจะเน้นไปที่บารมีรวมของพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็ม อันมีหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นต้น โดยมี พระกำลังพระจักรพรรดินี้เป็นสื่อกลาง มีบทสัพเพเป็นบทอัญเชิญน้อมนำบารมี
    วิธีการ

    ๑. กำพระในมือ จากนั้นโปรดกล่าวคำ อธิษฐานว่า
    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด(หรืออาจจะเป็น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระศรีอาริยะเมตรัย ก็ได้ ตามจริต ด้วยเหตุผลที่ว่าการอัญเชิญพระบารมี หรือการโน้มนำพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นี้จะง่ายกว่า การโน้มนำพระบารมีแห่งพระผู้เข้าพระนิพพานแล้ว เนื่องจาก บารมีท่านมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ยังไม่รวมตัว ยังคงกระจัดกระจายอยู่ทุกอณูในโลก) ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพปรับภูมิดวงวิญญาณของ......ชื่อนาม หรือกลุ่มก็ได้.....ให้สู่สุขติด้วยเถิด

    ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังดวงวิญญาณที่จะปรับภพปรับภูมิให้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จะรับบุญ บางวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ หรือมีโมหะ คือ ไม่รู้เรื่องว่าโมทนาคืออะไร ก็จะยังไม่ได้รับ เราก็ต้องสัพเพฯ หลาย ๆรอบ จนบารพระท่านครอบกายทิพย์สว่างเย็นไปหมด ช่วยโน้มนำให้วิญญาณนั้นละพยศและความโง่นั้นได้สำเร็จ หรือบางทีต้องขอบารมีหลวงปู่ท่านแรงเป็นพิเศษ ที่เรียกว่า แบบ ” พายุทอนาโด ” อัดตูมเข้าไปเลย)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๓. การป้องกันวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะรอนแรมไปในที่แห่งใด ผู้ที่คล้องและทรงกำลังพระจักรพรรดิ รัศมีจะสว่าง จนดวงวิญญาณพากันมาดูด้วยความสงสัยว่า คืออะไร ตรงนี้ก็ให้ถือโอกาสแผ่บุญตามหลักการข้างต้น ผูกมิตรกับวิญญาณเจ้าถิ่นไว้ วิธีนี้ได้ประโยชน์มาก มีวิญญาณมากหลายอยู่มานับพันปีไม่มีที่ไป เราส่งวิญญาณให้เขา ต่อไปเมื่อมีวาระเขาจะกลับมาช่วยเรา วิชานี้ท่านโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิทุกท่าน น่าจะศึกษาและปฏิบัติ เพราะเป็นวิชาสร้างบริวารอย่างหนึ่ง แต่ขอจงโปรดอย่าวางอารมณ์ว่าจะสร้างบริวารเลย ขอวางอารมณ์ด้วยเมตตาธรรม พรหมวิหารธรรมเถิด ขอโมทนา......

    ๔. ขอโปรด ส่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วย พระสูตรของหลวงปู่ท่านสร้างไว้อย่างฉลาดมาก ท่านสอนให้ปรับภพปรับภูมิอยู่เสมอ เพราะเป็นการส่งดวงวิญญาณทั้งทั่วไปและที่มาจองเวร ป้องกันความเดือดร้อนทั้งผู้สร้างและผู้รับพระไปบูชาติดตัว

    การนำไปใช้จริง

    ๑. ให้หมั่นส่งวิญญาณอยู่เสมอไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งไหนโดยเฉพาะเวลาไปจ่ายตลาดในตลาดสด วิญญาณสัตว์ที่พึ่งตาย หรือที่ค้างอยู่มีมหาศาลทุก ๆวัน ตามป่าช้าหรือข้างทาง บางทีเวลาผมเดินทางไกล หลวงตาม้าบอกให้เปล่งกระแสบุญให้สว่างและให้ไกลมาก ๆ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ทรงทั้งยามหลับยามตื่น เพราะเหล่าวิญญาณจะได้โมทนา บางทีก็ครอบให้เสร็จสรรพ แบบมัดมือให้เลย เดินทางไปต่างจังหวัดแต่ละทีก็เก็บได้มหาศาล

    ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งคล่องครับ ถ้าทำคล่องแล้วต่อไปเวลากำหนดแผ่ก็กำพระแล้วน้อมกำลังบุญไปได้แค่กำหนดจิตชั่วขณะโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ยังได้ ขอแค่ให้ใจทรงกำลังทั้งหมดที่อาราธนามาในขณะนั้นได้ก็พอ แล้วก็กำหนดแผ่ไปได้เลย ขณะกำพระ แต่ถ้าเป็นการอฐิษฐานใหญ่หรือการสวดมนต์ประจำวัน ก็อฐิษฐานใหญ่ตามเนื้อหาใน “ ตัวอย่างคำอธิษฐานจิตที่แนะนำให้ใช้เป็นประจำ ” ซึ่งจัดพิมพ์ให้โหลดไว้พร้อมกันแล้ว แล้วก็แผ่ไปทั่ว 3 โลก ไม่ว่าพรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆ นรกโลก และทุกๆอบายภูมิ ผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทุกๆคน ญาติข้าพเจ้าทั้งหมดในโลกทิพย์ บริวารข้าพเจ้าทั้งหมด เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้า <--- แผ่ไปให้ภพภูมิ เหล่านี้ครับเวลาอฐิษฐานใหญ่

    ๒. ก่อนทานอาหารหลวงตาแนะนำให้ส่งวิญญาณด้วย ให้ทำจนเป็นนิสัย เอาแบบให้กวาดมือเหนืออาหารทีเดียวให้ส่งให้หมด แม้แต่บะหมี่หมูสับก็ให้ส่งวิญญาณด้วย หลวงตาบอกว่าเนื้อไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะเป็นชิ้นหรือเป็นน้ำก็มีกระแสโยงถึงวิญญาณเจ้าของธาตุนั้นได้ ส่งให้เนื้อ กระแสบุญจะส่งถึงวิญาณเอง คนที่ชอบทานมังสะวิรัติ นอกจากไม่ทานเนื้อแล้วน่าจะทรงวิชานี้ด้วยนะครับ

    จาก
    Watthummuangna วัดถ้ำเมืองนะ
     
  14. pinitko

    pinitko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +291
    มาเก็บมาเป็นความรู้ครับ
     
  15. ฮกหลงขงเบ้ง

    ฮกหลงขงเบ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,143
    ถูกต้องแล้วครับ การเชิญศพหรือเคลื่อนศพนั้นต้องมีพิธีรีตอง ท่านผู้รู้หลายท่านก็พูดไปหมดแล้ว แต่ผมอยากจะขอพูดตามแบบคนจีนบ้าง เมื่อคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจะต้องติดต่อซินแสหรือผู้รู้มาช่วยทำพิธีให้ โดยเริ่มตั้งแต่พิธีของคนในครอบครัว หากผู้ตายเป็นพ่อหรือแม่นั้น ลูกหลานจะต้องมารวมตัวกันป้อนข้าวและอาหารที่ผู้ตายชอบ เหมือนเป็นการแสดงความกตัญญูครั้งสุดท้าย พร้อมทั้งขอขมาศพ จากนั้นลูกหลานจะเตรียมโลงบรรจุศพ โดยทุกคนเอาจะต้องช่วยกันยกศพเข้าบรรจุในโลง (แต่บางทีก็ใช้วิธีแตะเอา ส่วนคนที่ยกอาจเป็นเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาล) จากนั้นจะต้องมีการทำพิธีเบิกทาง เพื่อขอทางวิญญาณ โดยการเผาใบเบิกทางหรือขอนุญาตเจ้าที่โดยการเผากระดาษเงินกระดาษทองเพื่อขอผ่าน เมื่อศพขึ้นรถแล้ว ระหว่างการเดินทาง ก็จะโปรยเงินเหรียญไปเป็นระยะๆที่มีทางสามแพร่งหรือทางแยก เพื่อเป็นการจ่ายเงินค่าผ่านทางต่อสัมภเวสี หรือเจ้าที่เจ้าทางครับ
    .....อันนี้เป็นพิธีแบบชาวจีนนะครับ ถ้ามาตอบไม่ถูกใจหรือไม่ใช่คำตอบที่ต้องการยังไงก็อย่าว่ากันนะครับ ขอเสริมให้......
     

แชร์หน้านี้

Loading...