ธรรมชโย วัดพระธรรมกาย จริงๆแล้วเป็นใคร??มีคำตอบ..

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย maxgatod, 16 มกราคม 2011.

  1. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
     
  2. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เรื่องย่อหนังสือ "แฟ้มคดีธรรมกาย "
    ข้อกล่าวหาวัดพระธรรมกาย และพระไชยบูลย์ สุทธิผล ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แต่ละข้อกล่าวหายังไม่เคยได้รับการดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีหน้าที่โดยตรงและจากวัดพระธรรมกาย คงปล่อยให้อึมครึมลี้ลับ เกิดความอึดอัดเอือมระอาแก่พุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก..

    คณะทำงานรวบ รวมข้อมูล-หลักฐานกรณีวัดพระธรรมกาย ได้ทำการศึกษา ตรวจสอบ รวบรวม วิเคราะห์ ค้นหา นับตั้งแต่เริ่มแรกที่ได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการศาสนาฯ บางครั้งต้องถึงกับเข้าไปฝังตัวในกลุ่มกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกาย เข้าไปศึกษาหาหลักฐานจากชมรมพุทธศาสตร์สากลในมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น คณะทำงานฯ จำต้องตั้งปณิธานเป็นบรรทัดฐานไว้เสมอว่า การทำงานเกี่ยวกับความเชื่อ ความนับถือส่วนบุคคลเช่นนี้“จะต้องทำงานประกอบด้วยความเมตตา รู้จักให้อภัย รู้จักการเสียสละ รอบคอบ และที่สำคัญ จะต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น” แต่จากการค้นหาข้อมูล ยิ่งสาวลึกเข้าไป ยิ่งพบความไม่ชอบมาพากลของวัดพระธรรมกายและบุคคลใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น พบเห็นการจัดตั้งเครือข่ายเหมือนองค์กรอาชญากรรมใหญ่ๆ มีการใช้กลวิธีเล่ห์เพทุบายเพื่อประทุษร้ายบุคคลผู้วิพากษ์วิจารณ์วัดพระ ธรรมกายนานัปการ และขณะนี้เหตุการณ์บานปลายจนถึงขั้นกล่าวจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไปแล้วดังนั้น คณะทำงานฯ จึงต้องหันกลับมาตั้งต้นใหม่ว่า"เราควรจะมีเมตตา ให้อภัยแก่คนที่ไม่รู้จักสำนึก” หรือไม่?

    ซึ่งในกรณีของวัดพระ ธรรมกายนี้ เราสรุปได้ชัดเจนว่า บุคลากรของวัดพระธรรมกายและผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี ส่วนหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ซึ่งวัดพระ ธรรมกายชอบยกขึ้นอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองนั้น คณะทำงานฯเห็นว่าเราจะเคารพศักดิ์ศรีและพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของประชาชนผู้ ที่ถูกวัดพระธรรมกายหลอกลวง มากกว่าการพิทักษ์สิทธิของวัดพระธรรมกายซึ่งเป็นตัวการทำความเดือดร้อนให้ แก่ประชาชน และทำความเสียหายให้แก่สถาบันพระพุทธศาสนาอันเป็นที่รักของเรา
    ณ วันนี้ คณะทำงานฯ จึงตัดสินใจนำเสนอเผยแพร่ข้อมูลหลักฐาน ปรากฏเป็นหนังสือ "แฟ้มคดีวัดพระธรรมกาย เล่มที่ 1”เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ดังมีหัวข้อและสรุปเนื้อหาย่อได้ดังนี้
    1. รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 1ใน พ.ศ. 2532 หน่วยงานความมั่นคงและการข่าวของรัฐ ได้เสนอรายงานเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายตรงต่อนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในหลายกรณี เช่น การทำธุรกิจในทางลับ การมรณภาพของพระชิตชัย มหาชิโต พฤติการณ์ส่วนตัวของพระไชยบูลย์ที่ไม่ชอบมาพากล การขอเข้าพบหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เพื่อขอให้ยุติข้อเขียนในคอลัมน์ “ซอยสวนพลู” แต่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์มิให้เข้าพบ เป็นต้น คณะทำงานฯ ไม่ทราบเหตุผลว่า ข้อมูลที่ประทับตราว่า “ลับมาก” อยู่ในข่ายที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามอำนาจ ตามความชอบธรรมแห่งกฎหมายและการปกครองรัฐ กลับปล่อยให้ปัญหาวัดพระธรรมกายลุกลามแผ่ขยายออกไปจนถึงปัจจุบัน
    2. รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 2
    ใน พ.ศ. 2535 หน่วยงานความมั่นคงและการข่าวของรัฐ ได้เสนอรายงานเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายตรงต่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งในปีนั้น ประเทศไทยเกิดวิกฤติทางการเมือง ทำให้ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 3 ครั้ง อำนาจรัฐคาบเกี่ยวระหว่าง รสช. กับอำนาจจากการเลือกตั้ง นายกฯ อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกเฉพาะกิจครั้งที่สอง จึงไม่สามารถสั่งปฏิบัติการเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้ อีกทั้งนายกฯ พลเอกสุจินดา คราประยูร ก็ประสบปัญหาทางการเมืองความไม่พอใจของประชาชน ทั้งระยะเวลาดำรงตำแหน่งเพียงเดือนกว่า จึงน่าเชื่อว่าคงไม่สามารถจัดการปัญหาวัดพระธรรมกายตามรายงานของหน่วยงาน ความมั่นคงได้ ก่อนหน้านี้ ในปี 2534 วัดพระธรรมกายถูกจัดเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและอยู่ในบัญชีดำ (Black List) ของสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) แต่จากปัญหาความไม่ลงตัวในอำนาจของ รสช. จึงไม่อาจจัดการปัญหาดังกล่าวได้ ปล่อยให้วัดพระธรรมกายสร้างเครือข่ายองค์กรใหญ่โต มีกลุ่มผลประโยชน์เข้าไปสมรู้ ร่วมคิดจำนวนมากขึ้น
    กระทั่งแผ่ขยายอาณาจักรสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้าในปัจจุบัน
    3. ผลประโยชน์และรายได้ของพระธัมมชโย
    มูลนิธิ ธรรมกาย มีนโยบายระดมทุนจากประชาชนมากมายหลายวิธีการ ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา สุจริตชนโดยทั่วไปย่อมรู้เห็นว่า มีเงินหมุนเวียนในมูลนิธิแห่งนี้นับ 10,000 ล้านบาท แต่จากเอกสารงบดุลของมูลนิธิฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ที่รายงานต่อทางการ มูลนิธิฯ มีสินทรัพย์หมุนเวียนเพียง 3 ล้านกว่าบาทเท่านั้น สำหรับงบดุลสิ้นสุดปี 2541 มูลนิธิฯ แห่งนี้ยังไม่รายงานต่อทางการแต่อย่างใด ทั้งที่เวลาผ่านเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2542 แล้ว ทางการเองก็ปล่อยปละละเลย ไม่ตรวจสอบ ไม่จัดการกับปัญหาของมูลนิธิฯ ปล่อยให้การดำเนินการของมูลนิธิธรรมกายกระทำการท้าทายอำนาจรัฐ ละเมิดกฎหมายบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาคณะทำงานฯ เชื่อว่า รายได้และผลประโยชน์ของพระธัมมชโย รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ทรัพย์สินส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะปกปิด ส่วนเงินสดจะปรากฏอยู่ในบัญชีลับๆ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายได้มีหนังสือแจ้งไปยังสาขาของธนาคารที่ฝากเงินว่า ห้ามเปิดเผยบัญชีของพระธัมมชโยและบุคคลรอบข้างเด็ดขาดถ้าเปิดเผยทางวัดฯ จะถอนเงินฝากทั้งหมดซึ่งก็สร้างความหวาดกลัวให้กับธนาคารผู้รับฝากเป็นอย่าง มากเพราะเกรงว่ายอดเงินก้อนมหึมาจะโยกย้ายไปฝากธนาคารอื่น ด้วยเหตุผลข้อนี้ คณะทำงานฯ จึงตรวจสอบอีกครั้งจึงพบว่า ปัจจุบันพระธัมมชโยน่าจะมีเงินสดหลายพันล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินสดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
    4. การตัดต้นไม้มงคลของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง
    พระ ธัมมชโย กระทำการละเมิด กระทำการหมิ่น อาฆาตมาดร้าย ต่อพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการสั่งตัดต้นไม้ที่ทรงปลูก โดยสมเด็จย่าฯ สมเด็จพระเทพฯ และสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ซึ่งเป็นการปลูกแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะพระธัมมชโยอาฆาตสถาบันฯ ว่าในกรณีขอพระราชทานสมณศักดิ์ไม่ได้ตามต้องการ เหตุการณ์ดังกล่าววัดพระธรรมกายชี้แจงว่า ผืนดินมีค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือค่า pHสูง ทำให้ไม่เติบโต ต้องโยกย้ายไปปลูกพื้นที่ใกล้เคียง และภาพที่เห็นในสื่อมวลชนเป็นต้น
    หมากพุ่มเตี้ย เป็นต้น คณะทำงานฯ ได้ทำการพิสูจน์ทราบ ด้วยการใช้ภาพถ่ายมาเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่าวัดพระธรรมกายชี้แจงข้อความอันเป็นเท็จต่อสาธารณชนไม่ตรงกับข้อเท็จ จริงในภาพถ่าย จึงสรุปได้ว่า พระธัมมชโยได้กระทำ การอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จริงอีกทั้งมีเหตุผลที่รับทราบกันทั่วไป ได้แก่ พระธัมมชโยตั้งปณิธานว่าถ้าเป็นฆราวาสจะต้องเป็นพระจักรพรรดิ (Emperor) ถ้าออกบวชจะต้องเป็น “พระบรมพุทธเจ้า” สานุศิษย์วัดพระธรรมกายล้วนคิดว่าตัวเองเป็นสาขาของพระพุทธเจ้า หรือ Sub Buddha บรรลุธรรมชั้นสูงกว่าใครๆ ในประเทศไทย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงกล้าละเมิด จาบจ้วง สถาบันชั้นสูงของไทย ทั้งในศาสนจักรและอาณาจักรอย่างหน้าตาเฉย
    5. กรณีการมรณภาพของพระชิตชัย มหาชิโต (วิญญูนันทกุล)
    ค่า นิยมในการอัดวิชชาธรรมกายบนดอยสุเทพ-ปุยอันเป็นวิธีการ “อปกติ” ของพระธัมมชโย ทำให้เกิดอาการเครียดแก่พระชิตชัย มหาชิโต เป็นอย่างมาก เพราะพระชิตชัย มหาชิโต ไม่นิยมการพูดเท็จ เป็นพระที่มีสัจจะสูง พระธัมมชโย ถามว่า เห็นพระธรรมกายไหม พระชิตชัยตอบว่า “ไม่เห็น” ตามความเป็นจริง จึงทำให้พระธัมมชโยโกรธขึ้งอย่างรุนแรง จนกระทำการอเปหิสั่งไม่ให้ใครคบหากับพระชิตชัย ไม่ให้ออกสังฆสมาคม ทั้งที่พระชิตชัยมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ยิ่งเพิ่มความเครียดแก่พระชิตชัย จึงเป็นสาเหตุให้พระชิตชัยมรณภาพอย่างเป็นปริศนา การมรณภาพของพระชิตชัย แม้ทางการพิสูจน์จะทราบได้ว่าเป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย ก็ล้วนมีแหล่งกำเนิดมาจากพฤติกรรมและวิธีการของพระธัมมชโยทั้งสิ้น พระธัมมชโยจึงน่าจะมีความผิดเป็นตัวการ กระทำการใดๆ อันจงใจหรือเจตนาให้บุคคลอื่นฆ่าตัวตายซึ่งปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังเป็น ปริศนาดำมืดอยู่เช่นเดิม ญาติพี่น้องตระกูลวิญญูนันทกุล ยิ่งมีความเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางอยู่จนปัจจุบัน
    6. กรณีการถือครองที่ดินทั่วประเทศ
    การ ถือครองที่ดินของพระธัมมชโย ที่มักชี้แจงต่อสาธารณชนว่ามีผู้บริจาคนั้น เป็นความเท็จแทบทั้งสิ้นเพราะที่ดินที่พระธัมมชโยโอนให้วัดตามกำหนดเส้นตาย ของกรมการศาสนานั้น ข่าวในทางลับแจ้งว่าเป็นที่ดินที่ ดร.ประกอบ กีรจิตติ ถวายแทบทั้งสิ้น จึงเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง ส่วนที่ดินอีกกว่า 1,400 ไร่นั้น เป็นการได้มาโดยการสั่งให้สานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดทำการกว้านซื้อไว้แล้วยกถวาย พระธัมมชโยในภายหลัง ในช่วงยื่นคำขาดที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายและสานุศิษย์พยายามเปลี่ยนแปลง ปลอมแปลงเอกสารที่ดิน เพื่อให้ได้ข้อยุติว่า “เป็นการบริจาค” เพื่อหลีกเลี่ยงข้อหายักยอกทรัพย์ เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฯลฯ โดยกระทำการดังกล่าวที่บ้านของ “ดร.ประกอบ กีรจิตติ” ส.ส.เขต 10 กทม. พรรค ปชป. โดยการประสานงานหรือ ล็อบบี้ของ “พรรณพิพา วัชโรบล” อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 พญาไท พรรค ปชป. ผู้เป็นญาติของนางสาวลีลาวดี วัชโรบล อดีตนางเอกภาพยนตร์ สานุศิษย์ผู้คอยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับวัดพระธรรมกายเพื่อการระดมทุนในช่วง หลายปีที่ผ่านมาคณะทำงานฯ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบการถือครองที่ดินในนามของพระไชยบูลย์ สุทธิผล ในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสอง วัชรศรีโรจน์, นางชนัสถ์นันท์ สุขุมพานิช, นางวรรณา อุดมผล, นายเพชร แก่นทรัพย์ ไปกว้านซื้อที่ดิน น.ส.1 ก. จากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย ใกล้กับที่ดินของนายแพทย์ชัยยุทธ กรรรณสูต ซึ่งประชาชนผู้ยากไร้ในพื้นที่ได้สิทธิการครอบครองจากการเข้าไปทำประโยชน์ใน ป่าสงวนไร้สภาพ หรือได้มาจากการจัดสรรที่ทำกินของรัฐ หลังจากนั้นก็ขอเปลี่ยนเป็น น.ส.3 ก. สามารถจำหน่ายถ่ายโอนได้แล้ว กระทำการยกให้พระไชยบูลย์ ในภายหลัง และตีราคาต่ำกว่าราคาประเมินของทางการ อันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีที่ดิน คณะทำงานฯ จึงสรุปว่า กรณีการถือครองที่ดิน พระธัมมชโยใช้เงินบริจาคของวัดให้สานุศิษย์ไปทำการกว้านซื้อที่ดิน แล้วยกถวายเป็นสมบัติของตนเองในภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นการเบียดบังทรัพย์สินของวัด ฉ้อโกงประชาชน
    7. กรณีแหล่งผลิตพระมหาสิริราชธาตุ
    พระ ธัมมชโยพยายามปั้นเรื่องเท็จ โดยนำเอาเรื่องในชาดกมาผสมผสานกับ “สินค้า” ที่ออกมาจำหน่าย คือ พระมหาสิริราชธาตุ ที่อ้างว่าพญานาครักษาไว้หลายร้อยล้านปี แต่จากการตรวจสอบของคณะทำงานฯ พบว่า วัตถุธาตุดังกล่าวนำเข้ามาจากประเทศพม่า และประเทศยุโรปตะวันออก ไม่ใช่วัตถุธาตุที่ทรงคุณค่าดังคำโฆษณาแต่อย่างใดคณะทำงานฯ ได้ส่งคนเข้าไปสอบถามพนักงานโรงงานของบริษัท D. Gems International จำกัด ของนางสงบ ปัญญาตรง สีกาอีกคนหนึ่งของพระธัมมชโย ปรากฏว่าเป็นโรงงานผลิตพระมหาสิริราชธาตุเถื่อน ใช้แรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมือง ไม่มีสวัสดิการใดๆ แก่คนงานตามกฎหมายคุ้มครองและสวัสดิการแรงงาน เรื่องนี้จึงสรุปได้ว่า วัดพระธรรมกายโดยมีผู้นำบุญเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกระทำการหลอกลวงประชาชนทำให้ เสียทรัพย์ จนหลายครอบครัวต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เกิดความเดือดร้อนไปหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ดังปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้
    8. กรณีความสัมพันธ์กับสตรีเพศ
    เกือบ จะเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว สำหรับพระสงฆ์ชื่อดังที่จะต้องมีสันถวไมตรีทางกามรสกับสตรีเพศ เช่น พระยันตระ อมโรภิกขุ, พระภาวนาพุทโธ, นายจันทร์ อาจหาญ หรือหลวงตาจันทร์ วัดป่าชัยรังสี เป็นต้น แต่กรณีของพระธัมมชโย เป็นการเกี่ยวพันกับสตรีถึง 7 คน สตรีผู้ที่พระธัมมชโยให้ความอภิรมย์มากที่สุด ได้แก่
    1.นางเพียงนิล ศิริเกษม ม่ายลูกสอง อดีตภรรยาน้อยของนายสุวิทย์ มหาแถลง เพื่อนของนายสอง วัชรศรีโรจน์ ซึ่งปัจจุบันปรากฏข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ “สยามรัฐ” และอีกหลายฉบับ จนกระทั่งเสี่ยสุวิทย์ มหาแถลง เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในห้องทำงาน ท่ามกลางความเสียใจของ “นางอาภรณ์ มหาแถลง” ภรรยาหลวง ปัจจุบันนางเพียงนิลได้ยกลูกสาวให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระธัมมชโย บางกระแสกล่าวว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวมีอาการของโรคประจำตัวคล้ายกับพระธัมมชโย น่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์หรือไม่
    นอกจากนี้ ยังมีสตรีผู้ใกล้ชิด ที่พระธัมมชโยมีความสนิทสนมอย่างมากอีก 4 คน ได้แก่
    2.นางจิรวัฒน์ (อี๊ด),
    3.นางสงบ ปัญญาตรง,
    4.นางสาววิชญา ไตรวิเชียร
    และ คนสุดท้ายที่ฮือฮาโจษขานกันมากที่สุด เพราะสามีของเธอบุกเข้าไปประจานพระธัมมชโยถึงในวัดพระธรรมกายท่ามกลาง สานุศิษย์ชั้นนำ สีกาคนล่าสุดนี้ชื่อว่า 5.นางแก้วตา หรือทยา หรือติ๋ม เรื่องการปะทะคารมระหว่างสามีของเธอกับพระธัมมชโย เป็นที่โจษขานกันในวัดสนุกปากจนทุกวันนี้
    9. คำให้การของพยานบุคคล อดีตแขนข้างขวาของพระธัมมชโย
    กลุ่ม ผู้นำบุญ ที่มีบทบาทในการหาเงินทุนให้พระธัมมชโยมากที่สุด จนพระธัมมชโยยกย่องให้ “เป็นสาขาหนึ่งของพระบรมพุทธเจ้า” หรือ “Sub Buddha"ให้คำให้การชัดเจนหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการชักชวนคนทำบุญ การตามตื๊อคนให้ทำบุญมากที่สุด วิธีการหา “เหยื่อ” เพื่อพาไปตบทรัพย์บนดอยสุเทพ-ปุยในพิธีการอัดวิชชาธรรมกาย คำให้การดังกล่าว ให้ความกระจ่างถึงวิธีการ “ตบทรัพย์” ของวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยชัดเจนที่สุด


    หนังสือ "แฟ้มคดีธรรมกาย เล่มที่ 1" มีจำหน่ายที่ …
    วัดสวนแก้ว จ.นนทุบรี
    ศูนย์หนังสือจุฬาฯ สยามสแควร์ และศาลาพระเกี้ยว
    ดวงกมล สยามสแควร์และมาบุญครอง
    บุ๊คเชสท์ สยามสแควร์, อาร์ซีเอ, เยาฮัน
    บุ๊คคอนเนอร์ Big C วงศ์สว่าง, ชมอักษร แจ้งวัฒนะ
    มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร
    มหาจุฬาบรรณาคาร มหาจุฬาราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ
    ศึกษิตสยาม หลังกระทรวงมหาดไทย
    สโมสรรัฐสภา บริเวณรัฐสภา หน้าอาคาร 2
    ร้านนายอินทร์ ทุกสาขา
    ร้านซีเอ็ด ทุกสาขา
    ดอกหญ้า ทุกสาขา

    ก่อนจากกันไป โปรดอย่าประมาทคนข้างๆของท่าน เพราะ คน คนนั้นอาจจะเป็นกัลยานมิตร ที่ท่านเคย พบปะ พูดคุย กันมาเเล้วก็เป็นได้นะเจ้าค่ะ

    รายการจาก สถานีทวนสัญญาณ ร้าง เเห่งหมู่บ้านหลุมดํา โดย นราสภา ณ หลุมดํา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2011
  3. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เอารูปสวยๆ มาฝากค่ะ งานปักกิ่งเกม ที่ กรุงปักกิ่ง

    <table class="webboard_read_post1" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"><tbody><tr><td valign="top"><table style="border-bottom: 1px dotted rgb(204, 204, 204);" width="100%" border="0"><tbody><tr><td>ปักกิ่งเกม ที่ ประเทศจีน เมื่อเร็วๆนี้


    <table><tbody><tr><td>
    </td><td>
    </td></tr><tr><td style="vertical-align: top;">
    </td><td style="vertical-align: top;">
    </td></tr></tbody></table></td> <td align="right">
    </td> </tr> </tbody></table>




    <style>.hottopic { margin-left: -20px ! important; background: url("http://forum.sanook.com/forum/images/bg_linkk.png") no-repeat scroll 0% 0% transparent; width: 95%; min-height: 200px; padding: 40px 0px 10px 50px; }.smalltext a { color: rgb(93, 92, 92); font-family: Tahoma; }.smalltext { color: rgb(93, 92, 92); font-family: Tahoma; }.table_content { padding: 10px 0pt 0pt 40px; }.header_subhot { margin: 0pt 0pt 0pt 20px; padding: 0pt; font-size: 16px; }.table_content ul li { list-style-image: url("http://forum.sanook.com/forum/images/sanook_ic.gif"); }.table_content ul li a { font-size: 13px ! important; }.table_content { padding: 10px 0pt 0pt 40px; width: 100%; }.header_subhot { border-bottom: 1px dotted rgb(204, 204, 204); color: rgb(204, 0, 0); font-size: 16px; margin: 5px ! important; padding: 5px ! important; }</style> <table class="table_content" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td style="width: 50%;" class="smalltext" valign="top">
    </td> </tr></tbody></table> <table class="table_content" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td style="width: 50%;" class="smalltext" valign="top">
    </td> <td style="width: 50%;" class="smalltext" valign="top">
    </td> </tr> </tbody></table>
    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">
    </td></tr></tbody></table> <table class="webboard_read_post2" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"> <tbody><tr> <td style="width: 170px;" valign="top">
    </td> <td valign="top">
    </td> </tr> </tbody></table> <table class="webboard_read_post2" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"> <tbody><tr><td style="width: 170px;" valign="top">



    </td> <td valign="top">

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">
    </td></tr> </tbody></table> <table class="webboard_read_post1" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"> <tbody><tr><td style="width: 170px;" valign="top">
    </td> <td valign="top">

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">
    </td></tr> </tbody></table> <table class="webboard_read_post2" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"> <tbody><tr><td style="width: 170px;" valign="top">
    <table class="webboard_read_post1" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"><tbody><tr></tr><tr><td colspan="2" valign="top">
    </td></tr></tbody></table>
    5


    </td> <td valign="top">
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">
    </td></tr> </tbody></table> <table class="webboard_read_post1" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"> <tbody><tr><td style="width: 170px;" valign="top">




    </td> <td valign="top">
    [​IMG]
    [​IMG]




    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top">

    </td></tr> </tbody></table> <table class="webboard_read_post2" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="10"><tbody><tr><td style="width: 170px;" valign="top">
    </td> <td valign="top">

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    </td></tr></tbody></table>
     
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    สุโค่ยยยยยยยยยยยยยย

    <center> เคยเห็นไหม..เครื่องประดับชาวสวรรค์วัดธรรมกาย

    </center>

    มีคนแนะนำให้เข้าไปอ่านกระทู้หนึ่งใน pantip น่ะค่ะ
    ก็เลยขออนุญาตเจ้าของเอามาเผยแพร่ต่ออีกที
    ดูเอาเองก็แล้วกันเน้อ ไม่รู้จะเกริ่นเริ่มอย่างไร.
    ....
    [​IMG]

    หมวดสร้อยคอ...
    [​IMG]
    เก๋ไก๋จริงด้วย..แต่ทำไมเหลือลูกชิ้นลูกเดียว?

    [​IMG]
    ขาดปลาร้าไป ไม่ครบเครื่องค่ะ

    [​IMG]
    ถ้าทำบุญด้วยข้าวหลามคงหนักคอพิลึก!

    หมวดแหวน...
    [​IMG]
    งั้นก็ต้องมีแหวนข้าวเหนียวด้วยเป็นแน่แท้...

    [​IMG]
    ต้องเป็นช็อกโกแล็ตหุ้มเยลลี่ ชัวร์!

    [​IMG]
    ฮ้า! งี้ทำบุญด้วยไอติมกะทิดีกว่า จะได้ออกมาเป็นแหวนเพชร
    [​IMG]
    วงนี้ดีไซน์เก๋ แต่เวลาใส่จริงจะลำบากนะคะ หัวแหวนยื่นออกมามากไป

    [​IMG]
    ไม่แน่ใจว่าจากอานิสงค์แห่งการช่วยแมวหรือถวายแมว..?

    [​IMG]
    ก็ว่ากันไป....

    [​IMG]
    คงหมายถึงแก่ๆ แล้วอย่าเอาแต่รักสวยรักงามใช่ไหม?

    ทรงเครื่องใหญ่...
    [​IMG]
    แฟชั่นการกุศลมีให้เห็นถมไป..เดินแบบประกอบงานกฐินจะเป็นไรมีเล่า

    ที่มา...
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  5. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ฮือฮา "ศศินา"7สี แต่งตัวชุด"สวรรค์" ร่วมพิธี"ธรรมกาย"
    ฮือฮาผู้ประกาศข่าว 7 สีคนดัง"ศศินา วิมุตตานนท์" ร่วมพิธีกรรมอลังการของ"วัดธรรมกาย" สวมชุดทองวิลิศมาหรา แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทั่วตัว จนกลายเป็นภาพฟอร์เวิร์ดเมล์ส่งว่อนทั่วเน็ต แฉข้อมูลประกอบระบุ ใครทำบุญแล้วจะได้รับเครื่องประดับชาวสวรรค์ แตกต่างกันตามสิ่งที่ทำบุญ
    แถม กำชับใครมีเครื่องประดับสวรรค์แล้วไม่ใส่มีสิทธิ์จะตกสวรรค์อีกต่างหาก ทางด้านผู้อ่านข่าวสาวแจง เป็นการไปร่วมงานเมื่อปี"50 รับหน้าที่ต่อจากมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี"50 ที่เคยใส่มาก่อน เผยตัวเองเข้าวัดธรรมกายตั้งแต่ 10 ขวบแล้วห่างๆ ไป กลับมาเข้าใหม่อีกครั้งหลังมีลูก ที่บ้านติดตั้ง"จานดาวธรรม"ของธรรมกายด้วย
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ [​IMG]

    [​IMG]
    เมื่อ วันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการส่งเมล์ลูกโซ่หรือฟอร์เวิร์ดเมล์ รูปภาพของนางศศินา วิมุตตานนท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 7 ขณะประกอบพิธีทอดกฐินภายในวัดธรรมกาย ผ่านทางอินเตอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย
    รูป ภาพดังกล่าว นางศศินาเดินถือผ้าไตรจีวรผ่านปะรำพิธี ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการและแปลกตา ต่างจากการประกอบพิธีทางศาสนาพุทธทั่วไป โดยมีสามีและบุตรชาย พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมพิธีเดินตามด้านหลัง
    โดย นางศศินาสวมใส่ ชุดกระโปรงยาวสีทองและมีลวดลายเป็นขนนกยูง บริเวณศีรษะสวมผ้าคลุมผมสีทองลายขนนกยูงยาวมาถึงบริเวณหัวไหล่ และมีหุ่นนกยูงสีทองยืนรำแพนอยู่ด้านบนศีรษะ นอกจากนี้ยังสวมใส่เครื่องประดับจำนวนมาก อาทิ แหวนรูปนกยูง กำไลข้อมือเพชร และสร้อยเพชร

    ภายใน ฟอร์เวิร์ดเมล์ยังแนบข้อความที่ ผู้ส่งได้พิมพ์แสดงความคิดเห็นและความรู้สึกเอาไว้ และยังแนบไฟล์ข้อมูลพระธรรมเทศนาของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกาย มีเนื้อหาเกี่ยวกับเสน่ห์แห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานแห่งนรก รวมทั้งยังมีข้อความโฆษณาสื่อธรรมะที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมผ่านได้หลายทาง อาทิ จานดาวธรรม เว็บไซต์ ซีดี ดีวีดี เอ็มพี 3
    นอก จากนี้ยังแนบไฟล์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำบุญแล้วจะได้รับเครื่อง ประดับของชาวสวรรค์ ซึ่งเป็นเครื่องประดับของบริวารชั้นล่างที่เกิดจากทานวัตถุเป็นหลัก โดยมีความอลังการและสวยงามในหลายรูปแบบ อาทิ สร้อยเส้นบะหมี่ทองคำตะเกียบฝังเพชร เป็นสร้อยเส้นบะหมี่สีทองยาวสลวยและห้อยด้วยตะเกียบทองคำฝังเพชรที่คีบ ลูกชิ้น
    ซึ่งสร้อยรูปแบบนี้เกิด จากเจ้าของวิมานเคยทำทานด้วยบะหมี่ สร้อยข้าวต้มมัดหยก ซึ่งข้าวต้มมัดเป็นหยกมัดด้วยตอกทองคำและคล้องด้วยสร้อยเพชร สร้อยส้มตำปู ส้มตำไทย มีมะเขือเทศทับทิม ถั่วฝักยาวมรกต ถั่วลิสงบุษราคัมหรือโอปอ พริกหยก มะละกอทอง มะนาวและน้ำตาลเพชร กุ้งแห้งเป็นพลอยสีส้ม
    จาก นั้นจะนำของทั้งหมดมาประกอบเป็นสร้อย ต่างหู กำไลแขนและข้อมือ ส่วนสร้อยอีกเส้นหนึ่งจะมีปูไพลินล้อมด้วยเพชรและทอง โดยดวงตาปูจะเป็น บุษราคัม ซึ่งเกิดจากบุญถวายส้มตำ สำหรับเครื่องประดับชุดนี้จะต้องสวมใส่กับเสื้อผ้าที่หรูหรา

    ส่วน เครื่องประดับที่เป็นแหวน ประกอบด้วย แหวนมือทองฝังบุษราคัม เกิดจากบุญที่ชอบใช้มือทำทาน ชอบให้และบริจาค แหวนช็อกโกแลต เป็นทองและอัญมณีหลากสี แหวนไก่ผงาด เป็นไก่เพชรประดับด้วยรัตนชาติเกาะอยู่บนคอนทองคำขาวฝังเพชร

    เกิด จากบุญถวายไก่ย่าง แหวนรูปไอศกรีมหวานเย็น ถูกประดับด้วยเชอร์รี่เพชรแดง รอบๆ เป็นไอศกรีมหลายรส ประกอบด้วยเพชรพลอยหลากสีอยู่ในจานทองหรือถ้วยทอง แหวนแมวหนุงหนิงกำลังเล่นบอลทับทิม เป็นแมวทองฝังเพชรเล่นบอลทับทิม

    สำหรับ เครื่องประดับทั้งหมดล้วนเกิดจากบุญวัตถุทาน เช่น ปัจจัย 4 ซึ่งเครื่องประดับเหล่านี้จะอยู่บนนิ้วมือของบริวาร แต่ถ้าเป็นเจ้าของวิมานจะสวยงามและวิจิตรมากกว่านี้ สำหรับเครื่องประดับบนสวรรค์มีเอาไว้ใส่โชว์ ถ้าใครไม่ใส่ไม่โชว์จะถือเป็นว่าผิดปกติและมีสิทธิ์ตกสวรรค์ได้ ซึ่งต้องสวมแหวน 2 วง 10 นิ้ว รวม 20 วง

    คำ โฆษณาบอกด้วยว่า การสวมแหวนก็มีลีลา สวมแล้วไม่ร่วงไม่หลุด แนบสนิท สวย เดินกรีดกรายอย่างไรก็ไม่หลุด วงหนึ่งจะเป็นอธิบดีของนิ้ว อีกวงหนึ่งเป็นรองอธิบดี คือ มีแหวนหลักกับแหวนรอง นิ้งของชาวสวรรค์จะเรียวสวยเหมือนลำเทียน แม้นิ้วหัวแม่มือก็สวย เขาจะสวมแหวนกันยาวนาน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งจุติ แต่ในเมืองมนุษย์ พอผิวหนังเหี่ยวมีรอยย่นก็ควรรีบเอาแหวนไปขาย เอาเงินมาสร้างบุญ

    ต่อ มาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนางศศินา ได้รับการเปิดเผยว่า ภาพในอินเตอร์เน็ตที่แพร่หลายไปทั่วนั้น เป็นรูปภาพครั้งเดินทางไปร่วมงานทอดกฐินที่วัดธรรมกายเมื่อปี พ.ศ.2550 โดย วันนั้นพิธีกรรมภายในงาน เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยการทำบุญถวายภัตตาหาร จากนั้นสวดมนต์และนั่งสมาธิ ส่วนรูปภาพที่ถูกเผยแพร่เป็นพิธีกรรมช่วงบ่าย ตนสวมใส่ชุดมหาลดาป สาธน์ ซึ่งเป็นชุดของนางวิสาขา โยมอุปถัมภ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่คอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาโดยตลอด

    นาง ศศินากล่าวต่อว่า สำหรับชุดที่สวมใส่วันนั้น ก่อนหน้านี้ น.ส.ชนันภรณ์ รสจันทร์ หรือน้องน็อต มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สประจำปี 2548 เป็นผู้รับหน้าที่ดังกล่าว ตนเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้เมื่อปีที่ผ่านมาครั้งแรก ก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดทางวัดจึงให้รับหน้าที่ตรงนี้แทน แต่อาจเป็นเพราะทางวัดต้องการให้เกียรติก็ได้

    "ดิฉัน ได้เข้าศึกษาพระ ธรรมในวัดธรรมกายตั้งแต่อายุประมาณ 10 ปี หลังจากนั้นก็ไม่มีเวลาเข้าไปเท่าไร มาเริ่มเข้าไปศึกษาพระธรรมอีกครั้งหลังจากมีลูก เนื่องจากต้องการให้ลูกเป็นคนดีและรู้ซึ้งในพระธรรม นอกจากนี้ดิฉันยังได้ติดตั้งจานดาวธรรมของทางวัดธรรมกาย เมื่อได้เข้าไปเปิดดูรายการที่ทางวัดเผยแพร่ตลอด 24 ชั่วโมงก็มีความรู้สึกว่า เนื้อหาเป็นคนละเรื่องกับที่เป็นข่าวออกมา รวมทั้งยังมีคำสอนและเนื้อหาที่ดีอีกมากมาย" นางศศินากล่าว

    ผู้ สื่อ ข่าวถามว่า ภายในฟอร์เวิร์ดเมล์มีรูปภาพของแหวนและสร้อยหลายรูปแบบ ซึ่งการที่จะได้แหวนและสร้อยดังกล่าวมาจะต้องบริจาคเงินให้ทางวัดหรือไม่ นางศศินากล่าวว่า ตนทำบุญไม่หวังที่จะได้อะไร โดยเลือกที่จะทำเพื่อให้เกิดความสบายใจ และต้องการทำนุบำรุงศาสนามากกว่า ส่วนกรณีที่มีการบริจาคเงินและจะได้แหวนรูปแบบต่างๆ นั้น ถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนตัวจะเลือกทำในสิ่งที่ดีและมีความสุข


    รวมภาพข่าว เก่าๆ เเต่ก็น่าจะเก๋าได้ใจ

    รายงานจาก สถานีทวนสัญญาณ ร้าง บ้านหลุมดํา

    นราสภา ณ หลุมดํา รายงาน
    เเละทีมข่าว หลุมดําเเชนอล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2011
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    กันลืม เพราะ คนไทยเรานั้น ลืม กันง้ายยยยยยยยย

    นําข่าวเก่า มา ทําการทวนสัญญาณ ได้ รับชมกันอีก หนึ่ง รอบ
    เพื่อว่าใครจะยัง เข้าใจได้ ไม่ดีพอ

    ศาลสั่งจำหน่ายคดี'ธมมชโย'ยักยอกเงินวัดธรรมกาย
    [​IMG]
    22 สิงหาคม 2549 15:08 น.
    ศาลสั่งจำหน่ายคดีวัดธรรมกาย หลัง “ อัยการสูงสุด” ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง“พระธมมชโย” กับลูกศิษย์ 2 สำนวน ยักยอกเงินกว่า35ล้าน หลังคืนเงินวัดกว่า 950 ล้านขณะที่คดีธรรมกายอีก 3 สำนวนอัยการพร้อมยุติคดีสั่งไม่ฟ้อง กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก (22 ส.ค.) /ศาลโดย นายสุนพ กีรติยุติ ผู้พิพากษาอาวุโส และ องค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์ มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องในคดีดำหมายเลขที่11651/2542 และ คดีดำหมายเลข 14735/2542 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระไชยบูลย์ ธมมชโย หรือ นายไชยบูลย์ สิทธิพล อายุ 62 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ นายถาวร พรหมถาวร อายุ 57 ปี ลูกศิษย์คนสนิท เป็นจำเลยที่ 1-2
    ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้า พนักงานผู้มีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียด บังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
    โดยร่วมกันยักยอกทรัพย์ และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายมูล จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อ นายถาวร จำเลยที่ 2 และเงินจำนวน 29,877,000 บาทไปซื้อที่ดินเนื้อที่ 902 ไร่เศษ ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร และ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ. เพชรบูรณ์ โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 2
    คดีนี้เรืออากาศโทวิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาล เมื่อวันที่ 21สิงหาคม 2549 สรุปว่า ตามที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 และวันที่ 16 ธันวาคม 2542 ตามลำดับ
    โดยกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันกระทำผิด โจทก์ขอเรียนว่า การดำเนินคดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 กับพวก ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีว่า ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสั่งสอน
    โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือนแตกแยกออกไปกลายเป็นสองฝ่าย มีความเข้าใจความเชื่อถือ พระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก
    ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้องคือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที ไม่ได้คิดให้มีโทษเพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ให้ว่า ในชั้นต้นหากมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติของวัดเป็นของตนจริงๆ
    แต่เมื่อถึงอย่างไรก็ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้ง หมดที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระคืนให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด
    เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอม เป็นพระด้วยการนำผ้ากาวาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสียให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา
    บัดนี้ข้อเท็จจริงในการเผยแพร่คำสอน ปรากฏจากอธิการบดีกรมศาสนา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เลขาธิการมหาเถระสมาคม และ เจ้าคณะภาค 1 ว่า ในปัจจุบันจำเลยที่ 1 กับพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนา ตรงตามพระไตรปิฎก
    และ นโยบายของคณะสงฆ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก
    สำหรับในด้านทรัพย์สินนั้น ปรากฏว่า จำเลยที่1 กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว
    ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะ พระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ที่นับถือศาสนาพุทธ และไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ
    อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีนี้ ดังนั้นโจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา ขอศาลโปรดอนุญาต
    วันนี้ศาลได้สอบถามว่าจำเลยทั้งสองจะคัดค้าน หรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองแถลงว่าไม่คัดค้าน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ก่อนศาลมีคำพิพากษา
    โดยอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 1 ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎก และนโยบายของคณะสงฆ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ
    อีกทั้งได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของ ศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก สำหรับในด้านทรัพย์สินนั้น ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 กับพวกได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกายการกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก
    จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระ สังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า
    เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั้งในและต่างประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ และไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ
    เมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้านที่โจทก์ถอนฟ้อง จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.35 ศาลจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยทั้งสองและจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความ ของศาลอาญา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ได้มีการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลย ซึ่งที่ผ่านมามีการสืบพยานไปแล้วเกือบ 100 ครั้ง เหลือการสืบพยานอีกเพียง 2 ครั้ง ในวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้
    ด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อธิบดีอัยการคณะกรรมการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การถอนฟ้องคดีก่อนศาลจะมีคำพิพากษา สามารถทำได้ ซึ่งในอดีตอัยการสูงสุด เคยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องแล้วเช่น ความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ คดีกบฏ ผู้ก่อการร้าย
    อย่างไรก็ดีสำหรับคดียักยอกทรัพย์วัดพระ ธรรมกาย ที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญามีเพียง 2 คดีเท่านั้น คงเหลือสำนวนคดียักยอกทรัพย์ที่รอการสั่งคดีในชั้นอัยการอีก 3 สำนวน ประกอบด้วย
    1. คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์นางกมลศิริ คลี่สุวรรณ และนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ลูกสิทธิ์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่วมกันเบียดบังนำเงินวัดจำนวน 95 ล้านบาทเศษไปซื้อที่ดิน
    2.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นางสงบ ปัญญาตรง นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนายชาญวิทย์ ชาวงษ์ ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา เบียดบังเงินจำนวน 845 ล้านบาทเศษ
    และ 3.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ร่วมกับนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท ผู้ต้อง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ
    โดยเมื่ออัยการสูงสุดมีนโยบายให้ถอนฟ้อง การสั่งคดีของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ก็จะต้องมีความเห็นให้ยุติการสั่งคดีไว้ เนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
    ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 78 และ 128
    โดยเมื่อยุติการสั่งคดีก็ต้องถือว่าคดีนี้สิ้น สุดลงตามกระบวนการทางกฎหมายทันที ซึ่งจำเลยทั้งสองได้คืนที่ดินและเงินที่ก่อความเสียหายรวมมูลค่า 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว






    รายงานจาก สถานี ทวนสัญญาณร้าง เเห่งหมู่บ้าน หลุมดํา


    นราสภา ณ หลุมดํา รายงาน
     
  7. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +4,339
    -ตามมาอ่าน หาความรู้ครับ
     
  8. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    ขอชมจากใจเลยครับ น้องนราสภาเยี่ยมมากครับ หาข้อมูลมาให้ได้อ่าน ทำให้เห็นถึงความอุบาทว์มากขึ้น เพราะปกติพี่ไม่มีเวลาหาข้อมูลเพราะต้องทำงานเยอะครับ ทุกวันนี้ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต แต่ก้อยังคงที่จะช่วยบอกกล่าว เล่าเตือนให้กับคนทั่วไปที่พอจะทำได้เรื่องประเภทนี้ครับ
    ขอยอมรับเรื่องเครื่องประดับนะครับ ว่า ไอเดียเด็ก 3 ขวบจริงๆเลย มีสารพัดผลไม้ เอามาเล่นขายหม้อข้าวหม้อแกงดีกว่าไหม..?
     
  9. herriken

    herriken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2005
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +91
    ใครทำกรรมดี..............ย่อมได้กรรมดี
    ใครทำกรรมชั่ว.............ย่อมได้กรรมชั่ว
     
  10. กำนันธงชัย

    กำนันธงชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +75

    ทนเห็นความยิ่งใหญ่ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่ได้หรอครับ

    หรือพระศาสนาเราต้องเล็กๆ งกๆ ลองไปเปิดพระไตรปิฎก เรื่องราวในอดีตดูน่ะครับว่าเค้าทุ่มศรัทธากันขนาดไหน

    นี่ก็ภาพหลายๆงาน หลายๆปี มารวมๆกัน

    http://palungjit.org/threads/ว่ากันเรื่อง-วัดธรรมกาย.275615/page-4

    น้องวงบุญเคยเขียนไว้แล้ว
     
  11. กำนันธงชัย

    กำนันธงชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +75


    หนังสือเล่มนี้ก็ดีนิ แม่ผมเห็นในพันทิป เค้าด่ากัน แต่แม่ผมอ่านแล้วตื่นไปใส่บาตรทุกวันเลย
     
  12. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    [​IMG]


    หรูเลิศ อลังการ งานสร้าง สุดยอด!!!
     
  13. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    คุณกำนานครับ คุณจะเป็นคนเดียวกับคุณวงบุยหรือเปล่าครับ ดูแล้ววิธีการโพสคล้ายๆกันจังเลย..
     
  14. กำนันธงชัย

    กำนันธงชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +75

    ดีเลย อยากได้ลูกแบบนี้อยู่พอดี จะดันให้เป็นรัฐมนตรีเลย 555+ ลูกผมไม่ได้แม้ปลายเล็บ
     
  15. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    [​IMG]

    อยากได้สักวง จะซื้อไปฝากเมียน้อย ผลงานการออกแบบ ระดับดีไซเนอร์

    ชาวฝรั่งเศส หลุย เลยนะนั่น

    ผม กำนันปึ๊ด ตัวจริง เสียงจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 เมษายน 2011
  16. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    แสดงว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนะ ท่านกำนัน 555+
    555+ 555+
     
  17. กำนันธงชัย

    กำนันธงชัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +75

    เล่นเอาฮาไม่ออกเลยน่ะ แต่ขอฮาหน่อย 555+
     
  18. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ทนเห็นความยิ่งใหญ่ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไม่ได้หรอครับ

    หรือพระศาสนาเราต้องเล็กๆ งกๆ ลองไปเปิดพระไตรปิฎก เรื่องราวในอดีตดูน่ะครับว่าเค้าทุ่มศรัทธากันขนาดไหน

    นี่ก็ภาพหลายๆงาน หลายๆปี มารวมๆกัน
    ผมว่าถ้าเป็นความยิ่งใหญ่แบบบริสุทธิ์ คงสุดยอดมากนะครับ แต่ถ้าเป็นความยิ่งใหญ่แบบที่ต้องจ้างเขามา หรือ ล่อหลอกด้วยอามิสสินจ้าง คงมีแต่ความทุเรศ ถึงแม้คนจะมากมายเพียงใด ไม่ต่างจากการสร้างหนังขึ้นมาสักเรื่องนึงทีใช้ตัวประกอบมากมาย ถ้าจะว่าถึงความศรัทธาในอดีต สมัยนั้นคงไม่ต้องจ้างมาเหมือนที่ธรรมกายทำมั๊งครับ ฉะนั้นอย่าไปเปรียบเทียบเลยครับ มันต่างกันแบบชนิด ฟ้ากับเหว เลยทีเดียว ธรรมกายทำได้อย่างมากหลอกให้คนเชื่อไม่เกินล้านคน แต่ศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อพระพุทธองค์ คงไม่ต้องบอกจำนวนมั๊งครับ ว่ามีมากเท่าไร ผมเชื่อว่า ทุกคนรู้อยู่แก่ใจตัวเองทั้งนั้น แต่บางคนไม่กล้าที่จะยอมรับเท่านั้นเอง...จบข่าว
     
  19. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    ยังไม่จบข่าว ขอรายงานอีกนิด คนในอดีตนั้นรู้ในพระสัทธรรมที่พระบรมศาสดาถูกต้องล้านเปอร์เซนต์ ความบริสุทธที่มีอยู่ในจิตใจนั้นสูงส่งไม่เจอปนด้วยความหยาบแบบในสมัยนี้ มันเทียบกันไม่ได้หรอกคุณ แค่คนบรรลุธรรมสมัยพุทธการน่ะก็เทียบกันไม่ได้เลย
    ดูพระเจ้าพิมพิสารเป็นตัวสิ ธรรมที่ท่านบรรลุนั้นเป็นอย่างไร
    แล้วทำไมคนที่ทำบุญเทียมเท่าพระเจ้าพิมพิสารอย่างที่ทำที่วัดธรรมกายถึงไม่บรรลุกันสักทีละ
     
  20. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    ผมว่าคนประเภทนั้นสกปรกเกินกว่าที่จะเทียบกับพระพุทธองค์ครับ อย่าว่าแต่บรรลุเลยครับ ผมว่าถ้าพวกเขาเอาตัวรอดจากนรกหลังความตาย ก้อเก่งแล้วครับ อย่างที่เคยบอกนะครับ ผมไม่เคยปรามาสพระ ถ้าเขาเป็นพระอย่างแท้จริง แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นพระอย่างแท้จริง เป็นแคมนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น ที่อาศัยผ้าเหลืองหากิน ผมไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าปรามาสกับพวกมัน คงได้แต่สมเพชในการกระทำของมันผู้นั้น เท่านั้นเอง ฉะนั้น ผมเลยไม่มีความกลัวต่อคำว่า ปรามาส เพราะผมไม่ได้ปรามาสพระ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...