สอบถามเรื่องการถวายสังฆทาน

การถวายสังฆทาน ถ้าผมซื้อของไปถวายพระโดยไม่กำหนดว่าให้พระรูปไหนถวายเป็นกลางๆท่านจะเอาไปใช้เองหรือแจกจ่ายก็ไม่ทราบเหมือนกันแต่ของที่ถวายได้ถวายเป็นของชิ้นเดียว เช่น สบู่1แพค หรือ ทิชชู่ 1 แพค หรือ ข้าวสาร 1 ถุง หรืออื่นๆ โดยไม่ได้ซื้อเป็นถังเหลืองที่มีขายทั่วไป การถวายของเป็นชิ้นๆแบบนี้จัดว่าเป็นสังฆทานได้หรือไม่

 

ขอตอบแบบฟันธงก่อนว่า จัดเป็นสังฆทานได้ ที่คุณเข้าใจนะถูกแล้ว

และขอขยายความเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

การถวายสังฆทานนั้น ต้องเริ่มต้นจาก "เจตนา" ก่อน
คุณมีเจตนาที่จะถวายให้เป็นสมบัติของหมู่สงฆ์หรือไม่ ถ้าคุณมีเจตนาเช่นนั้น ต่อให้เป็นข้าวสวยเพียงช้อนเดียว น้ำเพียงแก้วเดียวก็ถือว่าเป็นสังฆทาน

เมื่อคุณมีเจตนาที่จะถวายให้เป็นสังฆทานแล้ว ก็ต้องมี "ผู้รับ" ผู้รับในที่นี้ ก็ต้องเป็นพระสงฆ์ เป็น "ตัวแทน" แห่งสงฆ์ทั้งหลายมารับของที่ถวาย หรือได้รับทราบเจตนาที่เราจะถวายของนั้นให้เป็นสมบัติสงฆ์

เมื่อเป็น "ตัวแทน" ดังนั้น จะเป็นเจ้าอาวาสก็ได้ พระลูกวัดก็ได้ พระที่ทางวัดจัดให้นั่งรับสังฆทานกับญาติโยมก็ได้

แต่มีปัจจัยที่จะทำให้บุญที่คุณทำนั้นมากยิ่งๆขึ้นก็คือ "ความบริสุทธิ์ของผู้รับ" ถ้าพระผู้รับมีศีลบริสุทธิ์เท่าไหร่ และเจริญภาวนาเท่าไหร่ ตรงนั้นจะเป็นปัจจัยส่งผลบุญของคุณให้ได้มากยิ่งขึ้น จึงมีคำกล่าวว่า "เนื้อนาบุญอันประเสริฐ" ซึ่งก็มาจากการที่เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั่นเอง จึงจะเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของญาติโยมได้


ขั้นต่อไปก็คือ คุณต้องแสดงเจตนานั้นออกมาให้ผู้รับได้รับทราบ การแสดงเจตนาออกมาก็คือ การกล่าวคำถวายสังฆทานนั่นเอง
และพึงเข้าใจว่า สาระสำคัญอยู่ที่ว่า ต้องแสดงเจตนาออกมาทางวาจาเท่านั้น เพราะฉะนั้น หากไม่กล่าวคำถวายสังฆทานเป็นภาษาบาลี กล่าวเป็นภาษาไทยอย่างที่เราสนทนากันเนี่ย ได้มั้ย คำตอบก็คือ ได้

คุณคิดจะถวายข้าวสาร แต่ข้าวสารนั้นอาจมีข้อจำกัดบางประการซึ่งคุณสามารถศึกษาได้จาก การถวายสิ่งของแด่พระภิกษุสงฆ์ที่ญาติโยมควรปฏิบัติ
http://www.fungdham.com/download/book/plien/givingpadjai.pdf
ของพระอาจารย์เปลี่ยน ก็จะทราบได้ว่าเพราะอะไร (คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมหนังสือธรรมะของพระอาจารย์เปลี่ยนได้ที่ ˹ѧ

 

ขอรบกวนถามอีกนิดครับ เวลาถวายทานให้พระ ถ้าเราไม่ได้พูดคำถวายสังฆทานเวลาถวายเพราะจำไม่ได้และไม่มีโอกาสให้พูดเพราะเวลาประเคนของให้พระท่านแล้วท่านก็สวดให้พรและให้กรวดน้ำเลย อย่างนี้ถือว่าทานนั้นยังเป็นสังฆทานอยู่หรือไม่

 

ก็บอกท่านว่าถวายเป็นสังฆทาน ค่ะ

 

<TABLE class=tborder id=post650979 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">13-08-2007, 10:58 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#9 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->joni_buddhist<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_650979", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Sep 2005
สถานที่: 35 ถนนเจริญกรุง55 ยานนาวา สาทร กทม.10120
อายุ: 29
ข้อความ: 9,257
Groans: 7
Groaned at 76 Times in 38 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 115
ได้รับอนุโมทนา 80,486 ครั้ง ใน 9,995 โพส
พลังการให้คะแนน: 5913

​

</TD><TD class=alt1 id=td_post_650979 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start --><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff colSpan=2 height=65>อานิสงส์ถวายสังฆทานและวิหารทาน



</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=61 bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top width=435 bgColor=#ffffff>ถ้าเราตั้งจิตจะถวายสังฆทาน แต่ว่าไม่ได้บอกเล่าคะ ?

</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าตั้งจิตแต่ไม่ได้บอกก็ไม่ได้ยิน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระนั่งฉันอยู่ตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปหนูเอาของไปถวายเอาน้ำไปถวายถ้วยเดียว ก็เป็นสังฆทานทันที ไม่ต้องบอก ถ้ามีพระตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไปนะ ถ้าองค์เดียวต้องบอก แล้วเขาจะเก็บไว้เป็นสังฆทานเลย จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นคนรับก็ไปนรกซิ ผู้ให้ไปสวรรค์เพราะว่าถวายทานเป็นส่วนบุคคลกับถวายเป็นสังฆทาน อานิสงส์มันต่างกันหลายแสนเท่า แล้วก็ยังมีอีกเวลาหนึ่ง ถ้าพระออกจากสมาบัติ นี่คูณหนักเข้าไปอีกไม่รู้เท่าไร การถวายสังฆทานนี้มีอานิสงส์มาก ความจริงถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริง ๆ ละก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทาน เราทำกันแบบเงียบ ๆ ไม่มีกังวลการบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมากอานิสงส์มันก็น้อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศล มันห่วงงานอื่นมากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายสังฆทาน คำว่าสังฆทานก็หมายความว่า ถวายสงฆ์ในหมู่ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ตามพระวินัยท่านเรียกกันว่าคณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นคณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ทานโดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้มีอานิสงส์มาก


</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>การที่เราทำบุญใส่บาตร ตามหน้าบ้านกับพระที่เรารู้จักตามวัด แล้วไปทำที่วัด อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันเจ้าคะ.....?</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ถ้าฉันตั้งแต่ ๔ องค์ขึ้นไป เป็นสังฆทานมีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าหากท่านฉันตั้งแต่ ๑ องค์ ถึง ๓ องค์ อย่างนี้เป็น"ปาฏิปุคคลิกทาน</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>ผู้ถาม</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>มีอานิสงส์มากไหมคะ......?</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>หลวงพ่อ</TD><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>"มีโยม ถ้าเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ถ้าวัดกันตามลำดับแย่นะ ไล่เบี้ยตั้งแต่ให้ทานกับ คนไม่มีศีล จนถึง พระอรหันต์ มีอานิสงส์ไม่เท่ากัน แต่จะพูดสรุปโดยย่อว่า
ให้ทานกับพระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับ พระพุทธเจ้า ๑ ครั้ง ให้ทานกับพระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง
และถ้า ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับ ถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง
คือสร้างวิหาร มีการก่อสร้างเช่นสร้างส้วม ศาลา การเปรียญ กุฏิ โบสถ์ วิหาร เป็นต้น
การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิต และก็ถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจน เข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสน คนที่ถวายสังฆทานแล้ว จะไม่เกิดในที่นั้นผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่า แม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน
คำว่าไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่า แม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้ว แล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด คำว่าอานิสงส์ ยังไม่หมดก็เพราะว่าถ้าบุคคลใดบูชาบุคคลผู้ควรบูชา นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน
ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่งคือ หมายความว่าถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการ อย่างนี้เราถวายกี่หมื่นกี่แสน อานิสงส์มันก็ไม่มาก ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มีขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ บางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านที่เป็นพระอริยเจ้า ก็เข้าถึงผลสมาบัติ เป็นต้นอย่างนี้มีผลมาก"

</TD></TR></TBODY></TABLE>
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรมเล่ม1<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เอาอย่างงี้ซิ คือก่อนถวาย ไม่ว่าคุณจะเตรียมของไปจากบ้าน หรือคุณจะซื้อของจากร้านสังฆภัณฑ์ ซื้ออาหารจากตลาด เจตนาของคุณเป็นอย่างไรละ คุณตั้งใจจะถวายของนั้นให้เป็นสมบัติของหมู่สงฆ์ หรือเจาะจงว่าจะให้เป็นสมบัติของหลวงปู่หลวงตารูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง

เพราะฉะนั้น ขอให้ตั้งเจตนาในใจก่อนถวายว่า วันนี้เราจะถวายสังฆทาน ถ้าเราตั้งเจตนาอย่างนั้น ของที่ถวายก็เป็นสังฆทาน ส่วนผู้รับท่านจะรู้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ คนละประเด็น

การกล่าวคำถวายออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาษาบาลี ภาษาไทย หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษ ก็ตามแต่ เป็นเพียงการแสดงเจตนาออกมาทางวาจาให้เป็นที่ประจักษ์ชัด เพราะฉะนั้น อย่าไปห่วงเรื่องการกล่าวคำถวายหรือไม่กล่าวเลย

ขอให้จับหลักแน่นๆว่า ในทางพุทธศาสนาถือว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน"

ทำทาน ก็ต้องเริ่มที่ใจ และไปจบที่ใจ
รักษาศีล ก็ต้องเริ่มที่ใจ และไปจบที่ใจ
ภาวนา ก็ต้องเริ่มที่ใจ และไปจบที่ใจ

ถ้าคุณเข้าใจจุดนี้ได้ คุณก็จะเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น

ขอให้คุณเจริญในธรรม และผมขออนุโมทนากับบุญกุศลทั้งหลายที่คุณกระทำ

 

ผมอยากจะสอบถามหน่อยครับว่าการถวายสังฆทานจำเป็นไหมที่ต้องถวายพร้อมเพล
เนื่องจากผมได้ไปถวายสังฆทานที่วัดแห่งหนึ่ง โดยผมจะถวายเฉพาะสังฆทาน(ของใช้ทั่วไปกับน้ำปานะ)แต่วัดแห่งนั้น(พระท่านนึง)บอกว่ารับสังฆทานของผมไม่ได้เพราะมันเลยเวลาฉันเพลมาแล้วและบอกกับผมว่าผมไม่ได้นำอาหารมาถวายพร้อมเพลด้วยพระท่านนั้นจึงไม่ยอมรับสังฆทานที่ผมตั้งใจนำไปถวาย จึงทำให้ผมต้องเดินทางไปวัดอีกแห่งนึงแทน

 

ขออนุโมทนากับทุกคำตอบดีๆที่มีให้กับสมาชิกทุกท่าน ขอบคุณมากครับ

 

ที่คุณ peck55 ถามมาเนี่ย ขอตอบแยกดังนี้
1 ที่พระท่านไม่รับเนี่ย ผมไม่แน่ใจว่าท่านพิจารณาว่าที่คุณเรียกว่าน้ำปานะ มันขัดกับวินัยสงฆ์หรือเปล่า เช่น ชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่น อย่างนี้ไม่ได้แน่ เพราะแม้คุณจะเรียกว่าน้ำปานะ ถ้าพระท่านเคร่ง ท่านก็ไม่รับ เพราะเป็นรสข้าวนั่นเอง

ปกติน้ำปานะ พระฉันหลังเที่ยงได้ ถ้าไม่เป็นน้ำผลไม้ที่ทำจากผลไม้ที่ใหญ่กว่ามะตูม

2 ส่วนประเด็นที่ 2 เนี่ย สังฆทานไม่ได้หมายถึงว่าต้องเป็นอาหารอย่างเดียว สิ่งของหรืออาหารที่เราถวายเพื่อประโยชน์ของสงฆ์โดยส่วนรวม เรียกว่าสังฆทาน ทานเพื่อหมู่สงฆ์นั่นแหละ คือความหมายของสังฆทาน

 

พระท่านมักจะนำไปรวมไว้ที่ห้องเก็บของ ภายในวัด ซึ่งมักจะเป็นสังฆทานอยู่แล้ว คือพระรูปไหนในวัดก็มีโอกาสไปยิบจับของคุณ ไม่มีรูปใดเป็นเจ้าของอยู่แล้ว

 

อนุโมทนาบุญด้วยคะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปคะ

 

อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านด้วยครับ
ttt2010 ศิษย์พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส ภิกขุ
_____________________________________________________
บอกบุญแหล่งทำบุญ
ท่องวัดและศาสนสถานที่สำนักสงฆ์พรหมรังศรี
เปิดดวง พิธีกรรมแก้ดวงชะตา (สำนักสงฆ์พรหมรังศรี)
ร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดดอนพัฒนาราม พระนครศรีอยุธยา
ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างศูนย์วิปัสสนาศิริธรรม(นายาง)ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

เวลาทำบุญทุกครั้งจะถวายสมเด็จองค์ปฐมก่อน คือจะนึกภาพสมเด็จฯท่านรับประเคนของหรือปัจจัยที่ผีทะเลถวาย หลังจากนั้นค่อยทำบุญจนติดเป็นนิสัยค่ะ เพราะทำแบบนี้รู้สึกชื่นใจมากกว่าทำบุญเฉยๆ
จนมาระยะหลังนี่ เวลาทำบุญอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับพระ เช่น ผู้ยากไร้ หรือสัตว์พิการ ก็เผลอถวายสมเด็จฯท่านก่อน รู้ตัวอีกทีก็ถวายท่านเสร็จไปแล้ว พยายามคุมใจไม่ให้เผลอ แต่ก็หลุดบ่อยๆค่ะ

ไม่ทราบว่าทำแบบนี้แล้ว ผู้รับจะเดือดร้อนเพราะเราไหมค่ะ

 

ที่คุณบริจาคให้กับผู้ยากไร้หรือสัตว์พิการ เป็นการให้ทานทั่วไป ไม่ใช่สังฆทาน เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ใช่สังฆทาน แม้คุณจะนึกถึงสมเด็จองค์ปฐม ก็ไม่ได้ทำให้ผู้รับเดือดร้อนอะไรไปด้วย ตรงกันข้าม การที่คุณนึกถึงสมเด็จองค์ปฐม ก็จะได้เป็นการขอบารมีท่านมาโปรดผู้ยากไร้และสัตว์พิการเหล่านั้น เป็นการดีเสียอีก และก็เป็นการแสดงว่าจิตของคุณจับอยู่ที่สมเด็จองค์ปฐม แล้วจะทำให้ผู้รับหรือแม้กระทั่งตัวคุณเดือดร้อนได้อย่างไร

 

ขอถามเพิ่มนะคะ
ถ้านึกภาพถวายปัจจัยสมเด็จองค์ปฐมก่อน แล้วค่อยนำไปถวายพระสงฆ์หละคะ (ความประสงค์ของเราคือตั้งใจถวายพระสงฆ์องค์นั้นๆ โดยไม่ได้เจตนาให้เป็นสังฆทาน) ปัจจัยนั้นจะกลายเป็นสังฆทานโดยอัตโนมัติหรือเปล่าคะ และจะทำให้พระสงฆ์องค์ที่รับปัจจัยไปเดือดร้อนไหมคะ

 

ก็ต้องถามคุณว่า เจตนาที่แท้จริงของคุณก็คือ ถวายให้เป็นบุคลิกทาน คือ ทานเฉพาะบุคคลใช่หรือไม่ ถ้าใช่ การที่คุณนึกถึงภาพถวายปัจจัยสมเด็จองค์ปฐม ก็เป็นเพียงพุทธานุสสติกรรมฐาน เป็นเพราะความเคยชินของคุณ แต่คุณไม่ได้มีเจตนาถวายทานนั้นเป็นของสงฆ์ โดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธานในหมู่สงฆ์ จิตที่ระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมในตอนนี้ เป็นคนละตอนกับที่ระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมเมื่อคุณถวายของสิ่งนั้นให้เป็นของสงฆ์โดยรวม เพราะฉะนั้น จะต้องแยกแยะให้ดี

เมื่อคุณเจตนาถวายของนั้นโดยเฉพาะเจาะจง ของนั้นย่อมไม่กลายเป็นสังฆทานเพียงเพราะคุณระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐม อย่างที่บอกคือ การที่คุณระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมกรณีนั้น ต่างจากการที่คุณระลึกถึงสมเด็จองค์ปฐมตอนที่คุณเจตนาถวายของให้เป็นของสงฆ์โดยสากล

ดังนั้น เมื่อของนั้นไม่กลายเป็นสังฆทานเสียแล้ว พระที่ท่านรับไป ก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้ของสงฆ์ ก็แล้วจะบาปได้อย่างไร

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้

 

ฟังแบบนี้แล้วค่อยสบายใจ ขอบคุณคุณ khomeraya มากค่ะ ;20

 

ขอถามเพิ่มค่ะ
ถ้านึกภาพถวายปัจจัยสมเด็จองค์ปฐม แล้วค่อยนำไปทำบุญ เช่น สังฆทาน, สร้างพระ ฯลฯ แต่ผู้รับปัจจัยไม่บริสุทธิ์ หรือเป็นการหลอกลวงไม่ได้นำไปสร้างพระจริง การน้อมใจถวายสมเด็จองค์ปฐมก่อนแบบนี้ จะได้ทั้งพุทธานุสติฯและอานิสงค์ของการทำบุญครบถ้วนตามเจตนาของเรา หรือ ได้เพียงพุทธานุสติฯ แต่อานิสงค์การทำบุญไม่เต็มเพราะผู้รับจริงไม่บริสุทธิ์คะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ

 

@ผีทะเล
ทักผมแล้วหายไปเลยนะครับ อิอิอิอิ

 

ก็ได้ทั้งพุทธานุสสติ และได้บุญครบถ้วนตามเจตนาของเราแหละครับ เพียงแต่ว่าบุญที่เราได้นั้น ยังไงเสียก็สู้ถวายกับเนื้อนาบุญอันประเสริฐไม่ได้เท่านั้นเอง ไม่งั้นจะมีคำสอนให้รู้จักเลือกหาเนื้อนาบุญอันประเสริฐไปทำไมกัน ถ้าถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปแล้วได้บุญเท่ากันหมด ....จริงม๊ะ