เด็กเขียวจากโลกอื่น?

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 8 มีนาคม 2011.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    สองคนจูงมือพากันเดินออกมาจากโพรงในพื้นดิน <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ความ ลึกลับของเด็กสองคนที่มีผิวกายสีเขียว ถูกยึดถือเป็นข้อพิสูจน์เรื่องมิติที่สี่ โดยนักวิจัยทางวิญณาญและภูตผีปีศาจ นิยายปรัมปราก็ดี การถือโชคลางก็ดี และการบิดเบือนความจริงก็ดี อาจจะบดบังความจริงเสีย แต่ข้อเท็จจริงยังคงมีอยู่ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งอุบัติขึ้นที่เชิงเขาประเทศสเปน วันหนึ่งในค.ศ. 1887<O:p></O:p>
    บ่ายวันหนึ่งแห่งเดือนสิงหาคม ค.ศ.1887 เด็ก สองคนจูงมือกันเดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่งที่เชิงผาใกล้หมู่บ้านบานโฮเซ ในประเทศสเปน เข้าไปในนาซึ่งคนงานกำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราว 90 ปีมาแล้วก็จริง แต่ก็มีผู้ที่มีชีวิตอยู่หลายคนซึ่งยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี ไม่ต้องสงสัยเลย อาจมีการเล่าเกินความจริงไปบ้าง และอาจบิดเบือนความจริงไปบ้างก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงอันเป็นมูลฐานของเรื่องนี้ที่รู้สึกว่าไม่สามารถโต้แย้งได้ก็ คือ เด็กสองคนนั้นเดินออกมาจากปากถ้ำอย่างปราศจากอาการหวาดกลัวจริงๆ ทั้งสองคนพูดภาษาที่แปลกและกระท่อนกระแท่น กับทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็ประกอบด้วยวัสดุที่ไม่เคยเห็นมาก่อน<O:p></O:p>
    และ ที่ประหลาดที่สุดก็คือ...ผิวกายเป็นสีเขียวขจี นับเป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์ ปราศจากเหตุผลแต่ก็ไม่ต้องการคำอธิบาย แม้กระนั้นนักวิจารณ์เกี่ยวแก่ภูตผีปีศาจก็ปักใจเชื่อว่า บางทีอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่มีคุณค่าที่สุดเท่าที่พวเขาเคยได้รับเกี่ยวแก่ มิติที่สี่ โลกซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับโลกของเรา เป็นแดนสนธยาซึ่งเด็กสองคนนั้นรอดพ้นออกมาได้ จะด้วยวิธีหนึ่งวิธีใดก็ตาม<O:p></O:p>
    ทฤษฎี ก็คือว่า เด็กสองคนนี้ตกเข้าไปในของเหลวหรือก๊าซในอวกาศ เหมือนดังคนที่ตกลงไปในโพรงน้ำแข็งและไม่สามารถกลับออกมา จึงได้เข้าไปสู่ที่ราบของมิติที่สาม แล้วเลยเข้าไปในมิติที่สี่ และไม่สามารถกลับมาได้<O:p></O:p>
    ประหลาดมหัศจจรย์หรือ? อาจ เป็นไปได้ แต่ในบรดาทฤษฎีทั้งหมดที่นำมาพิจารณาเกี่ยวแก่การปรากฏตัวของเด็กที่ผิวกาย สีเขียวนี้ ก้เป็นทฤษฎีเดียวเท่านั้นที่พอจะนำมาอธิบายได้เป็นซ้ำสอง<O:p></O:p>
    ในไม่ช้า หลังจากปรากฏการณ์นี้ นัก บวชรูปหนึ่งเดินทางจากบาร์เซโลนาเพื่อทำการสอบสวน นักบวชรูปนั้นได้เห็นเด็กทั้งสอง และได้ซักถามประจักษ์พยาน และต่อมาก็ได้เขียนรายงานขึ้นไว้ ความว่า<O:p></O:p>
    "อาตมา ประหลาดใจมากที่มีประจักษ์พยานรู้เรื่องมากมาย จนต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจ และคลี่คลายได้ด้วยอำนาจแห่งสติปัญญา"<O:p></O:p>
    พวก ชาวนาที่เกี่ยวข้าวกำลังพักผ่อนรับประทานอาหารกลางวันกันอยู่ เมื่อเด็กประหลาดคู่นั้นปรากฏตัวขึ้นที่ปากถ้ำบนเชิงเขา ทั้งสองมีอาการเงอะงะร้องไห้โฮออกมาอย่างเปิดเผย และที่ประหลาดมากก็คือทั้งสองคนมีผิวกายสีเขียวเข้ม<O:p></O:p>
    ด้วย ความไม่เชื่อ คนทำงานพากันวิ่งกรูเข้าไปหาเด็กสองคนนั้น ฝ่ายเด็กก็ตื่นตกใจและออกวิ่ง ผู้คนเลยแตกตื่นวิ่งไล่ตาม ในที่สุดก็ตามทันและจับตัวไว้ได้นำไปที่หมู่บ้าน<O:p></O:p>
    ทั้งสองคนถูกนำตัวไปที่บ้านของริคาร์โด ดา คาลโน ผู้ซึ่งเป็นทั้งนคราภิบาล และเจ้าของที่ดินคนสำคัญของหมู่บ้าน<O:p></O:p>
    ดา คาลโนพยายามพูดจากับเด็กคู่นั้น ส่วนตนอื่นๆ โผล่หน้าต่างดู เขาจับมือขวาของเด็กผู้หญิงยกขึ้นดู ปรากฏว่าสีเขียวติดแน่น จึงต้องเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อของผิวกายอย่างไม่ต้องสงสัย<O:p></O:p>
    เด็ก คนนั้นดึงมือกลับ แล้วร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เจ้าของบ้านจัดอาหารมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กทั้งสอง แต่เด็กก็ไม่รับประทาน หยิบขนมปังขึ้นมาถือไว้แล้วหยิบผลไม้ แต่ก็เพียงมองดูด้วยความแปลกใจ ไม่ยอมเอามันเข้าไปใกล้ปาก<O:p></O:p>
    ดา คาลโนพยายามสังเกตดูรูปร่างของเด็กทั้งสอง แม้ว่าจะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ใกล้ไปทางเผ่าพันธุ์นิกรอยด์เล็กน้อย นัยน์ตากลมเหมือนผลมะนาว และลึก<O:p></O:p>
    เด็กทั้งสองพักอยู่ในบ้านนั้น 5 วัน ไม่กินอะไรเลยจนสังเกตเห็นได้ว่าอ่อนเพลีย ไม่ทราบว่าอาหารอะไรจึงจะเป็นที่พึงใจเขาทั้งสอง<O:p></O:p>
    มีรายงานฉบับหนึ่งกล่าวว่า "ได้ มีการนำเอาถั่วที่ตัดหรือเด็ดจากต้นเข้ามาในบ้าน ปรากฏว่าเด็กทั้งสองกรากเข้าหยิบเอาไปฉีกอย่างตะกรุมตะกราม แต่ไม่ยักฉีกที่ฝัก กลับไปฉีกที่ลำต้น คงเข้าใจว่าเม็ดถั่วอยู่ในโพรงลำต้น<O:p></O:p>
    "เมื่อ ไม่พบอะไร เด็กทั้งสองก็ตั้งต้นร้องไห้อีกครั้งแล้วใครคนหนึ่งจึงฉีกฝักถั่วให้ดู เมื่อนั้นแหละ ทั้งสองจึงดีใจมาก และกินถั่วเข้าไปตั้งมากมาย และตั้งนั้นมาก็ไม่ยอมแตะต้องอาหารอื่นใดอีกเลย"<O:p></O:p>
    แต่ การอดอาหารมาหลายวันดูเหมือนจะเป็นอันตรายแก่เด็กทั้งสองนั้นอย่างร้ายแรง ทั้งๆที่ได้กินถั่วแล้วเด็กผู้ชายก็อ่อนเพลียลงเรื่อยๆ จนในที่สุดได้ถึงแก่กรรมลง หลังจากมาที่ปรากฏตัวได้ที่นั่นหนึ่งเดือน ศพของเขาก็ได้ถูกฝังไว้ในสุสานของหมู่บ้าน<O:p></O:p>
    อย่าง ไรก็ตามส่วนเด็กหญิงกลับแข็งแรงดี และทำหน้าที่เป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านของ ดา คาลโน ผิวกายที่เป็นสีเขียวค่อยๆจางลง และเป็นคนแปลกประหลาดของหมู่บ้านน้อยลง หลังจากนั้น 2-3 เดือน เธอก็พูดภาษาสเปนได้บ้าง จึงสามารถให้ถ้อยคำชี้แจงแก่ดา คาลโนได้ถึงเรื่องราวในการมาของเธอ แต่แม้กระนั้นก็ยังทำให้ความลึกลับที่มีอยู่แล้วกลับมีมากยิ่งขึ้น<O:p></O:p>
    เธอบอกว่าเธอมาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีมีพระอาทิตย์ขึ้น และมีแสงสนธยาอยู่เสมอเป็นนิจ "มีดินแดนที่มีแสงสว่างแลเห็นอยู่ห่างไกลจากเรา แต่ถูกสกัดกั้นโดยธารน้ำที่กว้างมาก" เธอบอก<O:p></O:p>
    ต่อคำถามที่ว่าทั้งสองคนมาสู่พิภพของเราได้อย่างไร เธอตอบได้แต่เพียงว่า "มีเสียงหนึ่งดังมากขึ้น และเสียงนั้นเองที่ตรึงจิตใจของเรา เราจึงมาตามเสียงนั้นและได้พบตัวเองมาอยู่ในทุ่งนาที่กำลังมีการเก็บเกี่ยว"<O:p></O:p>
    นั่น คือเรื่องราวทั้งหมดที่เธอเล่าให้ฟัง และบางทีเธออาจทราบทั้งหมดเพียงเท่านั้นเอง เด็กผู้หญิงมีวิตอยู่อีกห้าปี แล้วเธอเองก้ตายตามไปอีกคนนึ่ง ศพของเธอถูกฝังไว้เคียงข้างกับศพพี่(หรือน้อง) ชายของเธอ<O:p></O:p>
    นับ เป็นเรื่องราวที่ประหลาดมหัศจรรย์ มันเป็นเรื่งปรัมปราที่เล่ากันมาในอดีต เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงหรือเป็นเรื่องที่เล่ากันให้แปลกและตื้นเต้นสืบต่อกัน มาลายชั่วคนกระนั้นหรือ? <O:p></O:p>
    แต่ ถึงอย่างไร เอกสารต่างๆ ก็ยังคงมีอยู่พร้อมด้วยถ้อยคำให้การของบรรดาประจักษ์พยาน ที่ได้สาบานตนว่าจะพูดความจริงและล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้สัมผัสเนื้อตัว มนุษย์ประหลาดซึ่งจูงมือกันเดินออกมาจากโพรงในพื้นดินทั้งสิ้น<O:p></O:p>
    มี ทฤษฏีหลายอย่างที่เกี่ยวแก่เรื่องนี้ อาทิเช่น เด็กนั้นอาจมาจากดาวอังคาร ดวงดาวซึ่งเย็นลงแล้วและที่เชื่อกันว่าพันธุ์ไม้ที่อาจเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวขจีเหมือนผิวกายของเด็กทั้งสอง อย่างที่พบในตอนสูงๆของภุเขาแอลป์ส์<O:p></O:p>
    แต่ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทราบถึงสิ่งมีชีวิตที่ใต้พื้นพิภพ ว่ามีจริงและเคยโผล่ออกมาให้เห็นจากโพลงลึกลงไปในดินมาแล้ว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    ที่มา http://xchange.teenee.com
     
  2. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    กว่าจะอ่านจบ

    กว่าจะอ่านจบ ลม เเทบจับ:cool::cool::cool:
     
  3. Jumpa

    Jumpa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +71
    ฮ่าๆๆ พี่ก็ต้องงัดแว่นขยายมาอ่าน หน้ามืด
     
  4. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +1,782
    เฮ้ย...! เล่นเอาซะเหนื่อย
     
  5. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    เหมียนกัลล์เลยอิอิ.. :cool::cool::cool:
     
  6. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    ตาลาย ไม่อ่านเลย...
     
  7. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ขอบคุณครับชอบฟังเรื่องแปลกๆแบบนี้ครับ.......:cool:
     
  8. evolution_e99

    evolution_e99 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณครับ ที่นำเรื่องแปลกๆมาเล่าให้ฟัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...