คนสมัยก่อนที่มีเมียได้หลายคน ผิดศีลข้อ3หรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Fabreguz, 4 มีนาคม 2011.

  1. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    คือผมสงสัยครับว่า ... คนสมัยก่อน หรือกษัตริย์.. ที่มีนางสนม หรือมีเมีย ที่พ่อแม่เขา และเรารับรู้ เข้าใจ ... มีหลายคนผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ หรือว่าสมยอมกันทั้งสองฝ่ายแล้วไม่ผิด... รวมถึงสมัยนี้ที่ผมเห็น บางคนก็มี 2 - 3 เมีย โดยที่ ไม่ปิดบังแบบเมียหลวง เมียน้อยนะ แต่ทำพิธีทีเดียว 2 คนเลย ให้ชาวบ้าน พ่อ แม่ รับรู้....... ไม่ได้ปิดบัง ไม่ได้พรากของใคร.... หรืออย่างที่มีบางศาสนา ให้มีเมียได้ 4 คน.... สรุปแล้วยังไง ถ้าเงื่อนไขเป็นตามนี้:'(
     
  2. blackky

    blackky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +27
    ข้อที่สามคือไม่ประพฤติผิดในกามครับ(ศึลจะขาดเมื่อมรรคถึงมรรคครับ เขาว่าอย่างนี้อ่ะนะ^^) สามารถมีภรรยาหลายคนได้ครับไม่ได้ห้าม แต่ห้ามผิดลูก เมีย คนอื่นครับ
    ของที่มีเจ้าของห้ามล่วงเกินครับ เช่น ลูกสาวเขาเรายังไม่ได้ไปขอพ่อแม่เขา ห้ามมีอะไรกันครับ ต่อให้ลูกสาวยินยอมฝ่ายชายก็เหอะ
     
  3. Jumpa

    Jumpa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +71
    อืมม คิดหนักนะ แล้ว ภรรยาคนที่สองหล่ะค่ะ เธอยุ่งกับสามีคนอื่นนะ สามีไม่ผิดศีลข้อสาม ภรรยาคนที่สองผิด หรือ ไม่ผิด ขึ้นอยู่กับอะไรค่ะ ถ้าภรรยาหลวงอนุญาต ภรรยาคนที่สองก็ไม่ผิดศีล ถ้าไม่ ก็ผิด โอ๊ย งง

    เป็นว่า รอฟังคำตอบ จากท่านสมาชิกผู้รู้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  4. serm

    serm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +331
    ต้องมีความยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย ถึงไม่ผิดครับ
     
  5. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    อย่างกษัตริย์ ในสมัยก่อน ที่มีคนมาถวาย ลูกให้เป็นนางใน ... แล้วก็เกิดลูกมีราชวงค์ เพื่อรับใช้ประเทศชาติมากมาย ผมไม่ได้ลบหลู่นะครับ แค่อยากรู้ว่า ผิดศีลหรือไม่
     
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE style="WIDTH: 600px" border=0><TBODY><TR><TD>ถาม – อยากทราบด้วยว่ามีเหตุผลกลใดในหลักกรรมวิบาก ที่ทำให้พระราชาทั้งหลายมีความชอบธรรมในการครองมเหสีหลายองค์พร้อมนางสนม เป็นสิบเป็นร้อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้องตามธรรมชาติกรรมวิบาก หรือว่าเป็นเพียงความลำเอียงของมนุษย์ด้วยกัน ที่ยกอภิสิทธิ์พิเศษให้พระราชา?




    </TD></TR><TR><TD>เพื่อ ให้ยอมรับได้ง่ายขึ้น ก่อนอื่นลองมองสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าได้นะครับ คุณรู้ว่าโลกนี้มีคนบางคนทำงานมากกว่าใครอื่น แบกภาระมากกว่าใครอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวมมากกว่าใครอื่น และหากคุณปลาบปลื้มในน้ำใจกรุณามหาศาลของเขาเป็นล้นพ้น คุณย่อมไม่สงสัย ไม่รู้สึกคัดค้าน หากบอกว่าหลังจากตายจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่เขาจะได้รับเป็นผลตอบแทนคือนางฟ้าสักหมื่นองค์
    หากศรัทธากรรมวิบากจริง คุณต้องมองด้วยใจเป็นกลาง ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย
    คำถามที่อาจมีตามมาก็คือถ้าทำดีเกินธรรมดา แล้วจะได้ อะไร ที่ดีเกินธรรมดา คำตอบคือได้ในสิ่งที่มนุษย์ชอบใจ และมีคุณสมบัติเลอเลิศ ตลอดจนมีจำนวนมากกว่าผู้อื่น
    ถาม อีกว่าเมื่อใดควรจะได้รับรางวัล คำตอบคือถ้าไม่เหมาะจะได้รับในชาติปัจจุบัน ก็ควรเหมารวบยอดทีเดียวในชาติถัดๆไป อาจจะเพื่ออยู่ในฐานะอันไม่เป็นที่ครหาแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันยอมรับแล้ว
    อย่าง เช่นฐานะของพระราชาในเกือบทุก ท้องถิ่น เกือบทุกยุคทุกสมัย ประชาชนทั่วไปพร้อมใจกันรู้สึกว่าเหล่าพระองค์น่าจะมีบาทบริจาริกามากกว่า หนึ่ง และบาทบริจาริกาแต่ละนาง สมควรจะเลอเลิศเกินภรรยาของชายทั้งแผ่นดิน
    ผู้ หญิงที่เหมาะจะเป็นบาทบริจาริกา เหล่านั้นมาจากไหน ก็มาจากเหล่ามหาชนที่พระราชาเคยช่วยเหลือเกื้อกูลไว้ในอดีตนั่นเอง ส่วนจะอยู่ในฐานะมเหสีหรือนางสนม ก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่เหมาะสมของพวกนางเอง
    หาก เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมา เคยประกอบบุญด้วยใจยินดีร่วมกัน มีใจเสมอกันในศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา มีโอกาสตอบแทนคุณ ผลัดกันเกื้อกูล ตลอดจนมีใจไปในทางเดียวกัน อธิษฐานให้ได้เป็นคู่กัน เมื่อสบจังหวะได้เสวยภพมนุษย์ที่เป็นไทในตนเองร่วมกัน หญิงนั้นจะเป็นมเหสี เพราะเป็นที่เสน่หาปานดวงหทัยของพระราชา (ตำแหน่งมเหสีเป็นที่เชิดหน้าชูตา ได้นั่งเคียงราชา หรือเป็นรองก็เพียงราชา อาจเป็นธิดาเจ้าเมืองอื่นซึ่งมีศักดิ์เสมอกัน หรืออาจเป็นหญิงมีสกุลธรรมดาที่ถูกยกขึ้นเทียบเกียรติภูมิราชวงศ์)
    หาก เคยได้รับความช่วยเหลือ มีใจกตัญญู มีความเคารพรักบริสุทธิ์ แต่ไม่เคยมีโอกาสร่วมประกอบบุญอย่างใกล้ชิด ไม่เสมอกันในศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา ไม่มีโอกาสตอบแทนคุณอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่มีใจปรารถนาติดสอยห้อยตามไปรับใช้ในปรโลก เมื่อสบจังหวะต้องเสวยภพบริวาร หญิงนั้นจะเป็นสนมเอก เพราะเป็นที่โปรดปรานยิ่งของพระราชา (ตำแหน่งสนมเอกเกิดจากการพระราชทานเครื่องยศ อาศัยความพอพระทัยเป็นสำคัญ)
    หาก เคยได้รับความช่วยเหลือ ไม่เคยได้ร่วมประกอบบุญด้วยกัน อ่อนด้วยศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา คิดเอาแต่ได้ไม่หาโอกาสตอบแทนคุณแม้แต่น้อย เมื่อสบจังหวะต้องเสวยภพบริวาร หญิงนั้นจะเป็นสนมสามัญ ไม่เป็นที่โปรดปรานของพระราชา (ตำแหน่งสนมไม่จำเป็นต้องเกิดจากการคัดเลือกของพระราชาเสมอไป สุลต่านหลายองค์ที่มีสนมเป็นร้อยเป็นพันนั้น อาจไม่เคยแม้แต่มองหน้าพระสนมบางนางชัดๆสักครั้งเดียว)
    สำหรับ มเหสีและสนมเอกนั้น เกือบร้อยทั้งร้อยต้องเคยมีความผูกกายหรือผูกใจกับพระราชามาก่อน แต่สำหรับสนมสามัญ อาจเป็นหญิงทั่วไปที่เคยทำทานรักษาศีลพอจะเข้ามาอยู่ในวัง ทว่าเป็นผู้อ่อนในบารมีด้านกตัญญูกตเวที จึงอยู่ในฐานะผู้รับใช้มากกว่าผู้ใกล้ชิด
    และ กรณีของพระราชาที่มีบุญยิ่งใหญ่ จริงๆ สมบูรณ์ด้วยพระราชอำนาจและรูปโฉมผิดสามัญบุรุษ ก็มักมีคู่บุญที่รูปโฉมเกินสตรีธรรมดาเช่นกัน อันนี้ต้องคำนึงด้วย ว่าเมื่อหญิงใดใจบุญเสมอผู้สมควรเป็นหมายเลขหนึ่งของแผ่นดิน ผลย่อมได้เกิดเป็นหญิงผู้เลิศเหนือนางใดในแผ่นดินไปด้วย
    แม้ เป็นพระราชา และแม้มีบาทบริจาริกามหาศาล ก็ใช่จะเป็นเครื่องประกันความสุขเสมอไป ประวัติศาสตร์บอกไว้ ในอดีตมีพระราชาจำนวนมาก ได้รับความเดือดร้อนพระทัยจากบรรดามเหสีและสนมนางในด้วยเรื่องราวโลกๆ ไม่ค่อยจะแตกต่างจากความเร่าร้อนของปุถุชนผู้มีเมียมากสักเท่าใด กรรม อันเป็นเครื่องกำหนดให้พระราชาอยู่สุขตามอัตภาพกับบรรดาบาทบริจาริกา ก็คือการที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลทางธรรม ทำให้ศรัทธากรรมวิบาก ทำให้รู้ทางไปดี



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="WIDTH: 600px" border=0><TBODY><TR><TD>ถาม – ถ้าเทียบระหว่างพระราชาที่มีชายามาก กับผู้ชายธรรมดาที่มีเมียมาก ถือว่าเหมือนกันหรือไม่ และผลกรรมจะต่างกันอย่างไรคะ?




    </TD></TR><TR><TD>จะพูดแค่ว่า ‘ผู้ชายธรรมดา’ คงไม่ได้หรอกครับ เพราะกรรมไม่ได้จำแนกมนุษย์ให้ต่างกันสองชั้นแค่พระราชากับผู้ชายสามัญชน ในระหว่างชายผู้เป็นสามัญชนด้วยกันยังซอยย่อยออกไปได้อีกมากมายนับสิบนับ ร้อยชั้น
    สำหรับคำถามนี้ ผมจะซอยประเภทของชายผู้เป็นสามัญชนออกเป็นเพียง ๓ ประเภท ได้แก่

    ๑) มีความดึงดูดทางเพศ เป็นกรรมที่เกิดจากการคิด การพูด การทำเยี่ยงชายแบบเข้มข้น เช่นมีความคิดริเริ่ม เป็นผู้นำ เล็งตรง ตัดสินใจด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หนักแน่นเข้มแข็งไม่ท้อง่าย คิดปกป้องผู้อื่นมากกว่าหลบอยู่หลังใคร ฯลฯ แค่การปรากฏตัวของชายจำพวกนี้ก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ใจสั่นได้

    ๒) มีความดึงดูดทางการเงิน เป็นกรรมที่เกิดจากทานและศีลในอดีตชาติ บวกเข้ากับความขยันขันแข็ง ทำงานอย่างมีคุณภาพ หรือค้าขายอย่างฉลาด และไม่มีผลของกรรมมืดใดๆมาขัดจังหวะการสะสมทรัพย์ สามารถยื่นข้อเสนอที่จุใจหญิงได้ไม่อั้น

    ๓) มีความดึงดูดด้วยวิธีฉ้อฉล เป็นกรรมในปัจจุบันที่อาศัยเล่ห์เพทุบายหรือคารมหลอก บวกกับการมีหญิงจำนวนหนึ่งต้องเสวยวิบากจากการหลอกลวงคนอื่นไว้ จึงมาติดกับโดยง่าย

    แค่จำแนกเป็น ๓ ประเภทหลักๆอย่างนี้ ก็คงพออ่านออกได้รางๆ ว่า ‘กรรมที่ทำ’ เป็นอย่างไร และ ‘ผลของกรรมที่ต้องรับ’ ควรออกหัวออกก้อยท่าไหน
    ชาย ที่มีความดึงดูดทางเพศอาจหมายถึง คนหล่อ หรือคนที่มีบุคลิกเร้าใจ ชวนให้หญิงทั้งหลายสมัครใจเข้ามารุมล้อม หากหญิงใดเคยมีประสบการณ์เห็นดารานักร้องแล้วกรี๊ดสลบ ตั้งใจว่ายอมทำทุกอย่างขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดคนโปรดของตน หญิงนั้นย่อมไม่คิดเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบทางเพศ เพราะการได้สิ่งที่ตนพอใจย่อมไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบใดๆ ความคลั่งไคล้ดารานักร้องปานจะขาดใจนั้น ย่อมชนะความคำนึงถึงศักดิ์ศรีและความถูกต้องเหมาะสมทั้งหลาย จึงถือว่าชายประเภทที่แรงเรียกทางเพศสูงๆนั้น มีคุณสมบัติอันเป็นที่ยอมรับสำหรับคนจำนวนหนึ่ง ว่าสมควรแก่สิทธิ์เชยชมหญิงหลากหน้าหลายตา

    ชาย ที่มีความดึงดูดทางการเงินอาจ หมายถึงเสี่ยหนุ่ม เสี่ยกลางคน หรือเสี่ยชรา ผู้สามารถหว่านเงินแลกสิ่งน่าปรารถนาอย่างร้อนแรง หากผู้หญิงมาหาเขาเพราะเงิน ผู้หญิงนั้นย่อมทำไว้ในใจอยู่แล้วว่าตนเป็นสินค้า เป็นบริการ การซื้อขายตามข้อตกลงย่อมไม่ใช่การปล้น เมื่อ หญิงยินยอมเอากาย เอาวิญญาณ เอาศักดิ์ศรีของตนวางลงบนเตียงแลกธนบัตร แม้กฎหมายก็ไม่อาจห้าม และเป็นสิ่งที่ถือปฏิบัติกันมาชั่วกัปชั่วกัลป์ในโลกมนุษย์ ชายที่ซื้อหญิงจึงถูกยอมรับอยู่กลายๆ แม้ใครจะมองมาด้วยความยินดีหรือยินร้ายก็ตาม


    ส่วน ชายที่ไม่มีทั้งคุณสมบัติและ สมบัติอันเหมาะสม มีแต่คารมหลอก มีแต่การปกปิดสถานภาพสมรส พวกนี้แหละที่ถือว่าทำกรรมหนักกว่าชายพวกอื่นที่กล่าวมา เพราะการหลอกล่อฉ้อฉลนั้นผิดศีลข้อมุสาวาทอยู่แล้ว และผลยังอาจสร้างความร้าวรานให้กับหญิงผู้เป็นเหยื่ออย่างสาหัส ชายประเภทนี้ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง โทษที่เกิดจากการฉ้อฉลทางเพศมีประการใด ภายหลังเขาย่อมเสวยวิบากอย่างสาหัสปานกัน ไม่ว่าจะเป็นความเร่าร้อนหรือเหม็นเน่าในอบายภูมิ หรือจะเป็นการอยู่ในวงจรอุบาทว์แห่งการผลัดกันต้มตุ๋น
    มอง กันอีกมุมหนึ่ง ว่ากันโดยจิต เมื่อหมกมุ่นในกาม จิตย่อมเสื่อมจากความเจริญ หรืออย่างน้อยก็ไม่เจริญถึงที่สุด เพราะจิตที่ถูกราคะครอบงำอย่างหนาแน่นและยาวนานนั้น ย่อมมืดมากกว่าสว่าง หรืออีกนัยหนึ่งต้องเป็นผู้ทำบุญอย่างมหาศาล ภาคสว่างจึงจะทัดเทียมภาคมืด ไม่เกิดแนวโน้มไปเสวยภพอันมืด ภพอันต่ำกว่าสุคติภูมิได้ ฉะนั้นจะดึงดูด ให้หญิงมาติดพันด้วยการเป็นชายประเภทใดก็ตาม หากหมกมุ่นมัวเมาในกามคุณแล้ว ผลย่อมเหมือนกันหมด คือมีจิตที่โน้มเอียงไปในทางคิดข้างมืด พูดข้างมืด ทำข้างมืด หากไม่สังวรระวัง ตั้งอยู่ในความประมาท ไม่ประกอบบุญกุศลเพื่อคานกัน ก็มีสิทธิ์ลงต่ำหลังสิ้นสุดอัตภาพมนุษย์ได้

    ยก ตัวอย่างเช่นเมื่อเกลือกกลั้วกับกายหญิงบ่อยๆจนเจน เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เห็นเพศสัมพันธ์เป็นของเล็กน้อยเหมือนสั่งขี้มูก ชินๆเข้าก็ไม่สนว่าเป็นลูกเขาเมียใคร แม้หญิงที่มีเจ้าของสมัครใจมาเอง ก็ไม่พ้นความผิดข้อกาเมสุมิจฉาจารไปได้ ธรรมดานะครับ เสือผู้หญิงที่โต้คลื่นกามบ่อยๆนี่น่ะ มักหลีกไม่พ้นหรอก เรื่องผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน แล้วก็มักอ้างว่าผู้หญิงมาเอง ไม่ได้หลอกใคร นั่นแหละ ไม่ได้หลอกก็ผิดอยู่ดี เหมือนมือเปื้อนขี้ แม้บอกว่าไม่ได้เป็นคนจับ ขี้ลอยมาเอง อย่างไรก็ต้องเหม็นอยู่วันยังค่ำ

    สรุป คำตอบให้สั้นคือสำหรับพระราชา นั้น กรรมอนุญาตให้มีชายามากได้ โดยฐานะ โดยกำเนิด โดยการยอมรับของสังคม ส่วนชายสามัญชนนั้น กรรมไม่ได้ตกแต่งฐานะให้มีเมียมากมาแต่ต้น หากจะฝืนมี ก็อาจหมายความว่าต้องมีดีบางอย่างไปแลก หรือถ้าไม่มีดีพอ ก็ต้องก่อความเจ็บช้ำน้ำใจ หรือใช้อุบายกดขี่ทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ผู้หญิง ซึ่งก็ต้องรอเสวยวิบากกันต่อไป อย่างเบาอาจกลายเป็นหญิงให้เขาหลอกบ้าง เป็นต้น

    สำหรับ ธรรมเนียมประเพณีทางศาสนาหรือ ลัทธิที่อนุญาตให้มีเมียมากกว่าหนึ่งคน อันนั้นจะโยงเข้ากับความเชื่อ ตั้งต้นความเชื่อขึ้นมาอย่างใด แล้วมีคนเข้ามายอมรับอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นการผูกกรรมทางความคิดและการกระทำ โดยรวมคือถ้ามีความสามารถรับผิดชอบ มีความสามารถทำให้เหล่าภรรยาเป็นสุขกายเป็นสุขใจถ้วนหน้า ก็จำต้องยอมรับครับ ว่ากรรมเขาเป็นไปเพื่อกามสุขที่หลากหลาย



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม 8 : ตอนที่ ๔


    .
     
  7. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขอบคุณครับ สรุปว่า ท่านที่มีพระชายา หลายองค์ ก็เป็นเพราะบุญและกรรม ที่ทำมาในอดีตร่วมกัน ... และถ้าสิ้นพระชนม์ ผมเชื่อว่าท่านก็จะมีบริวาร เทวดา อีกมากเช่นกัน ...

    ส่วนคนธรรมดา ถ้าไม่เจอที่ร่วมกันจริงๆ ก็อาจจะผิดศีล ได้ ถ้าแอบมี แอบปิดบัง ... ถ้าคิดจะมีทีเดียว 2 คนต้อง ให้ทั้งสองฝ่ายพ่อแม่ ยินยอมทั้งคู่

     
  8. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ละเมิดศีล แปลว่าล่วงเกิน เขามีขอบเขต แล้วเราไปละเมิด ถือว่าทำลายขอบเขต

    หรือทำร้ายน้ำใจเขา


    การมีเมียมาก หรือมีเมียน้อย ถ้าทำไม่ถูกต้องตามาจารีต ตามประเพณีตาม หลักศีลธรรม ก็มีความผิด

    ไม่แตกต่างกัน

    เช่นเรา มีเมียคนเดียว รักเดียว ใจเดียว (ฟังดูน่าจะดี) แต่เผอิญ ลูกสาว เขายังเด็ก อายุแค่15ปี

    เราไปเอามาทำเมีย พาหนี โดยที่พ่อแม่ เขาไมได้รับรู้ด้วย หรือไม่ได้ยินยอม นั่นเอง

    ยังงี้ 1 ผิดกฏหมายบ้านเมือง 2 ผิด ทำร้ายน้ำใจผู้ปกครอง ซึ้งเขาไม่ได้ยินยอมพร้อมใจยกไห้เรา

    ความผิดแบบนี้ ผิดศีล ข้อ กาเม ตายไปตกนรก ทำลายน้ำใจ ผู้ปกครองเขา ไห้เขาได้รับความทุกข์ระทมใจ

    บุตร ธิดา เปรียบดังแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ หนักมากนะ บาปมากนะ

    สอง เรามีภรรยาอยู่แล้ว ตกแต่งมาอย่างถูกต้อง พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ทุกคน ยินยอมพร้อมใจ เต็มใจ

    แต่เผอิญ ฝ่ายสามี ไปเจอผู้หญิง อีกคนหนึ่ง ถูกใจ อยากจะได้ภรรยาเพิ่มอีกคน

    แต่ก็ไม่ได้ทำไปตามอำเภอใจ และได้ไปขอภรรยาหลวง ซึ้งภรรยาหลวงก็ ยินยอมพร้อมใจ อย่างจริงใจ และเต็มใจ

    ไห้สามี มีเมียน้อยได้ อย่างงี้ ไม่ได้ทำร้าย ทำลายน้ำใจใคร (ดูศาสนาที่อนุญาตไห้ผู้ชายมีเมียได้4คน แต่ต้องเลี้ยงดูได้ดีเท่าเทียมกัน)

    ความผิด ทางด้านกฏหมาย ทางด้านศีลธรรม จะเอาผิดกับใครได้เล่า จะหาโทย์ หาจำเลย

    ที่ไหนมารองรับ ความผิดได้ล่ะ ไม่มีไช่ไหม เมื่อไม่มี แล้วจะเอาบาป จะเอาผิดได้ที่ไหน

    อย่างไรกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2011
  9. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    กฏธรรมดา คำว่าบาป ต้องมีโจทย์ มีจำเลย และมีผู้ที่รับผลของความผิด


    โจทย์ ยื่นฟ้อง โจทย์ชี้ตัวผู้กระทำผิด หรืิอจำเลยไม่มี จะเอาความผิดจากที่ใด


    แต่โลกหน้า หรือ นรกโลก ความยุติธรรม เป็นไปตามสัจจะ หรือความจริงเท่านั้น

    ไม่ลำเอียง ผลของกรรมไห้ผล ไม่ผิดคน ผลของกรรมไห้ผลเที่ยงตรงเสมอ


    แต่ทางโลก คนละเรื่อง ขึ้นอยู่ เงิน ขึ้นอยู่ เหล่เหลี่ยม และปัจจจัยอีกหลายอย่าง

    แต่สุดท้าย ก็หนีกฏของกรรมไม่พ้น..
     
  10. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ผมว่า บางคน ที่ต้องแอบมีเมียหลายคน หรือไปเป็นเมียน้อยเขา ก็เพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันแหละครับ วนเวียน พอเราทำเขาเจ็บ ชาติหน้าเขาก็มาทำเราเจ็บบ้าง (เจ็บใจนะ) แต่ถ้าเราไม่ทำให้เขาเจ็บใจ แต่เป็นสุขใจ ... ก็เป็นมิตร ถ้ามีคนมาหักอกเรา หรือเราต้องไปกินน้ำใต้ศอกแสดงว่า อดีตเราต้องทำไม่ดีกับเขาไว้.... แต่ถ้าปัจจุบัน ดันมีคนมาชอบหลายคน แล้วเราไม่ได้ล่วงเกินเขา แสดงว่าเราทำให้เขาสุขใจไว้
    .
    แต่ผมก็สงสัยอีกว่า แล้วอย่างดารานักร้อง... ที่เขาคบทีละคนก็จริงนะ แล้วก็เลิก แล้วก็เปลี่ยนไปทีละคน คือทั้งสองฝ่ายก็ยินยอมกัน ยินยอมเลิก แล้วก็เปลี่ยน... เหมือนค่านิยมฝรั่ง ผิดศีลไหมครับ เพราะไม่ได้คบทีหลายคน แล้วอย่าง เด็กๆสาวๆ หรือหนุ่มก็ตาม ที่ชอบดารา นักร้อง จะผิดศีลทางใจหรือเปล่า งง
     
  11. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ไม่มีใครทุกข์ ในการเปลี่ยน...เลิกลากันด้วยดี ไม่ผิดศีลครับ แต่

    ผิดเบญจธรรม ข้อ 3 กามสังวร

    (ความสังวรในกาม, ความสำรวมระวังรู้จักยับยั้งควบคุมตนในทางกามารมณ์ ไม่ให้หลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส - sexual restraint)







    ไม่ผิดศีล แต่ ระวังมีโอกาสจะผิดเบญจธรรม


     
  12. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    คนสมัยก่อนที่มีเมียได้หลายคน ผิดศีลข้อ3หรือไม่
    ..................................................................
    ในพระไตรปิฎกมีข้อกำหนดว่า"ห้ามหรือไม่ห้าม"หญิงใด อย่างชัดเจน
    แต่ตอนนี้ยังค้นที่จดโน้ตไว้ ไม่เจอครับ
     
  13. sahapol

    sahapol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอตอบให้เลยนะครับ

    ไม่ผิดครับ เพราะเขายอมรับกันครับ

    แต่ถ้าผู้ชายไปยุ่งกับภรรยาคนอื่นนี่ผิดครับ...
     
  14. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    จะเอาความถูกต้องหรือเอาความถูกใจ จะหาเหตุอ้างว่าไม่ผิดศีลแล้วมันไม่ผิดธรรมหรือ

    กฎแห่งกรรมไม่สนหรอกว่าประเพณีสังคมหรือกฎใดๆที่มนุษย์ประดิษฐ์เป็นอย่างไร ถ้าการกระทำใดๆทำความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนอื่นก็ถือว่ามีเวรกรรมต่อกันทั้งนั้น การอ้างว่ามีกฎหรือประเพณีอนุญาตไว้ เป็นเรื่องที่มนุษย์มากกิเลสคิดเอาเองเพื่อตอบสนองกิเลสของตน
    ไม่มีชายใดปรารถนาใช้ภรรยาร่วมกับผู้อื่น และก็ไม่มีภรรยาปรารถนามีสามีร่วมกับหญิงอื่นหรอก ปากบอกยอมแต่ใจไม่ยอมหรอก เพียงแค่มีความโกรธไม่พอใจก็เป็นเวรกรรมต่อกันแล้ว บาปก็เกิดขึ้นแล้ว ชายใดมีภรรยามากๆก็มีเวรมาก บาปกรรมก็มากตามเพราะเป็นอาจิณกรรมทำอยู่ทุกวัน ดังนั้นถ้าไม่ีมีบุญใหญ่ๆมาช่วยมักไม่รอดอบาย ไม่เว้นคนธรรมดา เศรษฐี มหาเศรษฐี ขุนนาง อำมาตย์หรือแม้แต่พระราชา เมื่อผิดศีลหรือผิดธรรม ก็ต้องรับผลทั้งสิ้น เพราะกฎแห่งกรรมไม่มีความเกรงใจให้ผู้ใด
     

แชร์หน้านี้

Loading...