เปิดจองแล้วเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่เลิศ หลานคุณพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง

ในการนี้ คณะทำงานจึงได้จัดทำเบี้ยแก้นะปัดตลอดขึ้น เพื่อสืบสานตำนานสายวิชาวัดกลางบางแก้ว และสืบสานวิชาสุดยอดแห่งวัดโตนดหลวงคือวิชานะปัดตลอด

สายวัดกลางบางแก้ว ได้หลวงน้าสัญญา เป็นผู้ประจุเบี้ยแก้ ส่วนสายวัดโตนดหลวง ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่เลิศ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของหลวงปู่ทองศุข เป็นผู้เสกนะปัดตลอด

เพื่อให้เป็น เบี้ยแก้นะปัดตลอด ที่มีเอกลักษณ์หนึ่งเดี่ยว ที่ผนวกสายวิชาสองสุดยอดเข้าด้วยกัน ทั้งกัน ทั้งแก้ และ ปัดตลอด

ให้บูชาตัวละ 1,000.-บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท ครับ
มีโค้วต้ามาแบ่ง 25 ตัวนะครับ
รายละเอียดการโอนตามนี้ครับ

 

ผู้จัดสร้างเล่าให้ฟังว่าเมื่อผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องเบี้ยแก้จนเจนจบ..ก็มีความตั้งใจว่าวันหนึ่งจะต้องทำเบี้ยที่ต้องตามตำราออกมาให้ได้

..จึงเริ่มตระเวนหาแหล่งหอยเบี้ยแก้คัดตามตำราสะสมไว้...เริ่มหาปรอทที่มาจากใต้พื้นทะเล...หาชันโรงใต้ดิน(อยู่ใต้ดินเท่านั้น)จากแหล่งที่อยู่ของเขา (สัตว์ชนิดนี้จะไม่อยู่ในดินเหนียวแบบภาคกลางเรา).....

และนำทั้งหมดเข้าปลุกเสกในพิธีนพรัตน์นพคุณของวัดไผ่ล้อมนครปฐมโดยผมเป็นผู้อาราธนาพระเกือบทั้งหมดเกือบ๒๐๐รูป

พิธีนี้เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่มาก จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครทำได้อีก ผมสามารถอาราธนาพระเกจิผู้ทรงอภิญญามาได้แทบหมดประเทศเพราะไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณการเดินทาง หลังจากนั้นผมก็ยังนำหอยเบี้ยแก้ ปรอท ชันโรงนี้ตระเวนเสกไปทั่วเป็นปีๆ

จากนั้นจึงทำการบรรจุและปลุกเสก อาศัยฤกษ์เสาร์๕ปีขาลที่มีเพชรฤกษ์ด้วยซึ่งแข็งมากเป็นหลัก โดยครั้งแรกคิดจะบรรจุเองเนื่องจากเรียนมาเหมือนกัน แต่ในที่สุดกลับตัดสินใจให้หลวงน้าสัญญา วัดกลางบางแก้ว ผู้สืบวิชาจากหลวงปู่เพิ่มท่านบรรจุและปลุกเสกดีกว่า เพราะยังไงพระท่านก็ศีลสูงกว่าเรา จึงได้นำไปให้ท่านบรรจุ

ท่านก็รีบทำให้ด้วยความยินดีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘ ตัว จากนั้นท่านได้นำไปปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ร่วมกับหลวงปู่บุดดาที่วัดหนองวัวคำ ต.แม่ตื่น อ.ลี้ จ.ลำพูน ในวันเสาร์๕นั่นเอง เพราะท่านได้รับอาราธนาจากลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งพาไปร่วมปลุกเสกที่นั่น

คนที่รู้เรื่องเบี้ยแก้ดี มักจะเลือกเบี้ยปัดตลอดมาทำ แต่นั่นก็เป็นเพียงลายเส้นบนเบี้ยเท่านั้น หาใช่การปัดตลอดอย่างแท้จริงไม่สำหรับผมแล้วการปัดตลอดต้องมากกว่านั้น ผมจึงตั้งใจนำเบี้ยแก้ที่ทำมาอย่างดีแล้วนี้ ถวายหลวงปู่เลิศ กนฺตสีโล หลายชายคุณพ่อสุข วัดโตนดหลวง และ เป็นอาจารย์รูปหนึ่งของผม เป็นเจ้าของผู้สำเร็จเบี้ยตามตำรับหลวงปู่บุญและลงนะปัดตลอดปิดท้ายให้เป็นสุดยอดเบี้ยแก้เพื่อให้ชื่อของท่านเป็นที่จดจำตลอดไปว่า......

เบี้ยแก้นะปัดตลอดหลวงปู่เลิศ กนฺตสีโล หนึ่งเดียวในแผ่นดิน

 

หลวงปู่บุดดา กับหลวงน้าสัญญา ร่วมปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์




เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกันกับการเสกลูกอมสาลิกาที่วัดบวกครกใต้ จ.เชียงใหม่
มีครูบาตั๋น วัดย่าพาย ครูบาเป็ง วัดทุ่งปูน ครูบาก๋อง วัดบวกครกใต้



ครูบาผัด วัดหัวฝาย ศิษย์ครูบาพรหม วัดพระพุทธบาทตากผ้าเสก




หลวงพ่อเจริญ วัดสระพังลาน สุพรรณบุรี ศิษย์หลวงพ่อสมบุญ วัดบางยี่แส ซึ่งเป็นสายหลวงพ่อเนียมเหมือนกัน กำลังปลุกเสก ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้ว

 

พิธีใหญ่ๆเท่าที่นึกออกก็มี ๙พยัคฆ์๒บารมี วัดบางพระ เกจิที่มาเสกเท่าที่จำได้มี หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อแผน วัดหนองติม หลวงปู่แผ้ว วัดกำแพงแสน หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม หลวงพ่อเอื้อน พ่อท่านเสือเล็ก ฯลฯ องค์สุดท้ายนี้สำคัญเหรียญรุ่นแรกยิงไม่ออก

ส่วนอีกพิธีคือพิธีรักชาติ วัดใหญ่ชัยมงคล ที่มี หลวงปู่เจือเป็นประธาน ร่วมกับหลวงปู่ทิม วัดพระขาว มีเกจิดังทั้งอยุธยามาปลุกเสก ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ หลวงพ่อเสาร์ วัดดอนหญ้านาง หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน หลวงพ่อแก่น วัดใหญ่ชัยมงคล หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม ฯลฯ และในวันสมโภชน์ มี หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม หลวงพ่อสิริ วัดตาลปากเกร็ด หลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาลาปูน หลวงปู่ดี วัดเทพากร รวมเป็น อวยพรสิริสวัสดิ์ดี

 

เรื่องการถักหุ้มนั้น ตำราไม่ได้บังคับว่าต้องใช้อะไรมาเคลือบเชือกที่ถักหุ้ม
วัตถุประสงค์ในการเคลือบนั้นก็เพื่อถนอมเชือกที่ถักไม่ให้เปื่อยขาดง่าย
แต่สมัยโบราณนั้นนิยมใช้รัก(ยางไม้ชนิดหนึ่ง) มาเคลือบรักษา
เนื่องจากยังไม่มีวัสดุอื่นที่ดีกว่า ดังนั้นการเคลือบนี้จึงไม่เกี่ยวกับพุทธคุณ

ในเบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือเอง ยังมีเบี้ยเปลือย(คือไม่ถักเชือกหุ้ม)
เบี้ยที่ถักเชือกสังเคราะห์ที่ย้อมสีสำเร็จมาแล้วสามสีมาต่อกันเป็นสีธงชาติ
และ เชือกสังเคราะห์สีทองและสีเงิน

ส่วนที่เคลือบเชือกด้วยสีแดงเพราะตามตำราเดิมจริงๆนั้นหลวงปู่รอด
หลวงปู่บุญท่านใช้ผ้ายันต์แดงมาหุ้มตะกั่วก่อนถักเชือก
ทำไมท่านไม่ใช้ผ้าขาวหรือจีวร? ปัจจุบันหลวงปู่เจือเปลี่ยนมาใช้จีวรแทน
ทำให้สีแดงหายไปเหมือนขาดเคล็ดอะไรไปบางอย่าง
เพราะสีแดงเป็นสีแห่งรังสีธาตุไฟที่ใช้ขับผีไล่คุณไสยอัปมงคล
ลองสังเกตุดูสิครับเวลาเรายกครูก็ต้องมีผ้าขาวและผ้าแดง
เวลาเราบวงสรวงหรือไหว้ครูก็ต้องมีขนมต้มขาวต้มแดง
ดังนั้นสีขาวกับสีแดงเป็นสีที่ขาดไม่ได้ในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์
เชือกที่ถักเบี้ยแก้นะปัดตลอดนี่ก็เช่นกันครับเป็นสีขาวแล้วจึงต้องเคลือบด้วยสีแดง
ผ้ายันต์อะปะจะคะ ของหลวงปู่เฒ่า วัดคังคาว ก็มีทั้งสีขาวและสีแดง แต่คนนิยมแต่สีแดง
เพราะมีประสบการณ์มากกว่า

ชาวจีนเวลามีงานมงคลก็ต้องตกแต่งด้วยสีแดง
อัญมณีที่เรียกว่าทับทิมหากสียิ่งแดงสดราคายิ่งแพงนะครับบางทีแพงกว่าเพชรซะอีก
แปลว่าสีแดงนั้นย่อมมีดีอยู่ในตัว

 

หลวงปู่เย็นอายุ ๙๔ปี ศิษย์หลวงพ่อชุ่ม วัดบางเค็ม ท่านเสกเบี้ยแก้นะปัดตลอดทางชุ่มเย็น

 

หลวงปู่เลิศ หลานหลวงปู่ทองศุขวัดโตนดหลวง เสกนะปัดตลอด หลายรอบ
เพื่อให้ เป็นเบี้ยแก้ที่ทรงอิทธิ นะปัดตลอด ตามสายวิชาวัดโตนดหลวง

 

ทั้งปลุกเสกหมู่ในช่วงเริ่มต้น และเสกปิดท้ายแบบบินเดี่ยวโดยสองหลวงปู่ทายาทพระอาจารย์อาคมขลัง เบี้ยแก้ชุดนี้ไม่เป็นรองสำนักใดๆ ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุผลหลายประการ
๑. วัสดุมวลสารที่นำมาสร้างถูกต้องตามตำรา
๒. สรรค์สร้างโดยผู้สืบทอดวิชาจากสำนักที่มีชื่อเสียงด้านเบี้ยแก้ คือ วัดกลางบางแก้ว
๓. ผ่านการปลุกเสกจากพระคุณเจ้าไม่ต่ำกว่า ๑๐๘ รูป ซึ่งใช้เวลาเวลาเกือบหนึ่งปีเต็ม ผ่านพิธีมากมาย
๔. ได้รับการเสกเดี่ยวปิดท้ายโดยพระคุณเจ้าที่เป็นหลาน และลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในกรรมฐาน และพุทธาคมอันเกรียงไกร และขลังยิ่งนัก

 

องค์ประกอบในการสร้างเบี้ยแก้วัดกลางบางแก้วองค์ประกอบหรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้
ในการสร้างเบี้ยแก้ที่สำคัญมี 4 ชนิดคือ
1.เบี้ยแก้เป็นหอยทะเลชนิดหนึ่งประเภทหอยเบี้ยด้านหลังจะมีสีน้ำตาลแก่ลายสีน้ำตาลแก่ลายสีน้ำตาลอ่อนเป็นจุดๆด้านท้องปากหอยมีลักษณะคล้ายฟันเป็นซี่ๆ ตามแนวยาวการเลือกเบี้ยแก้ที่จะนำมาทำนั้นต้องเลือกเบี้ยที่มีซี่ฟันครบ 32 ซี่และมีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่
จนเกินไป พอเหมาะในการที่จะบรรจุปรอทได้น้ำหนักที่ 1 บาท
2.ปรอทเป็นโลหะเหลวชนิดหนึ่งมีสีขาวบริสุทธ ิ์กรรมวิธีการดักปรอทของคนโบราณ นิยมใช้ไข่เน่าเอาเข็มเจาะเป็นรูเล็กๆ แล้วนำไปวางไว้ตามบ่อน้ำครำทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน แล้วจึงนำไข่ขึ้นมาจะมีปรอทเข้าไปอยู่ในไข่เน่าแต่ปัจจุบันมักนิยมใช้ปรอทจากการดูดน้ำมันมาทำ
3.ชันโรงใต้ดินตัวชันโรงเป็นแมลงที่มีลักษณะคล้ายผึ้งแต่เล็กกว่าผึ้งมากชอบกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้มักอยู่ใต้ดินไม่ใช่แมลงที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มตามสถานที่ๆ มีความเงิยบสงบต่างๆ เช่นริมหน้าต่างโบสถ์วิหารศาลาโรงธรรมเป็นต้น ชันโรงใต้ดินนี้ไม่ชอบให้ใครไปรบกวนเมื่อถ่ายออกมาจะมีกลิ่นหอมและตัวชันโรงจะนำมาทำเป็นรังของมันเองมีลักษณะคล้ายๆกับครั่งโบราณจารย์ท่านนิยมใช้ชันโรงใต้ดินมาเป็นส่วนประกอบในการทำเบี้ยแก้
4.แผ่นตะกั่ว,ผ้าแดงแผ่นตะกั่ว ใช้สำหรับตีหุ้มตัวเบี้ยที่ผ่านการบรรจะปรอทและปิดทับด้วยชันโรงเรียบร้อยแล้วอีกทั้งใช้สำหรับลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ ส่วนผ้ายันต์แดงหรือผ้าจีวรใช้สำหรับปิดทับอีกครั้ง ก่อนนำไปถักเชือกลงรักหรือชาดในลำดับสุดท้าย
กรรมวิธีการสร้าง
เมื่อได้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วคณาจารย์ผู้สร้างจะเอาปรอทเทลง
ไว้ในฝ่ามือแล้วจึงบริกรรมเวทย์มนต์จนจบแล้วจึงบริกรรมอีกบทหนึ่ง ขณะกรอกปรอท
ลงในตัวเบี้ยโดยให้ปรอทวิ่งลงตรงร่องระหว่างฝ่ามือ่ตรงรอยพับใต้นิ้วก้อยลงมาเล็กน้อย
สำหรับหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วมีคำเล่าขานสืบต่อกันมานั้น กล่าวว่าท่านจะเสกปรอทจะวิ่งเข้าหาตัวเบี้ยได้เองขณะเอาปากหอยมาจ่อตรงร่องฝ่ามือเสมอกันปรอทจะวิ่งเข้าหาโดยที่ท่านไม่ได้ยกมือให้ขึ้นสูงแต่ประการใด
เมื่อผ่านขั้นตอนการบรรจุปรอทเข้าตัวเบี้ยแล้ว จะใช้ชันโรงใต้ดินอุดปากเบี้ยไว้กันปรอทไหลกลับคืนออกมาต่อจากนั้นนำเบี้ยดังกล่าวไปตีหุ้มด้วยแผ่นตะกั่วให้เรียบร้อยสวยงามตามลักษณะของเบี้ยจั่นที่นำมาทำเป็นเบี้ยแก้แล้วจึงลงอักขระเลขยันต์โดยเบี้ยแก้สาย
วัดกลางบางแก้วนั้นใต้ท้องเบี้ยเป็น ยันต์พุทซ้อน หรือนะหน้าทอง อันได้แก่ พระเจ้า 5 พระองค์คือ นะ โม พุทธา ยะ ด้านซ้ายมือลงด้วยตัว อัง แต่บางลูกอาจมียันต์กำเนิด
เฑาะสมาธิหรือเพาะมหาอุดเป็นหลักใหญ่ บางลูกก็ลงอักขระด้วยยันต์เฑาะขัดสมาธิข้างซ้ายลงตัว มะข้างขวาลงตัว

อะ ด้านบนลงตัว อุ หลังจากนั้นลงอักขระบนผ้าแดงห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ก่อนนำไปถักเชือกหุ้มทับหมดทั้งตัวอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นเอาไปลงรักปิดทับชั้นนอกอีกทีเพื่อเป็นการรักษาสภาพ โดยปกติเบี้ยแก้สำนักนี้จะมีการสอดห่วงทองแดงไว้บริเวณท้องเบี้ยเพื่อใช้สำหรับร้อยเชือกคาดเอว
ขั้นตอนสุดท้ายคือการปลุกเสกเบี้ยแก้ ให้มีมหิทธานุภาพตามโบราณกาล การปลุกเสกเบี้ยแก้ของสำนักวัดกลางบางแก้วนั้น กล่าวไว้ว่าต้องปลุกเสกเบี้ยแก้ให้เคลื่อนไหวได้จริงเสียก่อนที่จะนำออกมาแจกจ่ายให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายทั้งปวงต่อไป



หนังสือหลายๆเล่มหรือเซียนบางคนยังเข้าใจผิดเรื่องเบี้ยอยู่อีกมาก คิดว่าหอยที่มาทำเบี้ยแก้เรียกว่าหอยเบี้ยจั่น จริงๆแล้วไม่ใช่ หอยที่มาทำเบี้ยแก้เรียกกันว่าหอยเบี้ยแก้ มีรูปร่างหน้าตาและรายละเอียดดังนี้

หอยเบี้ยแก้
ชื่ออังกฤษ : Snake's head Cowry
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cypraea caputserpentis
คลาส : GASTROPODA
ไฟลั่ม : MOLLUSCA

--------------------------------------------------------------------------------

เปลือกเป็นรูปครึ่งทรงกลม ด้านหลังโค้งนูน ด้านข้างแผ่ออกเป็นฐาน พื้นผิวด้านบนสีน้ำตาลแต้มด้วยจุดขาวเล็ก ๆ กระจัดกระจาย ขนาดความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร พบทั่วไปในน่านน้ำไทย

 

ท่านใดสนใจร่วมบุญสร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทองศุข ก็ลงชื่อจองไว้ได้ครับ มีโค๊วต้า 25 ตัวนะครับ แบ่งมาอีกที เพื่อเอามาปชส.ในนี้ครับ

 

หลวงปู่เลิศลงตระกรุด



หลวงปู่เลิศทักทายตากล้อง แบบธรรมดา แต่เท้าท่านยาวขึ้นมามากกว่าปกติ

ประวัติหลวงปู่เลิศ
หลวงปู่เลิศ (พระครูปลัดบุญเลิศ อคฺคปุญฺโญ) อายุ ๙๐ ปี หลานชายคุณพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง มีนามเดิมว่า บุญเลิศ โชติอรุณ เกิดเดือน ๗ ปี วอก พศ.๒๔๖๓ ณ.บ้านสมอพลือ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง ๖ คนของพ่อโต๊ะ แม่แปลก โชติอรุณ โดยโยมพ่อโต๊ะเป็นลูกผู้น้องของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงปู่เลิศบวชเณรเมื่ออายุ ๑๗ปี อยู่วัดโตนดหลวง หลังจากนั้นได้สึกออกมาเกณฑ์ทหาร จนอายุ ๒๑ ปีจึงได้อุปสมบท ณ. วัดท่าไชยศิริ ต.สมอพลือ เมื่อบวชแล้วได้กลับไปช่วยงานหลวงพ่อทองสุข ที่วัดโตนดหลวง โดยเป็นพระหลานรักที่หลวงพ่อทองสุขถ่ายทอดกรรมฐานและพุทธาคมต่างๆรวมถึงนะปัดตลอดให้ จนท่านไว้วางใจมอบหมายให้หลวงปู่เลิศเป็นผู้สักยันต์ครู(สักที่หน้าอกขวา)แก่ศิษยานุศิษย์ในสายวัดโตนดหลวงคู่กับหลวงพ่อพิมพ์(มาลัย) วัดหุบมะกล่ำหลานอีกท่านหนึ่งแทนหลวงพ่อฯ อีกทั้งหลวงปู่เลิศยังได้รับการถ่ายทอดวิชาเข็มทองมาด้วย ต่อมาภายหลังจากหลวงพ่อทองสุขมรณภาพ(พศ. ๒๕๐๐) ๒ปี ทางเจ้าคณะอำเภอก็อาราธนาหลวงปู่เลิศมาเป็นเจ้าอาวาส วัดโพธาวาส พออยู่ๆมาหลวงปู่ฯเกิดความเบื่อหน่ายในภาระการดูแลวัดจึงได้ขอสละตำแหน่ง มาปฏิบัติกรรมฐานและสงเคราะห์ชาวบ้าน ด้วยการรักษาอาการป่วยเจ็บโดยเฉพาะการพ่นดับพิษทั้งหลายรวมถึงอาการวิกลจริตต่างๆ ตามแบบหลวงพ่อทองสุขผู้เป็นลุง ระหว่างนั้นมีศิษย์ใกล้ชิดหลายท่านทราบประวัติจึงได้อ้อนวอนขอหลวงปู่ฯช่วยทำตะกรุดให้ แล้วนำไปใช้จนพบประสบการณ์มากมาย ส่วนใหญ่หนักไปทางคงกระพันไม่ต่างกับของหลวงพ่อทองสุข แต่เนื่องจากหลวงปู่ฯเป็นพระที่เก็บตัวและดุมากทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร คนที่ไม่สนิทกับหลวงปู่ฯก็ไม่กล้าขอตะกรุดจากท่าน จนกระทั่งปัจจุบันหลวงปู่ฯอายุมากขึ้นและเริ่มดุน้อยลงคณะศิษยานุศิษย์จึงได้กราบอาราธนาขอหลวงปู่ฯให้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อให้ศิษยานุศิษย์ทั่วไปได้บูชากันโดยอาศัยฤกษ์สำคัญวันเสาร์๕ตัวผู้ปีขาล ที่หลายสิบปีจะมีสักครั้งเป็นเหตุ ทำให้หลวงปู่ฯท่านไม่ปฏิเสธแถมตั้งใจในการสร้างและปลุกเสกเป็นอย่างดี ด้วยว่าท่านก็ปราถนาที่จะอนุรักษ์พุทธาคมของหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวงขนานแท้ไว้ให้ลูกหลานสืบไปฯ และที่สำคัญหลวงปู่ฯกล่าวหลังจากปลุกเสกว่า หลวงพ่อทองสุขมาลงให้ด้วยแรงจริงๆ สว่างจ้าฉันอัดแทบไม่ลง

 

ขอจองเบี้ยแก้ 1 ลูกครับ
ไม่ทราบว่าต้องโอนปัจจัย วันภายในวันไหนครับ

 

ประวัติพระอาจารย์สัญญา กมฺมสุทฺโธ

สถานะเดิม นายสัญญา ทวีวงษ์ โยมบิดาชื่อพ่อกลุ่ม ทวีวงษ์โยมมารดาชื่อแม่อ่อน ทวีวงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2489 ตรงกับวันอังคาร ปีจอ เดือน 7 ณ.ตำบลไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีพี่น้อง 7 คน เป็นบุตรคนที่ 4 พระอาจารย์สัญญา กมฺมสุทฺโธ ท่านเป็นชาวอำเภอนครชัยศรีมาแต่กำเนิด เมื่อสมัยยังเยาว์วัยท่านเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนวัดประชานาถ(วัดโคกแขก)เมื่อเรียนจบชั้นป.4 ก็ออกจากโรงเรียนมาช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำสวน จนกระทั่งอายุย่างเข้า 22 ปี บิดา-มารดาก็จัดพิธีอุปสมบทให้ที่วัดกลางบางแก้ว ซึ่งแต่ก่อนบิดาของท่านก็เคยบวชเรียนอยู่ที่วัดกลางบางแก้วนี้มาก่อน จึงอยากให้บุตรชายบวชเรียนอยู่ที่วัดนี้เช่นกัน
สู่ร่มกาสาวพัสตร์
พระอาจารย์สัญญา กมฺมสุทฺโธ อุปสมบทที่วัดกลางบางแก้ว พระอุปัชฌาย์คือพระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่เพิ่ม บุญญสวโน)พระกรรมวาจาจารย์คือ พระธรรมธรมูล จฺนทโชโต พระอนุสาวนาจารย์คือปลัดบุญมี ฉยปาโล ในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2511 เวลา 9.40 น.ณ.พระอุโบสถวัดกลางบางแก้วและได้รับฉายาทางธรรมว่า "กมฺมสุทฺโธ"เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้และคอยช่วยงานทางวัดเสมอมา เวลาที่หลวงปู่เพิ่มจะทำพระเนื้อดินก็จะคอยช่วยเผาพระเนื้อดิน บดยาบ้าง และช่วยตีเบี้ยแก้เมื่อมีญาติโยมมาให้หลวงปู่เพิ่มทำ สมัยนั้นหลวงปู่เจือ ปิยะสีโล ท่านก็บวชอยู่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่เพิ่มเช่นกันท่านทั้งสองเป็นเครือญาติกันและศิษย์ผู้พี่ของพระอาจารย์สัญญา
และได้เรียนวิชาทำยาวาสนาจินดามณี เสกปรอท เขียนอัขรเลขยันต์ ทำเบี้ยแก้มาด้วยกันจากหลวงปู่เพิ่มโดยตรง ซึ่งวิชานี้ตกทอดมาจากหลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่แห่งวัดกลางบางแก้ว
พระอาจารย์สัญญานั้นท่านเป็นพระสมถะ เรียบร้อย ไม่ถือตัว ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูงไม่ผิดไปจากหลวงปู่เพิ่มพระอาจารย์ของท่านและหลวงปู่เจือเลยแม้แต่น้อย เวลาที่หลวงปู่เจือไม่อยู่หรือติดนิมนต์ที่ไหน เมื่อมีญาติโยมมาให้ทำเบี้ยแก้ก็จะให้พระอาจารย์สัญญาช่วยจารอักขรเบี้ยแก้อยู่เสมอ และเมื่อทางวัดจะทำยาวาสนาจินดามณีหลวงปู่เจือก็จะนิมนต์พระอาจารย์สัญญาด้วยทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ท่านบวชมาท่านมักจะช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนและเป็นที่พึ่งของญาติโยมทั้งหลายทั่วไปมาโดยตลอด​

 

รับจองไว้ไม่เกิน 15 วันครับ
โอนเมื่อไรก็แจ้งให้ทราบนะครับ
ทางsms หรือทางใดก็ได้ครับ
หลังจากนั้นอีก 1 วันจะจัดส่งให้ครับ
เพราะตอนนี้ พร้อมจัดส่งครับ

 

รับทราบครับผม
เบี้ยชุดนี้ ใส่ปรอทหนึ่งบาท ตามตำราที่พี่โคมฉาย โพสและ เสกจนเดินได้หรือเปล่าครับ
เบี้ยที่ถูกเสก จนเดินได้เป็นเบี้ยในฝันครับ
ส่วนวิธีใช้ มีวิธีการใช้อย่างไรบ้างครับ

 

เอาเป็นว่าตามตำราทุกประการ
ส่วนเดินได้นั้น ผมไม่ได้อยู่เหตุการ
และคณะที่ไปส่วนใหญ่ก็จัดเตรียมสิ่งของระหว่างที่มีการปลุกเสก
เพราะนอกจากพิธีพระแล้วยังมีพิธีอัญเชิญเทพ
โดยเฉพาะพิธีอัญเชิยพระอุปคุต ให้ทันเวลา
แต่ลองสังเกตุภาพที่เอามาให้ดูก็แล้วกัน
ภาพที่มีเบี้ยตัวหนึ่งอยู่บนหน้าตักหลวงปู่นะครับ
ระหว่างที่ท่านเสกคงไม่มีใครหยิบขึ้นไปวาง
และท่านก็คงไม่หยิบมาวางเฉยๆ
ส่วนที่ทำไมจึงมีตัวเดียวที่ขี้นไปบนหน้าตัก
คงเป็นเคล็ดวิชาให้เป็นไปตามตำรา
อันนี้ผมคิดเอานะครับ

 

จองสองตัวครับพี่โคม

 

ได้ครับพี่ใหญ่
ไม่ได้เสวนากันหลายเดือนแล้วนะครับ
มีความสุขดีนะครับ พี่ใหญ่

 

จองเบี้ยแก้นะปัดตลอด
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->1.panamool<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4329584", true); </SCRIPT> 1 ตัว
2.พีใหญ่ 2 ตัว
3.หลังไมค์ 3 ตัว
---------------------
จองแล้ว 6 ตัว
เหลืออีก 19 ตัว

 

สวัสดีครับ อาจารย์โคมฉาย เบี้ยสองตัวนั้นซนและแข็งแรงกว่าเพื่อนเลยนะครับ