รวมเรื่องราวอภินิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 22 มกราคม 2011.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    [​IMG]

    [​IMG]



    รอดพ้นภัยโจร

    เหตุเกิดที่บ้านหนองกรก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ในคืนวันที่22เมษายน 2497 เวลา21.00 น.นายแดงและภรรยากลับจากทำงานมากินข้าวแล้วเตรียมเข้าห้องนอน พอใกล้จะหลับได้ยินเสียงกริ่งๆอยู่ในขวดโหลบนหิ้งพระ ซึ่งมีพระเครื่องของหลวงพ่อทวดฯขอมาจากวัดช้างไห้ใหม่ๆและได้เก็บไว้บนขวด โหลใบนั้นเขาคิดว่าหนูได้กลิ่นน้ำมันจึงลงไปคาบพระแล้วกระทบกับขวดจึงเกิด เสียงดังขึ้น

    นายแดงจึงลุกขึ้นจุดตะเกียงส่องดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ จึงล้มตัวลงนอนต่อไปจนถึงเวลา 22.00 น. เขากับภรรยาก็ตกใจตื่นขึ้นทันทีเพราะเสียงปืนดังขึ้นที่ชานเรือน 3 นัด นายแดงจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าตนถูกผู้ร้ายปล้นบ้าน จึงตื่นขึ้นจับมีดตัดฟากพื้นเรือนขนาดเป็นช่องแล้วรอดหนีไปทางช่องใต้ถุน เรือน

    ฝ่ายภรรยากำลังตกตลึงไม่ได้สติ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พวกโจร ขณะที่พวกโจรกำลังกระแทกบานประตูอยู่พอเขายื่นมือจับกลอนประตู ก็มีมือประหลาดมาผลักหน้าอกเขาก้นกระแทกพื้น เขานึกถึงหลวงพ่อทวดทันที จึงลุกขึ้นไปหน้าหิ้งพระพนมมืออ้อนวอนขอให้หลวงพ่อทวดช่วยคุ้มครองรักษา ฝ่ายพวกโจรก็ออกกำลังพังประตูห้องอยู่โครมครามสั่นสะเทือน เขากลัวจนไม่สามารถทนอยู่ได้จึงพนมมือกล่าวขอให้หลวงพ่อทวดฯช่วยคุ้มครอง บ้านให้ลูกหลานด้วยเถิด กล่าวจบแล้วลอดหนีทางช่องตามสามีไป ปรากฏว่าพวกโจรใช้ปืนยิงติดตามหลังแต่ไม่ถูก พวกโจรเมื่อโถมพังประตูไม่ออกจึงพากันหนีเข้าป่าไป


    นายชาติ สิมศิริ
    กำนันตำบลนาประดู่ เล่าเรื่อง​

    วันหนึ่งข้าพเจ้าพบกับพนักงานสอบสวน อำเภอโคกโพทธิ์ เขาว่าผมได้ไปสอบสวนพร้มกับนายอำเภอได้ไปตรวจดูความแข็งแรงของบานประตูห้อง นอนของนายแดงแล้วปรากฏว่าเก่าแก่และเบาบางมากใช้แรงผลักดันคนเดียวก็พัง เพราะประตูมีบานเดียวและสอบถามคนแก่ที่อยู๋นอกห้องได้ความว่าพวกโจร6คนโถม พังประตูอยู๋นานประมาณ25นาที เจ้าพนักงานสอบสวนคนนั้นบอกข้าพเจ้าว่ามันเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่ง


    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


    [​IMG]

    [​IMG]

    รอดเพราะสร้อยพระขาด


    พ.ต.อ. วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ อดีตรอง ผบก.อก.บช.ภ.1 (ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณ) สมัยอยู่นครบาล มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลงานคววามเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผู้ชึมนุมร้องเรียนหรือ ม๊อบมานานหลายยุคหลายรัฐบาล คอยหาข่าวความเคลื่อนไหวรายงานผู้บังคับบัญชาเป็นที่วางใจทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ชุมนุมและหน่วยงานของรัฐ จนได้ฉายาว่าเป็น “นายตำรวจมือประสานม๊อบ”คนแรกของนครบาล

    พ.ต.อ.วิวัฒน์ เป็นความเลื่อมใสศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคลเป็นอย่างมาก นิยมอาราธนาขึ้นคอทุกวัน มีหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะ ที่เช่าจากมือพระอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ ซึ่งได้ทำบุญถวายวัดเช่าจากมือท่านในราคา 20 บาท
    “สมัยนั้นยังเด็กอยู่ตามพี่ชายไปที่วัดช้างไห้ หลวงปู่ทิมบอกญาติโยมว่าใครต้องการรับพระให้มารับกับกู พี่ชายได้เบียดเข้าไปรวมเงินทุกคนในกลุ่มเข้าไปเช่าออกมา ได้ประมาณ 20 องค์ มีเนื้อโลหะสีดำองค์ละ40บาทผมได้หลวงพ่อทวดองค์นี้เป็นเนื้อทองเหลืองเช่า บูชาองค์ละ20บาทก็อาราธนาขึ้นคอตลอด”

    จากประสบการณ์ที่ประสบพบเจอที่ถือว่าสุดยอดในชีวิต เป็นเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุหลายครั้งด้วยกัน ครั้งแกรตอนทำง านอยู่สันติบาลปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกบัตรให้กับคน เวียดนามที่อพยพอ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กำลังจะขึ้นรถเดินทางกลับ สร้อยเงินที่ส่วมใส่สร้อยหลุดจาดข้อต่อ ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาขอใส่ข้อต่อสร้อยคอก่อน ท่านอนุญาต ทำให้รถสองแถวที่มีคนนั่งเต็มคันแล้ว จึงออกรถผ่านไป เมื่อตนเสร็จพากันขึ้นรถคันถัดไปทั้งคณะ รถวิ่งไปได้ประมาณ10กิโลเมตร ไปทันคันหน้าคันที่เราไม่ได้ขึ้น

    ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้ชนประสานกับรถบรรทุกทรายที่วิ่งสวนมา มีคนตายคาที่4ศพ ไปตายโรงพยาบาลอีก2ศพ ไปดูที่นั่งคนขับพบชวดเหล้าแม่โขง1แบน วางอยู่จึงรู้ว่าคนขับดื่มเหล้าแล้วขับไปด้วย ทุกคนบอกโชคดีที่สร้อยของตนหลุด เสียเวลาต่อสร้อยแคล้วคลาดเพราะสร้อยคอหลุดแท้ๆ

    อีกครั้งหนึ่ง ตอนที่รอง ผบก.น.1ปรากฏว่ามีอาการปวดหัวมากจนสลบ ต้องเข้าโรงพยาบาล เอกซเรย์พบก้อนเลือดในสมองจึงกำหนดผ่าตัดวันรุ่งขึ้น พอดีมีอาจารย์โสภณรัตน์ สิงหจารุ ท่านมาเห็นฟิมล์เอกซเรย์เข้า บอกว่าผ่านตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทันหรือปล่าวเลยให้ไปตามหมอเจ้าของไข้มาถาม ท่านบอกว่าจผ่าตัดให้เอง

    ก่อนลงมือทำกรผ่าตัดในวันนั้นเลย ตอนเช้า เราฟื้นทางมาดูอาการ1-2วัน ก่อนจะบอกเราว่ารอดตายแล้วนะไม่เป็นไรแล้ว ท่านบอกว่าคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นอัมพฤต หรือ อัมพาตบ้าง เพราะเลือดเราออกในสมองจำนวนมาก ดูดเอาออกเกือบ400 ซี.ซี.

    ท่านบอกคนอื่นแค่เลือดคั่งในสมองเพียงแค่หยดนิ้วมือยังทำให้อัมพฤกษ์ได้เลย โชคดีที่เราแขวนหลวงพ่อทวดไปโรงพยาบาลด้วยทำให้เชื่อว่าเพราะบารมีของท่าน คุ้มครองอย่างแน่นอน

    จากข่าวสด


    [​IMG]

    [​IMG]



    ปาฏิหาริย์ ข้ามโลก

    (จากหนังสือหัวเตียง ของ วิลาศ มณวัด หน้า 28-33)

    เมื่อเดือนก่อนมีนักเขียนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งแวะมาหาผมที่สำนักงาน “สตูดิโอ เท็น” ถนนอรรถการประสิทธิ์ ตอนนั้นสิบโมงเช้าแล้ว ผมกำลังดูเพื่อนฝูงเขาตัดต่อภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวชุด “ชีพจรลงเท้า” อยู่

    นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นั้นยังหนุ่มอยู๋ หน้าตาหล่อเหลาเล่นหนังได้สบาย พอเขายื่นนามบัตรผมก็นึกออกว่าเป็นใคร เพราะหลานผมที่กำลังเรียนอยู่ที่ปารีสได้มีจดหมายฝากฝังมาก่อนแล้วว่าถ้า เจ้าหนุ่มคนนี้โต๋เต๋มาถึงบางกอกละก็ ขอให้ผมช่วยรับรองหน่อยเพราะเขามีบุญคุณเคยช่วยเหลืออุปการะหลานผมมากใน ปารีส

    นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้นี้กำลังเขียนประวัติชาลส์ เดอโกลล์ ผู้นำคนสำคัญของฝรั่งเศส วิธีเขียนหนังสือของฝรั่งเศสนั้นเขาใช้เวลาค้นคง้ามาก อ่านหนังสือกันเป็นตั้งๆเท่านั้นยังไม่พอ ต้องออกเที่ยวสัมภาษณ์ใครต่อใครให้ยุ่งไปหมด แล้วเอาเรื่องราวมาประติดประต่อกันเข้า ภายหลังจากที่ได้สอบถามแล้วว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นเชื่อถือได้

    เขาบอกว่าจากการสัมภาษณืนายพลคนสนิทเดอโกลล์ เขาได้ทราบว่า เมืองไทยมีพระดีอยู่องค์หนึ่ง และตอนที่เดอโกลล์ถูกยิงด้วยปืนกลกระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน แต่เดอโกลล์ก็รอดตายมาได้อย่างมหัศจรรย์

    “ภริยาของเดอโกลล์เชื่อว่า เดอโกลล์รอดตายครั้งนั้นเพราะพระผู้มีอภินิหารยิ่งใหญ่ในเมืองไทยได้เสด็จไป ช่วยชีวิตไว้” เขาบอก นักเขียนฝรั่งเศสคนนี้เชาเล่าต่อไปว่า เขาเองไม่เชื่อในเรื่องอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีใจกว้างยินดีที่จะรับฟัง เขาจึงได้ไปที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในปารีส สอบถามคนไทยที่นั้นว่าเคยได้ยินเรื่องพระไทยสำแดงอิทธิฤทธิ์ไปช่วยชีวิต ประธานาธิบดีเดอโกลล์หรือเปล่า


    ไปถามทีแรกไม่มีใครรู้เรื่อง

    เขาจึงไปอีกหนหนึ่ง คราวนี้พบผู้หญิงไทย เธอคงจะเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงบอกกับเขาว่า “พระที่มีอภินิหารองค์นี้ชื่อหลวงพ่อเทิด อยู่ทางส่วนใต้ของประเทศไทย” นี่เป็นคำเล่าของนักเขียนฝรั่งเศส
    ผมฟัง แล้วรู้ทันทีว่าเขาจำชื่อผิด ที่ถูกควรเป็นหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ปัตตานี ผมเป็นลูกปักษ์ใต้จึงทราบดี
    นักเขียนคนนี้อุตสาบินมาเมืองไทย ก็เพื่อจะถ่ายภาพหลวงพ่อทวดเอาไปลงประกอบในหนังสือประวัติเดอโกลล์ที่เขา เขียนจวนจะเสร็จแล้ว

    ผมบอกว่าหลวงพ่อทวดมรณภาพไปนานแล้ว เวลานี้มีแต่พระเครื่อง ถ้าจะถ่ายรูปก็ต้องถ่ายพะเครื่อง ซึ่งคนไทยถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เคยช่วยชีวิตคนมามากแล้ว

    แต่บอก ตรงๆๆผมก็สงสัยเหมือนกันว่าหลวงพ่อทวดรู้จักนายพลเดอโกลล์ได้อย่างไร
    คุย กันอยู่ครู่ใหญ่ๆหมดน้ำชาไปกาหนึ่ง รักเขียนฝรั่งเศสบอกว่าไหนๆก็มาแล้วจะขอเดินทางไปปัตตานีไปถ่ายภาพวัดช้าง ไห้และจะสัมภาษณ์พระในวัดหรือชาวบ้านบางคนด้วย

    “มันเป็นเรื่องน่าสนใจ” เขาว่า “คนฝรั่งเศสเองก็เชื่อในเรื่องของอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่เป็น จำนวนไม่น้อย”ก็เลยผมต้องไปปัตตานี

    ไปเจอะเอาเพื่อนจุฬาฯ รุ่นก่อนผมปีหนึ่งเขาเคราพนับถือสมเด็จหลวงพ่อทวดมาก เขาจึงให้หนังสือเล่มเล็กๆผมมาเล่มหนึ่งชื่อ”อภินิหารสมเด็จหลวงพ่อทวด” ผมจึงแปลเป็นเลาๆให้นักเขียนฝรั่งเศสฟังว่า
    ในราว พ.ศ.2504หรือ2505 นี้แหละ ได้มีการปลุกเสกหลวงพ่อทวดฯ ทางวัดได้ส่งพระเครื่องจำนวนหนึ่งมาให้จอมพลสฤษฎ์ ธระรัชต์ เพื่อแจกจ่ายให้แก่นายทหารคนใกล้ชิดบางคน

    ในจำนวนนายทหารไม่กี่คนที่ ได้รับแจกพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯนี้มีพลโทอำนวย ชัยโรจน์ ทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง พลโทอำนวย ชัยโรจน์ได้รับแจกไปสององค์ก็เลยได้นำติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย
    ระหว่างอยู่ ที่ปารีสทูตทหารบกประจำฝรั่งเศสผุ้นี้ได้เข้าพบประธานาธิบดีเดอโกลล์ และเนื่องจากมีความนิยมในตัวของเดอโกลล์อยู่แล้ว จึงได้มอบพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดฯให้แก่ประธานาธบิดีฝรั่งเศสไปองค์ หนึ่งพร้อมกับอธิบายให้เดอโกลล์ฟังถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดว่า ถ้าอาราธนานึกถึงด้วยความเคารพละก็ อาจสามารถเสด็จไปช่วยเวลามีภัยมาถึงตัว ถึงอยู่ฝรั่งเศสก็เสด็จไปถึงได้ เพราะในโลกแห่งคามศักดิ์สิทธิ์นั้น ลัดนิ้วมือเดียวกะพริบตาทีเดียวก็ไปฝฝรั่งเศสแล้ว
    เมื่อได้พระสมเด็จหลวง พ่อทวดฯไปแล้วประธานาธิบดีเดอโกลล์ก็พกติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

    ผมปะติด ปะต่อเรื่องเอาเองได้ความว่า ต่อจากนั้นไม่กี่เดือนก็เกิดเหตุการณืรทึกใจ กล่าวคือ

    เดอโกลล์ผู้เข้มแข็งได้ถูกพวกใต้ดินคณะหนึ่งระดมยิงด้วยปืนกลใน ระหว่างที่อยู่ในรถยนต์กับภริยาในกรุงปารีส เป็นที่น่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง กระสุนปืนกลถูกรถพรุนไปทั้งคัน การยิงก็อยู่ในระยะประชิดมากแต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็รอดชีวิตมาได้อย่าง ปาฏิหาริย์

    เดอโกลล์เงียบไม่ได้วิจารณ์

    แต่ภริยาของท่าน บอกกับเลขานุการว่า เธอเชื่อเหลือเกินว่าสามีรอดตายเพราะสมเด็จหลวงพ่อทวดฯได้เสด็จไปช่วยชีวิต ไว้เพราะเธอเป็นคนอธิษฐาน พอได้ยินเสียงรัวปืนกลเธอก็นึกขอให้พระเสด็จมาช่วย
    นักเขียนฝรั่งเศสได้ สัมภาษณ์พระที่วัดช้างไห้และสัมภาษณ์ชาวบ้านอีกสองสามคน
    ผมส่งเขาขึ้น เครื่องบินกลับปารีสไปแล้ว

    ปลายปีนี้หังสือประวัติ์เดอโกลล์ของเขาก็ คงจะออกวางจำหน่าย เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะตองส่งมาให้ผมหนึ่งเล่ม

    เรื่อง อภินิหารแบบนี้ ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะไม่เชื่อ
    ผมเองเมื่อหนุ่มๆก็ไม่ ค่อยจะเชื่อหรอก แต่พอหนุ่มน้อยลงก้อเริ่มเชื่เข้าบ้างแล้ว
    เมื่อเชื่อ แล้วกไม่อยากทำบาปเห็นใครทำบาปก็นึกสงสาร
    ใครด่าทีสองที เริ่มจะไม่โกรธ มีแต่สงสารและเมตตา


    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอเพียงจิตอธิษฐาน

    ผมย้ายมาจากจังหวัดนราธิวาส มาอยู่อำเภอสุไหปาดี เมื่อผมได้มาอยู่ใหม่ๆได้ฟังใครๆเขาก็เล่าลือกันว่าหลวงพ่อทวดฯวัดช้างไห้มี ความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เป็นที่นิยมแพร่หลายกันมาก แต่บางคนก็ไม่มีโอกาสไปขอจากวัด แต่ก่อนผมเคยไปรับราชการอยู่ที่อำเภอโคกโพธิ์ซึ่งนับว่าได้อยู่ใกล้วัดช้าง ไห้ ทั้งผมก็เป็นศิษย์หลวงพ่อทวดอยู่ด้วย

    อยู่มาวันหนึ่งในเดือนตุลาคม 2502 คุณสมศรีภรรยาของปลัดเปลื่อง เลิศแก้ว ซึ่งเป็นปลัดอำเออยู่ที่อำเภอสุไหงปาดี เกิดมีความเลือมใส่อยากได้พระเครื่องหลวงพ่อทวดฯแบบบูชาอยู๋แล้ว แต่อยากได้พระเครื่องอีก แกจึงขอให้ผมนำไปขอจากวัดช้างไห้ แต่ผมยังไม่มีเวลาว่าง จึงผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา ต่อมาจนถึงเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน วันหนึ่งแกได้วิ่งเอะอะมาจากบ้านและในมือกำของอย่างหนึ่งไว้

    เมื่อพบผมแล้วแกก็บอกว่า “ไม่ต้องไปวัดช้างไห้แล้ว” พลางแบมือให้ผมดูก็เห็นพระเครื่องหลวงปู่ทวดฯวางอยู่ในมือ แกเล่าให้ผมฟังว่าพระเครื่ององค์นี้ไม่ทราบมาจากไหน ได้ตั้งอยู๋บนหิ้งพระภายในบ้านของแก ผมสังเกตเห็นแกดีใจมาก ใครๆซึ่งอยู่ในที่นั้นลงความเห็นกันว่าคงจะเป็นอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯ ปาฏิหาริย์มาให้แกไว้บูชาแน่ เพราะแกมีเจตนาอันแรงกล้า ปรารถนาจะรับท่านไว้บูชา

    ต่อจากนั้นเมื่อเดือนเมษายน 2503 เด็กชายตี๋ บุตรคนเล็กของคุณสมศรี อายุ7ขวบ ได้รับทานอาหารเช้าบังเอิญกระดูกไก่ติดคอหุบปากไม่ได้ กลืนน้ำลายก็ไม่ได้ บิดาจึงพาไปหานายแพทย์เพื่อจะให้จัดการคีบเอาออก แต่นายแพทย์ไม่สามารถคีบให้ได้เพราะ กระดูกไก่ติดอยู่ลึกมากมองไม่เห็น จึงต้องนำลูกกลับบ้าน เมื่อผมทราบได้ไปเยี่ยมที่บ้านและแนะนำให้แกจัดการบูชาขอน้ำมนต์ของหลวงพ่อ ทวดฯ แกก็ได้กระทำตามแล้วเอาน้ำมนต์นั้นให้ลูกชายดื่มทีละหยดๆเพราะดื่มมากไม่ได้ พร้อมกับการรดศีรษะให้ด้วย

    ปรากฏว่าอีก1ชม.ต่อมาเด็กนั้นก็หุบปากและกลืน้ำลายได้ปกติ ผมเห็นว่าเรืองจากอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯประสิทธิ์และขลังเป็นที่ประจัก ์เช่นนี้ จึงเล่ามาให้คุณทราบ


    [​IMG]

    [​IMG]

    อภินิหารกลางทะเล

    ผมขอเล่าเรื่องอัสจรรย์ เกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาให้อาจารย์ทราบคือ

    ผมต่อเรือยนต์ให้พลเรือตรี หม่อมเจ้ารังษิยากร ใช้ในสัตหีบ1ลำต่อมาท่านให้นักบินกับช่างเครืองนำเรือลำนี้เข้ากรุงเทพโดยมี เรือยนต์ของตำรวจเป็นพี่เลี้ยงคุ้มกันระหว่างทางเพราะเป็นเรือใหญ่ส่วนเรือ ที่ผมต่อยาว 18ฟุตเท่านั้น

    การนำเรือจากสัตหีบเข้ากรุงเทพนั้น จะต้องแล่นฝ่าคลื่นลมกลางทะเลราวๆ14ชั่วโมง จึงจะถึงกรุงเทพก่อนนำเรือเล็กเดินทางผมเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดอันตรายเสีย กลางทะเล ผมจึงอาราธนาหลวงพ่อทวดฯและขอน้ำมนต์พรมเรือ ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย

    ต่อมาหลายวันนักบินและช่างเครื่องมาถึงสัตหีบ ได้เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อเรือทั้ง2ลำแล่นไปถึงเกาะสีชังท้องทะเลเกิดพายุฝนตก หนักละลอกคลื่นใหญ่โตมาก

    นักบินและช่างเครื่องเห็นภัยจะเกิดขึ้นเช่นนั้นก็เตรียมตัวถอเสื้อและ กางเกงนอกออกเหลือแต่กางเกงใน นั่งถือชูชีพมั่นอยู่เรือทั้ง2ลำได้โต้คลื่นและพายุมากลางทะเลอย่างแรงเป็น เวลานานถึง2-3ชั่วโมงจึงสงบ

    ปรากฏว่าระลอกคลื่นสาดขึ้นท่วมเรือ แต่น้ำไม่ได้เข้าไปในลำเรือจึงปลอดภัย ส่วนเรือตำรวจซึ่งเป็นเรือพี่เลี้ยงคุ้มครองเรือเล็กต้องเสียหายคือเพลาใบ พัดหัก หางเสือบิดไม่สามารถแล่นต่อไปได้เรือเล็กจึงกลับต้องเป็นเรือพี่เลี้ยงเรือ ลำใหญ่ลากจูงเข้าสู่กรุงเทพ

    พิจารณาดูเอาเองเถอะครับว่าอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯมีอภินิหาร อย่างไร

    ด้วยความเคารพอย่างสูง
    บุญเกิด กู้เกียรติ


    ปราบเด็กดื้อ

    ในงานพิธีแจกพระเครื่องสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดวันแรก มีเด็กชายกับเด็กหญิงหมนสองพี่น้อง ได้รับแจกพระทั้งสองคน เด็กหญิงหมนเมื่อได้รับพระแล้วก็เอาพระนั้นห่อซายพกกลับบ้านซึ่งอยู่บ้านป่า ไร่ ต.ป่าไร่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

    ครั้นถึงบ้านแก้ห่อผ้าจากพกให้แม่ดูปรากฏว่า พระเครื่องนั้นได้กลายเป็นถ่านไฟไปเสียแล้ว ส่วนเด็กชายขณะที่เดินกลับบ้านได้เอาพระเครื่องโยนขึ้นแล้วใช้มือรับเช่น เดียวกับโยนก้อนหินเล่นตามประสาของเด็ก แต่รับไม่ทันพระจึงตกลงบนพื้นเขาจึงก้มลงเก็พระด้วยมือ

    ทันทีที่เด็กชายผู้นั้นก็ยืนแกว่งมือตกใจร้องไห้ขึ้น พ่อเขาจึงลงมาดูเห็นลูกยืนแกว่งมือร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปจับดูแกะมือออกดูปรากฏมีพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯอยู๋ในมือ

    พ่อและแม่เด็กทั้งสองเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากอภินิหารของ หลวงพ่อทวดฯบันดาลให้เกิดเขาทั้งสองจึงนำลูกทั้งสองคนมาพบท่านอาจารย์เจ้า อาวาสวัดช้างไห้ประมาณเวลา21.00แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบ
    ท่านอาจารย์จึงนำให้เขาพาเด็กทั้งสองไปกราบไหว้สถูปของหลวงพ่อทวดฯและกล่าว ขอโทษเสียคืนนั้นข้าพเจ้ากลับบ้านเวลา20.30 จึงมิได้ประสพด้วยตนเองแต่ได้รับคำบอกเล่าจากท่านอาจารย์

    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


    ปรากฏให้กราบ ไหว้

    นายเผด็จ ฯ นคร ทำงานแผนกช่างเทศบาลเมืองปัตตานี ได้เล่าว่า

    เมื่อปลายเดือนเมายน 2497 ในค่ำวันหนึ่งเวลาประมาณ 19.00น.ได้ออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของบางอย่างที่หน้าโรงภาพยนตร์ปัตตานี ก่อนออกจากบ้านได้พนมมือที่หน้าหิ้งพระระลึกถึงหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อธิษฐานในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวดคุ้มครองบ้านและบุตรด้วย และก็ออกจากบ้านไปเวลาประมาณ 22.00น. จึงกลับบ้าน

    ขณะที่เดินกลับเข้าบ้านนั้น ได้มองไปที่ประตูชั้นล่างอาศัยแสงสว่างข้างแรมสลัวๆเห็นรูปคนดำทะมึนยืนอยู่ ณ ที่นั้น นายเผด็จสะดุ้งตกใจนึกว่าคนร้าย จึเหลียวกลับหลังเอาดุ้นฟืนมาถือไว้ แล้วร้องถามไปว่าเป็นใครแต่เงาดำรูปคนยืนโยกตัวโงนเงนไปมา ณ ที่เดิม ในขณะอึดใจนั้นได้ระลึกขึ้นว่า อ้อหลวงพ่อทวดนี่เอง เขาจึงโยนดุ้งฟืนทิ้งแล้วยกมือขึ้นพนมไหว้แล้วเดินเข้าไปหาเงาดำรูปนั้น เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ เงานั้นก็สลายตัวจากรูปคน คล้ายๆกับควันบุหรี่ ค่อยๆจางหายไปทีละน้อยจนหมด นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อทวด


    ฤทธิ์น้ำมนต์จากพระ เครื่อง

    เมื่อปลายเดือนเมษายน 2497 นางมาลีภรรยาของนายล้วนสมประสงค์ กรรมกรรถไฟ โรงกุลีนาประดู่ เจ็บท้องจะคลอดบุตรมา 2 วันแล้ว แต่คลอดไม่ออกผู้เจ็บมีอาการหนักมาก

    เนื่องจากความยากจนจึงไม่สามารถจะนำไปทำการคลอดที่โรงพยาบาลได้ เพราะไม่มีเงินว่าจ้างเหมารถ จึงต้องนอนรอวาระสุดท้ายอยู่ บังเอิญเพื่อนร่วมงานของนายล้วนรู้เรื่องนี้

    เขาจึงบอกให้นายล้วนนำเอาพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯมาวางลงในขันน้ำ แล้วจุดธูปเทียนบูชาขอเป็นน้ำมานต์สะเดาะแล้วเอาน้ำมานต์ให้นางมาลีดื่มและ พรมศีรษะ

    ต่อมาชั่วครู่ นางมาลีผู้เจ็บคลอดก็เกิดมีกำลังและลมแบ่งคลอดลูกออกมาได้แต่ปรากฏว่าเด็ก นั้นได้ตายเสียนานเแล้ว

    นายชาติ สิมศิริ กำนัน ต.นาประดู่ ผู้เล่าเรื่อง



    [​IMG]

    [​IMG]


    ดับเครื่องยนต์

    เป็น จ.ม.ของท่านขุนโลหะภูมิพิทยานุการ ถึงข้าพเจ้าฉบับที่2 ความว่า

    เรื่องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ สำหรับผมได้รับความคุ้มครองจากท่ายอย่างดี ผมนำท่านติดตัวไปเสมอ ปรากฏว่าได้มีอภินิหารที่ท่านได้ช่วยคุ้มครองภรรยาของผม คือเวลาภรรยาของผมจะไปไหนได้นำพระเครื่องติดตัวไปด้วยเสมอ
    วันหนึ่งนั่งรถยนต์ที่บ้านจะไปธุระ พอถึงถนนสี่แยกรถเกิดเครื่องดับทันที สตาร์ทไม่ติด ทันทีนั้นก็มีรถยนต์อีกคันหนึ่งวิ่งตัดหน้าผ่านไป และเกิดชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนมา ทำให้รถยนต์คันนั้นแฉลบขึ้นทางเท้าเกิดเสียหายมาก เมื่อรถเขาชนกันแล้วรถของภรรยาผมก็สตาร์ทติดวิ่งได้ต่อไปปกติ

    ผมคิดว่าหลวงพ่อทวดฯท่านคงแสดงอภินิหารคุ้มครองไว้รถผมจึงปลอดภัยจากการถูก ชน และก็มีบ่อยๆที่ผมขับรถไปมักจะแคล้วคลาดจากอันตรายนานาประการเสมอ ส่วนโชคลาภนั้นพอประมาณ

    รักและนับถือ
    ขุนโลหภูมิพิทยานุการ

    ญาณสัมผัส

    กองบังคับการตำรสจภูธรภาค8นครศรีธรรมราช

    เรียนคุณ อนันต์ ที่เคารพ

    ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวดนั้นผมมั่นใจเหลือเกิน ว่าต้องเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆทั้งหลาย ทุกครั้งที่ผมมีกิจธุระได้อาราธนาท่าน

    ผมรู้สึกขนรุกทั้งตัวและได้กลินน้ำมันจันทน์(ในองค์พระเครื่องไม่มีน้ำมัน จันทร์ผสม)ผมถือว่าท่านรับคำอาราธนาของผม
    จึงอยู่เย็นเป็นสุขและปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงผมเคารพบูชาองค์ท่านด้วยใจ มั่นคงและความบริสุทธิ์ใจจริงๆ

    ด้วยความรักและเคารพ
    ร.ต.ท.เลื่อน อินทรสุวรรณ

    ไม่ลบหลู่

    โรงเรียน เสนาธิการทหารบก

    7 พฤศจิกายน 2498

    เรียน อาจารย์ ที่เคารพยิ่ง

    คณะของผมชื่นชมยินดีที่ได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯจากอาจารย์อย่างยิ่งได้ มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง อยากจะเรียนถามอาจารย่าเป็นเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

    กล่าวคือในตอนบ่ายหลังจากคณะของผมรับพระจากอาจารย์ที่บ้านปัตตานีแล้วออก เดินทางโดยรถยนต์ถึงที่พักแรม ณ โรงเรียนสตรี จ.ยะลา

    พลตรีหม่อมหลวงคำรณ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้บังคับการโรงเรียนเสนาธกาทหารบก ได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ ที่เหลือจากแจกในคณะให้กับพันโทยศขณะนั้นสิทธิ์ จิรโรจน์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยของคณะ ก่อนจะเข้านอนท่านได้เก็บพระไว้ในกระเป๋าเดินทาง แล้วตั้งไว้ใต้เตียงบนหัวนอน และพากันนอนเวลา4ทุ่ม เวลาตี2ท่านรู้สึกหนาวจึงลืมตาขึ้น

    ปราฏกว่าได้นอนอยู่บนกระเบื้องกันสาด ซึ่งไม่ทราบว่าออกไปได้อย่างไร ท่านออกไปนอนอยู่ด้านนอกสุดของกนสาด หากพลิกตัวนิดเดียวก็จะพลัดตกลงพื้นดินแน่และอาจได้รับบาดเจ็บ

    ท่านรู้สึกตกใจมาก ปลุกคนโน้นคนน้ยุ่งไปหมด เล่าเรื่องให้นายทหารฟังเสียงสั่นละล่ำละลักพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพราะความ ตื่นตกใจมากเกินไปนายทหารทุกคนพากันวิจารณ์ต่างๆนานา

    สรุปแล้วทุกคนเชื่อแน่ว่า ต้องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเป็นแน่ แต่ไม่ทราบว่าท่านจะลงโทษในเรื่องใดหรือแสดงว่าแม้แต่เวลานอนหลับก็ให้ความ คุ้มครองปลอดภัยจากการตกกันสาด

    ผมจึงตัดสินใจถามว่า ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้ผลดีมากทำให้พวกผมๆทุกคนเกิดความเลื่อม ใส่ในหลวงพ่อทวดฯขึ้นอย่างประหลาดจึงเรียนมาให้ทราบ

    ด้วยความเคารพนับถือ

    พันโท ประสิทธิ์ เวชสวรรค์

    [​IMG]

    [​IMG]


    เปิดเมฆฝนจนเห็นดาว

    โรงเรียนเสนาธิการทหารบก

    7 พฤษภาคม 2499

    เรียน อาจารย์ ที่เคารพยิ่ง

    เมื่อผมกลับจากทัศนาจรภาคใต้พร้อมกับคณะ ก็ได้หยุดพักผ่อนชั่วคราว โอกาสนั้นผมได้ไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดพิจิตร และในการเดินทางไปเยี่ยมบบ้านของผมคราวนี้ ได้ประสบอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯอย่างหนึ่ง กล่าวคือผมได้พาครอบครัวไปหมด ลงจากรถไฟประมาณ5โมงเย็นเศษ แต่โชคร้ายเหลือเกินเพราะเมื่อวานนี้ฝนตกหนักถนนรถยนต์เดินไปมาไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเดินเท้ากลับจากสถานีป็นระยะทางถึง4ชั่วโมง ซึ่งถนนเป็นทางเกวียนและผ่านทุ่งนา

    ในเวลาค่ำคืนฝนตั้งเค้าทำท่าจะตกหนักอีก ผมเริ่มเป็นทุกข์ใจเพราะถ้าฝนตกฃูกๆของผมก็จะต้องเปียกฝน อาจจะเจ็บป่วยกันเป็นแน่เพราะเครื่องกันฝนก็ไม่มีพอ หมดปัญญาเสียแล้วก็นึกถึงหลวงพ่อทวดฯได้เลยขออาราธนาท่านให้ช่วยปัดเป่าลมฝน ได้
    ผมเดินต่อมาสักครู่ ท้องฟ้าอันดำมืดและฟ้าที่กำลังคำรามไม่จาดเสียงนั้น เริ่มแจ่มใสขึ้นจนท้องฟ้าสว่างมองเห็นดวงดาว
    ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะท้องฟ้าแทบจะถล่มลงมาอยู่แล้วทั้งพายุก็โหมลงมาอย่างแรงคล้ายๆกันว่า แทบจะสุดกลั้นที่จะไม่ให้ฝนตกทั้งมีละอองฝนมาบ้างแล้ว

    ผมเริ่มวิตกมากยิ่งขึ้น แต่ที่สุดฝนก็ไม่ตก ในเวลานี้ส่วนตัวผมมีความเชื่อมั่นในอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯท่านเหลือเกิน


    ปลอดภัยแม้ลงเหว

    ร.ร. เสนาธิการทหารบก

    11 พฤศจิกายน 2500

    เรียน อาจารย์ ที่เคารพ

    อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ผมได้ประสบมา และอยากจะเล่าให้อาจารย์ฟัง
    กล่าวคือเมื่อเดือนตุลาคม 2500 ทางโรงเรียนได้พาคณะอาจารย์ออกเดินทางไปตรวจภูมิประเทศทางภาคอีสานโดยทางรถ ยนต์พร้อมกับนำนักเรียนนายร้อยชุดปัจจุบันไปทำการฝึกภาค วันที่11 ตุลาคมเป็นวันเดินทางออกจากขอนแก่น จะไปพักแรมที่จังหวัด นครราชสีมา

    เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงสถานีบ้านไผ่ประมาณ8 ก.ม. รถคันที่ผมนั่งมาด้วยเกิดพลิกคว่ำอย่างแรงเพราะรถแล่นมาตามทางลาดต่ำและวิ่ง ไปด้วยความเร็วสูง รถจะต้องเลี้ยงโค้งเป็นมุมฉากเพื่อตัดข้ามทางรถไฟ เนื่องจากคนขับไม่เคยทาง จึงไม่ทราบลักษณะของโค้ง จึงขับด้วยความเร็ว 50 ถึง6กิโลเมตรต่อ ชั่วโมงเลยพลิกคว่ำลงอย่างไม่เป็นท่าลงตรงนั้นเอง

    รถพลิกคว่ำลงข้างถนนอันเป็นที่ลาดต่ำมากสี่ล้อชี้ฟ้าไปเลยครอบเอาพวกเราไว้ ในรถกะบะนั้นเอง ขณะรถยนต์ทำท่าจะพลิกคว่ำนั้นผมตกใจมากร้องตะโกนโดยไม่รู้สึกตัวว่า “หลวงพ่อทวดช่วยด้วย”สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือรถไม่พลิกคว่ำไปต่อ

    น่าอัสจรรย์ที่สุดคือ พวกเราคลานออกมาจากกะบะรถทีละคนๆด้วยความปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลยอย่างมากก็ แผลฟกซ้ำดำเขียวเล็กๆน้อยๆ

    พวกขับรถโดยสารมาพบเข้าหยุดถามว่า “ตายกี่คน” จึงบอกเขาว่าไม่เป็นไร เขาบอกว่าเมื่อรถคันใดพลิกตรงนี้จะไม่มีคนตายนั้นไม่มี

    เมื่อพวกเราตรวจดูรถที่คว่ำแล้วก็ปรากฏสิ่งที่น่าแปลกใจอีกว่าที่รถไม่พลิก ลงตามลาดอีกต่อไปเป็นเพราะถังน้ำมันเบ็นซินขนาด200ลิตร3ถังที่บรรทุกอยู่ใน รถคันน้มีอยู่2ถังตกลงไปรองรับขอบกระบะรถด้านลาดต่ำข้างหน้า1ถังข้างหลัง1 ถังอีกถึงหนึ่งกระเด็นกลิ้งไปไกลจากเรามิฉะนั้นคงทับพวกเราบี้แบนไปหมด

    น่าคิดว่ามีอภินิหารอะไรเอาถังน้ำมันไปรองรับขอบกระบะมิให้รถพลิกต่อไป ถึง2ถังและตั้งรับไว้ในที่อันเหมาะสมเช่นนี้ทำให้พวกเราปลอดภัย

    นายทหารทุกคนโจทย์กัน่วาในจำนวนพวกเราคงมีของดีแน่ๆและในขณะรถวิ่งเร็วได้ แฉลบมาหลายครั้ง
    ผมตกใจอาราธนาหลวงพ่อทวดฯช่วยทุกครั้งและขณะรถพลิกคว่ำผมก็ตกใจจึงร้อง ตะโกนว่า “หลวงพ่อทวดช่วยด้วย”นี่แหละครับเรื่องที่ผมประสบมา

    เคารพยิ่ง
    พันโท ประสิทธิ์ เวชสววรค์

    คุ้มครองรั่วของชาติ

    พลตำรวจ รวย ดำรักษ์ อายุ 24ปีประจำการค่ายอิงคยุทธบริหารบ่อทอง จ.ปัตตานีทางการตำรวจส่งตัวไปสมทบกับกองตำรวจเพื่อปราบปรามผู้ร้ายในจังหวัด พัทลุง ในคืนของวันที่ 3พฤศจิกายน 2499พลตำรวจรวยได้แยกออกจาพวกออกไปตรวจทางเรือในตำบลดอนพนางตุงใกล้หมู่บ้าน ทะเลน้อย อ.ควนขนุน มีนายศรี และนายเสริฐสองพี่น้องช่วยเป็นผู้พายเรือร่วมไปด้วย

    เวลาประมาณ20.00น.พบเรือลำหนึ่งส่องสวนทางลงมาตามลำน้ำและส่องไฟฉายมาที่ เรือพลฯรวย พลฯรวยจึงตะโกนบอกว่า “เราตำรวจโว้ย” เรือนั้นได้ลอยลำใกล้เข้ามา

    พลฯรวยจึงส่องไฟฉายดูบ้างปรากฏว่าชายฉกรรจ์อยู่ในเรือลำนั้น6คนมีปืนลูก ซองอยู่ที่ท้องเรือ 2 กระบอกพลฯรวยเห็นผิดปกติก็ระวังตัว แต่เรือก็ได้ล่องมาเทียบชิด พลฯรวยตัวคนเดียวจึงรู้ว่าเสียเปรียบจึงใช้มือทั้ง2ข้างผลักดันเรือลำนั้น ให้ออกห่าง

    แตทันใดนั้น พลฯรวย ดำรักษ์ ก็ถูกยิงจากชายกลุ่มนั้นด้วยปืนสั้น1นัดกระสุนปืนได้ถูกที่คิ้วซ้าย พลฯรวยสลบตกน้ำไปมารู้สึกตัวเมื่อเข้ามานั่งอยู่ริมน้ำแต่กำลังงงอย่างหนัก ปืนเล็กยาวของพลฯรวยก็หายไปพร้อมๆกับเรือทั้ง2ลำ

    ข้าพเจ้าถามว่าใครเอาตัวพลฯรวยขึ้นมาจากน้ำในเมื่อกำลังสลบอยู่ เขาตอบว่าไม่ทราบ
    ข้าพเจ้าถามว่ามีใครอยู่ใกล้เคียงที่นั้นบ้างเขาตอบว่าไม่มีใคร เขานั่งอยู่คนเดียว

    ข้าพเจ้าถามว่าเขารอดชีวิตจากกระสุนที่สำคัญแต่ไม่เข้าและสลบน้ำอีกทั้งสอง ครั้งนี้เป็นเพราะอะไรและมีอะไรติดตัวอยู่บ้างเขาตอบว่าผมมีพระเครื่องหลวง พ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ได้ขอจากท่านพระอาจารย์ทิมฯที่วัดช้างไห้อยู่ในกระเป๋าเสื้อ1องค์
    ผมจึงเชื่อแน่ว่าหลวงพ่อทวดฯได้กรุณาคุ้มครองชีวิตผมไว้จึงรอดตายมา ทั้ง2ครั้ง

    หลังจากข้าพเจ้าสอบถามปากคำพลฯรวย ดำรักษ์ ประมาณ15วัน ข้าพเจ้าพบกับ พ.ต.ท.วิชิต รักษนาเวศ ผกก.ต.ช.ด.เขต8,9 เรียนถามเรื่องของพลฯรวยกรุณาตอบว่า เรื่องของพลฯรวยนั้น เปนความจริงในเรื่องถูกผู้ร้ายยิงท่านผู้กำกับซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพลฯรวย ท่านได้รับรายงานไว้แล้ว ปืนพลฯรวยก็เพิ่งได้คืนจากผู้ร้ายเมื่อเร็วๆนี้

    อนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก

    [​IMG]

    [​IMG]


    นำทางเครื่องบิน

    เพื่อนรักของข้าพเจ้าผู้หนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้มาเยี่ยมข้าพเจ้าที่บ้านท่านผู้นี้ไม่มีความสนใจในเรื่องโชคลาภใดๆแต่ ข้าพเจ้ามีความรักและเจตนาดีจึงได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวดให้ไป1องค์และ กำชับว่าแม้ท่านยังไม่สนใจแต่ไปไหนมาไหนให้เอาติดกระเป๋าไว้วันหลังจะทราบผล

    อยู่มาวันหนึ่งท่านได้พบกับข้าพเจ้าและเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่ท่านได้ประสบ โดยไม่น่าจะเป็นไปได้ คือครั้งหนึ่งท่านกลับมาจากจังหวัดภูเก็ตมาจังหวัดปัตตานีเป็นการด่วนจึง โดยสารเครื่องบินเมลกลับมา

    ขณะเครื่องบินๆมาได้ครึ่งทางก็ประสบกับพายุและฝนตกอย่างแรง นักบินให้สัญญาณไฟแดงแจ้งความไม่ปลอดภัย ลำเครื่องบินถูกพายุแรงโคลงตัวอย่างกับเรือถูกเครื่องใหญ่

    นักบินจะนำเครื่องบินหนีพายุจึงปักหัวขึ้นสูงจะให้พ้นพายุแต่กลับซ้ำร้าย ยิ่งกว่าเดิมเพราะประสบพายุแรงขึ้นอากาสมืดดำมองไม่เห็นทิศทางเลย

    ท่านวิตกและนึกถึงหลวงพ่อทวดขึ้นได จึงเอามือตบกระเป๋าเสื้อดูก็พบว่ามีอยู่ ท่านจึงกล่าวในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวดปาฏิหาริย์ปัดเป่าพายุร้ายให้สงบลงเถิด

    ทันทีนั้นอากาศก็สว่างมองเห็นพื้นดินท่านจำได้ว่าเครื่องบินกำลังบินอยู่ เหนือ อ.ระโนด จ.สงขลา เอง
    ข้าพเจ้าจึงซักถามว่าขณะที่ท่านขอให้หลวงพ่อทวดปาฏิหาริย์ปัดปเป่าพายุนั้น นานประมาณสูบบุหรี่หมดไปสักครึ่งมวนได้ไหมพายุจึงสงบ(ข้าพเจ้าคิดว่าสูบบุ หรีครึ่งมวนนั้นเครื่องบินเร็วๆอาจพ้นพายุได้)แต่ท่านหัวเราะแล้วตอบว่า พายุสงบทันทีนั้นเอง
    และท่านว่าก็เป็นน่าอัศจรรย์ซึ่งน่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ได้เป็นไปแล้วเป็นที่ประจักษ์

    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก รับรองว่าเป็นเรื่องจริง


    สลายพลังไฟซ็อต

    ผู้สงวนนามท่าน หนึ่ง เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเมื่อท่านได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯไปจากข้าพเจ้า แล้วท่านจะไปไหนก็พกพระไว้ในกระเป๋าเสื้อเสมอ

    ต่อมาจึงได้เลี่ยมห้อยคอเป็นประจำ ต่อมาวันหนึ่งในเดือน พฤศจิกายน 2498 ท่านได้ทำการประชุมอบรมลูกน้อง ขณะนั้นฝนตกหนักฟ้าก็ร้องคำรามกลบเสียงท่าน

    ท่านจึงให้ลูกน้องนำรถจิ๊ปเข้ามาใกล้แล้วเดินเรื่องทำไฟเข้ากับเครื่องขยาย เสียง เพื่อจะได้พูดให้ดังขึ้น ขณะที่พูดไปได้สักครู่ฟ้าก็ผ่าลงมาใกล้ๆบริเวณนั้น กระแสไฟฟ้าได้ซ็อตเข้าเครื่องขยายเสียงและขณะนั้นท่านจับไมโครโฟนอยู่ กระแสไฟฟ้าได้ซ็อตเข้าตัวท่าน

    ปรากฏว่าหังใจหยุดเต้นไปประมาณ2นาทีท่านรู้สึกว่ามีอำนาจลึกลับมาปะทะหน้า อกท่านก็พบพระหลวงพ่อทวดที่ห้อยคออยู่รู้สึกขนลุกซ่าไปทั้งตัว และอาการที่ทำให้ท่านใจสั่นและอ่อนระทวยนั้นก็กลับคืนดีเป็นปกติ และได้ทำการอบรมลูกน้องจนจบ หลังจากนั้นท่านก็ทำการรักษาตัวกับนายแพทย์ที่ปัตตานีถึงสามเดือน โรคกระทบกระเทือนของท่านที่ถูกไฟฟ้าซ็อตครั้งนั้นจึงหายเป็นปกติ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมถึงบ้านท่านจึงเล่าให้ฟัง

    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก


    ช่วยชีวิต ตชด.

    วันหนึ่งเมื่อต้นเดือน มิถุนายน 2503 ได้มีชายผู้หนึ่งมาหาข้าพเจ้าที่บ้าน และแนะนำตัวเองว่าชื่อ สมัพันธ์ โสตะจินดา เป็นนักประพันธ์ใช้นามปากกาว่า “ลพบุรี” อยู่โรงพิมพ์นครไทย ถนนศิริอำมาตย์ พระนคร ได้มีกิจธุระที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

    เขาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจากเพื่อนๆว่า ตำรวจตระเวนขายแดนจำนวน15คนได้ออกทำการตรวจโจรจีนในป่า โดยแยกกันเป็นหมู่ๆไปเป็นแนวหน้ากระดานขณะเดินไปในป่าเป็นเวลานานพวกที่เดิน ทางริมสุดได้เดินหลวงทางเฉียงเข้า เข้ามาตัดหน้ากับพวกที่อยู่แนวกลางแล้วได้หาที่กำบังหยุดนั่งพักอยู่ใน สุมทุมไม้โดยมีใบไม้กำบังพอลางๆ

    ส่วนพวกที่อยู่แนวกลางเดินมุ่งตรงไปด้านหน้า โดยมองเห็นคนอยู่ในพุ่มไม้นั้นอยู่ลางๆ จึงได้เพ่งมองอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะได้รีบทำลายโจรจีนโดยเร็ว จึงได้มองเห็นเพื่อนตำรวจเหล่านั้นเป็นโจรจีนไปและได้ทำการยิงด้วยปืนระดม ยิงเร็ว2กระบอกประมาณ15นัด แต่กระสุนปืนทกๆนัดไม่ระเบิด

    ฝ่ายผู้ที่ถูกยิงซึ่งนั่งในพุ่มไม้นั้น เมื่อได้ยินเสียงดังแซะๆครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงของกิ่งไม้ที่ถูกลมพัด แต่เมื่อได้ยินเสียงดังถี่ๆก็ลุกขึ้นชะโงกน้าออกมาดู

    ฝ่ายผู้ยิงเมื่อได้เห็นหน้าชัดว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็ตกใจถึงกับเป็นลมล้มเมื่อเป็นที่เข้าใจกันดีแล้วก็ถามเพื่อนว่ามีอะไรดี จึงยิงไม่ระเบิดทั้งๆที่ยิงไป15นัดจึงได้ช่วยกันตรวจค้นปรากฏมีพระเครื่อง หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ในกระเป๋าเสื้อ 1 องค์

    หลังจากนั้นมาข้าราชการอำเภอเบตงได้มาขออีก3คนได้เล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้า ทราบและบันทึกไว้ ต่อมาประมาณ10วันข้าราชการชั้นหัวหน้าแผนกประมาณ1คนเป็นผ้ที่รักใคร่ชอบพอ กับข้าพเจ้าได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าฟังที่บ้าน ท่านว่าเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ขณะนี้ชาวอำเภอเบตงเลื่อมใส่กันมากยิ่งขึ้น

    [​IMG]

    เทพของแม่และบุตร

    เมื่อปลาย พ.ศ.2498 มีผู้หญิงไทยอิสลามคนหนึ่งคลอดบุตรเอามือออกมาก่อน แต่ติดอยู่เพียงนั้น เวลาผ่านมา3วัน2คืนบุตรจึงตายอยู๋ในท้อง คนเจ็บหมดกำลังและลมเบ่ง อาการเข้าเขตอันตราย ญาติคนเจ็บมาตามภรรยาข้าพเจ้าซึ่งเป็นนางผดุงครรภ์แผนปัจจุบัน

    เมื่อภรรยาของข้าพเจ้าได้ไปตรวจดูแล้ว ก็ทราบว่าไม่มีทางใดจะช่วยได้ จึงแนะนำญาติของผู้ป่วยให้นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี แต่เขาไม่ยอมนำไปได้แต่ขอร้องให้ภรรยาของข้าพเจ้าช่วยแต่อย่างเดียว

    เมื่อไม่มีทางใดที่จะใช้วิชาความรู้ช่วยได้แล้ว เขาก็ระลึกถึงพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ ซึ่งเขาเชื่อมั่นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว เขาจึงอาราธนาให้ท่านช่วยสะเดาะลูกในครั้งนี้ให้ด้วย

    พอจบคำอธิษฐานในใจ(ผู้เจ็บ) ก็ร้องครวญครางขึ้น ภรรยาของข้าพเจ้าจึงจับมือเด็กนั้นเขย่าเบาๆทันทีนั้นเด็กก็เปลี่ยนเอาก้น ออกมาเขาเห็นที่เป็นเช่นนั้นเพราะถูกหลักจึงใช้วิชาความรู้ จัดการเอาเด็ฏออกจากท้องแม่โดยง่ายดาย

    ภรรยาข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าเป็นด้วยคุณอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯท่านดลบันดาล ให้แน่เพราะประสบมาแล้วเป็นที่ประจักษ์
    มีอีกรายหนึ่งเมื่อพ.ศ.2499 เวลากลางคืน ผู้หญิงจีนมาที่บ้านข้าพเจ้าและบอกว่าเขาปวดท้องจะคลอด(ผู้หญิงจีนคนนี้ฝาก ท้องกับภรรยาข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าว่าเขายังคลอดไม่ได้ เพราะภรรยาข้าพเจ้าไปทำคลอดที่อื่นยังไม่กลับมาเขาว่าเจ็บเต็มทนจะคลอดอยู่ แล้วข้าพเจ้าจนใจจึงรีบเข้าห้องพระ กราบบูชาหลวงพ่อทวดฯ แล้วกล่าวว่าขอให้หญิงจีนนี้อย่าเพิ่งคลอด และขอให้ทางโน้นคลอดง่ายและให้ภรรยาข้าพเจ้ากลับมาเร็วๆเถิด ประมาณ10นาที ภรรยาข้าพเจ้ากกลับมาได้นำหญิงจีนเข้าห้องประมาณ5นาทีก็คลอดอย่างง่ายดาย

    เมื่อภรรยาเสร็จธุระ ข้าพเจ้าถามเขาว่าทำไมจึงได้กลับเร็ว ทางโน้นคลอดแล้วหรือ เขาตอบว่าคลอดแล้ว ขณะล้างมือและทำความสะอาดอยู่นั้น ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูอยู่ว่าจงรีบกลับ เขาสนใจในคำกระซิบนั้นจึงรีบกลับมาทันที เจ้าของบ้านขอร้องให้นั่งพักเขาก็ไม่ยอมนั่ง

    นี่ก็เกิดจากอำนาจอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯที่ภรรยาข้าพเจ้าได้ประสบมาทั้ง สองเรื่อง

    เปี่ยม จุลวัธน์ ธ.บ. ทนายความจังหวัดปัตตานี

    นายไสว ปลื้มสำราญ ครูประชาบาล โรเรียนตำบลบ้านไร่ได้พบกับข้าพเจ้าที่วัดช้างไห้ และเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า คืนวันที่24 เมษายน 2497 เวลากลางคืนภรรยาของเขาถูกตะขาบกัดมีอาการเจ็บปวดทุรนทุราย ไม่ได้สติ เวลาค่ำคืนนี้จะหายาที่ไหนไม่ได้
    นายธำรงบุตรชายคนโต จึงนิมนต์พระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดลงในน้ำพอเปียกแล้วเอาตั้งลง บนแผลนานประมาณ2-3นาทีแล้วก็หายปวดทันที นายไสวบอกว่าเขาได้ประสพอภินิหารของหลวงพ่อทวดฯในครั้งแรกจึงเลือมใสวันนี้ ผมจึงมาขอพระเครื่องอีก

    เรื่องเอาพระเครื่องรักษาคนที่ถูกตะขาบกัดมีมากราย ปรากฏว่าศักดิ์สิทธิ์นัก แต่ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็นจะบันทึกลงทุกๆคนเพราะยังมีเรื่องอีกมากมาย

    นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก

    ยิงเผาขนไม่ระคายผิว

    คืนวันที่10พฤศจิกายน 2497 เวลาประมาณ19.00น. นายซัว นิลกำแหง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่3 ต.ลำพะยา จังหวัดยะลา ได้เอาพระเครื่องหลวงพ่อทวดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วลงจากเรือนไปวัดลำพะยา เพื่อฟังพระแสดงธรรม วันนั้นเดือนขึ้น15ค่ำพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่าง เวลาประมาณ 22.00น. พระแสดงธรรมเสร็จแล้วก็กลับบ้าน

    ขณะเดินมาพบคนร้าย3คน เป็นที่เขารู้จักดีและจำได้ดีเพราะแสงสว่างของดวงเดือน ผู้ร้ายคนหนึ่งวิ่งมาใกล้แล้วใช้ปืนสั้นยิงเขาในระยะใกล้ชิดรวม4นัด3นัดแรก ไม่ถูก กระสุนนัดสุดท้ายถูกข้างตะโพกของนายซัวล้มลง ผู้ร้ายเข้าใจว่าเขาถูกกระสุนปืนตายเสียแล้วจึงได้พากันหนีไป

    นายซัวจุงลุกขึ้นดูรอยถูกกระสุน ปรากฏว่ากางเกงทะลุตามแรงกระสุนปืนแต่ที่ตะโพกไม่มีบาดแผล เขาจึงรอดชีวิตมาได้ก้เพราะอำนาจหลวงพ่อทวดฯ คุ้มครอง เขายังพูดให้ผู้สอบถามฟังว่าถ้าหลวงพ่อทวดฯไม่คุ้มครองผมคงตายแล้วแน่เพราะ มันยิงผมในระยะเผาขน

    นายชาติ สิมศิริ นายกวี จิตต์กุล นายวิษฐ์ คณานุรักษ์

    ได้สอบถามปากคำนายซัวด้วยตนเองทั้งสามคน

    [​IMG]

    [​IMG]

    หยุดรถไฟทั้งขบวน

    อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์สำคัญหนึ่งที่ยังถูกกล่าวขวัญกันอยู่เสมอเกี่ยวกันความศักดิ์ สิทธ์ของสถูปบรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด นั่นก็คือการเเสดงอภินิหารหยุดขบวนรถไฟของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้ง ที่ 2
    ทั้งนี้มีการบันทุกไว้โดยนายอนันต์ คณานุรักษ์ ว่าหลวงพ่อหยียบน้ำทะเลจืดโกรธทหารญี่ปุ่นสมันสงครามโลกครั้งที่ 2ครั้งนั้น ทางการทหารญี่ปุ่นได้เอารถไฟสายใต้ของไทยทั้งขบวนไปใช้ทำการขนส่งสัมภาระ เข้ากลันตันโจมตีสิงค์โปร์ รถไฟขบวนนี้ต้องเเล่นผ่านหน้าวัดช้างให้ไปตามรางอันอยู่ใกล้ชิดกับเขื่อน หรือ สถูป อยู่ทุกๆวัน

    ต่อมาวันหนึ่งในเดือนมกราคม 2585 เวลาประมาณ 15.00 นาฬิกา รถไฟขบวนนี้เเล่นกลับมาจากสุไหงโก-ลกถึงหน้าวัด หัวรถจักรเคียงขนานตรงกับสถูปพอดี ทันทีนั้นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ยังไม่มีใครพบเห็นก็ปรากฎขึ้น คือรถไฟขบวนนั้นติดตรึงอยู่กันที่จะเคลื่อนต่อไปอีกไม่ได้เครื่องจักรยังคง เดินตามปกติ ล้อเหล็กกำลังหมุนอยู่บนรางเหล็กในที่เดิม จีงเกิดความร้อนมาก มีประกายไฟเเดงพราวไปทั้งสองข้างขบวนรถนั้นอยู่สักครู่ พนักงานหัวรถจักรเเละทหารญี่ปุ่นก็จนปัญญา ไม่สามารถจะเเก้ไขนำขบวนรถเคลื่อนที่เเล่นไปได้ จังให้รถจักรถอยหลังไปประมาณ 1 กิโลเมตร เเล้วเร่งผีจักรเต็มที่เเล่นมาใหม่อีก เเต่พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปในที่เดิมก็เคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้อีกรถไฟ ขบวนนี้จึงทดลองเเล่นมาเเละถอยหลังกลับอยู่ตั้งเเต่ 15.00 นาฬิกา จนกระทั่งใกล้จะค่ำก็ผ่านไปไม่ได้ ประชาชนชาวบ้านใกล้เคียงชวนกันมายืนดูความัศจรรย์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม

    ฝ่าย ท่านอาจเสียงเครื่องจักรรถไฟดังสั่นสะเทือนไปมาอยู่หน้าวัด เเต่ธุระไม่ใช่ท่านจึงไม่ได้สนใจออกจากกุฎิมาดูอย่างผู้อื่น เเต่เมื่อเวลาใกล้จะค่ำอยู่เเล้วรถไฟขบวนนี้ก็ยังคงวิ่งไปมาอยู่ที่เดิมท่าน นึกสงสัยจึงคิดว่าทหารญี่ปุ่นมาทำอะไรอยู่หน้าวัด จึงลงจากกุฎิไปดูกับเขาบ้างเมื่อปรากฎเเก่สายตาของท่านว่าหัวรถจักรติดอยู่ เพียงสถูปทุกๆ ครั้งที่ขณะกลับไปมา ท่านจึงนึกว่าน่าจะเป็นอภินิหารของท่านหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเล่นงาน ขบวนรถไฟนี้เสียเเล้ว ท่านอาจารย์จีงเดินเข้าสถูปเเล้วนึกในใจว่า
    ถ้าหาก หลวงพ่อทวดลงโทษยึดขบวนรถไฟนี้เเล้วก็ขอให้ยกโทษ ปล่อยให้เขาไปทำงานตามหน้าที่ของเขาเถิด เขาเป็นพวกนอกศาสนาไม่รู้จักอะไร อย่าถือโทษเขาเลยเเละทันทีนั้นรถไฟก็ค่อย เคลื่อนจากที่เดิมวิ่งไปได้เป็นปกติ
    เเละในคืนวันนั้นท่านอาจารย์นอนพอ เคลิ้มใกล้จะหลับ ก็ได้ยินเสียงพูดที่ช้างหูเป็นเสียงคนเเก่พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า

    อ้ายญี่ปุ่นมาดูถูกพวกเรา(ชาติไทย) มันข่มเหงเอารถไฟเราไปใช้ดีเเต่มีลูกๆอยู่บนรถสองตัว มิฉะนั้นกูจะผลักให้ตกจากรางกูไม่ยอมให้มันเอาไปใช้เป็นอันขาด

    ท่าน อาจารย์ทิมไม่ทราบว่าอะไรที่ท่านหลวงพ่อทวดเรียกว่าลูก 2 ตัวอยู่บนรถ ต่อมาประมาณ 7-8 วัด ได้มีชายสองคนมาหาท่านที่วัดเเละขอถวายตัวเป็นศิษย์ เเละเล่าให้ท่านอาจารย์ทิมฟังว่า เขาสองคนเป็นพนักงานหัวรถจักรเเละวันที่ขบวนรถไฟติดอยู่หน้าวัดนั้นเขาสองคน เป็นคนไทยอยู่บนรถขบวนนั้น นอกจากนั้นเป็นทหารญี่ปุ่นทั้งหมด จึงได้ทราบว่าลูกสองตัวก็คือคนไทยสองคนนี่เอง


    ครั้งที่ 2 ต่อจากขบวนรถไฟญี่ปุ่นถูกหลวงพ่อทวด ยึดครั้งทีประมาณเดือนเศษวันหนั่งเวลาเข้ามีพวกเด็กๆ เล่นอยู่หน้าวัดเเละใกล้ๆ กับสถูปนั้นได้พูดเล่ากันถึงหลวงพ่อทวด ยึดขบวนรถไฟคราวเเรกมีเด็กคนหนึ่งพูดท้ากันว่าวันนี้หลวงทวด ยึดรถไฟหรือไม่ยึด อีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ยึดอีกฝ่ายที่ว่ายึดก็ได้เก็บเอาก้นเทียนเเละธูปที่เหลือ อยู่หน้าสถูปจุดไฟขึ้นมาเเละอาราธนาขอให้หลวงพ่อทวดยึดขบวนรถไฟซึ่งกำลัง วิ่งมาวันนั้นเวลาเช้ามีขบวนรถไฟเช้าระหว่างยะลา-หาดใหญ่ พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปดิ์สิทธิ์ก็หยุดนิ่งอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไปก็ไม่ ได้อย่างครั้งเเรก รถทั้งยบวนติดอยู่ประมาณ30นาที จึงเคลื่อนที่ไปได้ตามปกติ

    ครั้งที่ 3 มีพระอธิการิ้ม หลวงพ่อเเดง พระภิกษุกาว สำนักวัดเเป้น อำเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานีได้พากันไปวัดช้างให้ เมื่อวันที่ 2ตุลาคม 2495 เเละพักอยู่ที่วัดหนึ่งคืนรุ่งขึ้นวันที่ 3 เวลาประมาณ 19 นาฬิกา พระภิกษุทั้ง 3 รูป ได้มาขอพบข้าพเจ้าที่บ้านเเล้วเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อเเดงนั้นเคยทราบจาก ข้าพเจ้าว่าหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ได้กระทำการยึดรถไฟมาเเล้วถึง 2ครั้ง เหตุนี้พอตอนเข้าหลวงพ่อเเดง จึงเดินออกไปยืนอยู่ข้างสถูป รอรถไฟเช้า ยะลา-หาดใหญ่ เเล้วกล่าวคำปรารภขึ้นว่า

    เขาลือกันมานักว่าหลวงพ่อทวดมี อภินิหาร ศักดิ์สิทธ์มาก เคยยึดขบวนรถไฟมาเเล้วถึง 2 ครั้ง ลูกหลานมากจากที่ไกลใคร่จะขอชมสักครั้ง

    ชั่วครู่ชบวนรถไฟเมื่อมาถึง หน้าวัดเเล้วก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กัยที่เฉยๆ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ เเต่ล้อรถจักรก็คงหมุนรอบๆอยู่บนรนางอย่างคราวก่อนๆ เเสดงให้เห็นว่าน่าจะมีอะไรยึดอยู่ข้างหลังขบวนรถ

    หลวงพ่อเเดงว่า ท่านเห็นเป็นที่ประจักษ์เเละตื่นเต้นจนขนลุก จีงกล่างขึ้นว่า ลูกหลานได้ชมเเล้วขอให้ปล่อยเถิด

    ขบวนรถไฟจะได้เคลื่อนไปเป็นปกติ ครั้งนี้รถไฟติดอยู่กับที่ประมาณ 8-9นาที

    นี่ก็คืออิทธิปาฎิหารย์ อันเกี่ยวพันกับ มรณสถาน เเละ ชาปณสถาน ของ เขื่อนท่านช้างให้ ซึ่งยังคงดำรงไว้ซึ่งความศรัทธาของเหล่าศาสนิกชนโดยทั่วไปในทุกวันนี้

    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา

    ที่มา http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=371.msg2432#msg2432
     
  2. เขามอ

    เขามอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +539
    นะโม โพ ธิ สัต โต อะ คัน ติ มา ยะ อิ ติ ภ ะค ะวา

    หลวงปู่ทวด เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ตลอดมา และ ตลอดไป
     
  3. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    satu satu satu....Namo Photisadhto....
     
  4. ฮกหลงขงเบ้ง

    ฮกหลงขงเบ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,143
    สาธุๆ อนุโมทานิ อยากหาเวลาไปกราบสักการะหลวงพ่อทวดบ้างแล้วครับ
     
  5. ลูกชายสาม

    ลูกชายสาม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    ขออนุโมทนา ข้าพเจ้าและลูกๆได้มีวาสนาได้มีโอกาสได้พระเครื่องหลวงปู่ทวดมาบูชาด้วยเถิด สาธุ
     
  6. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    อิติ อิติ โพธิสัตว์ เป็นคาถาบูชาหลวงปู่ทวดที่ท่านประทานไว้ที่สำนักปู่สวรรค์ ซึ่งมติ 3 โลกส่งท่านมาเป็นประธานดูแลโลกมนุษย์ ร่วมกับสมเด็จโตและท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ 43 ปีแล้ว.......พระอาจารย์ทิม อดีตเจ้าอาวาทวัดช้างให้เคยมาหาหลวงปู่ทวดที่สำนักปู่สวรรค์ ท่านได้เตือนพระอาจารย์ทิม เรื่องเงินที่ชาวบ้านบริจาคมา ให้รีบทำประโยชน์เสีย จากนั้น 2-3 เดือน พระอาจารย์ทิมก็มรณภาพ ลูกศิษย์สำนักปู่สวรรค์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง
     
  7. lungtong

    lungtong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +72
    ผมเคยไปวัดช้างให้2-3ครั้งมีหลวงปูู่พอสมควรแต่แจกไปเกือบหมดแล้วทุกวันนี้ผมก็แขวนคอด้วยเหรียญหลวงปู่ทวดอยู่
     
  8. emply

    emply สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
     

แชร์หน้านี้

Loading...