คาถาเพื่อการยกระดับทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ

ขอบพระคุณค่ะ ขอเป็นลูกศิษย์ทาง MSN ด้วยอีก 1 คน ค่ะ

 

ถูกต้องแล้วค่ะ ท่านต้องมาสานต่อกระทู้ดีๆ อย่าทิ้งไปเลยนะคะ มีอะไรใหม่ๆดีๆมาแบ่งปันพวกเรานะคะ โมทนาสาธุกับสิ่งที่ท่านคิดและทำอันเป็นประโยชน์ยิ่งสาธุ สาธุค่ะ

 

ขอคำแนะนำ คำภาวนาด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

ให้ใช้คำวา สุ ขิ ตา ยัง ธัม มัง

 

ขอบคุณค่ะ
ภาวนาแล้วรู้สึกขนลุก วูบวาบ อิ่มใจ เหมือนกับไปทำบุญมาเลยค่ะ

แล้วความหมายคืออะไรคะ

 

บอกใบ้ให้นิดหนึ่ง บอกเยอะไม่ได้
เขาคือ อารมณ์ความเบิกบานใจ หรือ อิ่มเอิบใจ

 

สวัสดีครับ .. ขอคำบริกรรมด้วยคนครับ

 

กราบสวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน กระผมเป็น 1 ในลูกศิษย์ของท่านพี่ JIT_ISSARA ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ รักผมน้อยๆ แต่รักนานๆ นะครับ -/\-

 

รักทุกคนอย่างเสมอกัน และจะรักทุกคน ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ตลอดเวลา

 

รบกวนช่วยชี้แนะให้ด้วยว่าต้องใช้บทไหน เพิ่งเข้่ามาอ่านเป็นครั้งแรก รู้สึกสนใจมากเลย ขอบคุณมากค่ะ

 

คนนี้ยังไม่ให้ครับ
ขอถามว่า ต้องการอะไร หรือหวังอะไรจากการภวนาครับ???
----------------------------------------------------------------
บททดสอบตอนนี้คือ ให้เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามากระทบเราเป็นความรู้อย่างหนึ่ง ไม่ตัดสินใจในสิ่งทั้งปวง ว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ถูก ผิด ให้รับรู้ เฉยและตอบตัวเองให้ได้ว่า ต้องการอะไรในชีวิต ได้คำตอบแล้วค่อยมาขอคำชี้แนะแนวทางใหม่นะครับ
----------------------------------------------------------------

 

ทำใจเบา ๆ สบายที่กลางหน้าอก แล้วรับรู้ที่เข้ามากระทบจิตตัวเองนะครับ
แล้วอีก 1 อาทิตย์ มาส่งการบ้านว่าต้องการอะไรในชีวิต และมาขอคำบริกรรมใหม่นะครับ
ทำใจเบา ๆ สบาย ๆ และวางการปฎิบัติลงบ้างนะครับ เดินทางสายกลาง

 

การบ้าน ในเดือน มกราคม 2011 นี้
1 ต้องการอะไรในการหันมาปฎิบัติกรรมฐาน ( ไม่มีถูก หรือ ผิด นะครับ )
2 พิจารณาตัวเองว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความขัดเคืองใจ ความถือตัว ความยึดมันถือมั่น ของตัวเองเป็นอย่างไร
3 อนาคต ต้องการดำเนินวิถีทางชีวิตอย่างไร ?

 

รับทราบค่ะอาจารย์ ในส่วนที่ได้ปฏิบัติไปแล้วขอส่งการบ้านนะคะ และจะได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆท่านอื่นๆ ด้วย เท่าที่สังเกตได้กับตัวเอง ผลเป็นดังนี้ค่ะ ในครั้งแรก ท่านให้ภาวนาคำว่า "อัฐ ฐิ กัง" ภาวนาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ความบ่อย/ความถี่ทุกครั้งที่ระลึกได้ในแต่ละวัน ภาวนาแล้วรู้สึกว่ามันมีความเย็นในจิตใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะ เป็นเพราะอะไร ? ทั้งๆที่มีความกังวลอยู่ในหลายๆเรื่อง ไม่ว่า เรื่องงาน ภาระครอบครัว แต่มันมีความผ่อนคลายในตัวมันเอง ไม่ร้อนรนเหมือนที่เคยเป็น
ใขขณะที่เรื่องของอารมณ์และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ปกติจะเป็นคนตันสินใจเร็ว ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น แต่ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ภาวนานั้น รู้สึกได้ว่าการตัดสินใจในเรื่องต่างๆจะช้าลงไม่ผุบผับเหมือนที่เคยเป็น หรือที่เรียกว่าชอบปี๊ดแตกกับคนรอบข้างอยู่บ่อยๆอะไรประมาณนั้น บางครั้งพูดตรงเกินไป ไม่ค่อยรักษาน้ำใจใคร และมักจะมีอารมณ์อยู่เสมอ จะเปลี่ยนไปโดยเมื่อมีอะไรมากระทบ จะรู้สึกได้ทันที (เร็วขึ้น) เช่น รู้ว่าตอนนี้กำลังมีอารมณ์แล้วนะ กำลังจะโมโหแล้วนะ ก็จะบอกกับตัวเองว่าไม่เอาน่าบ้าแล้ว แตะเบรคซะหน่อยซิแก... ชีวิตมันก็เท่านี้เองแหละ แต่กลับทำให้รู้สึกว่ามีความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันจริงๆ และมีความลังเลสงสัยว่าแม่เจ้าคงจะอุปาทานไปเองกระมัง? มันไม่น่าใช่ว่า 2 อาทิตย์ที่ภาวนา "อัฐ ฐิ กัง" แล้วจะทำให้เรารู้สึกว่ามันมีความเปลี่ยนอะไรขนาดนี้ คงไม่ใช่? ในช่วงนั้นนึกถึงท่านจขกท."Jit_issara" ไม่น่าปิดกระทู้ไปเลย อยากมาส่งการบ้าน มาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆท่านอื่นๆ สงสัยท่านคงรับรู้ได้ว่าพวกเราอยากให้ท่านกลับมาตอบกระทู้ต่อ และวันนี้ท่านกลับมาแล้ว รู้สึกดีใจมากๆค่ะ และขอความอนุเคราะห์ท่านได้โปรดท่านไขข้อข้องใจให้ทราบด้วยค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะอุปาทานไปเองเท่านั้นใช่หรือไม่ค่ะ ? เมื่อวาน (20 ม.ค.54) ท่านได้ให้คำภาวนาใหม่ เพิ่มมาอีก 2 คำ คือ "สุขิ ตายัง ธัมมัง" ให้ภาวนา 3 วัน และ "สุขิ ตายัง กายัง" ให้ภาวนา 3 วัน นั้น ขอถามเพิ่มเติมดังนี้
1.หมายความว่า ให้ภาวนาคำว่า สุขิ ตายัง ธัมมัง ภาวนาติดต่อกัน 3 วัน แล้ว
2.ให้ภาวนาคำว่า "สุขิ ตายัง กายัง" ไปอีก 3 วัน ใช่หรือไม่ค่ะ
3.ในระหว่างนี้ คำว่า "อัฐ ฐิ กัง" ยังต้องภาวนาสลับไปด้วยหรือไม่ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

 

ไม่ใช่ อุปาทาน แน่นอนครับ ผมเป็นคนใจร้อนนะ โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย เจอภวนา ปะ สะ นะ วา ผ่านไปแค่2วัน ท่านพี่ให้ผมผ่าน และให้คำว่า สุ ขิ ตา ยัง จิต ตัง อันนี้ท่าจะนานหน่อย ท่องๆแล้วลืมแผ่ก็มี ท่องผิดก็มี ฮ่าๆๆ ส่วนคำถามของท่าน ต้องให้ท่านพี่มาตอบเองครับ

การบ้าน ในเดือน มกราคม 2011 นี้

1 ต้องการอะไรในการหันมาปฎิบัติกรรมฐาน ( ไม่มีถูก หรือ ผิด นะครับ )
ผมขอตอบเลยนะครับท่านพี่ ผมต้องการอภิญญา จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (ไม่ดูดวง ไม่แก้กรรม) และเป็นกำลังใจเพื่อย่างไปสู่นิพพาน บอกตามตรงว่าผมอยากเป็นหมอที่ช่วยเหลือคนมาตั้งแต่เด็ก แต่ปัญญาของผมมีน้อยนิดจึงไม่สามารถไปทางนั้นได้ แค่วิศวะยังไปไม่รอด ต้องมาจอดที่นิเทศ ==a (เฮ้อ โลกนี้มันช่างน่าเบื่อจริงๆ) แต่ดีครับ ถึงแม้ตอนนี้ไม่รู้จะได้อะไรมาบ้าง แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ผมมี สติ ความคิด ที่ดีขึ้นเยอะเลยครับ

2 พิจารณาตัวเองว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความขัดเคืองใจ ความถือตัว ความยึดมันถือมั่น ของตัวเองเป็นอย่างไร
อันว่าความโลภ ก็มีบ้าง เพราะว่ายังอยากได้นั่นนี่มาช่วยเพิ่มความสุขสบายให้กายหยาบ แต่พักนี้ก็ไม่เพ้อเจ้อรอถูกหวยละ ก็ปล่อยวางความคิดทุกครั้งที่คิดว่าอยากได้ ความโกรธ เบาบาง เพราะ ภวนา ปะสะนะวา มีสติทุกครั้งเมื่อรู้ว่าจะโกรธ ความหลง ติดเรื่องรสชาติของอาหาร ตอนนี้กำลังต่อสู้กับสิ่งนี้อย่างหนัก ความขัดเคืองใจ เรื่องงาน เรื่องเรียน ก็ได้ทางออกแล้วครับ แต่ไม่ปฎิบัติเอง ฮ่าๆๆ ความถือตัว ความยึดมั่นถือมั่น พยายามละวางครับ

3 อนาคต ต้องการดำเนินวิถีทางชีวิตอย่างไร ?
ต้องการความสงบ ยึดทางสายกลางในการใช้ชีวิต มีเวลาทำบุญ มีเงินทำบุญ ครอบครัวสบาย ไม่หลงไปกับวัตถุ คอยช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่สมควรช่วยครับ

 

ท่านพี่ครับ ผมว่าผมกำลังโดนสอบอยู่นะ แต่ไม่ผ่านเลย เพราะไม่มีสติ ณ เวลานั้นเลยครับ ขอคำแนะนำครับ รู้สึกโดนสอบ 3 เรื่อง เรื่องแรกนี่คงเป็นเรื่องผู้หญิง ครั้งล่าสุดเลยครับ เจอท่าไม้ตาย(เห็นผู้หญิงที่เคยรักมากๆ) เอาซะผมทำอะไรไม่ถูกเลย ส่วนวันนี้่ไม่แน่ใจว่าจะโดนทดสอบเรื่อง โทสะ และ ความกลัว ถ้าแค่ฝันก็ดีไปครับ แต่ถ้าทดสอบนี่ ผม==a ละอายใจจริงๆ ฮ่าๆๆ แต่ผมคิดว่าเรื่องผู้หญิงนี่ไม่ฝันนะ มาทดสอบผมตั้ง3ครั้ง มาทีแก้ผ้างี้ มายั่วงี้ แล้วแต่ละคนนะ เป็นคนที่รู้จักด้วย ==a น่าละอายใจไหมละครับ ท่านพี่พอจะแนะนำได้ไหมครับ ผมก็พยายามคิดว่ามันเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งนะครับ ฮ่าๆๆ

 

ผมไม่ต้องใช้คำบริกรรมหรือครับเพราะอะไร ... แค่รับรู้อารมณ์ที่เข้ามากระทบ

การบ้าน ในเดือน มกราคม 2011 นี้
1 ต้องการอะไรในการหันมาปฎิบัติกรรมฐาน ( ไม่มีถูก หรือ ผิด นะครับ )
ความสงบ ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิด
2 พิจารณาตัวเองว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความขัดเคืองใจ ความถือตัว ความยึดมันถือมั่น ของตัวเองเป็นอย่างไร
โลภไม่มี โกรธน้อยลง หลงไม่มี ขัดเคืองใจน้อยลง ความถือตัวมีนิดหน่อย ความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง
3 อนาคต ต้องการดำเนินวิถีทางชีวิตอย่างไร ?
ใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบไปเรื่อยๆ หลุดพ้นไปเลยได้ยิ่งดี

 

ครับ อนุโมทนาครับ
ถ้าทำถูกวิธี เห็นผมเร็วมากครับ เมื่อก่อนอาจารย์ให้ผมภวนา บางครั้งภวนาเช้า เย็น อารมณ์ เปลี่ยนก้อมี แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเร็วได้ขนาดนี้


jit_itsara ตอบ "อัฐฐิกัง นั่นคือกระดูก . จิตไปเรียนรู้กระดูก เนื่อจากกระดูกเรามีความชุ่มชื่น จากธาตุน้ำ มีความตั้งมั่นจากธาตุดิน มีการเคลื่อนไหวจากธาตุลม และมีความร้อนจากอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อไปเรียนรู้จึงปรับความสมดุลของธาตุ และเติมสิ่งที่ตัวเองขาดอยู่ ที่เย็นใจมามาจากจิตไปจับธาตุนำ และธาตุอืน
ถ้าทำถูก ทำด้วยใจที่เป็นกลาง บ้างครั้งภวนาเช้า เย็นเปลี่ยน หรือ ภวนาแล้ว ชั่วโมงหน้าเปลี่ยนก้อมีครับ ไม่ใช่อุปาทานหรอก ที่ ปิดกระทู้ ณช่วงนั่น ก้อเพื่อต้องการให้ไปลองทำดู แล้วมาเล่าสู่ประสบการกันฟัง และไม่ต้องการให้แต่ละคนคิดปรุ่งแต่งมาก จึง ปิดกระทู้
เมื่อเปลี่ยนคำบริกรรมแล้ว ไม่ต้องไปภวนาตัวเดิม ให้ใช้ตัวใหม่ได้เลย เพราะตัวเดิมผ่านแล้ว จึงให้ไปเรียนรู้อารมณฺตัวใหม่ครับ

ขออนุโมทนาในผลของการปฎิบัติธรรม ทำเองและเห็นเอง ธรรมมะของพระพุทธองค์ ไม่เนิ่นช้าครับ ถ้าทำถูกวิธี วางใจถูก ทำแล้วเห็นผลได้ทันที


นี่เป็นแนวทางการพัฒนาครับ มรรรค ผล นิพพาน ก้อเอาให้จบในชาตินี่นะครับ
อย่าลืมว่า เมื่อทำแล้วจะต้องเป็น พุทโธ คือ ผู้รู้ (รู้กาย ใจ ตนเอง) ผู้ตื่น ( เห็น กาย ใจ ตนเอง) และ ผู้เบิกบาน( ปล่อยวางความยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นของๆเรา แล้วเป็นผู้มีความสุข สดชื่น เบิกบาน อยู่ทุกขณะจิต)

 

ไม่มีผิด หรือ ถูก ครับ อะไรที่เข้ามาให้ รู้สึกว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เมื่อเผลอ แล้วรู้สึกว่า เผลกนั่นคือ ประสบการเผลอ หรือ การเรียนรู้เรื่องเผลอ ให้ก้าวข้ามผ่านความเชื่อทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา วิถีของสังคม ให้มีความรู้สึกว่า เราคือ จิตวิญญานอันประภัสสร เบิกบาน และเรากำลังเรียนรู้ประสบการณ์ ความคิด นึก รู้สึก ของมนุษย์ อยู่นะครับ

เมื่อเจอแบบนี้ ให้เรียนรู้อารมณ์ตัวเอง ไปเรื่อยๆ เป็นผู้รู้ ผู้ดู ผู้เห็น ไม่ต้องไปคล้อยตามมัน หรือ ไม่ต้องไปทำให้อารมณ์มันหายไป เผลอไปบ้างก้อไม่เป็นไร เป็นการเรียนรู้ และไม่ต้องแปลกใจ มารไม่มี บารมีไม่เกิด ตอนนี้ถ้าใครทำจริง จะมีบททดสอบเข้ามากระทบ ให้เรียนรู้นะครับ เพราะถ้าไม่มีบททดสอบเราจะไม่รู้ว่าเราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า

 

ผมไม่ต้องใช้คำบริกรรมหรือครับเพราะอะไร ... แค่รับรู้อารมณ์ที่เข้ามากระทบ
jit_issara : ที่ไม่มี ณ ตอนนี้ เนื่องจากตอนนี้จิตได้ถูกพัฒนามาพอสมควร และบททดสอบตอนนี้ที่ท่านต้องผ่านให้ได้ก่อน คือ การวางความคิด ความเชื่อในสิ่งทั้งปวง โดยการเปลี่ยนสิ่งที่เข้ามากระทบเป็นความรู้อย่างหนึ่ง เป็นข้อมูลอย่างหนึ่ง ไม่มีถูก หรือ ผิด , ใช่ หรือ ไม่ใช่

การบ้าน ในเดือน มกราคม 2011 นี้
1 ต้องการอะไรในการหันมาปฎิบัติกรรมฐาน ( ไม่มีถูก หรือ ผิด นะครับ )

2 พิจารณาตัวเองว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความขัดเคืองใจ ความถือตัว ความยึดมันถือมั่น ของตัวเองเป็นอย่างไร
โลภไม่มี โกรธน้อยลง หลงไม่มี ขัดเคืองใจน้อยลง ความถือตัวมีนิดหน่อย ความยึดมั่นถือมั่นน้อยลง
3 อนาคต ต้องการดำเนินวิถีทางชีวิตอย่างไร ?
ใช้ชีวิตเรียบง่าย สงบไปเรื่อยๆ หลุดพ้นไปเลยได้ยิ่งดี
---------------------------------------------------------
หนทางที่นำพาไป ณ กระทู้นี่ คือ การพัฒนาจิตวิญญาณ ให้มีความรัก ความสุข ความสดชื่น เบิกบานใจ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย สร้างสรรค ความเป็นคนมีสุขภาพดี และการวางความยึดมั่นถือมั่น ของๆเราออกไป
การเกิดเป็นทุกข์จริงเหรอ และอะไรเป็นต้นเหตุของความทุกข์จริง . จิตเดิมแท้เราเบิกบานอยู่แล้ว ความคิดปรุงแต่งนั่นแหละที่ทำให้เราทุกข์ เมื่อคิดว่าการเกิดเป็นทุกข์ ก้อทุกข์ เมื่อมีความรู้สึกว่าการเกิดเป็นสุข จากการได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จิตเราย่อมมีความสุข
ลองไปทำดูนะครับ เรียนการรับรู้อารมณ์ ในปัจจุบัน แล้วอีก 1 อาทิตย์ค่อ่ยมาใหม่ ถ้าผ่านจะให้คำบริกรรม ต่อไป