สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ(อดีตรำลึกของบุญกุศล)

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Nar, 8 กรกฎาคม 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    การปฎิบัติวิปัสนากรรมฐาน (จบครับ)

    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-meditation.html#1


    [​IMG]วีดีโอสอน "การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน" โดย หลวงพ่อจรัญ
    วีดีโอการสอนชุดนี้ ได้ตัดต่อเป็นตอนๆ จาก "VCD การสอนสติปัฏฐาน ๔" ของ อ.สุจิตรา โดยคุณสมศักดิ์ ชูศรีขาว เป็นผู้นำมามอบให้ครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อย่าประมาทนะ ขอบอก
    <O:p</O:p
    Date:
    <ST1:d Month="10" Day="18" Year="2005 Tue, 18 Oct 2005 </ST1:d13:40:04<O:p</O:p
    จาก FWD Mail ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เพื่อนเป็นคนระยองไปเยี่ยมญาติป่วย ที่โรงพยาบาลจันทบุรี ด้วยความหิวน้ำจึงได้ซื้อโค้กมากินแต่เช็ดฝากระป๋องไม่สะอาด เมื่อกลับบ้านที่ระยอง
    ตกกลางคืนจู่ๆก็มีไข้แล้วชัก ภรรยานำส่ง ร.พ. ระยอง นอนอยู่สามวันหมอหาสาเหตุไม่พบ มีอาการไม่รู้ตัวตาถลน ญาติจึงนำเข้า ร.พ. กรุงเทพ เพราะสงสัยเป็นโรคฉี่หนู ปรากฏเป็นเช่นนั้นจริงๆ นอนไม่รู้ตัวอยู่สองอาทิตย์หลังจากนั้นค่อยดีขึ้นรักษาตัวอยู่หนึ่งเดือนครึ่ง
    หมดค่ารักษาแปดแสนกว่า แต่ความจำเสื่อม
    ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่งฟื้นฟูความจำพูดจาวกวน
    หมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพบอกว่านี่เป็นคนที่ไม่ถึงสิบที่หายจากโรคนี้ในเมืองไทยและถ้าเพื่อนหรือญาติใครเป็นให้ส่ง ร.พ. กรุงเทพ ด่วน เพราะเป็นที่เดี่ยวที่มีแพทย์เชี่ยวชาญเรื่องนี้เฉพาะ

    ช่วยอ่านหน่อย อันนี้สำคัญนี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ !!
    ซื้อโค้กกระป๋องหรือเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องชนิดใดก็ตาม
    ก่อนดื่มคุณต้องแน่ใจว่าได้ล้างฝากระป๋องด้วยน้ำก๊อกและสบู่แล้ว
    หรือถ้าไม่มีก็ขอให้ใช้หลอดดูดแทน
    เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวได้เสียชีวิตหลังจากดื่มโซดากระป๋อง
    โดยไม่ได้ล้างฝากระป๋องก่อนดื่มปรากฏว่า
    ที่ฝากระป๋องเต็มไปด้วยฉี่หนู
    ที่แห้งแล้วและเป็นพิษซึ่งมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต!!!!
    เครื่องดื่มกระป๋องและอาหารกระป๋องมักถูกเก็บไว้ในโกดังเก็บของและตู้container
    ซึ่งมีหนูเข้ามาอยู่เต็มไปหมดและของเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปจำหน่ายยังร้านค้าปลีก
    ต่างๆ โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง !!!
    โปรดส่งข้อความนี้ต่อไปยังคนที่คุณห่วงใย

    ขอบคุณ
    กองสาธาณสุข 02 564-6539
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มหาสติปัฏฐานสูตร และ อานิสงค์ของสติปัฏฐาน4<O:p</O:p


    สูตรว่าด้วยการตั้งสติอย่างใหญ่
    <O:p</O:p

    พระผู้มีพระภาคประทับ ณ นิคม ชื่อกัมมาสธัมมะ แคว้นกุรุ ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า หนทางเป็นที่ไปอันเอกเพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ เพื่อก้าวล่วงความโศก ความคร่ำครวญ เพื่อให้ความทุกข์กายใจตั้งอยู่ไม่ได้ เพื่อบรรลุที่ต้องถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน คือการตั้งสติ ๔ อย่างได้แก่-
    ๑. ตั้งสติกำหนดพิจารณากายในกาย ( กายส่วนย่อยในกายส่วนใหญ่ ).
    ๒. ตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนาในเวทนา ( ความรู้สึกอารมณ์ส่วนย่อยในความรู้สึกอารมณ์ส่วนใหญ่ ).
    ๓. ตั้งสติกำหนดพิจารณาในจิต ( จิตส่วนจิตย่อยในจิตส่วนใหญ่ คือจิตดวงใดดวงหนึ่ง ในจิตที่เกิดขึ้นดับไปมากดวง ).
    ๔. ตั้งสติกำหนดพิจารณา ธรรมในธรรม ( ธรรมส่วนย่อยในธรรมส่วนใหญ่ ).

    <O:p</O:p


    การพิจารณากายแบ่งออกเป็น ๖ ส่วน<O:p</O:p


    ๑. พิจารณากำหนดลมหายใจเข้าออก ( อานาปานบรรพ ).
    ๒. พิจารณาอิริยบถของกาย เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน ( อิริยาปถบรรพ ).
    ๓. พิจารณารู้ตัวในความเคลื่อนไหว เช่น ก้าวไป ก้าวมา คู้แขน เหยีบดแขน กิน ดื่ม เป็นต้น ( สัมปชัญญบรรพ ).
    ๔. พิจารณาความน่าเกลียดของร่างกาย ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนย่อยต่าง ๆ มีผม ขน เป็นต้น ( ปฏิกูลมนสิการบรรพ).
    ๕. พิจารณาร่างกายโดยความเป็นธาตุ (ธาตุบรรพ ) .
    ๖. พิจารณาร่างกายที่เป็นศพ มีลักษณะต่าง ๆ ๙ อย่าง ( นวสีวถีกาบรรพ ).
    <O:p</O:p


    <O:p</O:p
    การพิจารณาเวทนา ( ความรู้สึกอารมณ์ ) ๙ อย่าง <O:p</O:p


    ๑. สุข
    ๒. ทุกข์
    ๓. ไม่ทุกข์ไม่สุข
    ๔. สุขประกอบด้วยอามิส ( เหยื่อล่อมีรูป เสียง เป็นต้น )
    ๕. สุขไม่ประกอบด้วยอามิส
    ๖. ทุกข์ประกอบด้วยอามิส
    ๗. ทุกข์ไม่ประกอบด้วยอามิส
    ๘. ไม่ทุกข์ไม่สุขประกอบด้วยอามิส
    ๙. ไม่ทุกข์ไม่สุขไม่ประกอบด้วยอามิส. <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    การพิจารณาเวทนาจิต ๑๖ อย่าง <O:p</O:p

    ๑. จิตมีราคะ ๒. จิตปราศจากราคะ ๓. จิตมีโทสะ ๔ . จิตปราศจากโทสะ ๕. จิตมีโมหะ ๖. จิตปราศจากโมหะ ๗. จิตหดหู่ ๘. จิตฟุ้งซ่าน ๙. จิตใหญ่ ( จิตในฌาน ) ๑๐. จิตไม่ใหญ่ ( จิตที่ไม่ถึงฌาน ) ๑๑. จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า ๑๒. จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ๑๓. จิตตั่งมั่น ๑๔. จิตไม่ตั่งมั่น ๑๕. จิตหลุดพ้น ๑๖. จิตไม่หลุดพ้น.

    <O:p</O:p


    การพิจารณาธรรมแบ่งออกเป็น ๕ ส่วน <O:p</O:p


    ๑. พิจารณาธรรมที่กั้นจิตมิให้บรรลุสมาธิ ที่เรียกว่านีวรณ์ ๕ ( นีวรณบรรพ ).
    ๒. พิจารณาขันธ์ ๕ คือ รูป , เวทนา , สัญญา , สังขาร, วิญญาณ ( ขันธบรรพ ).
    ๓. พิจารณาอายตนะภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ( อายตนบรรพ).
    ๔. พิจารณาธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ ๗ ที่เรียกว่าโพฌงค์ ( โพฌงคบรรพ ).
    ๕. พิจารณาอริยสัจจ์ ๔ (สัจจบรรพ). อนึ่ง การพิจารณากาย , เวทนา , จิต , ธรรม ทั้งสี่ข้อนี้ นอกจากมีรายการพิเศษดังกล่าวมาแล้ว ยังมีรายการพิจารณาที่ตรงกันอีก ๖ ประการ คือ ๑. ที่อยู่ภายใน ๒. ที่อยู่ภายนอก ๓. ที่อยู่ทั้งภายในภายนอก ๔. ทีมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ๕. ทีมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ๖. ที่มีทั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา.

    <O:p</O:p


    อานิสงส์สติปัฏฐาน <O:p</O:p

    ครั้นแล้วทรงสรุปผลของการปฏิบัติ ในการตั้งสติ ๔ อย่างนี้ว่า จะเป็นเหตุให้ได้บรรลุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง คือบรรลุอรหัตตผลในปัจจุบัน ถ้ายังมีเชื้อเหลือ ก็จะได้บรรลุความเป็นพระอนาคามี ( ผู้ไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีก ) ภายใน ๗ ปี หรือลดลงมาโดยลำดับถึงภายใน ๗ วัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  4. oyoyo554

    oyoyo554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +9,199
    อ่านธรรมะจากคุณสิทธิพงศ์แล้ว ตอนนี้ขอพักสายตา

    ขอทำตัวเป็นฝาหรั่งสักครั้ง ขอมอบการ์ดคริสต์มาสให้กับทุกท่าน

    [​IMG]

    ช่วงนี้กรุงเทพ อากาศเข้าขั้นเย็นทีเดียว เหอ เหอ ไม่ได้เป็นเช่นนี้มานานมากแล้ว ขนาดกรุงเทพยังขนาดนี้ ต่างจังหวัด ต้องหนาวมากๆ เลย

    ยังไง เพื่อนๆ พี่ๆ รักษาสุขภาพกันให้ดีหล่ะ จะได้มีแรงทำงาน มีปัจจัยไปสร้างบุญกันต่อ

    ฝากข่าวถึงพี่ณรงค์

    พี่รงค์ วันนี้โยได้รับเพชรพญานาค 2 เม็ด สีแดงแล้วค่ะ

    หากพี่ต้องการให้จัดส่งที่ใด แจ้งให้ทราบด้วยค่ะ
    (f)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      205.5 KB
      เปิดดู:
      203
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องเบาสมองครับ

    มา Fwd Mail ครับ

    ไลเกอร์ LIGER เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมพันธ์ระหว่าง สิงห์โต กับเสือ ผมจำไม่ได้ว่าตัวผู้เป็นอะไร และตัวเมียเป็นอะไร ลองดูกันนะครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]<!-- / message --><!-- attachments -->
     
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ข่าวฝาก ฝากข่าว

    สวัสดีครับท่านสมาชิกที่รักทุกท่าน
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]ขอแจ้งข่าวการเปิดรับสมาชิกเว๊บไซต์ www.ounamilit.comตามคำเรียกร้อง
    แฟนานุแฟนที่อยากเข้ามาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยเฉพาะหลายๆ คนE-mail
    มาบอกว่าคิดถึงคุณเม้าตาอิน คุณRanson คุณพายุ และอีกหลายคน
    [/FONT]
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]อย่างผู้รอบรู้ที่
    ไฟแรง คารมกล้าอย่างคุณทิดมาก ที่ทำเอาเว๊บไซด์ร้อนแรงทีเดียว หรือท่านที่ขี้สงสัย
    อย่างคุณงงงง ที่พออ่านชื่อแล้วก็งง..!!! ซึ่งในปีใหม่ที่จะถึงนี้ทางผู้บริหารกับทีมงาน
    เว๊บไซต์แจ้งว่าจะมีการปรับปรุงใหญ่ ทั้งรูปแบบ
    ตลอดจนมีกิจกรรมให้ร่วมสังสรรค์กัน
    มากขึ้น คราวนี้เว๊บไซต์จะมีข้อมูลเฉพาะตัวของตนเองนอกจากที่เคยเผยแพร่ใน
    นิตยสาร
    ต้อนรับปีใหม่ ก็ชำระหนี้กรรมกันก่อนเลยครับ กับบทความ “จากไอยคุปต์ถึง
    สุวรรณภูมิ”
    เพื่อขยายความถึงความรู้ที่แท้จริงว่าศาสตร์ไอยคุปต์น่ะ ไม่ใช่ฝรั่งรู้จริง
    เสมอไป
    หรอกครับ บางท่านไปถูกฝรั่งเมืองนอกตั้งสถาบันอะไรก็ไม่รู้รับข้อมูลเขา
    ผิดๆถูกๆ มาแล้วมาวิจารณ์ โดยไม่ไต่ถามผู้รู้ที่แท้จริงก็เลยขายขี้หน้าตนเองไป
    บท
    ความนี้จะขยายความต่างๆถึงที่ไปที่มาของศาสตร์ไอยคุปต์ที่ผูกพันธ์ กับ
    อารยะธรรมสุวรรณภูม
    ิจนเป็นประเพณีที่เราคุ้นตากันอย่าง “หมากเก็บ” อีกทั้ง
    ประเพณีหรือไสยศาสตร์ไทยก็ล้วนมีกลิ่นไอแฝงของชาวไอยคุปต์ มาตลอด
    ที่ชัดเจน
    ก็คือ คัมภีร์มหาราชพูดกันตรงไปตรงมา คนที่ไม่รู้จะได้รู้ไว้ว่าตนน่ะความรู้แค่เล็ก
    น้อยไปฟังฝรั่งแล้วมาถากถางคนอื่นน่ะมันไม่ควรครับ คุณศุภชัย(ชลบุรี)และแฟน
    อุณมิลิตอีกหลายๆท่านที่เป็นห่วง สอบถามมาก็ติดตามไขข้องข้องใจในเว๊บได้ครับ
    ..
    จากนั้นก็จะมีเรื่องพระอุปคุต ว่า นอกจากที่รู้กันว่าท่านชนะพระยามาราธิราชแล้ว
    ท่านมีคุณูปการอะไรกับพุทธศาสนาอีก สมดั่งพระศาสดาทรงพยากรณ์ไว้หรือไม่?
    และบทความที่ถือว่าจะสั่นสะเทือนวงการไสยศาสตร์บ้านเรา ที่อุณมิลิตกล้าเฉลย
    ที่ไปที่มาของยอดวิชาตรีนิสิงเห ที่ผูกพันกับ ปฏาลีบุตร (นครศรีธรรมราช) และ
    มหาอาณาจักรโยนก
    อันรุ่งเรือง เหตุไฉน ต่างมี “พระสิหิงส์” และไขปริศนากับ
    เครื่องรางยอดฮิต ในปัจจุบันนามตราสุริยันต์จันทราหรือที่มาของจตุคามรามเทพ
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT][/FONT]สองคำที่มีความหมายถึงอารักษ์หลักเมือง กับ
    เทพเจ้าประจำเมือง ตามคติพราหมณ์โบราณ
    และกลิ่นไอไอยคุปต์ที่หลงเหลืออยู่ในสุวรรณภูมิ
    ความรู้เหล่านี้ เป็นหลักเป็นเกณฑ์ครับไม่ได้คิดเอง
    ยกเมฆเอง หรือเข้าใจผิดอย่างน่าเห็นใจ มีทั้งบุคคล
    (ทั้งภิกษุ-ฆาราวาส) สถาบันทางวิชาการระดับภาค
    บทความจากปราชญ์รุ่นก่อนที่ตีพิมพ์ใน เอกสาร
    ของการประชุมใหญ่คุรุสภาเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

    พอแค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวคนที่เขาเคยว่าเราไม่รู้จะ
    ช๊อคไปซะก่อน
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][/FONT][/FONT] สำหรับสมาชิกเว๊บไซต์สามารถ สมัครโดยไม่มีค่าธรรมเนียม
    ใดใด
    เพียงรับผิดชอบค
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][COLOR=#003399][COLOR=#003366][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][COLOR=#003399][COLOR=#003366][/COLOR][/COLOR][/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]่าจัดส่ง (ดวงตราราหูแปดภาค(กำนัลฟรี)[FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]ละบัตร
    สมาชิก)ท่านละ
    [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][COLOR=#003399][COLOR=#003366][/COLOR][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]๕๐บาท ค่าพัสดุ[FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]ลงทะเบียนครับ(หมดเขต ๓๑ ม.ค.๕๐) [FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][FONT=Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]
    [/FONT]
    [/FONT][/FONT]
    [/FONT]
     
  7. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    มีคนคิดถึงผมด้วยเหรอนี่
     
  8. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    นี่ก็เบาๆของชาวพื้นโลกสักหน่อย

    [​IMG]

    คุณบ๊อบแห่งเขาขจี
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องการสวดมนต์

    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงบุรี

    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#1


    <!-- InstanceBeginEditable name="content" --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เราจะได้ยินการเรียกบทสวดนี้หลากหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น
    พระชัยมงคลคาถา, บทสวดถวายพรพระ, พาหุงมหาการุณิโก หรือ พาหุงมหากาฯ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบทเดียวกันทั้งสิ้น​

    [​IMG]มูลเหตุแห่งการค้นพบพระชัยมงคลคาถา
    เมื่ออาตมาได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว.........
    คืนหนึ่งอาตมานอนหลับ แล้ว ฝันไปว่า อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งครองจีวรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส อาตมาเห็นว่าเป็นพระอาวุโส ผู้รัตตัญญู จึงน้อมนมัสการท่าน ท่นหยุดยืนตรงหน้าอาตมา แล้วกล่าวกับอาตมาว่า
    "ฉันคือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา ฉันต้องการให้เธอไปที่วัดใหญ่ชัยมงคลเพื่อดูจารึก ที่ฉันได้จารึกถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้เป็นเจ้า เนื่องในวาระที่สร้างพระเจดีย์ฉลองชัยชนะ เหนือพระมหาอุปราชแห่งพม่า และประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทย จากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอไปดูไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว"
    ในฝันอาตมารับปากท่าน ท่านก็บอกตำแหน่งที่บรรจุให้ แล้วก็ตกใจตื่นตอนใกล้รุ่ง อาตมาก็ทบทวนความฝัน ก็นึกอยู่ในใจว่า เราเองนั้น กำหนดจิตด้วยกรรมฐาน มีสติอยู่เสมอ เรื่องฝันฟุ้งซ่านเป็นไม่มี อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า ทางกรมศิลปากรทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ ในวัดใหญ่ชัยมงคล และจะทำการบรรจุพระบรมธาตุที่ยอดพระเจดีย์ อันเป็นนิมิตหมายการสิ้นสุดการบูรณะ แล้วจะรื้อนั่งร้านทั้งหมดออกเสร็จสิ้น
    อาตมาจึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร บอกนายภิรมณ์ ชินเจริญ ให้เลื่อนการปิดยอดบัวไปอีกวันหนึ่ง เพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอที่อาตมาได้สร้างขึ้น ตามแบบดั้งเดิมที่พบในเจดีย์ใกล้กับวัดอัมพวัน ซึ่งพังลงน้ำ ที่ก๋งเหล๋งเป็นคนรวบรวมเอามาให้อาตมา ตั้งแต่เมื่อเริ่มมาพัฒนาวัดใหม่ ๆ แต่แตกหัก ผุพัง ทั้งนั้น หลายสิบปี๊บ อาตมาได้ป่นเอามาผสมสร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่วมบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง
    วันนั้นอาตมาเดินทางไปถึง ก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันได แล้วมองเห็นโพรงที่ทางเข้าทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง มีร้านไม่พอไต่ลงไปภายใน ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า ลงไปคราวนี้ ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านไม้ ก็ยอมตาย คนที่ร่วมเดินทางมา เขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่าง มีไฟฉายดวงหนึ่ง เวลานั้นประมาณ ๙.๐๐ น. อาตมาลงไปภายในพบลานทองคำ ๑๓ ลาน ดังที่สมเด็จพระพนรัตน์ได้บอกไว้จริง ๆ อาตมาจึงได้พบว่า แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ท่านได้จารึกถวายพระพร ก็คือ บทสวดมนต์ที่เรียกว่า "พาหุง มหาการุณิโก" ท้ายของนิมิตนั้นระบุว่า "เราสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ ถวายพระพรแด่พระมหาบพิตรเจ้า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช"

    พาหุงมหาการุณิโก คืออะไร
    พาหุงมหากา คือ บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็ พรพาหุงอันเริ่มด้วย พาหุงสะหัส จนไปถึง ทุคคาหะทิฏฐิ แล้วเรื่อยไปจนถึง มหาการุณิโกนาโถหิตายะ และจบลงด้วย "ภะวะตุสัพพะมังคะลัง สัพพะพุทธา สัพพะธรรมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต" อาตมาเรียกรวมกันว่า "พาหุงมหากาฯ"
    อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่า บทพาหุงนี้คือ บทสวดมนต์ที่ สมเด็จพระพนรัตน์ วัด ป่าแก้ว ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำ เวลาอยู่กับพระบรมราชวัง และในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงรบ ณ ที่ใดทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมา มิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ท่ามกลางกองทัพพม่า ด้วยการกระทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออกไปราวกับห่าฝนก็มิปาน แต่ก็มิได้ต้องพระองค์ ด้วยเดชะพาหุงมหากา ที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง อาตมาได้พบตามที่นิมิตแล้วก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจ ถึงปากปล่องที่ลงไป เนื้อตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั่นมาหรือ แต่อาตมาไม่ตอบ
    ตั้งแต่นั้นมา อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาฯ ให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร เพราะพาหุงมหากานั้น เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่ามากที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวัสดีมาร จากอาฬาวกะยักษ์ จากช้างนาฬาคีรี จากองคุลิมาล จากนางจิญมานวิกา จากสัจจะกะนิครนธ์ จากพญานันโทปนันทนาคราช และท่านท้าวผกาพรหม เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มา ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้ ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวัน จะมีชัยชนะ มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนาน มีสติระลึกได้จะตายก็ไปสู่สุคติภูมิ
    ขอให้คุณโยมช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะ ว่าให้สวดพาหุงมหากากันให้ถ้วนหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้วยังคุ้มครอบครัวได้ สวดมาก ๆ เข้า สวดกันทั้งหลายประเทศ ก็ทำให้ประเทศมีแต่ความรุ่งเรือง พวกคนพาลสันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า
    ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น ที่พบความมหัศจรรย์ของพบพาหุงมหากา แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงพบเช่นกัน โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้
    "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตาม พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยการเจริญพาหุงมหากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องการสวดมนต์ (ต่อครับ)

    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงบุรี


    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#1

    อานิสงส์ของการสวดพระชัยมงคลคาถา และพุทธคุณ
    ที่มาของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา อาตมาได้ตำราเก่าแก่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นใบลานทองคำจารึกของ "สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว" ปัจจุบันเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ได้รจนาถวายพระพรชัยมงคลคาถาแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพนรัตน์เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อานิสงส์ของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่เคยแพ้ทัพ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ไม่เคยแพ้ทัพ พระชัยหลังช้างของ ร.๑ นั้นมาจากบทพาหุงมหากาฯ
    ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ เป็นประจำทุก ๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้าค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล จะสมความปรารถนาทุกประการ
    ปฐมเหตุ ต้นพุทราในพระราชวังโบราณอยุธยา
    ขอฝาก พ.อ.ทองคำ ศรีโยธิน ไว้ด้วยว่าคัมภีร์ใบลานทองคำจารึกบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถานั้น อาตมาให้สัญญาสมเด็จพระพนรัตน์มาจะไม่ให้ใครดู ถ้าไปให้ใครดู อาตมาก็สิ้นชีวีแน่ ๆ เหมือนอาจารย์ปถัมภ์ เรียนเมฆ ที่ให้อาตมาเล่าเรื่องพระในป่าให้ฟัง
    อาตมาบอกว่า ถ้าเล่าแล้วอาจารย์ต้องตายนะ เขาบอกว่าตายให้ตาย เพราะพระในป่าบอกว่า ตายไปแล้ว ๓ เดือนจะฟื้น และบอกว่าวันนี้จะมาสาวไส้หลวงพ่อวัดอัมพวันให้หมด
    เลยบอกว่า เอ้าตกลง โยมต้องตายนะ เลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปากบาง เขาอัดเทปไว้ ๕-๖ ม้วน ถ่ายรูปด้วย ขณะเล่ามีงูใหญ่โผล่ขึ้นมา ไม่มีรู หลานเขยจะตี ก็ห้ามไว้ ก็นึกว่าอาจารย์ปถัมภ์ต้องตายแน่
    พอเล่าเหตุการณ์เรียบร้อย อาจารย์ปถัมภ์เอาพระเกศพระที่หล่อที่หอประชุมภาวนา-กรศรีทิพา มาขอถ่ายกลับไปเทปก็ไม่ติด รูปก็ถ่ายไม่ติด อาจารย์ปถัมภ์ก็แน่นที่หัวใจ รุ่งเช้าถึงแก่กรรม
    ภรรยาอาจารย์ปถัมภ์ มาถามอาตมาว่า อาจารย์ปถัมภ์ จะฟื้นหลัง ๓ เดือนแล้วจริงหรือไม่ อาตมาบอกว่าโยมไปดูเสียให้ดี เลือดออกทาง หู ตา ปาก หรือเปล่า ถ้าออกแล้วไม่มีฟื้น ถ้าทวาร ๙ เปิดไม่มีฟื้นนะ
    แต่คนที่ฟื้นแบบ พ.อ.เสนาะ ไม่ใช่ตายนะ แค่สลบไป หัวใจยังเต้นทำงานอยู่ ฟื้นได้ ถ้าขาดใจตาย ไม่มีลมวิญญาณออกไปแล้วไม่มีกลับมา เลยอาจารย์ปถัมภ์ถึงแก่ความตาย ถ้าอาตมาไม่ได้รับสัญญามา จะให้คุณโยมทองคำดูให้ได้
    อย่าลืมนะเขาขึ้นไปยอดเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคลกัน อาตมาโดดลงบ่อ ถ้าขึ้นไม่ได้ก็ขอตายที่นี่ ที่สมเด็จพระพนรัตน์ท่านมาเข้าฝันบอก และได้ตามนั้นด้วย
    อาตมาถึงยืนยันว่า พระสงฆ์ไทยเรานี้ มีความรู้ในพระพุทธศาสนาลึกซึ้ง กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี พระอุบาลีที่ไปประกาศศาสนาที่ประเทศศรีลังกา ท่านแปลพระไตรปิฎกจบ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ท่านเป็นผู้รจนาฉันท์บาลีว่าด้วยชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ บทที่เรียก พาหุงมหากา (รุณิโก) ขึ้นมา ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนเรศวร
    อาตมาจึงให้เขาสวดมนต์บท “พาหุง มหากาฯ” เป็นประจำ ถ้าเด็กมีศรัทธาสวด สอบได้ที่หนึ่งเลย ถ้าสวดไปซังกะตาย ไม่มีศรัทธาสวด รับรองไม่ได้ผล
    บท “พาหุงมหากาฯ” เป็นจารึกของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว เอาประวัติที่พระพุทธเจ้าผจญมาร มารจนาขึ้น แล้วท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เอาไปเผยแผ่ที่ประเทศศรีลังกา จนได้รับยกย่องมาจนทุกวันนี้

    ปฐมเหตุต้นพุทรา ในพระราชวังโบราณกรุงศรีอยุธยา
    คุณโยมทองคำโปรดทราบ มีอีกคัมภีร์หนึ่ง เป็นคัมภีร์ฉลองวัด ฉลองศึกมหาอุปราช จารึกไว้ว่า ทำไมมีต้นพุทราที่พระราชวังมากมาย ถ้าไม่มีเหตุผลเขาไม่ปลูกไว้หรอก นี่คนโบราณ
    คัมภีร์นี้บอกไว้ชัด ตอนที่สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพไปได้นำคัมภีร์ชัยมงคลคาถาไปด้วย พอสวดพาหุงสะหัสฯ ช้างตกน้ำมันแผลงฤทธิ์เลย แม่ทัพนายกองตามไม่ทัน เข้าไปถึงกองทัพพม่า พม่าล้อมไว้เลย
    ไปเพียงสองพระองค์กับพระเอกาทศรถ พระอนุชา พม่าจะฆ่าเสียก็ตาย แล้วเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด แต่พระองค์มีบุญญาธิการเพราะมนต์บทพาหุงสะหัส
    ผลสุดท้าย มีสุนทรวาจาทักทายปราศรัย ก่อนกระทำยุทธหัตถีว่าทั้งสองฝ่ายขอสมาลาโทษต่อกัน
    พระนเรศวรตรัสว่า เจ้าพี่มหาอุปราชเอ๋ย เราเป็นพี่น้องกัน อย่าให้ทหารไพร่พลต้องล้มตาย เรามายุทธนากันตัวต่อตัวดีกว่า
    พระมหาอุปราชเห็นด้วยทันที เพราะบทสวดมนต์พาหุงมหากาฯ อิติปิโส ภควา ใครจะสู้ได้ อัญเชิญพระคุณของพระพุทธเจ้าออกไปสนทนาไปด้วยจิตเป็นเมตตา คนจึงเชื่อถือ
    ถ้าออกปากไปด้วยโทสะ คนไม่เชื่อถือ ลูกก็ไม่สนใจ นี่เรื่องจริงตรงนี้ พระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีด้วยช้างตกน้ำมัน มีกำลังเจ็ดช้างสาร มีพลังยิ่งกว่าช้างมหาอุปราช ก็พุ่งเข้าไปเลย
    “เราไม่โกรธกันนะ อย่าเอาบาปกันนะ” พระมหาอุปราชก็ตกลง
    พอพูดขาดคำปั๊บ ช้างแปร๋นเลย เสียท่าเข้าไปเลย เข้าไปทำอย่างไร มหาอุปราชฟันเลย ไปชนกันอย่างนี้จึงฟันถึง จำไว้
    พระนเรศวรเก่งมาก ทรงหมอบเลยถูกพระมาลาเบี่ยง เบี่ยงแล้วทำอย่างไร กำลังอยู่กระชั้นชิด ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เอาของ้าวฟัน ไม่มีทาง ขอเคียงฟันได้เหรอ จะขาดไหม มันมีน้ำหนักอยู่ตรงไหน มันยาย ฟังตรงนี้นะ อยู่ในคัมภีร์เสร็จ
    พระนเรศวรหมอบ ข้างหลังส่งของ้าว ภายใน ๑ วินาที สอดเข้าไปในรักแร้เลย แล้วชักด้ามกลับ ช้างเผ่นทันที ช้างพระนเรศวรเสียหลักแล้วก็ช่วยดึงด้วย
    พระนเรศวรจับของ้าวแน่นเลย ของ้าวขึ้นมาที่คอสะพายแล่งแล้ว พอช้างดึงปั๊บ ช้างจะล้ม พระมหาอุปราชสะพายแล่งขาดลงคอช้างทันที แต่ช้างพระนเรศวรจะต้องล้ม เสียท่าทหารพม่าแน่ แต่ช้างกลับถอยหลังไปโดนต้นพุทรา เอาขายันเข้าไว้ได้ ต้นพุทราจึงมีบุญคุณต่อพระนเรศวร พระนเรศวรจึงเอาพุทราต้นนี้มาปลูก และไหว้ต้นพุทรา พระนเรศวรจึงบูชาต้นพุทรา ว่ารอดตายนี่เพราะต้นพุทราแท้ ๆ ช้างมายันต้นพุทราไว้ เพราะปฐมเหตุนี้ ต้นพุทราจึงมีมาก จนตราบเท่าทุกวันนี้ ในราชวังโบราณกรุงศรีอโยธยา
    ใครไม่เชื่อไม่เป็นไร อาตมาเชื่อหมื่นเปอร์เซ็นต์ เพราะเราฝันของเราเอง และโดดลงบ่อได้คัมภีร์นี้มา คนอื่น ๆ ขึ้นข้างบน อัญเชิญพระธาตุไปบรรจุ และนำพระเครื่องเมืองพรหมนคร พระเสมาชัย พระเสมาขอ ไปบรรจุไว้ที่วัดใหญ่ชัยมงคลด้วย
    พระเสมาขอ คือ พระนเรศวรขอเมืองคืน
    พระเสมาชัย คือ ได้ชัยชนะปลงพระชนม์พระมหาอุปราชแล้ว พระนเรศวรสร้างแล้วบรรจุไว้ที่เจดีย์วัดชัยชนะสงคราม อยู่ใต้วัดอัมพวัน
    อาตมาก็ขอบรรจุพระเสมาขอ และเสมาชัยไว้ที่วัดใหญ่ชัยมงคล เพื่อเป็นอนุสรณ์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชสืบไป

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องการสวดมนต์ (ต่อครับ)

    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงบุรี

    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#1


    เทวดา กับ การสวดมนต์
    “หลวงพ่อครับ กระผมอยากทราบความคิดเห็นของหลวงพ่อที่มีต่อเทวดาที่เขาสวดชุมนุมเทวดานั้น จะมีจริงหรือไม่”
    หลวงพ่อจรัญท่านตอบในทันทีว่า “อาตมาเชื่อ ทำไมจึงเชื่อ อาตมาจะเล่าให้ฟัง”
    แต่เดิมนั้นอาตมาไม่เคยเชื่อเรื่องเทวดา เพราะอาตมาไม่เคยสัมผัสนี่ แล้วอาตมาจะไปเชื่ออย่างไร ในเมื่อแม่ชีก้อนทอง ปานเณร อายุ ๘๗ ปี มาบอกกับอาตมาว่า เทวดามาสอนสวดมนต์
    แม่ชีมาเรียนกรรมฐาน อาตมาสอนให้เดินจงกรม ให้พิจารณาเห็นหนอ แต่แม่ชีเดินจงกรมแล้วไปคิดถึงเทวดา ไปเพ่งเทวดาเข้า เทวดาก็มา แกก็เก็บเงียบไว้ แต่แล้วในที่สุดแกก็เก็บไม่ไหวต้องการให้มีใครสักคนได้รับรู้เอาไว้ แกจึงมาบอกอาตมาว่า
    “หลวงพ่อ ดิฉันเห็นเทวดาเจ้าค่ะ มาสอนสวดมนต์ให้ด้วยเจ้าค่ะ”
    “เทวดาที่ไหนกับแม่ชีเอ๊ย อาตมาไม่เชื่อหรอก”
    แต่แม่ชีก็ว่าไม่ได้โกหก อาตมาถามว่า “เทวดามาตอนไหนเล่า” แม่ชีบอกว่า
    “พอดิฉันได้ยินนาฬิกาตี ๑๒ เป็นเวลาเที่ยงคืนเทวดาก็ปรากฏให้ดิฉันเห็นไม่ได้มาเปล่านะคะ มาสอนให้ดิฉันสวดมนต์บทเมตตาใหญ่ ดิฉันจึงสวดได้”
    อาตมาก็บอกให้แม่ชีไปถามเทวดาว่าอยู่ที่ไหน วันรุ่งขึ้นแม่ชีก็มาเล่าให้ฟังว่า
    เทวดาอยู่ที่ต้นพิกุล ต้นพิกุลที่ว่านี่ อาตมาถามผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ เช่นหลวงสมานวนกิจ อธิบดีกรมป่าไม่มาที่นี่ ในตอนที่แม่ชีเห็นเทวดา ประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงสมานฯ ว่า อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี เทวดาบอกแม่ชีว่า เดิมอยู่บนสวรรค์ แล้วละเมิดกฎต่อนางฟ้าจึงถูกให้ลงมาอาศัยวิมานต้นพิกุลอยู่จนกว่าจะหมดกรรม แล้วก็บอกวันเวลาเอาไว้ชัดเจน อาตมาก็จดไว้แล้วก็เป็นจริง พอถึงเวลาก็เหมือนที่เทวดาให้สังเกตสังกา
    อาตมาก็ให้แม่ชีไปถามเทวดาว่า ไปชวนมนุษย์สวดมนต์ทุกบ้านหรือไม่ เพราะอาตมาเริ่มจะเชื่อ เพราะบทเมตตาใหญ่ที่แม่ชีสวดนี่ อาตมาไปหาที่ไหน ๆ ก็ไม่เจอ จนกระทั่งไปรู้ว่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ได้นำเอาไปต่อท้ายพุทธมนต์พุทธาภิเษก และตำรับนั้นไปตกอยู่กับ พระครูลมูล วัดสุทัศน์ฯ พระครูลมูลนี้เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพนะ ทำสมเด็จเนื้อผงดีมากนะ มีละก็เก็บเอาไว้ให้ดีเชียว
    อาตมาไปขอตำรับมาตรวจสอบที่วัด ท่านพระครูลมูลบอกว่าไม่ได้ๆ ตำรับนี้ของอาจารย์ อาตมาให้ใครยืมไม่ได้ อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เอาไปเลย แต่จะเอาไปสอบทานอะไรหน่อย แล้วก็เล่าความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็ใจอ่อนบอกว่า เอ้าเอาไปเถอะให้ยืมเจ็ดวัน แล้วเอามาส่งคืนนะ อาตมาก็เอามาเป็นตัวขอมทั้งนั้น อาตมาก็บอกแม่ชีว่า มาท่องให้อาตมาฟังหน่อย แม่ชีก็เริ่มท่อง ก็แกอายุ ๘๗ แล้วนี่นะ ก็ยานคางกว่าจะหลุดออกมาได้ตามประสาคนแก่
    โยมเชื่อไหมล่ะว่า แม่ชีก้อนทอง คนนี้เป็นคนไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก ตัวขอมยิ่งไม่กระดิกใหญ่ แล้วเมตตาใหญ่ที่แกท่อง อาตมาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แกท่องด้วยความมั่นใจ อาตมาสอบกับต้นฉบับขอมของท่านพระครูลมูล ปรากฏว่าไงรู้ไหมโยม
    “ตั้งแต่ตัวแรกจนตัวสุดท้ายไม่มีผิดเลย”
    อาตมาถามว่าเทวดาไปชวนคนสวดมนต์ทุกบ้านหรือเปล่า เทวดาบอกกับแม่ชีมาว่า
    “เปล่า บ้านไหนจัดที่บูชามีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูปตั้งไว้ แล้วเจ้าของบ้านสวดมนต์ เทวดาก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย พระพุทธรูปเหล่านั้น ที่ไม่ได้เข้าพิธีอะไร เช่ามาบูชาจากเสาชิงช้า หากเจ้าของบ้านเอามาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันด้วยใจศรัทธา เทวดามาสวดมนต์ หนักเข้าก็เลยเข้าสิงรักษาองค์พระเอาไว้ ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทำให้เกิดสิริมงคลในครัวเรือน"
    หลวงพ่อพระพุทธโสธรนั้น คนกราบไหว้บูชากันมากเลยมีเทวดามารักษา ๑๖ องค์ ทำให้เกิดอภินิหารนานาประการ พระพุทธรูปสำคัญ ๆ ก็มีเทวดารักษาทั้งนั้นแหละ
    เทวดาท่านว่าอย่างนั้นและเทวดาก็ว่าบ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์ เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์ เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย มาไม่ลงมาสวดมนต์ คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา
    อาตมาถามต่อไปว่าแล้ว “เวลาพระสัคเคกาเมจะรูเป เทวดาลงมาหรือไม่”เทวดาว่า “รีบลงมา เทวดาบัณฑิตมาก่อน พอเห็นเจ้าภาพกินเหล้าเมาหงำกันในงานบุญก็เบ้หน้าแล้วกลับ เทวดาพาลก็เข้ามาแทนที่ เลยเกิดเรื่องเกิดราวตูมตามนั่นแหละ
    คุณดอน เจดีย์ จาก น.ส.พ. มหัศจรรย์
    เขียนจากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (ครั้งยังเป็นพระครูภาวนาวิสุทธิ์)
    ชาวคริสต์กับพระพุทธคุณ
    มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียวอยู่แถวลาดพร้าว อายุ ๕๑ ปี สามีตายเป็นเศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น ไปจรดตลาดลาดพร้าวหลายร้อยไร่ เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นผู้มีเงิน ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ส่งลูกไม่เรียนนอก ไปเรียนปริญญาที่อเมริกา ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเก๋ง พาจิ๊กโก๋ไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ปีแล้ว ก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย เรียนใกล้สำเร็จแล้วขอเงินอีก ๑ แสน อีก ๕ แสน
    แล้วในที่สุด เขาไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงิน สะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทำก็ไม่สามารถทำให้เรียนสำเร็จได้ แต่พอดีมีคนที่สิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้ ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยอยากให้อาตมาช่วย เขาก็พามาแวะ เขาบอก "อย่าแวะ" ก็เลยแกล้งเพทุบายว่า "ปวดท้องแวะเข้ามาแวะวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำ" แวะเข้ามาแล้ว นายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่า "หลวงพ่อช่วยทีเถอะ" แต่อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคริสต์ บอก "ช่วยหน่อยเถอะ เขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย" เราก็นึกในใจขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามา แล้วก็บอกให้ฟังว่าลูกชายไปเรียนที่อเมริกาไม่เอาไหนเลย พอรู้ว่าเขาเรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยวพานักศึกษาไทยไปเสียหายกัน ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วก็รู้ว่าลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท แล้วจะสำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีแก้ เพราะลักษณะบอกให้รู้ถึงลูกด้วย ว่าลูกชายต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ มีวิธีแก้
    อาตมาก็บอกว่า "โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนี้อายุ ๕๑" เขาก็บอก "ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์" "พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม?" ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไปอย่างนั้นเอง วันนั้นก็เจ๊าไปไม่ยอมรับ
    ก็อยู่ได้อีก ๔ - ๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้ไม่มีคนพามาเขามากันเอง ๓ คน บอกว่า "ฉันยอมจำนน" บอก "เอาอย่างนี้ โยมไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง" "ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย" อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลัง ขี้เกียจเขียน ต้องพิมพ์เป็นใบ นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา "ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ" ที่นอนนั้นแหละ สวดไปก่อน อาตมาหาอุบายเลย ก็สวดพาหุงมหากา "ฉันท่องไม่ได้" "อ่านตามตัว" "แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า อายุ ๕๑ สวด ๕๒" "ใช้ก้านไม้ขีดทิ้งเข้าซิ ทำไปก่อน" เขาเลยมั่นใจ คิดว่าจะทำได้บอกว่า "โยมสวดมนต์เสร็จแล้ว แผ่เมตตาให้ลูก อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตั้งใจเรียนหนังสือให้สำเร็จ" พอไปสวดได้ ๓ เดือนท่องได้หมดเลย หนักเข้าไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ
    หนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจนอนหลับ เมื่อนอนหลับก็ใจดี เริ่มแผ่ส่วนกุศลให้ถึงลูกแล้ว บุญกุศลของแม่จะถึงลูก ถึงตอนไหนรู้กันตอนนี้ เพราะลูกนี่เฟ้อในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อย ไม่รู้จักบุญกุศลของแม่แต่ประการใด วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึง ประมาณ ๖ เดือน หลังสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั้นพอดีลูกชายพานักศึกษาไทยไปส่งด้วยทุนของตัวเองไปเที่ยวขับรถ ไปชนเสาไฟฟ้า เพื่อนอยู่ข้างหลัง กระเด็นออกจากรถหมดไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย แต่เจ้านี่ต้องไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้าเสาล้ม ต้องเสียเงินหลายแสน พวงมาลัยอัดหน้าอก ไปโคม่าอยู่โรงพยาบาลไม่รู้สึกตัว แล้วพอดีมีลูกพี่อยู่คนหนึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกา เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไปเยี่ยม ถ้าจะไปไม่รอด ตายแน่ ก็ให้อ๊อกซิเยน นายแพทย์อเมริกันบอกว่าไม่รอด
    วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตาพอรอดมาแล้วปวดเมื่อยจะตายน้ำตาร่วงคิดถึงแม่ นี่คนเราพอมีทุกข์ถึงจะคิดถึงแม่ มันเฟ้อไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่ ร้องแม่จ๋า แม้กระทั่งแม่ตายไปตั้งนานแล้ว อย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จ๋ารำพึงรำพันคิดถึงแม่
    ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่ได้เรียนหนังสือแล้วแม่จะเสียใจแค่ไหน แม่ทราบเข้า ก็ดีอกดีใจ มาวัดเลย เลี้ยงเพลพระ พระสวดธรรมจักรให้ ๑ จบ ในที่สุดพอลูกชายกลับมาจากอเมริกา พาลูกมาวัดเลย อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่เล่าเรื่องให้ลูกฟัง เพราะเหตุอย่างนี้ ลูกสวดมนต์ภาวนาแล้วเข้าไปวัดไทยไปนั่งวิปัสสนาที่เมืองนอก เจ้าคุณเทพโสภณ (ปัจจุบันคือ พระธรรมราชานุวัตร) หรือหลวงเตี่ย ปัจจุปันจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพฯ รู้จักแต่ไม่รู้เรื่องของวัดอัมพวัน รู้ว่าเจ้านี่มันนักกรรมฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพ่อให้ฉันสวดมนต์อะไรให้ลูกกลับเมืองไทย "ไม่มีกลับ" เรารู้แล้วไม่กลับแน่
    อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็ก หรือใครก็ตามต้องประสบทุกข์ จึงฉุกคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ให้เงินไปมันเฟ้อ ไม่คิดถึงแม่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขาเล่าให้อาตมาฟัง บอกหลวงพ่อครับผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓ - ๔ ปีที่อยู่อเมริกา แต่ก็คิดถึงแม่ ว่าอยู่กับแม่ ป้อนข้าวให้ พัดวีให้ ได้คิดอย่างนี้เลยจึงกลับ แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้ เขาเลื่อมใสอาตมาบอกว่า "ถ้าเชื่อนะไปตัดผมเดี๋ยวนี้" เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมที่สิงห์บุรี เจ้าคนนี้บอกว่า "แหมหลวงพ่อ ผมนี่ผลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท" นี่เห็นได้ชัดมาก ดังที่กล่าวมาแล้ว อาตมาก็ตั้งตำรา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ
    (จากหนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๓ หน้า ๑๗๐)
    จ่าสอบเป็นนายร้อย
    จ่าที่ศูนย์ปืนใหญ่นี่บอกว่า หลวงพ่ออีก ๒ - ๓ ปี อายุผมเกินแล้วสอบนายทหารไม่ได้ เสียเงินไป ๒ หมื่นก็ไม่ได้ "อย่าไปพูดเรื่องเสียเงินเสียยี่ห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนต์ได้มั๊ย" ต้องได้แน่ "สวดสองคนเลย" พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอก สงสัยบ้านจ่านี่ถ้าจะบ้าแล้วพอผัวจะไปทำงาน "นี่แม่อีหนูมาสวดมนต์แทน ฉันจะไปทำงาน" เมียก็สวดใหญ่เพื่อน ๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาด เคยไปเล่นไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมานั่งสวดมนต์
    ในที่สุด สอบนายทหารได้ เดี๋ยวนี้เป็นพันตรีไปแล้ว แล้วร่ำรวยมีเงินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี้ พอสวดมนต์ มีเงินและมีไร่ ที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะ มันเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ขลังด้วยคาถา แต่ขลังด้วยสติ สวดมนต์แล้วก็มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด สอบเขียนก็ได้เลย ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้ บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษาที่มานี่ ติดตามโดยต่อเนื่องไม่ใช่ไปบอกขอกฐินผ้าป่า ต้องการประเมินผล ขอให้เธอทำตามบางคนบอกว่า ฉันเรียนสำเร็จวิชาครูมาทำอะไรไม่ได้ บอก หนูไม่จำเป็นต้องเป็นครู มานั่งกัมมัฏฐานสวดมนต์เข้า ไม่จำเป็นต้องวิชาที่เรียนตรงเลย มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือผลักดันให้ไปจนได้โดยวิธีนี้


    โรคเบาหวานหายได้
    ท่านนายกพุทธสมาคมและสมาชิกสภาจังหวัดอุทัยธานีท่านหนึ่ง มีธุระต้องนำหนังสือเชิญคณะกรรมการพุทธสมาคม จังหวัดอุทัยธานี มาประชุมประจำเดือน จึงขึ้นรถเครื่องตระเวนไปส่งหนังสือจนครบทุกคน แล้วรีบกลับบ้าน เพื่อเตรียมวานการประชุมต่อไป ครั้นรถเครื่องวิ่งมาถึงสี่แยกไฟแดงวัดสังกัสรัตนคีรี มีรถกะบะวิ่งสวนมาอย่างรีบร้อน หักพวงมาลัยเลี้ยวขวาอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่รถของท่านกำลังวิ่งสวนมา จึงเกิดเฉี่ยวชน ถูกขาขวาของท่านหัก และมีบาดแผลที่ขาอีกหลายแห่ง กระเด็นลงไปกลิ้งอยู่กับถนน แต่ไม่มีส่วนอื่นใดอีกที่ได้รับอันตราย รถเครื่องเสียหายเพียงเล็กน้อย รถกะบะไม่เสียหายอะไรเลย ปรากฏว่าผู้ขับขี่รถยนต์กะบะ เป็นผู้หญิงออกรถยนต์มาใหม่ ๆ คาดว่าชั่วโมงการขับคงยังมีน้อย เพราะก่อนหน้าสักวันหรือสองวันก็ปรากฏว่า ขับชนกับเสาไฟฟ้ามาแล้ว คนขับเขาไม่มีเจตนาที่จะขับชน แต่เป็นเพราะท่านขับรถช้าเอง มีผู้นำส่งโรงพยาบาลอุทัยธานี วันนั้นหมอกระดูกไม่อยู่ ต้องทรมานปวดอยู่อีก ๑ วัน วันรุ่งขึ้นจึงได้เข้าเฝือก คงจะเป็นกรรมที่ขับรถชนสุนัขขาหักกระมัง
    ก่อนจะถูกรถชนครั้งนี้ เป็นเวลาหลายวันมาแล้วที่ท่านไม่มีความสบายใจ ใจคอห่อเหี่ยวและหดหู่ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่น่าดู เห็นผู้คนแปลกหน้าไปหมด เบื่อสังคม ดูโลกไม่สดชื่นเลย นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ ประเดี๋ยวก็ตื่น นอนหลับไม่ถึง ๓๐ นาทีก็ตื่นแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงต้องขอพึ่งพระรัตนตรัย เข้าห้องพระ สวดมนต์ ทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและแผ่เมตตา ทำให้นอนหลับในห้องพระนั้นได้บ้าง เป็นที่กังขาของแม่บ้านยิ่งนัก
    แต่ก็นับเป็นสิ่งที่แปลกมากอยู่เหมือนกัน เมื่อถูกรถชนแล้ว ใจกลับรู้สึกปลอดโปร่ง มีกำลังใจดี บอกกับบุตรภรรยาว่า อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ท่านไม่มีห่วงอะไรแล้ว แม้จะพิการหรือถึงแก่เสียชีวิตเพราะมีอายุที่ได้ใช้มาคุ้มทุนแล้ว อายุที่อยู่ในปัจจุบันเป็นส่วนของกำไร จึงขอให้ทุกคนทำใจให้ได้
    อนึ่งท่านเป็นโรคเบาหวาน ตรวจพบหลายปีแล้ว มีค่าน้ำตาลในโลหิต ๒๐๕ มิลลิกรัม ต่อ ดีแอล หมอสั่งให้รับประทานยาเป็นประจำ แต่ก็ไม่ยอมลด เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ นอกจากรักษาโรคกระดูกหักแล้ว ยังต้องรักษาโรคเบาหวานอีกด้วย เข้าโรงพยาบาลรักษาแผลเป็นเวลาได้ ๑ เดือน บาดแผลที่ขาก็ไม่หายและมีทีท่าว่าจะติดเชื้อ ตรวจโลหิตเบาหวานก็ไม่ยอมลด ฉายเอ๊กซเรย์กระดูกปรากฏว่า ไม่ยอมติดกันเลย จึงสอบถามนายแพทย์ชยันตร์ ตันวัฒนกุล ซึ่งเป็นหมอประจำตัวว่าจะต้องถูกตัดขาหรือไม่ หมอตอบว่ามีทางเป็นไปได้ ในระหว่างนี้อยู่ในเกณฑ์ ๕๐ หมอจึงทำการผ่าตัดโดยนำเอาเนื้อที่สะโพกไปปะที่ขาทั้ง ๓ แผล
    ในระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งนี้ ท่านใช้เวลาให้หมดไป ด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ มีหนังสือของหลวงพ่อที่รวบรวมไว้ หนังสือวิปัสสนากรรมฐาน ของพระธรรมธีราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙) วัดมหาธาตุ และของท่านอื่น ๆ อีกมาก เมื่อทราบว่ามีโอกาสที่จะถูกตัดข้าทิ้งกลายเป็นคนพิการในไม่ช้านี้ ก็รำลึกถึงหลวงพ่อขอให้ท่านช่วยด้วย บังเกิดแรงดลใจ นำหนังสืออานิสงส์ของการสวดพระพุทธคุณของหลวงพ่อมาทบทวน และปฏิบัติตามทันที
    ตามปกติก่อนนอน ท่านก็สวดมนต์เป็นนิตย์ ตั้งจิตภาวนาเป็นประจำ อโหสิกรรมทุกวันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เพิ่มการสวดมนต์บทพาหุงมหากาฯ คาถาชินบัญชร และสวดพุทธคุณเท่าอายุเพิ่มเข้าไปอีก ตอนนั้นท่านอายุ ๖๗ ปี สวดพุทธคุณ ๖๘ จบ จิตใจปราศจากการฟุ้งซ่าน
    เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนเท่ห์ คือแผลที่ขาขวา ๓ แผลนั้น แผลใหญ่ ๒ แผล เนื้อที่นำมาปะติดนั้นติดกันดี ส่วนแผลเล็กอีกหนึ่งแผล ไม่ยอมรับเนื้อใหม่ แต่แสดงอาการดีขึ้น รักษาแผลตอนนี้ ใช้เวลาอีก ๑ เดือน บาดแผลใหญ่น้อยก็หาย เมื่อไปฉายเอ๊กซเรย์ดูอีกครั้ง ปรากฏว่ากระดูกยังไม่ยอมติด เพราะบอบช้ำมาก มีบางส่วนหักป่นไปหมด จึงนำเข้าห้องผ่าตัด นำกระดูกเชิงกรานไปต่อกระดูกที่ขา และนำเหล็กไปดามกระดูกไว้ผ่าตัดครั้งนี้ มีแผลที่ ขายาว ๑๕ เซนติเมตร พอครบ ๑๐ วัน ก็สามารถตัดไหมออกได้ บาดแผลไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย ท่านรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา ๙๐ วันพอดี ก็ออกมาพักฟื้นอยู่กับบ้านอีก ๒ เดือน จึงทำการผ่าตัดเอาเฝือกออก ปัจจุบันสามารถเดินได้โดยไม่ต้องมีไม้ค้ำยัน แต่ยังเดินไม่ได้ดีเหมือนเก่า หมอจึงสั่งให้ทำกายภาพบำบัดต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
    การที่ท่านรอดพ้นจากการถูกตัดขาทิ้ง เพราะโรคเบาหวานไปได้นี้ ส่วนหนึ่งเป็นด้วยอำนาจของการสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งด้วยการดูแลของหมอโรคกระดูก และเป็นหมอประจำตัวของท่านเป็นอย่างดีด้วย
    ผู้ใดที่มีทุกข์เพราะโรคภัยเบียดเบียนก็ดี หรือทุกข์เพราะความผิดหวังก็ดี หรือทุกข์เพราะประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาก็ดี ขอให้ลองรำลึกถึง หลวงพ่อและสวดบทพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่งเป็นประจำ อาจจะได้รับผลอย่างที่ท่านได้ปฏิบัติมา ท่านได้รับทุกข์เพราะรถชนครั้งนี้ คิดว่าเป็นกรรมที่ทำไว้ ตามมาให้ผลสมดังที่พระพุทธองค์ดำรัสว่า เราทำดีก็ตาม ทำชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมเก่าเป็นของแก้ไม่ได้ เพราะแล้วไปแล้ว แต่กรรมที่จะทำใหม่ บุคคลควรละฝ่ายชั่วเสีย ทำแต่กรรมดี กิเลสนั้นเมื่อคนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็หมดเรื่อง ส่วนเรื่องกรรมนั้นถึงสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ถ้ายังไม่นิพพานก็ยังต้องเสวยผลของกรรมเก่า ต่อเมื่อนิพพานแล้วจึงจบเรื่องกรรม กมฺมสฺสโกมฺหิ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน...
    คัดย่อ จากหนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๘ หน้า ๑๐๕​
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องการสวดมนต์ (ต่อครับ)

    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงบุรี


    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#1



    วิธีการสวดมนต์
    วิธีในการสวดมนต์พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สอนไว้ว่า​
    "แผ่ส่วนกุศลทำอย่างไร อุทิศตรงไหน ทำตรงไหน และวางจิตไว้ตรงไหน ถึงจะได้ อย่าลืมนะ ที่ลิ้นปี่ หายใจยาว ๆ สำรวมเวลาสวดมนต์นั้นน่ะ ได้บุญแล้ว ไม่ต้องเอาสตางค์ไปถวายองค์โน้น องค์นี้หรอก แล้วสำรวมจิต ส่งกระแสจิตที่หน้าผาก อุทิศส่วนกุศล......"​
    " พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดูเคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ ​
    อาตมาก็มาดูเหตุการณ์โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ ​
    บอกว่าโยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวด "พาหุงมหากา" หายเลย​
    สติก็ดีขึ้น เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว (อิติปิโส ภะคะวา จนถึง พุทโธ ภะคะวาติ) ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ ก็ได้ผล "​
    "โยมช่วยบอกญาติโยมด้วยนะ ว่าสวดพาหุงมหากากันให้ได้ทุกบ้าน สวดให้ได้มาก ๆ จะมีแต่ความรุ่งเรือง สวดพาหุงมหากาก่อนแล้วจึงสวดชินบัญชร เพราะชินบัญชรนั้นเจ้าประคุณสมเด็จท่านให้สวดบูชาพระอรหันต์ของท่าน ต้องสวดพาหุงมหากาก่อนแล้วจึงมาถึงชินบัญชรให้จดจำกันเอาไว้ นั่นแหละมงคลชีวิต"​
    อันที่จริงถ้าเราทำบุญ เราจะได้ยินพระสวดคาถา "พาหุงมหากา" หรือ "พุทธชัยมงคลคาถา" ให้เราฟังทุกครั้ง​
    บางทีเราจะเคยได้ยินพระสวดเจนหูเกินไปจนไม่นึกว่ามีความสำคัญ แท้จริงแล้วคาถาดังกล่าวนี้ มีของดีอยู่ในตัวให้เราใช้มากทุกบททุกตอน เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า อ้างอานุภาพของพระพุทธเจ้าเพื่อนำชัยมงคลมาให้แก่เรา ทุกตอนลงท้ายว่า "ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ" ​
    เวลาพระสวดให้เรา ท่านต้องใช้คำว่า "เต" ซึ่งแปลว่า "แก่ท่าน" แต่ถ้าเราจะเอามาสวดหรือภาวนาของเราเอง ​
    เพื่อให้ชัยชนะเกิดแก่ตัวเราเอง เราก็จะต้องใช้ว่า "เม" ซึ่งแปลว่า "แก่ข้า" คือสวดว่า "ตันเตชะสา ภะวะตุเม ชะยะมังคะลานิ"​
    วิธีการสวด
    • ตั้งนะโม ๓ จบ
    • สวดพุทธัง ธัมมัง สังฆัง
    • สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    • สวดพาหุง
    • สวดมหาการุณิโก
    • สวดพุทธคุณ อย่างเดียวเท่ากับอายุ บวก ๑
    • เช่นอายุ ๒๘ ปี ให้สวด ๒๙ จบ อายุ ๕๔ ปี ให้สวด ๕๕ จบ เป็นต้น​
    บทสวดมนต์
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )​
    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติฯ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

    พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง​
    ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง​
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง​
    โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง​
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง​
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง​
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง​
    ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง​
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา​
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ​
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง​
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง​
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง​
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต​
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    ทุคคาหะทิฉฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง​
    พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง​
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท​
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย​
    วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที​
    หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ​
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

    มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ

    ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ

    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ​
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ​
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ

    หลังจากที่ท่านสวดมนต์ชัยมงคลถาคา (หรือถวายพรพระ) ตั้งแต่ต้น จนจบ แล้วท่านก็กราบพระ ๓ หน แล้วก็สวดเฉพาะบท “อิติปิโส ภะคะวา..................พุทโธ ภะคะวาติ” ให้ได้จำนวนจบ เท่ากับอายุของท่าน แล้วสวดเพิ่มอีกหนึ่งจบ​
    ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านอายุ ๓๕ ปี ท่านต้องสวด ๓๖ จบ เป็นต้น​
    บทสวดมนต์ (แปล)
    พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้ทรงแจกจ่ายธรรม เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ดีโดยชอบด้วยพระองค์เอง ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ (ความรู้และความประพฤติ) เสด็จไปดี (คือไปที่ใดก็ยังประโยชน์ให้ที่นั้น) ทรงรู้แจ้งโลก ทรงเป็นสารถีฝึกคนที่ควรฝึก หาผู้อื่นเปรียบมิได้ ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้ตื่น ทรงเป็นผู้แจกจ่ายธรรม


    พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อันผู้ปฏิบัติเห็นชอบได้ด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา ควรเรียกมาดูได้ ควรนอบน้อมเข้าไปหา อันผู้รู้พึงรู้ได้ด้วยตนเอง

    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติตรง พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความรู้ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติชอบ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคนั้น จัดเป็นบุรุษสี่คู่ เป็นบุคคลแปด เป็นผู้ควรบูชา เป็นผู้ควรรับทิกษิณา เป็นผู้ควรกราบไหว้ เป็นเนื้อนาบุญของโลก หาสิ่งอื่นเปรียบมิได้

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นจอมของนักปราชญ์ ทรงชนะพญามารพร้อมด้วยเสนา ซึ่งเนรมิตแขนได้ตั้งพัน มีมือถืออาวุธครบทั้งพันมือ ขี่ช้างคิรีเมขล์ ส่งเสียงสนั่นน่ากลัว ทรงชนะด้วยธรรมวิธีมีทานบารมี เป็นต้น และด้วยเดชะของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะอาฬวกยักษ์ผู้โหดร้ายบ้าคลั่ง น่าสพึงกลัว ซึ่งต่อสู้กับพระองค์ ตลอดทั้งคืนรุนแรงยิ่งกว่าพญามาร จนละพยศร้ายได้สิ้น ด้วยขันติธรรมวิธีอันพระองค์ได้ฝึกไว้ดีแล้ว และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญาช้าง ชื่อ นาฬาคิรี ซึ่งกำลังตกมันจัด ทารุณโหดร้ายยิ่งนัก ดุจไฟป่าจักราวุธและสายฟ้า ด้วยพระเมตตาธรรม และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะมหาโจร ชื่อ องคุลีมาล ในมือถือดาบเงื้อง่าโหดร้ายทารุณยิ่ง วิ่งไล่ตามพระองค์ห่างออกไปเรื่อย ๆ เป็นระยะทางถึง ๓ โยชน์ ด้วยทรงบันดาลมโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะคำกล่าวใส่ร้ายท่ามกลางชุมชน ของนางจิญจมาณวิกา ผู้ผูกท่อนไม้ซ่อนไว้ที่ท้องแสร้งทำเป็นหญิงมีครรภ์ ด้วยความจริง ด้วยความสงบเยือกเย็นด้วยวิธีสมาธิอันงาม และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะสัจจกนิครนถ์ ผู้เชิดชูลัทธิของตนว่าจริงแท้อย่างเลิศลอย ราวกับชูธงขึ้นฟ้า ผู้มุ่งโต้วาทะกับพระองค์ ด้วยพระปัญญาอันเป็นเลิศดุจประทีปอันโชติช่วง ด้วยเทศนาญาณวิถี และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพญานาคชื่อนันโทปนันทะ ผู้หลงผิดและมีฤทธิ์มาก ด้วยทรงแนะนำวิธี และ อิทธิฤทธิ์แก่พระโมคคัลลานะ พระเถระภุชงค์ พุทธบุตร ให้ไปปราบจนเชื่อง และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    สมเด็จพระผู้มีพระภาค พระจอมมุนีทรงชนะพรหม ชื่อ ท้าวพูกะ ผู้รัดรึงทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดไว้แนบแน่น โดยสำคัญผิดว่าตนบริสุทธิ์มีฤทธิ์รุ่งโรจน์ด้วยวิธีวางยาอันวิเศษ คือ เทศนาญาณ และด้วยเดชของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    แม้นรชนใดไม่เกียจคร้าน สวดก็ดี ระลึกก็ดี ซึ่งพุทธชัยมงคลคาถา ๘ บทนี้ ทุกวัน ย่อมเป็นเหตุให้พ้นอุปัทวอันตรายทั้งปวง นรชนผู้มีปัญญาย่อมถึงซึ่งความสุขสูงสุดแล สิวโมกข์นฤพานอันเป็นเอกันตบรมสุข

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงบำเพ็ญพระบารมีทั้งปวง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด ด้วยการกล่าวสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ขอข้าพเจ้าจงมีชัยชนะในชัยมงคลพิธี ดุจพระจอมมุนีผู้ยังความปีติยินดีให้เพิ่มพูนแก่ชาวศากยะ ทรงมีชัยชนะมาร ณ โคนต้นมหาโพธิ์ทรงถึงความเป็นเลิศยอดเยี่ยม ทรงปีติปราโมทย์อยู่เหนืออชิตบัลลังก์อันไม่รู้พ่าย ณ โปกขรปฐพี อันเป็นที่อภิเษกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ฉะนั้นเถิด เวลาที่กำหนดไว้ดี งานมงคลดี รุ่งแจ้งดี ความพยายามดี ชั่วขณะหนึ่งดี ชั่วครู่หนึ่งดี การบูชาดี แด่พระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ กายกรรมอันเป็นกุศล วจีกรรมอันเป็นกุศล มโนกรรมอันเป็นกุศล ความปรารถนาดีอันเป็นกุศล ผู้ได้ประพฤติกรรมอันเป็นกุศล ย่อมประสบความสุขโชคดี เทอญ

    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ​
    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ​
    ขอสรรพมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า ขอเหล่าเทพยดาทั้งปวงจงรักษาข้าพเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ​
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรื่องการสวดมนต์ (จบครับ)

    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงบุรี

    http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html#1


    วิธีการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล
    "................อธิษฐานจิต หมายความว่า ตั้งสติสัมปชัญญะ ไว้ที่ลิ้นปี่ สำรวมกาย วาจา จิตให้ตั้งมั่นแล้ว จึงขอแผ่เมตตาไว้ในใจ สักครู่หนึ่ง แล้วก็อุทิศให้มารดา บิดาของเรา ว่าเราได้บำเพ็ญกุศล ท่านจะได้บุญ ได้กุศลแน่ ๆ เดี๋ยวนี้ด้วย ผมเรียนถวายนะ มิฉะนั้นผมจะอุทิศไปยุโรปได้อย่างไร.........."
    "หายใจยาว ๆ ตั้งสติก่อน หายใจลึก ๆ ยาว ๆ แล้วก็แผ่เมตตาก่อน มีเมตตาดีแล้ว ได้กุศลแล้วเราก็อุทิศเลย อโหสิกรรม ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาทใครอีกต่อไป และเราจะขออุทิศให้ใคร ญาติบุพเพสันนิวาสจะได้ก่อน ญาติเมื่อชาติก่อนจะได้มารับ เราก็มิทราบว่า ใครเคยเป็นพ่อแม่ ในชาติอดีต ใครเป็นพี่น้องของเรา เราก็ไม่ทราบ แต่แล้วเราจะได้ทราบ ตอนอุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้ เหมือนโทรศัพท์ไป เขาจะได้รับหรือไม่ เราจะรู้ได้ทันที........"
    "ที่ผมแผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลไปเข้าบ้านลูกสาวญวนที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ทำอย่างนี้นะ เวลาสวดมนต์ อิติปิโส ...ยาเทวตา...ตั้งใจสวดด้วยภาษาบาลีเช่นนี้ ที่หยุดเงียบไปน่ะ ผมสำรวมจิต ตั้งสติ แผ่เมตตา จิตสงบดีแล้ว จึงอุทิศไป"
    "บางองค์ไม่เอา เอามือลง ไม่อธิษฐาน ท่านจะไม่ได้อะไร แล้วสวดกันก็ไม่ได้ด้วย ที่ท่องจำโคลงกันให้ได้นะ เพื่อให้คล่องปาก ว่าให้คล่องปาก แล้วก็จะคล่องใจ คล่องใจแล้ว ถึงจะเป็นสมาธิ เป็นสมาธิแล้ว ถึงจะอุทิศได้ ไม่อย่างนั้น ไม่ได้นะ"
    "เอาตำรามาดูกัน ก็ไม่ได้ผล แต่ดูตำรา เพื่อให้ถูกวรรคตอน และให้คล่องปาก แล้วจะได้คล่องใจเป็นสมาธิ ถึงจะมีกำลังส่งอุทิศ ไม่อย่างนั้นไม่มีกำลังส่งเลยนะ......"
    "การอุทิศส่วนกุศลนี่สำคัญนะ แต่ต้องแผ่เมตตาก่อน แผ่เมตตาให้มีสติก่อน แผ่เมตตาให้มีความรู้สึกว่า เราบริสุทธิ์ ใจมีเมตตาไหม แล้วอุทิศเลย มันคนละขั้นตอนกันนะ"
    "แผ่เมตตากับอุทิศ มันต่างกัน ทำใจให้เป็นเมตตาบริสุทธิ์ก่อน ไม่อิจฉา ริษยา ไม่ผูกพยาบาทใครไว้ในใจ ทำใจให้แจ่มใส ทำให้ใจสบาย คือ เมตตาแล้วเราจะอุทิศให้ใครก็บอกกันไป มันจะมีพลังสูง สามารถจะอุทิศให้ คุณพ่อคุณแม่ ของเรากำลังป่วยไข้ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ เช่น วีโก้ บรูน ชาวนอรเวย์ ที่เคยมาบวชที่วัดนี้ เป็นต้น..."
    "หายใจยาว ๆ ตั้งกัลยาณจิตไว้ที่ลิ้นปี่ ไม่ใช่พูดส่งเดช "จำนะ ที่ลิ้นปี่ เป็นการแผ่เมตตาจะอุทิศก็ยกจากลิ้นปี่ สู่หน้าผาก เรียกว่า อุณาโล มา ปจชายเต...."
    "ได้บรรยายให้ท่านฟังว่า แผ่ส่วนกุศลทำอย่างไร อุทิศตรงไหน ทำตรงไหน และวางจิตไว้ตรงไหน ถึงจะได้ อย่าลืมนะ ที่ลิ้นปี่ หายใจยาว ๆ สำรวมเวลาสวดมนต์นั้นน่ะ ได้บุญแล้ว ไม่ต้องเอาสตางค์ไปถวายองค์โน้น องค์นี้หรอก แล้วสำรวมจิต ส่งกระแสจิตที่หน้าผาก อุทิศส่วนกุศล......"


    บทแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล
    บทแผ่เมตตา
    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
    อะเวรา (โหนตุ) จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
    อัพยาปัชฌา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
    อนีฆา (โหนตุ) จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
    บทกรวดน้ำ (อุทิศส่วนกุศล)
    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แด่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข
    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แด่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข
    อิทัง เม ครุปัชฌายาจะริยานังโหตุ สุขิตา โหนตุ ครุปัชฌายาจะริยา
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แด่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า จงมีความสุข
    อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวะตาโย
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แด่เทวดาทั้งหลาย ขอให้เทวดาทั้งหลาย จงมีความสุข
    อิทัง สัพพะ เปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตะโย
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลาย ขอให้เปรตทั้งหลาย จงมีความสุข
    อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงมีความสุข
    อิทัง สัพพะ สัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
    ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ

     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ที่มา fwd mail ครับ

    เรื่องเมื่อฉันแก่ตัวลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่ง
    ที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
    แม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น
    โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ
    ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย
    โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง
    ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง
    ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
    เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง... ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ
    เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จนกระทั่งปีนี้
    แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่
    โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ
    แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ
    แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก
    แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม
    แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่...
    สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พอกลับถึงบ้าน
    ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง
    แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง
    หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย... <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ
    โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว
    และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ
    บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้
    ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า
    เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว
    แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ
    จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก
    สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น
    10กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า
    ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    “เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
    ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย
    บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม
    ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด
    ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน
    แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย
    ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย
    ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...” <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    “พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย
    แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า
    แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง...
    ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ
    และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ
    พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา
    ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ” <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    “ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ
    แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก
    แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก
    ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ
    แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา
    แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมือง
    ต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน
    มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
    ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น” <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก
    วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง
    มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป
    มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก
    แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ
    2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้
    ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา
    แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม
    แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมรู้สึกเอะใจ
    เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ”
    แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น
    แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู
    มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง”
    ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม
    2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที
    บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก
    ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เมื่อฉันแก่ตัวลง
    ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

    <O:p</O:pตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง
    ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ
    ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ
    ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ
    ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ
    อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม
    “ทำไม ทำไม”ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว
    ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน
    เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่
    ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว
    กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน
    ฉันก็พอใจแล้ว <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง
    ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน
    ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
    ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง
    ให้ความรักและอดทนต่อฉัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ
    ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบ
    เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ (ใจแข็งจริง
    ไอ้หมอนี่) ตอนนั้น แม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไปแล้ว
    จึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป
    ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป
    1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้
    รู้สึกแม่จะดีใจมาก เหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม
    และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น
    ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง
    แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น
    ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ
    “เมื่อฉันแก่ตัวลง” บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ
    เอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป <O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนกินไข่ลวก ระวัง!!ไข้หวัดนกถามหา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 ธันวาคม 2549 14:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กระทรวงคุณหมอ เผยผลสำรวจพฤติกรรมวัยรุ่นในพื้นที่ 5 จังหวัด พบกว่า 60 %เสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดนก เหตุนิยมกินไข่ลวก ไข่ดาวยางมะตูม และไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร โดย 1 ใน 3 ทิ้งซากสัตว์ปีกในแม่น้ำลำคลอง เร่งปรับแก้พฤติกรรม

    นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศหนาวเย็น เสี่ยงต่อการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกอีกได้แม้ว่าโรคนี้จะสงบมากว่า 100 วันก็ตาม ประชาชนจึงต้องป้องกันโรคนี้อย่างต่อเนื่อง หากมีไก่เป็ดหรือสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรืออาสาสมัครสาธารณสุขทันที และไม่นำสัตว์ปีกที่ตายแล้วหรือกำลังป่วย สังเกตโดยมีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง ห้ามนำมาชำแหละอย่างเด็ดขาด เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจะติดขณะชำแหละโดยตรง ไม่จับซากสัตว์ปีกด้วยมือเปล่า จะต้องสวมถุงมือพลาสติก หรือสวมถุงพลาสติกป้องกันทุกครั้ง

    นพ.สุพรรณ กล่าวว่า จากการติดตามพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนในการป้องกันโรค กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้สุ่มสำรวจพฤติกรรมป้องกันโรคไข้หวัดนกของนักเรียนระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมต้น อายุ 13-15 ปี รวม 1,877 คน ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2549-กันยายน 2549 ผลพบว่าบ้านของนักเรียนเกือบร้อยละ 50 เลี้ยงสัตว์ปีก นักเรียนร้อยละ 63 เสี่ยงติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เนื่องจากยังนิยมกินไข่ไม่สุก เช่น ไข่ลวก ไข่ดาวยางมะตูม ร้อยละ 62 ไม่ล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหาร ร้อยละ 65 และมีกว่า 1 ใน 3 ที่นำซากสัตว์ปีกไปทิ้งในแม่น้ำลำคลองตามสวน ทำให้โรคแพร่ระบาดได้ ส่วนในด้านความรู้โรคไข้หวัดนก เช่น อาการป่วย การกำจัดซากสัตว์ปีกอย่างถูกวิธี วิธีการป้องกัน พบว่าอยู่ในเกณฑ์ดีสูงกว่าร้อยละ 75 ขึ้นไป

    นางสาวสมบูรณ์ ขอสกุล ผู้อำนวยการกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2550 กองสุขศึกษาได้จัดทำโครงการอบรมแกนนำเผยแพร่การป้องกันโรคไข้หวัดนกในช่วงฤดูหนาว เน้นหนักการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงติดโรค 4 เรื่องหลัก ได้แก่ ความสะอาดส่วนบุคคลคือ การล้างมือให้เป็นนิสัย การกินสุก สะอาด การสัมผัสสัตว์ปีก และการแจ้งสัตว์ปีกป่วยตาย เน้นกลุ่มนักเรียนและกลุ่มชาวบ้าน ผ่านทางนักจัดรายการวิทยุชุมชน กลุ่มผู้นำนักเรียนและแกนนำชมรมสร้างสุขภาพ เบื้องต้นจะเน้น 6 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงที่เคยพบผู้ป่วยไข้หวัดนก ได้แก่ กาญจนบุรี นครนายก นครพนม อุทัยธานี อุดรธานี และพังงา เพื่อจัดเป็นสื่อการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยให้นักเรียนเป็นผู้คิดและพัฒนาสื่อที่จะใช้รณรงค์เอง จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายดีขึ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    คิดถึง จังเลยค่ะ...คิ...คิ

    [​IMG]

    :cool:

    ใช่คนนี้หรือป่าวครับ เพราะพยายามมองหาคนอื่นแล้วไม่เจอใครเลยอ่ะครับ...


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2006
  18. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    บ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
     
  19. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    555 เจ้าบ๊อบเขาขจีแผงฤทธิ์

    (b-smile)
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder id=post427467 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 07:33 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #2788 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_427467", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:25 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 7,990 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 6,310 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 32,007 ครั้ง ใน 4,911 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 4022 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_427467 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พรหมประกาศิต [​IMG]
    ก็ดีอยู่ครับตอนแรกๆ ผมก็ติดตามอ่านตลอด แต่ว่าตอนหลังๆนี่ผมไม่ค่อยได้เข้าแล้วครับ เพราะผมมีสโมสรส่วนรวมอยู่ คุณสิทธิพงศ์แกจะ copy ข้อมูลหรือความรู้ต่างๆไปให้ได้อ่านและโมทนาตลอด ไปกระทู้ไหนๆก็เจอหมด จนผมกดอนุโมทนามือแทบหงิกแล้วครับ..หุ..หุ..

    ผมเข้าใจว่าพีแกพยายามรักษาเรตติ้งเพื่อไม่ให้ตกจากอันดับที่หนึ่ง แหง๋ๆ...ใช่ป่าวครับเฮียหนุ่ม...โพสอันเดียวขยายเป็นทวีคูณ..555

    (ไม่ทราบว่าทางทีมงาน มีวิธีลบข้อความเก่าที่เคยโพสไว้แล้ว และเอากลับมาโพสใหม่ ซึ่งข้อความเหมือนเดิมทุกประการหรือเปล่า ถ้ามีจะทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้มากโขเลยครับ อันนี้ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณหนุ่มนะครับ ผมเข้าใจดีว่าคุณอยากให้คนอื่นที่เข้ามาทีหลังได้รับทราบข้อมูลสำคัญที่คุณอยากให้เขารับรู้ โดยที่ไม่ต้องย้อนกลับไปดูของเก่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่หน้าไหน เพราะกระทู้นี้ยาวมากมีจำนวนหลายสิบหน้า...รู้สึกว่าจะยาวที่สุดในเว็ปครับ)

    ขนาดคุณโต้งยังบ่นเลยครับ....อ้อ ลืมถามความเห็นพี่เม้าครับ
    ส่วนสมาชิกสโมสรท่านอื่น ผมว่าขยาดไม่กล้าเข้ามาเลยล่ะครับ
    (b-oneeye)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    *****************************

    ผมเองก็คงไม่นำเรื่องที่ผมโพสในกระทู้พระวังหน้าไปลงในสโมสรแล้วนะครับ ก็แค่ไปเยี่ยมสโมสรแต่ก็คงไม่โพสแล้วครับ จะได้เป็นการประหยัดเนื้อที่ครับ :cool: <!-- / message --><!-- sig -->
    บางเรื่องผมเองก็ไม่นำไปลงในสโมสรครับ เรื่องที่นำไปลงในช่วงนี้เป็นเรื่องหลวงพ่อจรัลครับ ซึ่งลงซ้ำกัน และเรื่องที่เพื่อนๆ mail มาให้

    แต่เรื่องพระพิมพ์ เรื่องบทความของท่านอาจารย์ประถม ผมเองก็ไม่นำไปลงในกระทู้สโมสรแล้วครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...