อย่าหลงผิดกับการเห็นนิมิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย จิตศรัทธา2, 5 มกราคม 2011.

  1. จิตศรัทธา2

    จิตศรัทธา2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +57
    ดั่งที่ผมได้ตั้งกระทู้ถามว่าทำสมาธิแล้วเกิดเห็นนิมิตนั้น บัดนี่ได้รู้ทันแล้ว และก็ต้องขอขอบพระคุณ คุณไข่หวานน้อยด้วยครับที่นำพาให้เห็นถึงคำตอบจากหลายๆท่านนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ได้เตือนสติไม่ให้หลงผิดกับนิมิตที่เห็น หลงผิดไปกับจิตที่ดูตามจิตไปเรื่อยดูจิตมันปรุงแต่งไปเอง ไปยึดเอานิมิตนั้นมาเป็นจริงเป็นจัง ผมอ่านบทความคิดเห็นของทุกๆท่านอยู่5รอบ อ่าน วนไปวนมาอยู่นั้นล่ะ อ่านจนเข้าใจเป็นแน่แท้แล้ว PANTIP.COM : Y10095254
     
  2. จิตศรัทธา2

    จิตศรัทธา2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +57
    อย่าไปยึดว่าสิ่งนั้นเป็นจริง ถ้าจริงมันจะสงสัย อย่างผม อย่าไปยึดติดกับนิมิตจนถอนตัวไม่ขึ้น หลับตาทำสมาธิก็ตกลงในวังวนแห่งภาพนิมิตต่างๆที่ปรุงแต่งขึ้นในห้วงสมาธิจริงบ้างปลอมบ้าง แล้วแต่สภาพของสังขารปรุง เมื่อเกิดนิมิตแล้วจะพ้นจากนิมิตได้หรือเปล่าก็คงขึ้นอยู่กับอยู่ สติปัญญาของนักปฏิบัติแต่ล่ะท่าน
    เพราะผมนั้งภาวนาทีไร พอจิตรวมสงบ จะเห็นภาพนิมิต ช่วงที่เกิดนิมิต ดูจิตตลอด จิตไม่มีความยินดี ยินร้ายใดๆ รู้อยู่สักพัก ไม่ได้กำหนดอะไร แค่รู้ เลยไม่ไปใหนเสียที่... วนเวียนอยู่กับนิมิต...วนเวียนอยู่กับนิมิต แต่ตอนนี่รู้แล้วได้เห็นแล้วแค่นี่พอแล้วเห็นแล้วเฉยแล้วไม่ตามจิตแล้ว ต่อไปไม่ยินดียินร้ายกับนิมิตแล้วเพราะรู้แล้วว่า
    *******************************************************************************************************
    นิมิตที่จิตสร้างขึ้นนั้น ส่วนมากจะเห็นเป็นรูปร่าง หรือภาพ หรืออาจจะเกิดเป็นกลิ่น สี แสงสว่าง ซึ่งเคยพบปะมาในอดีตก็ได้ หรืออาจจะเป็นรูปผี ปีศาจ ยักษ์มาร อะไรก็ได้ ซึ่งจิตนึกคิดสร้างขึ้นเอง เป็นมโนภาพเท่านั้น
    จึงไม่อาจทำร้ายร่างกายผู้ปฏิบัติให้เป็นอันตรายได้เลย แต่ถ้าผู้ปฏิบัติกลัวขึ้นมาเอง โดยไม่รู้ความจริงแล้ว ย่อมเสียขวัญได้ และถ้าหากคุมสติไว้ไม่ได้ ทำให้ลุกขึ้นวิ่งหนีแล้ว ก็อาจเป็นบ้าไปได้เหมือนกัน
    ดังนั้นวิธีแก้นิมิตเหล่านั้นให้หมดไป ก็คือ รีบยกจิตกลับไปตั้งและประคองให้มั่นคง ณ ฐานที่ตั้งสติให้ได้ทันที นิมิตทั้งหมดจะหายวับไปด้วยอำนาจสติที่เกิดขึ้น และทำให้สมาธิก้าวหน้า สงบมากตามลำดับไปทันทีด้วย
    แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผู้ปฏิบัติเองกลับไปอธิษฐานจิต ตั้งความปรารถนาขอเห็นนิมิตอย่างนั้นอย่างนี้ ก่อนลงมือปฏิบัติ เช่น ขอเห็นนรก เห็นสวรรค์ถ้าสลัดนิมิตทางใจทิ้งเสียได้ อย่างสิ้นเชิงแล้ว ก็ย่อมพบ จิตตัวใน อชฺฌตฺตํ สมยํ จิตฺตํ ที่สงบถึงขีดสุดตามสภาพเดิมที่แท้จริงได้.

    คัดลอกจาก ธรรมประทีป ๙ ธรรมะภาคปฏิบัติ อ.ไชยทรง จันทรอารีย์ หน้า ๑๓๓-๑๓๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2011
  3. จิตศรัทธา2

    จิตศรัทธา2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +57
    เมื่อจิตของผู้ภาวนาเข้าสู่สภาวะอันสงบ อาจจะเกิดมีมโนภาพต่าง ๆ ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้เรียกกันว่า นิมิต หลวงพ่อเป็นผู้ผ่านประสบการณ์ด้านนิมิตมาก และท่านมีเมตตาให้อุบายสอนศิษย์ให้รู้เท่าทันนิมิตที่กำลังเกิดขึ้นในระหว่างการฝึกสมาธิภาวนา
    “เมื่อลงนั่งสมาธิถ้าเกิดนิมิตต่าง ๆ เช่นเห็นนางฟ้าเป็นต้น เมื่อเห็นอย่างนั้น ให้เราดูเราเสียก่อนว่า จิตมันเป็นอย่างไร อย่าทิ้งหลักนี้ จิตต้องสงบมันจึงเป็นอย่างนั้น นิมิตที่มันเกิดขึ้น อย่าอยากให้มันเกิด อย่าไม่อยากให้มันเกิด มันมาก็พิจารณามัน แล้วอย่าหลงมัน ให้นึกว่ามันไม่ใช่ของเรา นี้ก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เช่นถึงมันจะเป็นอยู่ก็อย่าเอาใจใส่มัน เมื่อมันยังไม่หายให้ตั้งจิตใหม่ กำหนดลมหายใจมาก ๆ สูดลมเข้ายาว ๆ หายใจออกยาว ๆ อย่างน้อย ๓ ครั้งก็ตัดได้ ตั้งกำหนดใหม่เรื่อยไป สิ่งเหล่านี้อย่าว่าเป็นของเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงนิมิต คือของหลอกลวงมันให้เราชอบ มันให้เรารัก มันให้เรากลัว นิมิตเป็นของหลอกลวง ใจเรามันไม่แน่นอน ถ้าเห็นแล้วอย่าไปหมายมั่น ไม่ใช่ของเรา อย่าวิ่งตามนิมิต เห็นนิมิตให้ดูนี่เลย อย่าทิ้งหลักเดิมของมัน ถ้าทิ้งตรงนี้ไปวิ่งตามมัน ลืมตัวเองเป็นบ้าไปได้ ไม่กลับมาพูดกับตัวเอง เพราะหนีจากคอกมันแล้วให้เชื่อตัวเองแน่นอน เห็นอะไรมาก็ดูจิตตัวเอง ถ้านิมิตเกิดขึ้นมา มันต้องสงบมันจึงเป็น ถ้าเป็นมาให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มิใช่ของเรา
    นิมิตนี้ให้ประโยชน์แก่คนมีปัญญา เพียรทำไปจนเราไม่มีความตื่นเต้นในนิมิต มันอยากเกิดก็เกิด ไม่กลัวมัน เชื่อใจได้อย่างนี้ไม่เป็นไร ทีแรกเราตื่นของน่าดูมันก็อยากดู ความดีใจเกิดขึ้นมาอย่างนี้ก็หลง ไม่อยากให้มันมีมันก็มี ไม่รู้จะทำอย่างไร ปฏิบัตินี่ นี่ก็เป็นทุกข์ มันอยากดีใจก็ช่างมัน ให้เรารู้ความดีใจนั่นเองว่า ความดีใจนี้ก็ผิด ไม่แน่นอนเช่นกัน แก้มันอย่างนี้ อย่าไปแก้ว่าไม่อยากให้มันดีใจ มันทำไมจึงดีใจ”
    นอกจากไปหลงรัก หลงชอบกับมันแล้ว นักภาวนาอาจจะเกิดอาการสะดุ้งกลัวต่อนิมิต หลวงพ่อให้กำลังใจว่าไม่อันตราย
    “ให้เตรียมใจไว้ว่า ไม่มีอะไรทำอันตรายเราได้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นในขณะภาวนา ถ้าเราตกใจ เราก็หยุด ตั้งสติไว้ว่าไม่มีอันตราย แล้วก็ปล่อยวางมันเสีย อย่าไปตามมัน ถ้าเราจะยกเอามาพิจารณาก็ได้ ดูเหตุผลของมัน ถ้าเราผ่านสิ่งเหล่านี้บ่อย ๆ ครั้งแล้ว เราก็จะไม่ตื่นเต้นอะไร จะเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ไม่มีอะไร”
    โยมคนหนึ่งกราบเรียนท่านว่า ขณะนั่งสมาธิเห็นร่างกายของตัวเองปรากฏเป็นโครงกระดูกสีขาวลอยอยู่ข้างหน้า ดังนี้ ท่านจึงไขความให้กระจ่างว่า
    “อันนั้นเขาเรียกว่า อุคคหนิมิต ขยายรูป ขยายแสง ขยายให้ใหญ่ก็ได้ ขยายให้เล็กก็ได้ ขยายให้สั้นก็ได้ ขยายให้ยาวก็ได้ เรื่องเราขยาย ความเป็นจริงนั้นก็จิตที่มันสงบแล้ว ก็พอแล้ว เป็นฐานของวิปัสสนาแล้ว ไม่ต้องขยายอะไรมันมากมาย พอที่ว่ามันมีฐานะจะให้ปัญญาเกิดก็พอแล้ว เมื่อปัญญาเกิด อะไรปุ๊บมันเกิดขึ้นมา มันแก้ปัญหาของมันได้แล้ว มันมีปัญหามันก็ต้องมีเฉลย อารมณ์อะไรที่มันเกิดขึ้นมาปุ๊บเป็นต้น มันเป็นปัญหามาก เมื่อเห็นปัญหาก็เห็นเฉลยพร้อม มันก็หมดปัญหาแล้ว อันนี้ความรู้มันสำคัญ อะไรที่ปัญหามันเกิด แต่เฉลยไม่เกิดก็แย่เหมือนกันนะ ยังไม่ทันมัน ฉะนั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่อมีปัญหาขึ้นมาปุ๊บฉลยก็พร้อม เป็นปัจจุบันอย่างนี้ นี้เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด อะไรที่เราไม่ได้นึก ไม่ได้คิด แต่ปัญหามันก็เกิดขึ้นมาปุ๊บ มันมีตัวเฉลยพร้อม ไม่ต้องไปคว้าเอาตรงนั้น ไม่ต้องไปคว้าเอาตรงนี้ เอาตรงนั้นก็พอแล้ว ให้เราคุมสติเราให้ดีว่า มันใหญ่เกินขนาดไหม มันเล็กเกินขนาดไหม เมื่อกำหนดเข้าไปถึงที่สุดแล้ว ก็กำหนดเข้าไปข้างใน อย่าวิ่งไปข้างนอก ถ้าวิ่งไปตามข้างนอกมันจะขยายตัวไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เป็นหมู เดี๋ยวก็เป็นหมา เดี๋ยวก็เป็นม้า เดี๋ยวก็เป็นช้าง เดี๋ยวเป็นโน่น เดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาไล่กันเท่านั้นแหละ ให้มันรู้ว่าเป็นนิมิต สะเก็ดของความสงบ มันเกิดขึ้นจากที่สงบนั้น มันเป็นอย่างนั้น อาจจะเกิดนิมิต อย่างนี้มันต้องสงบแล้วมันจึงจะเกิดอย่างนั้น เมื่อเกิดแล้วก็ดูมัน เมื่อเราอยากให้มันหายก็อย่าวิ่งตามมัน เรารู้แล้วว่ามันเกิดเมื่อเราอยากให้มันหายก็อย่าวิ่งตามมัน เรารู้แล้วว่ามันเกิดเป็นนิมิตอย่างนั้น ก็กำหนดกลับเข้ามาในจิต มันก็หายได้

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ "การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง..."

    ขออนุญาต
    นิมิต – สะเก็ดของความสงบ :: i-dhamma
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2011
  4. PartNight

    PartNight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +86
    แล้วคนที่เกิดนิมิตรเห็นหวย 3 ตัวตรงๆล่ะ ที่ซื้อหวยแล้วถูก มันเป็นยังไงหรอครับ
     
  5. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    ขออนุโมทนาบุญเห็นความกระจ่างมากขึ้นขอขอบพระคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ
     
  6. สวรรคมีตา

    สวรรคมีตา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เคยเหมือนกันนะเห็นเลข3ตัวตรงๆเลย
    แต่ไม่ได้ซื้อด้วยเสียดายมากๆ แต่เห็นครั้งเดียวเอง
    อย่างนี้เขาเรียกว่าบังเอิญหรือเปล่าจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...