แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

มาต่อกัน...
เช้าวันต่อมา...ก็ตื่นกันแต่เช้าตั้งขบวนใส่บาตรพระสงฆ์ 100 กว่ารูป
ปู่ฤาษีเกศแก้วโปรยเกลือกับข้าวสารไปบนแสลนสีฟ้า
ซึ่งปูเป็นทางยาวสำหรับพระสงฆ์รับบิณฑบาตร

 

ต่อจากนั้นก็พระสงฆ์ก็ตั้งขบวน นำขบวนโดยปู่ฤาษีเกศแก้ว และ หลวงปู่ชม
(พระครูอมรธรรโมภาส) วัดสามัคคี จ.หนองคาย
ตามที่พี่ชานนเล่าให้ฟังไปแล้ว ปู่ฤาษีเกศแก้วเรียนให้คณะสงฆ์เรียงลำดับ
ตามอาวุโส แต่ก็มีสมมุติสงฆ์หลายรูปที่ไม่ปฏิบัติตาม ปู่ฤาษีจึงกล่าวเตือนสติ
เพื่อไม่ให้สมมุติสงฆ์แสดงความไม่เหมาะสมขณะรับบาตร

 

จากนั้นปู่ฤาษีเกศแก้วก็มากราบแม่พระโพสพ
แล้วไปมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนบ้านกุง 18 คน

 

หลังพระฉันมื้อเช้า ก็จะเป็นพิธีหล่อพระประจำวัน 8 องค์
มีฤาษีหลายตน เข้ามาร่วมในงานนี้ด้วย
มองไปมองมาเห็นมีฤาษีที่เป็นผู้หญิงอยู่ 1 ตน
ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร ฤาษีณี หรือเปล่า...?

 

หลวงพ่อทวน(ถ้าหูไม่เพี้ยนนะ)มาร่วมทำพิธีเสกขี้ผึ้งด้วย
โดยเอามือเปล่ากวนลงในขี้ผึ้งร้อนๆ พร้อมทั้งท่องพระถาคา
ได้ยินว่าขี้ผึ้งเสกนี้เป็นที่ต้องการของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งการปลุกเสกในแต่ละครั้งในหลายๆ งานไม่เคยพอ
...ก็ได้แค่มองๆ แล้วก็วิ่งไปหามุมถ่ายรูปต่อ
ไม่รู้ว่าเขาแจกกันตอนไหน ที่แน่ๆ หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย

 

คราวนี้ก็เข้าสู่พิธีการหล่อพระกันล่ะ
พระสงฆ์และผู้คนมากมายมาอยู่รอบปะรำพิธี
พระเกจิก็ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตตามมุมต่างๆ

 

เริ่มเททองหล่อพระ

 

ร่วมกันถวายของกินของใช้ให้พระทุกรูปที่มาร่วมในพิธี
พระท่านก็ร่วมกันให้ศีลให้พร

 

ตอนท้ายปู่ฤาษีเกศแก้ว ก็นั่งคุยกับลูกหลานที่มาร่วมงานบุญ
เราค้างอยู่ที่อาศรมอีก 1 คืนก่อนจะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เช้าวันที่ 11
...ทริปนี้ก็จบลงด้วยดี แถมได้ร่วมบุญแบบไม่รู้ล่วงหน้าล้วนบุญใหญ่ๆ ทั้งนั้นอีกหลายบุญ
อย่าลืมร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะ ^^

 

"จงอย่าหลอกตัวเองด้วยการเห็นนั่นเห็นนี่เลย
จงมาเห็นความจริงตามความเป็นจริงเถิด
พระพุทธเจ้าท่านรู้นะว่าท่านเห็นจริงหรือไม่"

...จงอย่าไปเที่ยวหาของวิเศษภายนอกเลย แต่จงมาหาตนเองให้เจอดีกว่า...

 

...มองสิ่งใดเห็นใด.........เห็นจิตแห่งตน
ล้วนหลากหลายชวนพิศ....จิตไขว่
แยกสิ่งดีชั่วคิด..............สูงขึ้นต่ำลง
ล้วนมอบสืบส่งใจ...........ให้เข้าสู่ธรรม
...จริตจิตเจ้าแห่ง...........ตัวตน
ล้วนหลากหลายพรรคพล...แยกย้ำ
มานะยกแบกขน.............เต็มบ่าแอ่นอัก
ปล่อยจิตเกาะกรายกร่ำ......ผูกไว้รัดเกลียว
...ดีชอบหากชั่วชัง..........จิตมัดจิตม้วน
จริตแจงแจ่มชัด..............แบ่งเสี้ยว
มิถูกใจขึงขัด.................ว่าผิดเกินร้อย
สิ่งใดมีแอบเอี่ยว.............หากซุกซ่อนใน
...ธรรมชาติมีดำขาว........ประกอบเป็นองค์
มีเกลียดมีรักชอบ............หลงใหล
มีทุกข์มีสุขครอบ............แค่คู่ขนาน
เป็นธรรมของโลกไซร้.......นำล่องชี้ทิศ
...สมดุลย์ธรรมและโลก.....ปัญญาสติ
แก้วมืดมัวแจ่มจ้า............ด้วยฤทธิ์
หากจิตตนไว้ท่า.............ฝั่งผู้ถือหาง
ได้เพียงจริตติด..............ทิ้งหรือเก็บเอา
...ดีดีด้วยช่วยยก............เอ่ยได้โมทนา
คลาดจริตผิดใจ..............ตริเข้า
พินิจพิจารณ์นัย..............เข้าสู่ในตน
เรียนรู้มุ่งแนบเนา............คืนเข้าสู่ธรรม

 

...ตาหูจมูกลิ้น..........กายวกสู่ใจ
อายะตะนะหก...........มีไว้
เรียงหน้ามาตรองตก....ถึงธรรมแห่งตน
เจาะเข้าถึงแก่นนัย......หรือแค่เพียงผิว
...ได้เห็นได้ยินได้......ลิ้มรสสัมผัส
ใจรักใจรันทด...........ลอยลิ่ว
ร้อนหนาวสุขสลด.......เทท่วมเอ่อทรวง
ทดสอบทุ่งทางทิว......ปลิวไปทางใด
...ตาเห็นฤาใช่เห็น.....เช่นตามองดู
หูยินใช่ยินหา...........เช่นไม่
กลิ่นโชยลมพัดพา......นาสิกรับสูด
รสเพียงลิ้นถูกใจ........ใช่หรือสิ่งควร
...สติสอนให้จิต........ยั้งหยุด
ปัญญาสอนกลยุทธ.....ฝึกทวน
จิตเพียงมองสิ่งผุด......อายะตะนะ
ย้อนอยู่สู่ธรรมหวน......เจียรนัยจิตตน

 

เร้นกายไปงานสัมมนากะเขามาด้วย...^^
ของแบบนี้ต้องอินเทน ยอมตกรถไฟได้ไงเนอะ...อิอิ
เลยเก็บรูปสุดหล่อขาประจำแคร่มาฝาก ไผ๋เป็นไผ๋เบิ่งกันเอาเน้อ
หล่อกันคนละแนว เท่ห์คนละตะเข็บ เด็ดคนละฝีเข็ม...หุหุ
อ้อ...คนขวาสุดนี่เป็นอาจารย์สาวที่พระจอมเกล้าลาดกระบังจ้า (จำผิดมะเนี่ย)
ส่วนตำแหน่งที่ 2 คือ คุณพ่อของ ดร.ก้องภพ ตำแหน่งที่ 4 ก็ ดร.ก้องภพค่ะ

 

เมื่อวานได้ยินเสียงทักท้วงจากท่านชานนคนไทย...
เอ้ย!ไอ้ณ อายุเท่าไหร่แล้ว เสื้อเหลืองๆ น่ะใคร ทำไมไม่บอกไว้ด้วย...
ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนไม่ค่อยจำอะไรสักเท่าไหร่ ^^
...แม่หญิงเสื้อเหลืองท่านคือคุณแม่จันทา ฤกษ์ยาม ค่ะ
เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด...วันนั้นท่านมากราบปู่ฤาษีเกศแก้วด้วย

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ...^^...

 

ปีใหม่นี้ทำอะไรกันบ้างค่ะ?
...มาเล่าให้ฟังกันหน่อยดีมะ

สี่ห้าปีที่ผ่านมานี้ ณ มักจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดต่างจังหวัด
ส่วนพ่อแม่พี่น้อง คนที่อยู่ทางบ้าน
ก็ใส่บาตรอาหารแห้งกันหน้าหมู่บ้าน จะมีพระมารับบาตรตอนเช้า...
ปีนี้ ณ ไม่ได้ไปไหน ก็เลยคิดว่า คราวนี้ก็ใส่บาตรหน้าหมู่บ้านเอาก็แล้วกัน
เย็นวันที่ 31 หลังจากทำตัวขี้เกียจมาเกือบทั้งวัน
ก็ออกไปซื้อของเตรียมใส่บาตรต้อนรับปีใหม่ซะหน่อย
เข้าไปใน บิ๊กซี ของกินของใช้ตามชั้นต่างๆ หร่อยหรอมากๆ อย่างนี้บิ๊กซีรวย!!
ของก็แทบจะไม่มีให้เลือกเลย แต่ก็ยังพอมีอยู่นิดหน่อย ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนิ
นี่...เตรียมไว้ 12 ชุด



ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ เพื่อจะเตรียมตัวใส่บาตร
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เตร่ออกไปหน้าหมู่บ้าน มีใครมารอบ้างหรือยัง
ไม่เห็นมีใครมาเลยแฮะ สอบถามคนในหมู่บ้านที่ตื่นแต่เช้า
ไม่มีใครรู้เลยว่ามีใส่บาตรอาหารแห้งกัน...เอ..มันยังไงกันละเนี่ย
เดินจนถึงร้านของชำ พ่อค้าบอกว่าปีนี้ไม่มีประกาศนะ คงไม่มี...
อ้าว!!...เสร็จกัน ของก็เตรียมแล้ว...เอาไงกันละทีนี้
เลยใช้สมองอันพอจะมีน้อยนิด ประมวลผลอย่างรวดเร็ว...
เอางี้ละกัน จากบ้านไปอีกราว 15 กิโลฯ จะมีใส่บาตรอาหารแห้งทุกปี
ปีนี้ก็ไม่น่าพลาดนะ หมายมั่นปั้นมือ แล้วก็โบกมือหย่อยๆ เพ่ๆ
พี่วินหน้าหมู่บ้านรีบมาจอดเทียบ เอี๊ยด ซอยวัดแค...
บอกจุดหมายพร้อมกับหอบข้าวของทำบุญขึ้นรถ
แล้วพี่วินก็รีบพาบึ่งไปยังจุดหมายทันที...
ไม่ผิดหวัง ได้ใส่บาตรจนได้...แถมของที่เตรียมไปก็พอดีกับพระที่รับด้วย ^^

 

วันที่ 2 เกือบ 9 โมงเช้าลืมตาตื่น...
ตื่นสาย เพราะเมื่อคืนนอนดึก แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะตื่นสาย
วันนี้มีนัดแถวพระรามสี่...สายๆ หน่อยก็ได้ นัดนี้รอได้ ^^
*อาหารเช้าเข้าไปรออยู่ในกระเพาะน้อยๆ เรียบร้อย
*ไม่ได้กินยาปฏิชีวะนะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
*น้ำหนักไม่ลดอย่างผิดปกติในช่วงเดือนที่ผ่านมา
แม้จะพยายามให้มันลง มันก็ไม่ยอมลงอะ...
*น้ำหนักเกินกว่า 45 กิโลฯ
(แฮ่...เกินมามากไปหน่อย อึดอัดไปนิ๊ดต้องฟิตๆๆ ช่วงนี้...โดนเผาเกรียมเลย)
*นอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก็นะ เข้านอนหลังเที่ยงคืน
ยกนิ้วขึ้นมานับ ก็หยวนๆ น่า ถึงจะไม่ 8 ชั่วโมงเต็มก็เถอะ
*สุขภาพร่างกายแข็งแรง อืม...ทั้งบึกทั้งทึกทั้งทนขนาดนี้แล้ว...อิอิ
พร้อม พร้อม...มุ่งหน้าสู่สถานที่นัดทันที GO GO!!



วันนี้เป็นครั้งที่ 28 แล้วค่ะ ที่มาบริจาคเลือดที่สภากาชาด
มาถึงเกือบเที่ยงแล้ว คนแน่นเชียว ดีจังเลย อนุโมทนากับทุกท่านด้วย
กว่าจะบริจาคเลือดเสร็จ ก็เกือบบ่ายโมง ได้ทำบุญแล้วอารมณ์ดีทั้งวัน ^^

เราสามารถบริจาคเลือดได้ได้ทุกๆ 3 เดือนค่ะ
การบริจาคเลือดจะเป็นการไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาใหม่
เม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน
เม็ดเลือดแดงที่สร้างขึ้นใหม่มีผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ
ถ้าท่านใดสุขภาพร่างกายพร้อม...ขอเชิญมาร่วมบริจาคเลือดได้นะคะ
ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กทม.

หรือสถานที่รับบริจาคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัดค่ะ

หรือตามจุดรับบริจาคที่จัดตั้งขึ้นค่ะ เช่นรถหน่วยเคลื่อนที่ สนามหลวง,
รถหน่วยเคลื่อนที่ สวนจตุจักร, สถานีกาชาด 11 บางแค,
เดอะมอลล์บางแค, ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ปาร์ค(รังสิต),
โรงพยาบาลปิ่นเกล้าฯ, โรงพยาบาลรามาฯ, โรงพยาบาลวชิรฯ,
โรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลภูมิพล, สถาบันพยาธิวิทยากรมการแพทย์ทหารบก

หากมาที่สภากาชาด สามารถมาบริจาคได้ทุกวันค่ะ
ยกเว้น วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี
เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันหยุด 1 วันเท่านั้น ใน 1 ปีค่ะ ให้เจ้าหน้าที่ได้พักกันบ้าง
ตารางเวลารับบริจาคนะคะ

จันทร์ - ศุกร์ ..............................08.00-16.30 น.
อังคาร, พฤหัสบดี (เปิดพิเศษ) .........07.30-19.30 น.
เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์...08.30-15.30 น.

หากมีข้อสงสัยติดต่อ 02-2639600-99
ต่อประชาสัมพันธ์ 1770, 1777
ต่อเจาะเก็บโลหิต 1234, 1200
ต่อคัดกรอง 1411, 1412

 

เอาคุณสมบัติผู้บริจาคเลือดแบบเต็มๆ มาให้ดูกันค่ะ

http://www.redcross.or.th/donation/blood_wholeblood.php

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต


<DD>1. มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป <DD>2. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ ( ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี) <DD>3. มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบายหรือรับประทานยาใดๆ <DD>4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด <DD>5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์หรือ ให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา </DD>
ใครบ้างที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ http://www.thaihealth.or.th/node/13393<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคปอด มะเร็ง ลมชัก โรคเลือดออกง่ายแต่หยุดยาก ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นไวรัสตับอักเสบบีหรือคู่ครอง(สามีหรือภรรยา)เป็นไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับ อักเสบซี รวมทั้งผู้ติดเชื้อเอสไอวีหรือซิฟิลิส ผู้เสพยาเสพติดชนิดใช้เข็มฉีดยา ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ มีคู่นอนหลายคนหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายโตหรือมีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ

http://www.redcross.or.th/donation/blood_wholeblood.php
<DD>การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
<DD>-นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในเวลาปกติคืนก่อนวันบริจาค <DD>-รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กเพิ่ม <DD>-รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้ <DD>-ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน <DD>-งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค <DD>-งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

ขณะบริจาคโลหิต
<DD>-สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว <DD>-เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ที่สามารถให้โลหิตไหลลงถุงได้ดี ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า <DD>-ทำตัวตามสบาย อย่ากลัว หรือวิตกกังวล <DD>-ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต <DD>-ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้นทราบทันที <DD>-หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อย ห้ามลุกทันที ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง

หลังบริจาคโลหิต
<DD>-ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน <DD>-หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาคโลหิต <DD>-ถ้ามีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศีรษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจนกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม <DD>-ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อส กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิตเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล <DD>-ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน <DD>-รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

ขั้นตอนบริจาคโลหิต
<DD>ขั้นตอนที่ 1 กรอกแบบฟอร์มผู้บริจาคโลหิต <CENTER> </CENTER><DD>*ควรให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริงของผู้บริจาค จะทำให้ได้โลหิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้บริจาคเอง และตัวผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการรับบริจาคโลหิต


<DD>ขั้นตอนที่ 2 ตรวจร่างกาย วัดความดันโลหิต และความเข้มโลหิต <CENTER> </CENTER><DD>*บุคลากรทางการแพทย์ จะสอบถามประวัติผู้บริจาคเพิ่มเติม เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นว่าท่าน มีสุขภาพพร้อมที่จะบริจาคโลหิตหรือไม่ โปรดอย่าปิดบังข้อมูลเรื่องสุขภาพ หรือเขินอายที่ จะตอบคำถาม


<DD>ขั้นตอนที่ 3 ลงทะเบียนรับหมายเลขถุงบรรจุโลหิต ที่เคาน์เตอร์ทะเบียน <CENTER>

</CENTER>
<DD>ขั้นตอนที่ 4 บริจาคโลหิต ที่ชั้น 2 <CENTER>

</CENTER>
<DD>ขั้นตอนที่ 5 พักรับประทานอาหารว่าง/เครื่องดื่ม <CENTER> </CENTER><DD>*หลังบริจาคโลหิตจำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่จัดไว้บริการให้ และนั่งพักสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพน้ำในร่างกาย เมื่อปกติดีแล้วจึงเดินทางกลับ
</DD>

 

เพิ่มเติมสำหรับผู้บริจาคเลือดนะคะ

หากผู้บริจาคผู้ที่มีอายุ 17 ปี ไม่ถึง 18 ปี จะต้องได้รับการลงนามในหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง
เพื่อให้รับทราบ และอนุญาตให้บริจาคโลหิตได้ ส่วนผู้ที่บริจาคโลหิตมาจนถึงอายุ 60 ปี จากเดิมจะต้องหยุดบริจาค
หากต้องการบริจาคโลหิตต่อไปจนถึงอายุ 70 ปี จะต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าสามารถบริจาคโลหิตได้

สำหรับผู้ที่เคยเจ็บป่วยรับโลหิตที่ประเทศอังกฤษระหว่างปี 2523-2539
และผู้ที่เคยพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษระหว่างปีดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป
จำเป็นต้อง "งด" รับบริจาคโลหิตอย่างถาวร เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรควัวบ้าในอังกฤษ และมีรายงานการติดเชื้อวัวบ้าจากการรับโลหิต

 

พี่ ณ งานนี้ เจอคุณแม่จันทา ฤกษ์ยาม ไหมครับ