ผมทำกรรมอันใดหรอครับ ผมถึงชอบมีจิตคิดลบหลู่สิ่งศักสิทธิ์โดยที่ไม่ได้เจตนาเลย

มาเป็นกำลังใจค่ะ เพราะว่าเราเองก็เคยเป็นค่ะ ปรึกษาคนรอบข้างตอนนั้นเครียดมาก ว่าความคิดทำไมไม่หยุด แว่บมาอีก ตอนตัดความคิดนั้นทันที แล้วทำอย่างที่ เพื่อนในกระทู้บอกค่ะ
หมั่นทำความดีไว้เช่นเดิม ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ แผ่เมตาให้เจ้ากรรมนายเวรของเราค่ะ และทุกขอก็กล่าว ขอขมาพระรัตนตรัย ทำบ่อย จิตหนักแน่น ก็จะไม่มีมารกิเลสให้ไหลลงสู่ที่ต่ำค่ะ เอาใจช่วยเพื่อนธรรมค่ะ อย่าให้จิตไหล สู้ สู้ๆๆๆ

 

เห็นด้วยค่ะ ที่ว่าจิตดำ กับ จิตขาวตีกันนะคะ เพราะเวลาที่เป็นรู้สึกว่าอีกจิตนึงนี่นึกชั่วได้แบบสุดๆ สารพัด แต่อีกจิตที่ดีนี่ก็สุดๆ เช่นกันเลยค่ะ เพราะคิดได้แบบมีปัญญามากๆ ต่างจากจิตสกปรกโดยสิ้นเชิง บางช่วงเป็นหนักมาก และเราก็ตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้วมาแล้ว ลองอ่านดูนะคะ ขออนุโมทนากับทุกท่าน

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A2.236841/

 

ความเห็นส่วนตัว
รบหลู่คนอื่นก็เหมือนลบหลู่ตัวเอง
ข่มนําลายรดฟ้า แม้ฟ้าไม่ต้องส่งคืน มันก็ย้อนกลับมาหาเราเอง

ที่บอกว่าบารมีมันจะสูงขึ้นตาม คห.แรกๆมันกว้างเกินไปต้องดูว่าลบหลู่แบบไหน ถ้าร่างทรงองค์เจ้าหรือหมอดูมาทักว่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้เราพิจรณาเห็นว่าไม่มีเหตุผลงมงาย
ไม่เชื่อไปลบล้างคําสอนที่ไม่มีหลักการไม่ยืนอยู่ในความถูกต้องแบบนี้ ไม่เรียกลบหลู่ บารมีธรรมเราสูงขึ้นมารครอบงําไม่ได้ตาม คห.บอก

แต่ถ้าเขาอยู่ดีดีไม่ว่าจะคน สัตว์ สิ่งของ เราก็พาลไปคิดไม่ดี แบบนี้เขาเรียกลองดี ถือดี แบบนี้เป็นฝ่ายอกุศล

แก้ด้วยเจริญสติปัฏฐาน 4 หรือเมตตาพรหมวิหาร 4
เป็นกรรมใหม่ กรรมที่เกิดจากความไม่รู้ ไม่รู้ในที่นี่หมายถึงของมันอยู่ดีดีก็ไปคิดไม่ดี ไม่รู้จักสํารวมความคิด คําพูด ไม่รู้จักสํารวมการกระธรรม รักษาศิลทางใจไม่ได้ แบบนี้ที่บอกบารมีสูงขึ้นไม่ใช่ ศิลมันยังพร่องอยู่เลย

 

ต้องเริ่มครับ หัดที่จะเป็นคนไม่วิจาร คนอื่น คือวิจารตัวเองก่อนทำตัวเองให้ดีก่อนค่อยว่าคนอื่นได้ กว่าจะถึงวันนั้นเราก็ไม่วิจาร คนอื่นแล้วหล่ะครับ เพราะเราดีเกินกว่าจะไปว่าคนอื่นแล้ว

 

ครับ ชอบคุณทุกท่านรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาแล้วครับ

 

ต้องแผ่เมตตาเยอะ ๆ บ่อย ๆ ทำเป็นประจำ.....ให้ทาน เป็นประจำ เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำ.....แล้วจะดีขึ้นเองค่ะ....

 

สวดมนต์ทุกครั้งสมาทานศีลห้า และขอขมาพระรัตนตรัยทุกครั้งทำเป็นประจำ ศีลจะเป็นกำแพงกั้น ให้จิตตั้งมั่นไม่คลอนแคลน ขอเป็นกำลังใจค่ะ

 

ครับ ขอบพระคุณทุกท่านมากเลยนะครับ

ที่ชี้ทางสว่างให้ผม

 

น่าสงสารเจ้าของกระทู้มากๆๆเลย อาจจะเป็นเพราะวิบากกรรมในอดีตชาติก็เป็นได้ เช่น ชาติที่แล้วเคยพูดจาลบลู่โดนการเปล่งวาจาไม่ดีต่อพระสงฆ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาตินี้เลย ต้อง มีกรรมเกี่ยวการความคิดไม่ดีต่อพระสงฆ์อีก ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ อย่าเพิ่งท้อน่ะค่ะ ทำบุญเยอะๆๆ ยิ่งกลัวบาปมาก ยิ่งต้องทำบุญเยอะๆ สร้างกุศลเยอะๆ เพื่อลดกรรม และอย่าหนีกรรม แต่จงสู้และเอาชนะกรรม อยากแนะนำว่าหน้าที่จะปรึกษาคนที่เป็นผู้รู้และมีความสามารถ เกี่ยวกับ การระงับจิตใจ รักษาจิตใจ จิตใจเราป่วยเราหายเองไม่ได้หรอกค่ะ สมมุติถ้าร่างกายเราไม่สบายเป็นโรคเรื้อรังเราหายเองได้ไหม จิตใจเราก็เช่นเดียวการ ถ้าป่วยเรื้อรังก็ยากจะหายเองได้ ชีวิตต้องสู้น่ะค่ะ ขอให้เจ้าของกระทู้ หลุดพ้นกรรม ด้วยเถอะๆ

 

เราก็เป็นนะบ่อยมากๆเมื่อก่อน ตอนนี้ดีกว่าเดิมมากแล้ว วิธีปฏิบัติก็มีตามนี้นะ
1.เวลาเราดันเผลอไปคิดด่าหรือปรามาส ให้เราตั้งสติดูว่าที่ตะกี้ในใจเราด่าไปนั้น
เราตั้งใจหรือป่าว ถ้าเราตั้งใจที่จะด่าจิงมันจะมีเหตุแห่งการด่าหรือปรามาส แต่ถ้า
เราไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่มันแว๊ปเข้ามาในใจ แสดงว่ามารเค้าทดสอบเรา ก็ให้คิดตามนี้ว่่า
"เอ็งด่าฉันไม่ได้ด่า"
2.พอคิดได้แบบนี้แล้วก็ให้นึกถึงภาพพระแล้วก็กราบขอขมาท่าน แล้วก็คิดว่า "ฉันจะอยู่
กับพระเอ็งอยากลงนรกก็ลงไปสิ"
3.ทีนี้เราก็มาดูว่าท่านที่เราเผลอปรามาส ท่านได้ทำอะไรให้เราเดือดร้อนไหม ถ้า
ท่านไม่ได้ทำ ท่านมีคุณกับเราไหม อย่างเราเองนี่ปรามาสพระพุทธเจ้าเลย สู้กันอยู่
เป็นปีๆกว่าจะดี เราก็คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านมีแต่พระคุณ หาข้อเสียนี่ไม่มี ถ้าเราจะด่า
ใครสักคน คนนั้นก็ต้องมีข้อเสีย แล้วพระพุทธเจ้าท่านหาข้อเสียไม่ได้ เอ็งจะไปด่า
อะไร ก็รวมความว่าไม่มีเหตุผลที่จะด่า จิตที่คิดจะด่าก็นิ่งไป แล้วเราก็คิดต่อไปว่า
พระคุณของพระพุทธเจ้าท่านช่วยให้เรามีความสุขยังไง ก็ให้มองเรื่องง่ายๆก่อนเช่น
เรื่องทุกข์ เวลาเราทุกข์มากๆ อกหัก หรือผิดหวังมากๆ สิ่งสุดท้ายที่เราพึ่งได้ก็คือ
พระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าท่านเป็นที่พึ่งให้เราเสมอ แล้วเราก็มาดูต่อว่า
การที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้ามันต้องลำบากแค่ไหน แต่ท่านก็อุส่าเสียสละตัวเอง
บำเพ็ญบารมีจนเป็นพระพุทธเจ้า อย่างน้อยสุดความประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อ
เป็นที่พึ่งให้กับเราในยามทุกข์ ถ้าเราทุกข์แล้วเราไม่มีพระ เราจะทุกข์แสนสาหัส
กว่านี้ขนาดไหน อันนี้ก็เป็นวิธีที่เราทำนะ ทำบ่อยๆจิตที่มันคิดปรามาสมันจะเลิก
ไปเองเลย เพราะมันหาเหตุผลให้เราด่าไม่ได้ ก็ขอให้เจ้าของกระทู้ประสบความสำ
เร็จในการแก้ปัญหาไวๆนะครับ นึกถึงคุณของพระบ่อยๆ ขอขมาบ่อยๆ ถ้าเป็นกับ
ศาลพระภูมิหรือเทวดาก็ให้ดูว่า การที่เราไปเผลอด่าท่าน ท่านก็ไม่ได้โกด แถมยัง
คอยช่วยเรา นี่คือคุณของท่าน แล้วเหตุผลที่จะปรามาสมันจะปิดไปเองจ๊ะ

 

อืม แนะนำได้ดีมาก ข้าน้อยขอคาราวะ;ปรบมือ เจ้าของกระทู้ สู้สู้ สู้กับมารจ้า

 

ครับ จะต้องทำให้ได้ครับ ขอบคุณครับ

 

สู้สู้ นะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

ผมอ่านข้อความถามว่ากรรมอันใดที่ลบลู่สิ่งศักดฺิ์สิทธิ์ ตอบแบบง่ายว่ากรรมเก่าเหียบหยามพระพุทธศาสนาแล้วสำฯนึกได้ภายหลังมุ่งมั่นทำบุญ แต่หนี้กรรมยังไม่หมด
วิธีช่วยให้พ้นทุกข์ คุณต้องฝึกตนให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา ฝึกการนั่งสมาธิ กำหนดสติ เชื่อมั่นการดำรงตนในความดี มั่นสวดมนต์ เข้าวัดทำบุญอย่างง่ายให้จิตสงบ และสบาย อย่าปล่อยไปเรือยๆหากเห็นว่าจะเกิดอาการก็ให้เจริญสติเสียทันที่

 

แค่อ่านยังรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆ ขอบคุณมากๆค่ะ

 

ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ ขอน้อมไปปฏิบัตินะคะ ได้ผลอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบ โดยเฉพาะข้อที่สาม โดนใจมากเลย เห็นตามด้วยเช่นนั้นจริงๆ ค่ะ พระพุทธองค์ทรงมีแต่พระคุณเพียงฝ่ายเดียว มีพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่สุดไม่มีประมาณ ดุจห้วงมหรรณพ อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

ตอนที่เด็กกว่านี้เป็นค่ะ แต่ว่าพอโตขึ้นรู้สึกจะมองอะไรเป็นกลางมากขึ้น คือมองแบบไม่มีความรู้สึกอะไรเข้าไปผสม ก็สงสัยจะช่วยลดกรรมไปได้เยอะ

 

เขาเรียกว่า โดนทดสอบ ข้อสอบจะมาบ่อยๆ ยิ่งเราตกข้อไหนเนี่ย มากันแบบไม่หยุดไม่ได้หย่อนกันเลยทีเดียว

และข้อสอบ ก็จะออกในแนว ที่เกี่ยวกับ พระ พระสงฆ์ พระมหากษัตริย์ เทพทางความเชื่อต่างๆ ครูบาอาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ ทั้งหลายที่เราเคารพเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งเราไปฝืนว่า เอ็ง อย่ามา ทำ here ๆ ด่าพระ ด่าเจ้า ด่าเทพ นะ เอาสิ ยิ่งมากันใหญ่ มากันให้ลึ่ม เลยทีเดียว เหมือน เราไปเพิ่มไปเสริมแรง ให้เขาเสียอีก

(ตอนนี้ก็ยังมีโดนทดสอบแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่เครียด ด่าตัวเองมากเหมือนก่อนแล้ว)

ก็ให้ขอขมาพระ (ใช้บทขอขมาพระรัตนตรัย) หรืออย่างด่วนก็ขอขมาแบบด่วน (ใช้คำพูดในแบบของเรา) ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

คือเราจะก้าวข้ามความไม่ดี มักจะมีบททดสอบ ถ้าผ่านไปได้ ก็อย่าิเพิ่งนิ่งนอนใจ อาจเจอซ้ำ อีกหลายๆ หน จะกว่าคุณจะผ่านไปได้ทุกครั้ง

****และที่สำึึคัญ ที่สุด จิตมันแสดงไตรลักษณ์ ออกมา อนัตตา ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ของเรา ***จิตมันไม่ใช่ของเรา เราไปบังคับมันไม่ได้ ไปสั่งให้มันไม่ด่า ไม่วิจารณ์ไม่ได้
ทำได้แค่ตามรู้ (รู้ว่า ตอนนี้ มีการจะปรามาสอยุ่) ตามดู (ก็แค่ดูๆ มันไป ไม่ไปเสริมแรงมัน และจิตที่คิดแบบนั้นมาจะอ่อนและหายไปเอง ถ้าไปคิด บอกอย่านะ อย่าทำ เนี่ยมากันชุดใหญ่เลยหล่ะครับ)

ถ้าพลาดก็หมั่นขอขมาพระ ขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เราเผลอ ตกบททดสอบนะครับ

สำคัญแค่ว่า คุณอย่าไปผสมโรง เออออกับ จิตไม่ดีที่ปรามาสพระ หรือ ไปกระแทกห้ามปราม ต้องตามรู้ตามดู ไปเรื่อยๆครับ คงความเป็นกลางของใจ ไม่ให้ยินดียินร้ายนะครับ จะเขาสมดุลของจิต ไม่หนักไป ด้านใดด้านหนึ่งครับ

ธรรมรักษานะครับทุกท่าน

 

เหมือนผมเป๊ะเลยครับ จิตดีกับจิตชั่ว ตีกันตลอดครับ แต่หลังๆ น้อยลง แต่ก็ยังคงม่บ้างครับตามกระแสกรรมครับ พยายามคุมมันอยู่เช่นกันครับ