หลวงปู่เชย อมโร , พระเกจิเมืองจันทร์ , และคณาจารย์สายตะวันออก

ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับผู้ชายผู้หญิงนะครับ หลวงปู่แจกไปตามโลกสมมติเท่านั้นเอง พุทธคุณนั้นครอบคลุมทุกท่านไม่แยกเพศแยกวัยครับ

พระหยกนั้นไม่ได้มีแค่สามเหลี่ยมสี่เหลี่ยมเท่านั้นนะครับ พิมพ์ใบโพธิ์ ลอยองค์ ยอดธง มีหลากหลายครับ

 

สาธุครับ....ต่อเลยครับพี่ท่านทั้งหลาย ช่วงนี้ผมคงไม่ค่อยได้มาโพสน์ เพราะต้องไปดูแลครูบาอาจารย์ แต่จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะครับ สาธุด้วยครับ




พระกริ่ง-ชัยวัฒน์อมโร ของหลวงปู่เชย เขาเจ้าหลาวครับ

 

ตะกรุดหลวงปู่เชย ยุคแรกๆ ดอกยาวมหารพงับ ดอกสั้น พระเจ้าปิดไฟ



ส่วนตะกรุดโทน(ดอกเดียว) เป็นพระเจ้าปิดไฟ ผมฝากให้หลวงปู่เชยลงให้ ด้วยแผ่นทองแดง ขนาด กว้าง 5x12 นิ้วครับ

 

อย่าลืมของผมนะคร้าบบ

 

คราวที่หลวงปู่ทุย มางานหลวงปู่ฟักที่วัดเขาน้อย ผมและภรรยาต่างดีใจที่จะได้ใส่บาตรและฟังเทศน์ของหลวงปู่ทุย เพราะยังไม่เคยพบเจอองค์ท่านสักที จนวันหนึ่งบุญพาวาสนาส่งเรา 2 คน จึงได้ใส่บาตรหลวงปู่ พอหลวงปู่ขึ้นอาสนะ ผมจึงคลานเข้าไปกราบตักหลวงปู่ หลวงปู่ท่านเอามือลูบหัว ผมตื้นตันใจอีกครั้งครับ ที่ได้กราบเนื้อนาบุญของโลกอีกองค์ที่หาได้ยากอย่างหลวงปู่ทุย

สำหรับหลวงปู่แบนนั้น ตัวผมเองตอนที่พบองค์หลวงปู่ครั้งแรก ด้วยความที่มาเป็นครั้งแรก ผมเดินเข้าไปในศาลาสำนักสงฆ์เขาคิชกูฏพระภาวนา โดยตั้งใจว่าจะเอาดอกบัวมาบูชาพระ แต่เมื่อเดินเข้าไป ก็มองออกไปรอบๆเห็นผู้คนนั่งลงกับพื้นรอบๆศาลา เนื่องจากเห็นพระเดินมาเตรียมรอบิณฑบาตร ผมก็ไปยืนเก้ๆกังๆคนเดียวในศาลา มือก็กำดอกบัวไว้ 3 ดอก ในขณะนั้นมีพระแก่รูปหนึ่ง เดินเข้ามาที่ผม ทำท่ากำลังห่มจีวร แล้วพูดว่า "จะเอาไปไหน" ผมตอบว่า "เอามาไหว้พระครับ" พระรูปนั้นตอบว่า "วางไว้บนพานสีทอง หน้าพระประธานนั่นแหล่ะ" ผมจึงหันไปเห็นพานวางบายศรีอยู่ด้วย จึงวางดอกบัวลงบนชั้นบายศรีหน้าพระประธานอีกที เมื่อเดินออกมา อาจารย์วิทยา ไทยตรงและภรรยาท่านได้บอกกับผมว่า "นั่นแหล่ะ หลวงปู่แบน" ผมตกใจไปพักหนึ่ง แล้วเกิดความปีติในใจมากๆครับ ที่ได้สนทนากับองค์ท่านเพียงนิดเดียว แต่ติดตราตรึงใจจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ทราบว่าหลวงปู่แบนมาจันทบุรี ผมจะเดินทางไปใส่บาตรโดยตลอด ลืมบอกนะครับ ในวันแรกที่ผมได้ใส่บาตรหลวงปู่แบน ผมใส่บาตรท่านโดยอธิษฐานจิตว่า "ขอให้ลูกได้มีเงินออกรถป้ายแดง ภายในเดือนนี้ด้วยเทอญ" ด้วยที่ผมทราบมาว่า ยามที่พระอริยเจ้าท่านโปรดสัตว์ ท่านอาจจะเข้าฌาณสมาบัติ หากใครได้อธิษฐานสิ่งใดที่เป็นกุศลจิต จะได้ในสิ่งที่ขอ ไม่ 7 วัน ก็ 7 เดือน ผลปรากฎว่า อัศจรรย์ใจมากกับบุญที่ใส่บาตรหลวงปู่แบนครับ เพราะภายใน 7 วัน ผมขายเสื้อผ้าได้กำไรเยอะมากพอที่จะดาวน์รถคันแรกในชีวิตได้สำเร็จ องค์หลวงปู่เทศนาเรื่องของบุญ บาป และการบำเพ็ญเพียรภาวนา เป็นเรื่องหลักๆครับ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับศาสนิกชนชาวพุทธ

 

มีเรื่องมาเล่าครับ น่าจะเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนจิต ทีแรกว่าจะไม่เล่าแล้ว แต่คิดไปคิดมาว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากผมนั่งสมาธิ แผ่เมตตาเสร็จ ก็เข้านอนตามปกติ โดยผมจะเอาพระหยกแขวนไว้กับตะขอหัวนอน คืนนั้นผมหลับฝันไปว่า มีพญานาค ตนหนึ่งร่างกายเป็นเพชร มาบอกว่า มาจากวัดเขาตานก ให้ช่วยร่วมสร้างองค์พญานาคให้หน่อย โดยขนาดหน้าอกของพญานาคมีขนาดใหญ่ 110 (เข้าใจว่า 110 นิ้วครั้บ) ผมตื่นขึ้นมา ก็คิดว่า "เอ ตอนเราบวชที่เขาตานกเมื่อปี 52 ช่างก็สร้างแล้วนี่นา" เวลาล่วงเลยมา 3 วัน ซึ่งเมื่อเช้านี้เป็นวันพระ(จ.29/11/53) ผมกับภรรยาพร้อมด้วยปู่ของผม ก็เดินทางไปวัดเขาตานก ผมก็มองไปก็ไม่เห็นพญานาคทางขึ้นโบสถุ์เหมือนครั้งสมัยบวช จึงเดินไปถามแม่ชีในวัด แม่ชีตอบว่า "จะสร้างขึ้นใหม่" ผมจึงคิดว่า นี่ล่ะมั้งคงเป็นสาเหตุที่ฝัน จึงร่วมบุญสมทบทุนสร้างไป 110 บาท พอกลับมาถึงบ้าน มือถือก็ร้องเตือนมีข้อความว่า "วันครบรอบวันบวช 1 ปี" ผมก็ตกใจว่า "เออ ดีแหะวันนี้วันพระ ตรงกับวันที่เราบวชเมื่อปีที่แล้วด้วย ได้ร่วมสร้างพญานาคด้วย" จิตก็เกิดปีติทั้งวันเลยครับ

 

คุณ ปัทมินทร์ ท่านมาให้ลาภหรือเปล่านี้ก็วันที่ 29 แล้วนา

ปกติพญานาคท่านก็อยู่ใกล้ๆโลกไม่ได้อยู่บนฟ้า คงจะอยู่ทางล่างๆต่ำๆหรือเปล่า

ผมเดาดูนะครับ เพราะแปลกใจที่ปกติไม่น่าจะกำหนดอะไรตรงๆ จะบอกก็บอกคราวๆหรือ

เรื่องราวอื่นๆ

 

เข้าใจว่า ท่านคงอยากให้ผมมาร่วมสร้างองค์ท่านบริเวณบันไดขึ้นโบสถุ์มากกว่าครับ เพราะถ้าส่วนตัวให้ทุ่มเงินสร้างองค์พญานาคขนาดหน้าอก 110 นิ้ว ผมไม่มีปัญญาแน่ๆเลยครับ ผมก็สบายใจที่ได้ร่วมสมทบทุนไป แล้วอุทิศให้พญานาคที่มาเข้าฝัน อุทิศให้พระหยก ฯลฯ ไปเรียบร้อยแล้วครับ

 

สวยสุดยอดเลยครับ ท่านทุเรียนทอด

 

ผมเคยได้ฟังเทศน์หลวงปู่ฟัก อันเป็นเรื่องที่ทำให้หลวงปู่ฟักได้อาพาธด้วยโรคที่ทำให้ท่านพูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง ท่านเคยกล่าวว่า "เกิดจากกรรมในอดีตชาติ เราเคยเป็นนักรบของแผ่นดิน เราจับศัตรูที่มารุกรานแผ่นดิน แล้วเอาดาบแทงเข้าไปในปากข้าศึก กรรมนั้นจึงเป็นเหตุในปัจจุบันชาติของเรา"

อีกกรรมนึงของหลวงปู่ฟักกับแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ และพระอีกรูปหนุ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว (ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นหลวงพ่ออินทร์ถวาย หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ผมได้อ่านในหนังสือเล่มหนึ่ง ว่า ชาติหนึ่งของท่านทั้ง 3 เคยเกิดเป็นไก่ โดยแม่ชีแก้ว เกิดเป็นแม่ไก่ หลวงปู่ฟัก และหลวงพ่ออินทร์ถวายเคยเกิดเป็น ลูกเจี๊ยบ แล้วลูกเจี๊ยบทั้ง 2 ได้กินอาหารที่มียาเบื่อ จนทำให้เสียชีวิต ผมจำได้เพียงเท่านี้ครับ หากท่านผู้ใดทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้ผมและเพื่อนผู้อ่านด้วยนะครับ

การเวียนว่ายตายเกิดของเราทุกคนทุกท่าน ดังที่หลวงตามหาบัวท่านเคยกล่าวไว้ว่า "กระดูกของเราแต่ละคน ผืนแผ่นดินประเทศไทยยังไม่เพียงพอให้กองเลย ดูสิมันมากขนาดไหน"

หวังว่าจะเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

 

ท่านคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำนั้น มีความผูกพันกับพระอรหันต์ในสายหลวงปู่มั่นหลายท่าน ท่านเคยเกิดเป็นแม่ไก่ลาย มีลูกหลายตัว เจ้าของเอาข้าวเปลือกมาหว่านให้กิน แม่ไก่เตือนลูกไก่ว่าอย่ากิน กินแล้วเขาจะเอาไปฆ่า ลูกตัวหนึ่งอ้างว่ามันหิว ต้องกินก่อน ลูกไก่ 2 ตัวได้มาเกิดเป็นพระ คือ หลวงปู่จาม และหลวงปู่ฟัก แม่ไก่ลายตายด้วยโรคท้องร่วง ตายแล้วเขาเอาข้าวเปลือกยัดใส่ปากแล้วเอาไปฝัง

พระอาจารย์อินถวายนั้น ท่านชีแม่แก้วได้ฝันเห็นพระอินทร์นำเทพบุตรลงมาจะให้มาเกิดเป็นลูก ท่านบอกว่าท่านเป็นแม่ชี มีลูกไม่ได้ พระอินทร์ถามว่าจะให้ไปเกิดบ้านไหนดีที่โตขึ้นแล้วเขาจะอนุญาตให้บวชจะได้สร้างบารมี ท่านคุณแม่แก้วจะชี้แนะนำให้ ปรากฏว่าบ้านนั้นเกิดท้องขึ้นจริงๆ แล้วมีลูกชายคือท่านอาจารย์อินทร์ถวายนี้ โดยท่านอาจารย์ได้บวชตั้งแต่เด็ก ตอนเป็นเณร คุณแม่แก้วได้ดูแลซื้ออาหารใส่บาตรเป็นประจำ ท่านอาจารย์อินทร์ถวายได้รักการอบรมจากหลวงตามหาบัวเมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุ และท่านก็ได้สร้างประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยความสัมพันธ์อย่างนี้ ท่านอาจารย์อินทร์ถวาย หลวงปู่ฟัก หลวงตามหาบัว และท่านชีแม่แก้วจึงมีความคุ้นเคยกันดี ท่านอาจารย์อินทร์ถวายมางานหลวงปู่ฟัก 2 ครั้งแล้วนะครับ ตอนเก้าวันแรกครั้งหนึ่ง แล้วมาในงานสวดอภิธรรมวันเสาร์อีกครั้งหนึ่ง วันที่ 11-12ธันวาคมนี้คิดว่าท่านมาแน่นอนครับ

 

ท่านชีแม่แก้วเคยมาอยู่ที่จันทบุรีนี้พร้อมด้วยหลวงตามหาบัว ท่านอาจารย์สิงห์ทอง หลวงปู่ลี วัดถ้ำผาแดง และท่านอาจารย์ท่านอื่นอีกหลายรูป

ท่านมาอยู่ที่สถานีทดลองพลิ้ว ก่อนมาอยู่วัดเขาน้อยสามผานและกลับไปห้วยทราย ท่านเล่าว่าที่จันทบุรีนี้ ท่านอาจารย์สิงห์ทองบรรลุธรรม

ท่านเคยเกิดเป็นมารดาของผู้ที่ต่อมาได้เป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้หลายท่าน เช่น ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง หลวงปู่ฟัก เป็นต้น

 

มีเรื่องที่หลวงตามหาบัวท่านได้เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ในช่วงงานช่วยชาติคือ ท่านเองเคยเกิดเป็นผู้นำอยู่ในท้องถิ่นจันทบุรีนี้ โดยในสมัยที่ท่านมาอยู่จันทบุรีใหม่ๆ คุณแม่แก้วได้เอ่ยขึ้นสรุปความว่า ท่านหลวงตาเคยมาเกิดที่นี่ จึงมีบริวารมาก พอมาอยู่บริวารเก่าก็มาหา ท่านหลวงตาบอกว่าในตอนนั้นเราได้แต่ตอบรับในใจ เมื่อท่านเริ่มโครงการช่วยชาติ หลวงปู่ฟักนำเหล่าศิษย์และประชาชนช่วยท่านเต็มที่ ท่านจึงเล่าให้ฟังอีกถึงเรื่องนี้

 

สุดยอดครับสำหรับเรื่องขององค์หลวงตา และหลวงปู่ฟัก รอติดตามเหมือนเดิมครับ พระที่เปลี่ยนชีวิตผม จากคนสำมะเลเทเมา มาสนใจธรรมะก็คือองค์หลวงตามหาบัวนี่แหละครับ บังเอิญเปิดวิทยุไปเจอสถานีเสียงธรรม พอฟังไปเรื่อยๆนานๆเข้า ชีวิตเปลี่ยนไปเองเลยครับ ตอนนี้ใครชวนไปเที่ยวกลางคืนก็ไม่ค่อยไป ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็นานๆครั้ง คราวที่แล้ว ผมไปกราบหลวงปู่สนั่น มีคนมาขอเลขหวย หลวงปู่ท่านอมยิ้ม และเหลือบมองไปที่กระบอกข้าวหลาม มีราคาเขียนติดไว้ 25 บาท ท่านบอกว่านี่ไงเลข งวดนี้ออก 52 ซะ555 (นอกเรื่องไปหน่อยครับ)

 

อนุโมทนาครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกปลื้มใจมาก ที่คุณ wiraj กล่าว ตอนที่ผมอายุ 15 ปี ผมได้มีโอกาสไปสร้างอาสนะให้พระ ติดหลอดไฟรอบๆเขาน้อย ในคราวที่หลวงตามหาบัวเดินทางมาที่วัดเขาน้อย แต่ตอนนั้นผมเองไม่สนใจธรรมะเท่าใดนัก เลยไม่ได้มาในวันงานที่หลวงตามหาบัวมา จนวันนี้อายุ 26 ปี ผมอยากเห็นหลวงตาตัวจริงๆ แต่ไม่สะดวกเดินทางไปสักที ได้แต่ดูในทีวีและฟังเทศน์จากวิทยุในรถ แค่นี้ผมก็ยังมีความสุขเลยครับ เห็นท่านยิ้ม ผมก็ยิ้มตาม จันทบุรีเรามีบุญจริงๆ ที่หลวงตามหาบัวมาโปรดบ่อยๆ และยังมีหลวงปู่ฟักสายหลวงตามหาบัวให้เรากราบไหว้และฟังเทศน์ ถึงแม้จะไม่ได้ไปกราบหลวงตาด้วยตัวเอง แต่ผมได้ร่วมทำบุญสงเคราะห์โลกร่วมกับหลวงปู่ฟักไปแล้ว ระลึกถึงบุญใหญ่นี้คราวใด ใจพองโตจริงๆ

 

รบกวนถามหน่อยครับคุณ wiraj พอจะเคยได้ยินเรื่อง "มวยผมรังกระเตน" ไหมครับ

 

ผมดีใจที่มีคนหนุ่มในจันทบุรีสนใจในพระพุทธศาสนา สนใจในคำสอนอันแท้จริงอย่างคุณปัทมินทร์ คุณ Outsider คุณทุเรียนทอด ฯลฯ คุณปัทมินทร์อายุ 26 ปีน้อยกว่าผม ปีนี้ผม 39 ปีแล้ว ผมเรียกตัวเองเป็นพี่ก็แล้วกันนะครับ

เรื่องผมรังกระเตน นี้พี่ไม่แน่ใจว่ารังกระเต็น หรือ รังกระเตน แต่พี่เคยอ่านเจอในสมัยพี่เด็กๆประมาณปี 2523-2525 ในหนังสือคนพ้นโลก(เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว) เป็นหนังสือที่รวบรวามเรื่องราวของพระปฏิบัติดีออกเป็นรายเดือน มีผู้หญิงคนหนึ่งฝันไปว่าพระอินทร์ลงมาหวีผมให้ บอกว่าเป็นพ่อลูกกันในอดีตชาติ พอตื่นขึ้นมาผมก็จับกันเป็นรังกระเตน หวีอย่างไรสางอย่างไรก็ไม่ออก ตัดทิ้งก็ป่วยก็เลยปล่อยไว้อย่างนั้น แต่พี่จำไม่ได้ว่าต่อไปเป็นอย่างไรอีก

รังกระเตนของน้องปัทมินทร์มีมาตั้งแต่เกิดใช่ไหมครับ มีเรื่องอะไรก็เล่าให้ฟังบ้างนะ เป็นวิทยาทานต่อคนอื่นๆด้วย

 

ผมเคยเรียนถามหลวงปู่ฟักว่า จริงไหมที่ว่าหลวงปู่เป็นพระยาพิชัยดาบหักกลับชาติมาเกิดใหม่ หลวงปู่บอกว่า มีคนบอกว่าหลวงปู่เคยเป็นนักรบ และเมื่อหลวงปู่กลับมาอยู่วัดเขาน้อยใหม่ๆ มีสมเด็จพระเจ้าตากสินมาประทับร่างคนแล้วบอกว่า ดีใจที่ท่านฟักกลับมาอยู่ที่จันทบุรีนี่ เป็นห่วง จะได้ไม่ต้องไปวนเวียนอีกหลายชาติ

 

เมื่อหลวงปู่ฟักกลับมาอยู่เขาน้อยนั้น เจ้าอาวาสรูปเดิมคือหลวงปู่คำพันธ์ได้ย้ายไปที่อื่น หลวงปู่จึงมีจดหมายไปกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัวว่าจะให้ใครมาเป็นเจ้าอาวาส หลวงตาบอกให้ท่านฟักนั่นแหละดูแลไป

เมื่อหลวงปู่มาอยู่ พระอาจารย์สนิท พระอาจารย์บุญช่วยยังเป็นผ้าขาวรอบวชอยู่ ต่อมามีพระตามมาอยู่มากขึ้น หลวงปู่จึงทำการขยับขยายสร้างเสนาสนะเพิ่มเติม พระที่ไม่ชอบการก่อนสร้างก็ย้ายออกไป บางท่านก็ไปฟ้องหลวงตามหาบัวว่าหลวงปู่ชอบก่อสร้าง พอมีคนไปฟ้องมากๆ หลวงตาท่านก็ดุกลับว่า นก กระรอกมันยังทำรังได้ พระจะทำที่อยู่บ้างไม่ได้หรืออย่างไร

เท่าที่เคยได้ทราบมา หลวงตาท่านไม่เคยดุหลวงปู่ในแง่ของก่อสร้างด้วยความทะยานอยากหรือก่อสร้างหรูๆหราๆ แต่ท่านเตือนในแง่ที่ว่าทำอะไรจะต้องนึกถึงว่าเราทำให้เป็นตัวอย่างแก่พระรุ่นหลัง เดี๋ยวพระรุ่นหลังเห็นอาจารย์ก่อสร้างก็จะทำตามอย่างกัน

 

เรื่องใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างแก่พระรุ่นหลังนี้หลวงปู่ท่านระวังตลอดเวลา ท่านเล่าว่าตอนหลวงปู่พรหมมรณภาพ ตอนนั้นท่านได้ 20 กว่าพรรษา พระอาจารย์แบนมาชวนท่านไปงาน แต่ท่านไม่ไป เพราะท่านเกรงว่าไปพบคนมากๆจะทำให้จิตท่านฟุ้งซ่าน ท่านว่าคุณธรรมท่านยังไม่หนักแน่นพอ

เรื่องนี้หลวงปู่ทุยก็เคยเล่าว่า ตอนท่านได้ 10 กว่าพรรษา ท่านขอหลวงปู่ขาวว่าท่านจะไม่รับนิมนต์ไปที่ไหน ท่านบอกว่าไปแล้วไปเห็นบ้านเห็นนาฬิกาแล้วก็กลับมาปรุงแต่งว่าเราอยากมีอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านจึงไม่ออกไปนอกวัด

พระวัดเขาน้อยรุ่นเก่าๆถือตามแบบอย่างนี้ ท่านจะไม่ติดต่อกับโลกมาก พยายามบำเพ็ญเพียรชำระจิตใจ ท่านดูครูบาอาจารย์ทำอย่างไรในสถานการณ์นั้นๆ เมื่ออายุพรรษาเท่านั้นๆ แล้วท่านก็เอาแบบอย่าง

มีพระลูกศิษย์หลวงปู่รูปหนึ่งขึ้นไปอยู่ที่แม่สาย ท่านเล่าให้ผมฟังว่า เวลาท่านจะทำอะไร ท่านจะคิดย้อนถึงว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทำอย่างไรในเหตุการณ์เดียวกัน ไม่ว่าการรับแขก การติดต่อกับโลก ท่านบอกว่าหลวงปู่ท่านทำไว้ให้ดูหมดแล้ว เวลานี้ท่าน 33 พรรษา ท่านบอกว่าก็ต้องย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนที่หลวงปู่พรรษาเท่ากับท่านเวลานี้ว่าถ้าหลวงปู่เจอเหตุการณ์อย่างนี้หลวงปู่ทำอย่างไร

นึกถึงคำพูดของหลวงปู่ศรี มหาวีโรครับ เห็นฮอย(รอย)พ่อก้มดู เห็นฮอย(รอย)ครูก้มกราบ