เล่าเรื่องเมืองลับแล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย singhatonai, 5 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. singhatonai

    singhatonai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +24
    เมืองลับแล

    นิมิต ที่เกิดจากสมถะ คือ นิมิตที่ต้องพิจารณา และใคร่ แต่
    นิมิต ที่เกิดจากวิปัสสนาและการฝึกฝนที่ดี ย่อมหมายถึง นิมิต แห่งการหลุดพ้น

    หากผิดพลาดประการใดต้องกราบขอโทษผู้รู้จริง และสหายธรรมทั้งหลาย

    ขอเล่าคร่าว ๆ นะคับ

    เมืองลับแลเป็นดินแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายกับมนุษย์ แต่ก็มีความเป็นอยุ่และดำรงไว้ในลักษณะของเทวดาคือ กึ่งมนุษย์ กึ่งเทวดา อาหารสิ่งของเครื่งอใช้บางอย่างก็ทำขึ้นเอง บางอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นมา เป็นสถานที่อยู่ในลักษณะภึ่งทิพย์กึ่งมนุษย์ สัตว์เดรัจไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะมีความคงอยู่ในสภาพจิตหรือมีลักษณะในกายทิพย์ยังมีการกินอยู่เหมือนมนุษย์แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว
    การเกิด เมืองลับแลเป็นลักษณะของหมู่บ้านมีทั่วไปตามภูเขาและป่าไม้เพราะต้องอาศัยสถานที่ที่จะทำการซ้อนของภูมิอย่างสงบละเว้นจากความวุ่นวายคือภูมิของเมืองลับแลต้องซ้อนอยู่กับป่าไม้และภูเขาเท่านั้น ฉะนั้นในเมืองไทยก็มีเมืองลับแลทับซ้อนอยู่หลายแห่งแต่ละแห่งก็จะมีผู้ดูแลตามแต่ละจุดคือหัวหน้าหมู่บ้าน ต่างกันก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย หรือมากน้อยตามภูมิเดิมที่ก่อนจะเกิดเป็นเมืองลับแล เช่น
    ถ้าเคยเกิดเป็น ครุฑ นาค มนุษย์ ยักษ์ หรือ สัตว์ต่าง ๆ ก็มักไม่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคม แต่จะแยกไปอยู่ตามสังคมของตน
    แต่ส่วนมากชาวเมืองลับแลจะเกิดมาจาก ภูมิเทวดา ซึ่งเป็นเทวดาผู้มีบุญน้อย คือเมื่อทำบุญมาน้อยจะทำให้จิตหรือใจถูกกระทบได้ง่าย การเป็นเทวดาแล้วมัวหลงติดกับความสุขในการเสพอย่างเพลิดเพลินในสิ่งที่เป็นทิพย์ เมื่อจิตใจไม่เข้มแข้งพอทำให้เกินเลยขอบเขตของเทวดาไปได้เช่น ความต้องการต่าง ๆ จนผู้อื่นได้รับผลกระทบหรือกระทำอันใด ๆ ซึ่งมีผลกระทบกับผู้อื่นทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกยินดี หรือการกลั่นแกล้งผู้อื่น จาบจ้วงผู้อื่น กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเหล่านึ้เรียกว่าผิดกฏสวรรค์
    มีอันทำให้เกิดการจุติหรือเกิดความความผิดที่กระทำการวินิฉัยเป็นได้โดยอัตโนมัติ ผลที่ได้รับอาจจะต้องตกนรก หรือไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ หรืออย่างเบาก็ได้ลดชั้นการเป็นเทวดา โดยให้ไปเกิดยังเมืองลับแล
    เมืองลับแลจึงได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ชั้นโลกมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้ปะปนอยู่กับมานุษย์ แยกกันอยู่เป็นเมืองเป็นหมู่บ้าน มีความเป็นอยู่แบบกึ่งทิพย์ บ้างก็มีความอยากที่จะทำนาเพาะปลูกมีความสุขกับการประกอบอาชีพเพาะปลูก เพราะว่าไม่รู้จะทำอะไรดี เรียกว่า เป็นงานอดิเรก หรือการหาของป่า การปลูกพืชสมุนไพร และการรักษาศีลเป็นหลักสำคัญ
    การกินอาหาร ก็เหมือนกัน จะเป็นเป็นไปในลักษณะของการกินทิพย์ เพราะอาหารที่ทำขึ้นมักเป็นการทำในลักษณะโบราณ คือการกวนข้าวทิพย์(ซึ่งมีลักษณะ สีขาว หรือ เหลืองนวล ๆ แล้วแต่จะจริตของผู้กวน) ซึ่งจะการเป้นการกินเพื่อความสิริมงคลหรือ บูชาเทพ พรหม หรือบูชาพระ เพราะคนเมืองลับแลไม่ต้องกินข้าวอยู่แล้ว
    การลงมาของเทวดาที่จะมาเกิดยังเมืองลับแล จะลงมาในลักษณะของแดนสวรรค์ คือ เมื่อผิดกฏสวรรค์ก็ตกวืดลงมาเลย ไม่ต้องสอบสวนตดีความ เป็นไปในลักษณะอัตโนมัติ เมือตกมายังหมู่บ้านใดก็ต้องเข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าหมู่บ้าน ๆ จะพิจารณาว่าบุคคลนี้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนในหมู่บ้านนี้หรือไม่ ก็จะส่งไปตามสถานะความผูกพันกับคนที่อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งจะตกมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิมตอนเป็นคน เช่นเป้นคนภาคอิสาน(ก่อนตาย)และเป็นเทวดาทำผิดกฏ ก็จะถูกส่งมาให้อยู่ในเมืองลับแลแถวภาคอิสาน(ซึ่งข้อนี้ผู้รู้ ทั้งหลายทราบกันดี)
    ความเป็นอยู่ ของคนเมืองลับแลคล้ายกับการอยู่กรรมของพระ หรือการอยู่กรรมของผู้ปฏิบัติธรรม แต่ยังดีที่ความเป้นอยู่นั้นอยู่อย่างทิพย์ มีกายเป็นทิพย์จึงไม่ต้องเปลี่ยนสภาพร่างกาย บางคนไม่ต้องกินก็ได้ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ แต่จะมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ ชอบสังคม ขอบมีการดำรงชีวิต ขอบทำอย่างมนุษย์ แต่ก็มีธรรมเยมหรือกฏของเมืองลับแลอยู่ซึ่งชาวเมืองลับแลจะรู้ได้โดยอัตโนมัติคือรู้ได้ด้วยจิตถึงส่งที่พึงกระทำคือ

    1. การรักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด
    2. ห้าออกนอกเขตเมืองลับแลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    3. ห้าประพฤติปฏิบัติตัวเลินเล่อต่อสาธารณชน
    4. ห้ามเสพเยี่ยงมนุษย์

    อายุของคนเมืองลับแล
    อายุของคนเมืองลับแล
    สำหรับเรื่องของอายุคนเมืองลับแลนั้นถูกกำหนดด้วยกรรมที่เกิดเป็นรายบุคคล ซึ่งมีอายุกรรมไม่เท่ากัน แล้วแต่เป็นกรณีไป ขึ้นต่ำสุดคือ 10 ปีมนุษย์ ถึง 100 ปีและ 500 ปีก็มี โดยนับเวลาตาม สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 ของภูมิเทวดา ฉะนั้นเวลาของเมืองลับแล 1 วันเท่ากับของเมืองมนุษย์ 50 วัน
    ตัวอย่างการกระทำความผิดของเทวดา เมื่อเป็นผู้มีฤทธิ์แล้วไปดลใจมนุษย์ให้ทำผิดศีลก็โดนค่อนข้างหนักตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขั้นต่ำคือ 100 ปีมนุษย์หรือเทวดาดลใจมนุษย์แล้วไปก่อเหตุร้ายแรง จะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถ้ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์อาจโดน 300-500ปีมนุษย์ ถ้ามีการตายเกิดขึ้นโดยสาเหตุจากเทวดาก็จะต้องลงไปเกิดทันที โดยลงโลกมนุษย์หรือไปตามกรรมชั่วเก่าที่ทำมาก่อนส่วนบุญนั้นเก็บไว้ก่อน หรือถ้าบุญมากก็ไปเกิดเป็น มาร ยักษ์ หรือ พญานาค ใน ป่าหิมพานต์
    สถานะหรือสภาพของชาวเมืองลับแลดังได้กล่าวว่า เมื่อจะมาเกิดยังลับแลจะกลับสภาพร่างกายตอนเป็นมนุษย์ก่อนเป็นเทวดา ดังนั้นถ้าตายตอนวัยไหน อายุเท่าไหร่ เมื่อมาเกิดเป็นคนเมืองลับแลก็จะคงอยู่อย่างนั้นตลอดอายุของอยู่ในเมืองลับแล ตายตอนแก่ก็เกิดมาเป็นคนแก่ แต่ทารกไม่มีเพราะการเกิดเป็นทารกยังไม่ได้ทำกรรมอะไรเลย ฉะนั้นไม่มีทารกในเมืองลับแล
    ดังนั้นการอยู่ในเมืองลับแล เป้นการได้แก้ตัวให้ประพฤติดี ประพฤติชอบ อยู่ในกรอบของศีลธรรม อยู่ในสภาวะของกายทิพย์ อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่บริสุทธิ์ อยู่ในพี้นที่ที่จำกัดและมีโอกาสสร้างบุญบารมีเพิ่มชึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดได้ เพราะเมืองล้บแลอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์ แต่ใครล่ะจะชอบความลำบากยากเข็ญในเมืองมนุษย์ ฉะนั้นชาวเมืองลับแลจึงไม่ค่อยจะเข้าใกล้มนุษย์สักเท่าไหร่ เพราะมนุษย์จะมีความไม่ดีติดตัวรวมถึงกลิ่นเหม็นสาบเหมือนซากศพ ซึ่งอาจทำให้ชาวเมืองลับแลเสื่อมถอยจากศีลธรรมได้มาก

    การดับของเมืองลับแล ก็เป็นเช่นเดียวกับการเกิด คือจิตเปลี่ยนสภาพไปเฉย ๆ ด้วยบุญ การมาก็ด้วยบุญ การกลับก็ด้วยบุญ เมื่อถึงวาระแห่งการหมดกรรม จะรู้ได้ด้วยตนเอง คือ ปีติจะเกิดกับผู้ที่หมดกรรมหรือหมดวาระจากเมืองลับแลและเขาเหล่านั้นจะได้สู่ภพภูมิที่ตัวเองมา คือไปเป็นเทวดาเพื่อเสวยบุญต่อ ณ จุดที่ลงมา คือลงมาจากจุดไหนก็กลับคืนสู่จุดนั้น

    ในเรื่องของทรัพย์สมบัติของชาวเมืองลับแลนั้น เป็นด้ววยฤทธิ์ที่ติดตัวไปจากการเป็นเทวดา จะเกิดด้วยการเนรมิตอย่างหนึ่ง จะเกิดด้วยการรู้ที่ซ่อนขุมสมบัติอย่างหนึ่ง เพียงสองอย่างนี้ถ้ารู้ว่าควรให้ใครได้ก็สามารถให้ได้ เมื่อรู้ว่ามีทรัพย์อยู่ เช่น ดจรได้ปล้นเศรษฐีนำทรัพย์สมบัติมาซ่อนไว้ในถ้ำ ชาวเมืองลับแลรู้ที่ซ่อน เมือเศรษฐีนั้นเกิดที่ใดสมบัตินั้นก็ยังเป็นสิทธิ์ของเศรษฐะคนเดิมอย่างสุจริต เทวดาใด ๆ ก็สามารถมอบสมบัติคืนเจ้าของ หรือชาวเมืองลับแลย้ายไปไม่ให้คนชั่วหรือคนทั่วไปพบก็สามารถทำได้ แต่การที่จะทำอะไรสักอย่างต้องมีเหตุให้พึงกระทำตามความเหมาะสม มิใช่เป็นเบียดบังทรัพย์เพื่อตน อาจทำได้เพื่อเกิดประโยชน์ส่วนรวม แต่ยังไม่พบเหตุการณ์ที่ต้องกระทำเช่นนั้น แต่สมบัติของชาวเมืองลับแลมีแน่นอน แต่การมีไว้ซึ่งเพื่อเอาไว้บูชาพระถวายเป็นของส่วนรวมเก็บไว้เมื่อถึงคราวจำเป็นในการช่วยสร้างชาติ สร้างศาสนาให้เกิดความร่มเย็น

    เมื่อคราวถึงวันพระ ชาวเมืองลับแลจะมีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญฟังเทศน์ถือศีลสวดมนต์ภาวนา คนเมืองลับแลจึงมักชอบพระมาก โอกาสสัมผัสเมืองลับแลกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจึงเกิดขึ้นบ่อย ยิ่งเมื่อถึงวันพระจิตใจของมนุษย์หรือกิจกรรมในเมืองมนุษย์จักอบอวลด้วยบุญทานที่เกิดขึ้น ทำให้จิตมนุษยืกับจิตของคนเมืองลับแลสื่อกันได้ง่าย เพราะมนุษย์ก็มักรักษาศีลอุโบสถกันทุกๆ วันพระ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่การสื่อสารของมนุษย์และชาวเมืองลับแลสื่อสารกันได้ง่ายในวันพระ ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์ไม่ได้คาดคิดหรือตั้งใจไว้ก่อน และพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในวันพระของชาวเมืองลับแลนั้น เป็นเพราะว่า สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เปิดให้ชาวเมืองลับแลได้ขึ้นไปทำบุญแระกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การเวียนเทียน ในวันสำคัญทางศาสนา เพราะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นมีวัดอยู่ และทางเบื้องบนยังเล็งเห็นว่า ชาวเมืองชับแลนั้นยังมีสถานะความเป็นเทวดาอยู่ จึงสมควรได้รับความอนุเคราะห์ตรงส่วนนี้ เพราะในเมืองลับแลนั้นไม่มีวัดไม่มีพระ
    ซึ่งการขึ้นไปสู่วัดนั้น(ขอละสรรพนาม)ได้ตามดู เห็นชาวเมืองลับแลเดินกันไปสู่ภูเขาลูกหนึ่ง ที่เชิงเขามีบันไดเวียนไปทางขวาเพื่อขึ้นเขา บันได้นั้นเป็นบันไดแก้วเลื่อมพรายระยับตาดังสวรรค์เนรมิต ความกว้างยาวของบันไดเดินขึ้นได้พอดีความสูงพอประมาณตามขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อย การเดินเวียนขวาไปเรื่อย ๆ (ขอละสรรพนาม)ต้องขออนุญาตเทพพรหมทั้งหลายเพื่อขอให้วัตถุประสงค์สำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้แต่ต้น เพราะกลัวว่าการข้ามเขตเลยจากที่ขอไว้แต่ต้นของชาวเมืองลับแล และตอนนี้จะก้าวล่วงสู่สวรรค์นั้นก็เกรงว่าจะเป็นการก้าวล่วงสู่ที่สูง แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ สาเหตุที่(ขอละสรรพนาม)ขึ้นไปคงรู้ดี แต่ขอละไว้ในที่นี้ เพื่อจะสานเรื่องเมืองลับให้จบ
    บันไดที่ขึ้นไปสู่วัดแห่งนี้ช่างสวยงามวิจิตรตระการตาย่งเป็นลักษณะแก้วผลึกใส สีรุ้งเจิดจรัสเงาระยังเช่นเดียวกับประกายของเลื่อมเพชรประดับฉันนั้น
    และเมื่อขึ้นสู่ยอดเขา มองไปลักษณะเหมือนเมฆสีขาวนวล ซึ่งสบายตายิ่งนักชาวเมืองลับแลแต่งกายงามล้ำกว่าปกติทุกวัน นุ่งใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ สีสันสวยงดงามตา เครื่องประดับก็พอมีบ้างตามวิสัยชาวบ้าน บริเวณวัดงดงามเจริญหูเจิรญตาไม่มีที่ใดเหมือน โบสถ์หรือวิหารสุดตระการตา องค์พระปฏิมาล้วนแล้วเป็นทองทั้งองค์ ซุ้มประตูประดับประดาด้วยเพชรนิลแต่รัศมีที่เจิดจรัสนั้นแตกต่างกันกับโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง หรือที่เรียกว่า นพรัตน์ ซึ่งยากที่จะมีสิ่งใดเปรียบได้
    คนเมืองลับแลมีสิ่งของมาสักการะ เป็นดอกไม้ และอาหารทิพย์ เพียงเล็กน้อย ไม่มีข้าวของรุงรังเหมือนมนุษย์เราแต่ทุกคนมีความสุขเต็มเปี่ยมมีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานดีและความงามดั่งนางฟ้าและเทพบุตรราวกับว่าสภาพจิตของเขาทั้งหลายเปลี่ยนเข้าสู่สภาพเดิมจากภพภูมิที่พวกเขาจากมา

    ไว้พบกันใหม่นะคับ

    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Images</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>

    ไว้ต่อคราวหน้าแล้วกันนะคับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4658-61.jpg
      4658-61.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.4 KB
      เปิดดู:
      1,254
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2005
  2. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    รออ่านต่อนะคะ กำลังสนใจอยู่พอดี;)
     
  3. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจน่ะครับ เท่าที่ผมสัมผัสมา ถือว่าเล่าสู่กันฟังเล่นๆน่ะครับ

    คนเมืองลับแล หน้าตา จะคล้ายๆ มนุษย์เราน่ะครับ แต่โครงหน้า
    จะออกจะเป็นเหลี่ยมๆ ตามแบบคนโบราณน่ะครับ แล้วหูจะออก กางๆ
    ผิวพรรณจะ สวยงาม และละเอียดกว่ามนุษย์ปกติอย่างเห็นได้ชัดครับ

    ที่ปากประตูหน้าเมืองลับแล จะมีคนเฝ้าไว้
    ถ้าศีล 5 เราไม่บริสุทธ์ ถึงแม้กายเนื้อจะหลงเข้าไป
    หรือ มีกำลังสมาธิมากเพียงใดก็เข้าไม่ได้ครับ
    เพราะคนเฝ้าที่หน้าประตู จะไมให้เข้า
    เขาจะบอกตรงๆเลย ว่าศีลคุณไม่บริสุทธ์ ให้เข้าไปไมได้
    หรือถ้าคุณศีลบริสุทธ์ มีสิทธ์ที่จะเข้าไปได้ เขาก็จะถามคุณว่า จะเข้าไปทำไม?

    ปกติคนเมืองลับแล จะเกลียดการผิดศีลน่ะครับ
    พวกเขาเลยไม่ค่อยอยากคบหา สมาคมกับคนบนโลกสักเท่าไร

    เรื่องอาหาร พวกเขาก็ยังคงต้องทานกันอยู่ครับ
    ยังไม่ใช่อาหารทิพย์แบบเทวดาบนสวรรค์ซะทีเดียว
    ยังมีการปรุงอาหาร การตำน้ำพริก แบบชาวโลกกินกันอยู่น่ะครับ

    ส่วนเรื่องการเสพเยี่ยงมุนษย์ก็ยังมีอยู่น่ะครับ
    เท่าที่สัมผัสมา ชาวเมืองลับแล หรือบังบด ยังมีการเสพเรื่องพวกนี้อยู่

    ผู้หญิงที่นั้น จะโชว์หน้าอกไม่ใส่เสื้อเดิน และจะใส่แต่ท่อนล่างเป็นปกติ
    เพราะ ที่นั้น ถึงโชว์ยั่วอารมณ์แค่ไหน ปกติก็ไม่มีการผิดศีล 5 กันน่ะครับ
    เรื่องประพฤติผิดลุกเมียกัน ปกติที่นั่นไม่มี

    ถ้าใครผิดศีล 5 ความสว่างของตัวเองจะลดลง
    ก็จะโดนขับไล่ออกนอกเมืองเนื่องจากทุศีล

    ส่วนเรื่องการหลับนอน จะเป็นที่รวม เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ๆ
    เวลานอน จะแยก ซ้าย-ขวา เป็นฝั่งชาย กับฝั่งหญิง

    เวลาเย็นๆ ในเมืองลับแล จะมีการสวดมนต์ กันประจำ
    บางคาถา ก็เหมือนบนโลกมนุษย์ เช่น พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    ชินบัญชร ฯลฯ

    แต่บางบท บางคาถา ฟังรู้เรื่อง แต่เป็นคาถาที่ไม่เคยได้ยิน มาก่อนน่ะครับ
    เป็นภาษาแปลกๆ แต่ฟังแล้วจะเย็นสบาย เพลินหุดี


    มีเรื่องแปลกๆ มาเล่าให้ฟังนิดนึง
    ชาวลับแลจำนวนไม่น้อยน่ะครับ ที่แปลงมาในรุปของมนุษย์ มาสมัครเป็นลูกจ้าง
    ทำงานตาม โรงงาน หรือตามสถานที่ต่างๆ ปะปนกับคนปกติเป็นการชั่วคราวเพราะ
    ต้องการปัจจัย เอาไปทำบุญตามวัดวา ต่างๆ
    เช่นการทอดผ้าป่า หรือ ทอดกฐิน

    พอเสร็จสิ้นแล้ว ก็กลับเมืองลับแล ตามเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2005
  4. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ไม่ทราบว่าจะใช่คนลับแลหรือไม่ที่ญาติทางแม่ของขยมร่วมเรือนด้วยจนมีบุตรผีสองคน งานบวชพระผีแฝดสององค์ก้อจัดงานใหญ่มาก ชาวบ้านจะมองเห็นตอนกลางคืน ยายคนนี้ไม่ต้องทำงาน แต่มีเงินทอง ตอนนี้แก่แล้วค่ะ ถ้าอยากทราบเพิ่มจะถามน้าสาวให้ละเอียดกว่านี้เพราะเรื่องจริงมีพยาน
     
  5. คุณนายสุดแสบ

    คุณนายสุดแสบ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +2
    รออ่านต่อคะ
     
  6. ?????

    ????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +239
    ถ้าศีลบริสุทธิ์แล้วจะได้เจอมั้ยครับ แล้วจะเจอได้ที่ไหนของเมืองไทย ในป่าลึกๆเหรอครับ
     
  7. Des

    Des เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,264
    ค่าพลัง:
    +303
    ยายมาเล่าต่อด้วยน่ะค่
     
  8. A~MING

    A~MING เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,734
    ค่าพลัง:
    +1,730
    น่าสนุกๆๆ
     
  9. singhatonai

    singhatonai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +24
    ไม่ต้องไปในป่าลึกหรอกครับ แค่ อาศัยฌาณเป็นบาทเท่านั้น
    แต่ถ้า ศึลบริสุทธิ์จริง กำหนดจิตเอาสิครับ
     
  10. singhatonai

    singhatonai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +24
    ชาวเมืองลับแลไม่มีใช้หรอกครับ แต่อาศัยบุญฤทธิ์ที่ติดตัวมาจากภาพที่เป็นเทวดาแต่อาจถูกใช้ในทางจำกัด แต่ถ้าติดต่อสื่อสารส่วนมากจะใช้ หลักธรรมสากล ครับ จากจิตถึงจิต เช่นเดียวกับทุกภพ

    โพสท์เองตอบเองหมดเล้ย 55555555
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    คุยห้องลับดีกว่าเพราะคนที่เอ่ยถึงยังไม่ตายและไม่ได้ขอเค้าจะเป็นการละเมิดเกิดมีคนแห่ไปรบเร้าถามแกเข้า
     
  12. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    น่าเสียดายจัง
    นึกว่าจะหาเจอได้ตาม Webboard ซะอีก
     
  13. Arr

    Arr สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    น่าสนใจจังครับ คุณเคยไปมาหรือยังครับ ลองเล่าให้อ่านบ้างดิ
     
  14. ตถตา

    ตถตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +26
    พูดถึงเรื่องเมืองลับแล ไม่ทราบว่า มีใครเคยอ่านเรื่อง อยุธยาเมืองแลลับแห่งความหลังบ้าง ของ ท.เลียงพิบูลย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอยุธยาตอนเสียกรุงและมี เจ้าหลายองค์ไปสร้างเมืองลับแล เพื่อหนีสงคราม เขาบอกว่า เมืองลับแลสามารถสร้างได้ ด้วยของอาถรรพ์และพระเวทย์ ลองหาอ่านดูครับ
     
  15. ผู้เฒ่า

    ผู้เฒ่า สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +10
    สงสัย?????? ทำใมคนเมืองลับแลส่วนใหญ่จะเจอแถวอีสาน ทางใต้มีเจอกันหรือเปล่าใครมีข้อมูลบอกด้วย.....สงสัยนะค๊าบๆๆๆ
     
  16. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    อยากทราบว่าภาพที่ผมส่งให้นี้เป็นอะไร อานุภาพเป็นเช่นไร

    ท่านที่ทราบรบกวนอธิบายด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2723.JPG
      DSCN2723.JPG
      ขนาดไฟล์:
      54.4 KB
      เปิดดู:
      836
  17. singhatonai

    singhatonai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +24
    ผิดพลาดประการใดกราบขอขมาพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ และผู้รู้ทั้งหลายด้วยนะคับ

    ภาคใต้ก็มีเหมือนกัน แต่หลายท่านรวมถึงพระสุปฏิปนฺโนทั้งหลายได้พบนั้นจะพบเห็นทางภาคเหนือ และอิสานก็เพราะว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นถิ่นที่เจริญด้วยพุทธธรรมและจะเป็นสถานที่ที่ยังพระพุทธศาสนาให้อยู่ครบ 5000 ปีครับ ซึ่งดินแดนดังกล่าวได้แก่ ตั้งแต่ภาคกลางตอนล่างไล่ขึ้นไปถึง ภาคเหนือ อิสาน ล้ำเข้าไปในลาว พม่า รวมขึ้นไปถึงจีนบ้างบางส่วน แต่ที่เจริญมากที่สุดในอนาคตกาลข้างหน้าเห็นจะเป็นรอบ ๆ สามเหลี่ยมทองคำ และทางภาคอิสานตอนบนครับ
    สังเกตได้จากดินแดนดังกล่าวได้มีสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นสถูป เจดีย์ต่าง ๆ รอยพระพุทธบาท ฯลฯ ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้นพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ รวมถึงพระโคดมและสาวกได้เสด็จมายัง อาณาจักร "โคตรบูรณ"(ถ้าไม่ผิดนะคับ) แห่งนี้ และตรัสไว้กับสาวก "ดินแดนแห่งนี้จะยังพุทธศาสนาของเราตถาคตให้อยู่ครบถึง 5000 ปี"

    จริงเท็จประการใดสังเกตง่าย ๆ นะครับว่าทุกวันนี้ในประเทศอินเดียเป็นรากเหง้าของศาสนา แต่พุทธศาสนากลับมาเจริญรู่งเรืองตามดินแดนดังกล่าว และอีกอย่างในประเทศไทยเราเมื่อถึงเทศกาลสำคัญ ๆ ทางศาสนา ทุกคนจะหลั่งไหลขึ้นเหนือหรืออิสาน เพื่อทำบุญ
     
  18. ja

    ja บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อยากถามว่าชาวเมืองลับแลทำกรรมอะไรไว้ถึงได้ไปเกิดในเมืองลับแล และชาวลับแลมีลักษณะหน้าตาเป็นยังไงค่ะ
     
  19. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ทวีป น้อยใหญ่ ใน จักรวาล มี เป็น พันๆ หมื่นๆ เรื่องเมืองลับแล ต่าง มิติ ก็ น่าจะมี
     
  20. ธารตะวัน

    ธารตะวัน บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เราอ่านแล้ว(เมืองลับแล)เอามาจากหนังสือโลกลี้ลับใช่ป่าวววววว..................
     

แชร์หน้านี้

Loading...